...บทที่ ๑...
...กระบี่เหินฟ้า ๓...
ยามราตรีที่มืดมนและเหน็บหนาวคละคลุ้งไปด้วยเลือดจบสิ้นลง ร่างกายที่นั่งขัดสมาดไอเป็นเลือดออกมา เหยียนลี่เพิ่งใช้วิชากระบี่มายาไปหนำซ้ำยังอยู่ห่างกันมากจึงใช้พลังไปเยอะ เลือดสีแดงสดค่อยๆกลายเป็นสีเหลืองอ่อนแล้วจางหายเกิดเป็นดอกบัวสีเหลืองเรียงราย เหยียนลี่เหยียดยิ้มฝืนกายลุกขึ้นพิงกำแพงห้องพัก
เขามองหยดเลือดพวกนั้นแล้วพลันนึกถึงเรื่องราวที่เคยผ่านมา ลำธารสีสวยยังคงอยู่ในความทรงจำเสมอ เจ้าแคว้นกำกระบี่ในมือแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานก่อนจะข่มตาหลับกดข่มอาการบาดเจ็บ เขาสะบัดมือคราหนึ่งกระบี่ทั้งเล่มก็หายกลางอากาศก่อนจะขึ้นไปบนเตียงแล้ววางตาข่ายรอบห้องป้องกันภัยร้าย
แสงสีเหลืองอ่อนประกายวับก่อนจะค่อยๆจางลง เงาดำนั้นจึงค่อยๆล้มตัวนอนหลับไป
แสงยามเช้าอ่อนๆทอดผ่านบานหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท แสงแยงตาจนร่างผอมเพรียวนั้นต้องหยัดกายลุก พอนั่งขัดสมาดเหยียนลี่ก็รีบโคจรพลังภายในให้คงที่ แต่เนื่องจากปราณของเขาเบาบางจนสัมผัสได้เลือนลางจึงเกิดความยากลำบากเล็กน้อย
เหยียนลี่นั่งโคจรอยู่ราวหนึ่งชั่วยามร่างกายจึงค่อยๆดีขึ้น ดอกบัวเมื่อคืนหายไปหมดเเล้ว ร่างสูงโปร่งจึงแต่มแต้มใบหน้าด้วยสมุนไพรแปลงโฉมหน้าแล้วสวมหมวกสานอีกครั้งก่อนจะออกจากห้องไป สถานการณ์ของเมืองเชินดูย่ำแย่นักเมื่อผ่านพ้นวิกฤตคืนจันทร์สีเลือดมาได้
สองเท้าทอดน่องเดินไปทั่วเมืองเพื่อคำนวณความเสียหายและค่าชดเชย เห็นทีต้องไปทวงจากจอมมารเสียแล้ว
"ข้าหาได้ร่ำรวย คงต้องตามไปทวงจากเจ้าแล้วกระมั้งเถียนจิ้ง"
เหยียนลี่เดินลัดเลาะไปตามตรอกซอยน้อยใหญ่จนโผล่พ้นในทางลับทางหนึ่ง ปากทางเป็นโพรงไม้ใหญ่ๆที่ดูลึกลับยิ่ง ผู้เป็นเจ้าแคว้นเพียงประทับมือลงไปบนลำต้นที่กว้างขวางนั้นประตูบานหนึ่งก็ปรากฏออกมา ข้างในกลวงโหวเป็นทางเดินทะลุไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งแตกต่างจากเมืองมนุษย์โดยสิ้นเชิง
เพราะที่นี่คือเผ่าปีศาจ ดินแดนแห่งความสวยงามและดนตรีอันเป็นเลิศ
และในบริเวณเขตนี้เป็นพื้นที่ของเผ่าปีศาจค้างคาวที่ขึ้นชื่อเรื่องคำทำนาย เหยียนลี่เหลือบมองสถานที่แห่งหนึ่งตรงทางผ่านไปยังป่าขจี เรือนหลังเล็กยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิมแต่สิ่งที่แปลกไปคือป้ายหน้าเรือน
'ชิงหยวน'
"เนิ่นนานมาแล้วใยต้องอาลัย" เหยียนลี่ส่ายหน้าสลัดความคิดนั้นทิ้ง เขาทอดน่องเดินตามท้องถนนที่ผู้คนโชกโชนวุ่นวายมิต่างจากเมืองมนุษย์ แม้จะมีปีศาจบางตัวที่ยังกลายร่างมิได้แต่พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ล้วนสวมร่างมนุษย์มาอวดโฉมกัน ในท้องถนนแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยคนหน้าตาดีมีเสน่ห์
ผ่านตลาดทะลุไปยังป่าขจีเป้าหมายปลายทางของเขาคือยอดเขาขจี ผู้ทำนายดวงชะตา
ทว่ากว่าจะขึ้นถึงยอดเขาต้องผ่านด่านถึงสามด่านและแต่ละด่านก็หาได้ง่ายดาย เพราะด่านแรกก่อนผ่านจะต้องสู้กับค่ายกลค้างคาวแดง ค้างคาวพวกนี้จะสูบเลือดสูบเนื้อมนุษย์ แต่ด่านนี้ไม่ใช่ปัญหาเมื่อเลือดของเหยียนลี่ไม่ใช่เลือดธรรมดา ทว่าด่านที่สองเหมือนจะเป็นปีศาจหยูชวีเป็นค้างคาวหมื่นปีที่มีอนุภาครุนแรง จะสังหารก็ผิดกฏของยอดเขาขจีดังนั้นจึงต้องตะล่อมหลอกล่อให้มันกลับเข้าถ้ำเพื่อจะผ่านด่าน
และด่านสุดท้ายเหมือนจะเป็นค่ายกลขั้นบันไดที่ทอดยาวขึ้นสู่ยอดเขาขจี ทว่าปลายทางกลับมีเป็นร้อยเมื่อเลือกขั้นบันไดผิดและหากพลาดพลั้งอาจตกสู่บ่อโคลนของค้างคาวดินได้นั่นเท่ากับว่าเอาชีวิตไปทิ้งไว้เสียเปล่า
เหยียนลี่ก้าวขาไม่ออกเมื่อกำลังจะถึงค่ายกลค้างคาวแดง มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล สิ่งที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีอยู่กำลังเคลื่อนไหวมาทางเขา นัยน์ตาปีศาจมากมายกำลังจดจ้องมาที่ร่างกายของเขา กระบี่เรืองแสงถูกชักออกมาท่ามกลางสถานการณ์น่าหวั่นวิตกนี้ เพียงชั่วพริบตาหนอนปีศาจก็พุ่งออกมารุมร่างเขาเป็นหมื่นตัว
อีกด้านหนึ่งของยอดเขาขจี บุรุษหนุ่มสวมชุดแพรสีฟ้าผู้ที่มัดผมครึ่งหัวแล้วสวมกำไลสีขาวขุ่น ในมือถือเพียงภาพวาดของบุรุษผู้หนึ่งที่สวมชุดสีเหลือง ใบหน้าถูกปกปิดมิดชิดด้วยหมวกสานกับผ้าแพรเบาบางนั่น ในมือถือกระบี่ที่เปล่งลำแสงสว่างรูปร่างบอบบาง
ผู้ที่ถือภาพวาดลดมันลงม้วนเก็บไว้ดังเดิม สายตาพลันวูบไหวเล็กน้อยเมื่อเดินมาถึงเรือนเล็กๆหลังหนึ่ง เขาทอดมองป้ายหน้าเรือนแล้วขมวดคิ้วก่อนจะคลายออกมุ่งหน้าไปยังป่าขจี
ทว่าก้าวขาไปได้ไม่นานก็เห็นผู้ที่อยู่ในภาพวาดแสดงความสามารถอีกครั้ง วิชากระบี่เหินฟ้าถูกใช้ติดต่อกันถึงสามครั้ง เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหน้ากระตุกรับรู้ถึงภัยร้ายที่อีกฝ่ายเจอจึงรีบรุกไปช่วย เขาจึงจำต้องแปลงกายเป็นนกอินทรีแล้วโผยบินอย่างรวดเร็วไปยังด่านแรกของป่าขจี
เจ้าวิหคเร่งกลับร่างเป็นมนุษย์แล้วซัดเกราะคุ้มกันไว้ครอบคลุมร่างสูงโปร่งของบุรุษชุดเหลือง
"ขอบคุณ" เหยียนลี่ที่ยืนหยัดด้วยปลายกระบี่เอ่ยขึ้นพร้อมทรุดลงชันเข่าหนึ่งข้าง กระบี่แทงพื้นดินไว้แน่นคล้ายเจ้าของจะหมดแรง เจ้าวิหคเห็นดังนั้นจึงรีบถ่ายโอนพลังปราณเข้าร่างที่ชันเข่าอยู่นั้น ทว่ากลับมีพลังบางอย่างสะท้อนกลับคืนมาใส่เขาราวกับถูกพลังซัดหน้า
"ปราณของเจ้าวิหคดูแล้วคงสูงส่งเกินกว่าร่างกายอันต่ำต้อยของข้าจะรับไหว"
"หุบปากเจ้าเสีย นรกอยู่ตรงหน้ายังจะมาปากดีใส่ข้าอีกหรือ" น้ำเสียงเรียบนิ่งเยือกเย็นดุจธารน้ำแข็งตอบกลับทันที เจ้าวิหคไม่รีรอรีบจัดการกับหนอนปีศาจที่ปล่อยตัวอ่อนบินโปรยผงพิษไปทั่วบริเวณ แต่กลับถูกลำแสงสีฟ้าทลายจนสิ้น
ดอกบัวสีฟ้าสลับขาวลอยลิ่วร่วงลงมารอบกายคนทั้งสอง ปราณบริสุทธิ์ขุมหนึ่งถูกดึงออกมาใช้ฟาดใส่ศัตรูจนนิ่งค้าง มือกระบี่หยัดกายลุกแหงนหน้ามองหนอนปีศาจที่ถูกสกด เขาเอามือทาบอกตนเองแน่นเมื่อก้อนเนื้อข้างในบีบตัวแรงอีกครั้ง
เจ้าวิหคหันมองคนด้านข้างแล้วขมวดคิ้ว ดูท่ามือกระบี่ผู้นี้จะบาดเจ็บหนักกว่าที่เขาคิด
"ลงมือสิ" เจ้าวิหคพยักหน้าเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายเรียกกระบี่ของตนออกมา จำได้ว่าเขาใช้มันครั้งสุดท้ายเมื่อพันปีที่แล้วแต่พอหยิบจับแล้วกระบวนท่าก็พลันแล่นมาเอง กวัดแกว่งเพียงสามกระบวนท่าหนอนปีศาจก็ถูกหั่นเป็นสองท่อนเรียงรายบนพื้น มือกระบี่ลอบจดจำท่วงท่าทุกกระบวนไว้ในสมองอย่างเงียบๆ
และเพียงเสี้ยวลมหายใจกระบี่หยกงามสีฟ้าอ่อนก็กลายเป็นละอองฝุ่นไป เจ้าวิหคเดินเข้ามาใกล้ๆมือกระบี่เพื่อจะตรวจชีพจรแต่อีกฝ่ายกลับก้าวถอย "อย่าเข้ามาใกล้ข้า" คำห้ามปรามคล้ายมิเป็นผลเมื่อเจ้าวิหคไม่เคยอยู่ใต้บัญชาใครมาก่อน เขายื่นมือไปจับแขนตรวจชีพจรของมือกระบี่โดยไม่สนใจเรื่องมารยาท
ในวินาทีนั้นเหยียนลี่แทบทรุดลงพื้นเมื่อกลิ่นกายรุนแรงขึ้น เขาอยากบอกเลยเกินว่าเขาพ่ายแพ้ต่อกลิ่นนี้ของเจ้าวิหค
"ดูท่าเจ้าคงจะต้องพักผ่อนเสีย.."
"ไม่ ข้าจะขึ้นยอดเขา" มือกระบี่สลัดมือเจ้าวิหคทิ้งแล้วเรียกเก็บกระบี่ เขากำลังจะลุกแต่เมื่อวิหคหนุ่มยืนอยู่ใกล้ๆกลับทำให้เหยียนลี่ลุกไม่ขึ้น พลังบางอย่างกำลังกดทับเขาและขับเคลื่อนให้ก้อนเนื้อข้างในบีบแน่นยิ่งขึ้น
"ทำหน้าเช่นนั้นทำไม?" เหยียนลี่สบตาเจ้าวิหคที่มองเขาแล้วขมวดคิ้วไม่หาย
"เหมือนเจ้าจะลุกไม่ไหว" สิ้นคำกล่าวร่างสูงก็ชันเข่าลงข้างหนึ่งกำลังจะพยุงมือกระบี่แต่กลับโดนปัดป้องด้วยแรงอันน้อยนิด เหยียนลี่ไม่ทันทัดท้วงทั้งร่างก็หมดแรงเสียก่อนเจ้าวิหคจึงเปลี่ยนจากพยุงเป็นอุ้มเขาขึ้นอย่างสบายๆ บุรุษอุ้มบุรุษใยจึงเป็นเรื่องที่น่าขันยิ่งนักสำหรับมือกระบี่มายาเยี่ยงเขา
เจ้าวิหคเหาะเหินโดยอาศัยการเหยียบกลีบบัวไปเรื่อยๆจนถึงปากทางด่านแรก เจ้าวิหคก็หาที่พักให้พวกเขาก่อนจะผนึกปากถ้ำไว้ป้องกันภัย หรืออีกทางก็คือป้องกันเหยียนลี่หนี
ช่างสรรหายิ่งนัก สมแล้วที่จะไม่เหลือใคร หยิ่งทะนงเกินงามผู้คนต่างหมั่นไส้
"ปากแข็งแต่กลับยังใช้มัน เด็กน้อยเสียจริงไอ้ลูกนก"
เหลียนลี่นั่งบ่นเมื่อร่างกายฟื้นตัวขึ้นจากเดิมด้วยความเย็นของถ้ำ และเจ้าวิหคที่หายไปตั้งแต่กักขังเขาไว้ เหยียนลี่เลยใช้โอกาสนี้นั่งคิดหาวิธีที่จะไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บจนเลือดตกยางออก มิเช่นนั้นความลับอาจมิใช่ความลับอีกต่อไป
เพราะหากดอกบัวสีเหลืองปรากฏบัวสีฟ้าผู้นั้นคงไม่แคล้วจำต้องสงสัยเขาเป็นแน่
ใครต่างก็รู้ว่ามีเพียงเทพวิปลาสที่จะมีวิชาบัวหมื่นเหล่ากับฝนบัวทิพย์ และทั่วทั้งสามโลกย่อมรู้เป็นหนึ่งว่าเทพผู้นี้มีศิษย์สามคน หนึ่งอ่อนโยนงดงาม หนึ่งร้อนรุ่มดั่งไฟ และอีกหนึ่งเยือกเย็นปานน้ำแข็ง ทว่ากลับมิมีผู้ใดทราบว่าแท้จริงแล้วใบหน้าของเทพวิปลาสเป็นเช่นไร หรือมีศษย์จริงๆทั้งหมดกี่คน แต่สิ่งเดียวที่ผู้คนทราบก็คงจะเป็นเรื่องที่ว่าเทพผู้นี้หายสาปสูญไปกับบ่อบัวสวรรค์เมื่อพันปีก่อน
จึงเหลือเพียงศิษย์สามคน แต่ตกตายไปแล้วหนึ่ง ทั่วหล้ารับรู้ว่าเมื่อห้าร้อยปีก่อนจ้าวซานอิงศิษย์เอกของเทพวิปลาสถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ เนื่องจากคำทำนายว่าเขาจะเป็นผู้ทำลายสามโลกให้สูญสิ้น และนั่นก็ดันกลายเป็นคำทำนายเดียวกันกับอาจารย์ของเขาที่สาปสูญไปเมื่อพันปีก่อน
เจ้าวิหคโกรธถึงขั้นพังสวรรค์ จอมมารคลั่งจนโลกมนุษย์เดือดร้อน
เหยียนลี่นึกถึงครั้งอดีตแล้วแค่นหัวเราะ เนิ่นนานมาแล้วถึงห้าร้อยปีบุรุษสองผู้นั้นก็ยังคงเหมือนเดิม กัดกันเก่งยิ่งกว่าสนุขบ้านเสียอีก
"กลิ่นนี้มัน..สวรรค์ยังลงโทษข้าไม่พออีกหรือเนี่ย" หัวใจเริ่มบีบแน่นอีกครั้ง
กลิ่นกายอันเยือกเย็นกำลังมุ่งมาทางเขา เหยียนลี่รีบพยุงกายกระถกหนีห่างจากร่างสูงที่มุ่งตรงมา เจ้าวิหคหรี่ตาเฉียงขึ้นทอดมองมือกระบี่ที่พยายามเว้นระยะห่าง ความองอาจตอนตบกระบาลจอมมารหายไปสิ้นเหลือเพียงมนุษย์ตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัว
แต่สิ่งที่สงสัยก็คือคือเขาในตอนนี้เขาดูน่ากลัวมากกระนั้นหรือ?
"กลัวข้าหรือ?" เหยียนลี่ส่ายหน้า
"ข้าเพียงต้องการพื้นที่ส่วนตัวในการโคจรพลัง ขอท่านเจ้าวิหคโปรดอย่าเข้ามาใกล้"
"ข้ามิใคร่จะเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน"
"ท่านมิเคยได้ยินหรือว่าข้าวิปลาสเพียงใด" เจ้าวิหคครุ่นคิดแล้วก็ยอมถอยออกแต่โดยดี หัวใจที่บีบแน่นกลับมาเต้นตามปกติ เลือดลมโคจรได้สะดวกยิ่งขึ้นเมื่อกลิ่นกายเย็นเยือกนั้นจางลง
เหยียนลี่นั่งโคจรพลังตามความจริงและตามมาด้วยการลอบมองเจ้าวิหคที่นั่งนิ่งหลับตาราวรูปปั้นเป็นระยะ แข็งกระด้างราวหินผา เยือกเย็นดังก้อนน้ำแข็ง คำนี้ยังคงบรรยายเกี่ยวกับเจ้าวิหคผู้นี้ได้ครอบคลุมเช่นเคย บรรยากาศเริ่มร้อนระอุเมื่อจู่ๆเจ้าวิหคก็ใช้พลังจุดไฟขึ้นในถ้ำที่หนาวเหน็บนี้
เหมือนจะลืมไปเสียสนิทว่าจุดไฟแรงขนาดนี้ในถ้ำที่ประตูถูกปิดจะเป็นการรมควันและเผาพวกเขาทั้งเป็น ใยเจ้าวิหคจึงสิ้นคิดยิ่งนัก
"ดับก่อนดีรึไม่ อีกไม่กี่เค่อท่านอาจเป็นนกย่างส่วนข้าคงเป็นซากมนุษย์"
"ร้อนหรือ?" ไม่ตอบแต่กลับถาม เหยียนลี่กุมขมับอยากหลั่งน้ำตาออกมาดับไฟพวกนี้ให้สิ้นลง เผื่อเจ้าวิหคจะรับรู้ว่าเขารู้สึกเช่นไร!
"ท่านคงลืมกระมั้งว่าที่นี่ปิดตาย"
"แล้ว?"
"ท่านเคยอยู่ในถ้ำหรือไม่" อีกฝ่ายนิ่งคิดแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะเอ่ยปากบอกอย่างภาคภูมิใจว่า "ปกติข้าอยู่บนเขาสูง ต้นไม้ และพื้นหญ้ากับท้องนภา"
แปะ เหยียนลี่ตบกระบาลตนเองหนึ่งทีแล้วรีบถ่ายพลังบางอย่างออกมาดับไฟกองนี้ แต่คนดื้อด้านอย่างเจ้าวิหคกลับกระแอมไอออกมาเมื่อไม่ว่าเขาจะดับอย่างไรไฟก็มิยอมดับ เหยียนลี่มองผู้ที่ลูบคางตัวเองแก้เขินแล้วยิ้มๆผิดวิสัยของก้อนน้ำแข็งเดินได้ดังเดิมก็ต้องเตรียมใจไว้ ชะตากรรมของเขาต้องย่ำแย่เป็นแน่
"แม้แต่ข้ายังดับมันมิได้เลย เพราะมันมีอายุตั้ง.." เขานับนิ้วของตนไปเรื่อยๆจนถึงนิ้วที่หกแล้วจึงค่อยๆพูดต่อว่า "สิบสองชั่วยาม หากครบกำหนดมันย่อมจะดับเอง"
"หงจวิ้นเฉิง! เจ้ามันตัวบัดซบจริงๆ!!" มือกระบี่หมดความอดทนอีกต่อไปจึงตะโกนด่าเจ้าวิหคออกไปเสียงดังจนถ้ำสั่นสะเทือน
สิบสองชั่วยามเขาคงต้องไปกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เพราะแค่ชั่วยามเดียวก็คงโดนรมควันตายแล้ว เจ้าวิหคสมองทื่อหรือเพียงอยากกลั่นแกล้งเขากันแน่! เหยียนลี่คาดโทษผู้กระทำผิดไว้แต่มีหรือก้อนน้ำแข็งจะสั่นสะเทือน
น้ำแข็งก็น้ำแข็งเถอะ รนไฟเสียหน่อยเดี๋ยวก็เหลวเป็นน้ำอยู่ดี!
นักเขียน : ก้อนน้ำแข็งน่ารักมาก>< คาแร็คเตอร์ของเจ้าวิหคนั้น ใช่ค่ะ เขาเป็นเพียงก้อนน้ำแข็งที่แข็งทื่อฉลาดเรื่องต่างๆขาดสนเพียงทักษะชีวิต
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments