.
.
.
-- 17:02 –
เสียงออดดังขึ้นเหมือนอย่างทุกวัน เด็กๆต่างเก็บของเข้ากระเป๋าและเดินทางกลับบ้าน
วิวาห์ : การันต์! กลับบ้านด้วยกันเถอะ
การันต์ : อืม...
...เวลานี้เขาต้องดีใจที่ได้กลับบ้านไม่ใช่เหรอ ทำไม...
‘อยากอยู่ต่อจัง... อยากอยู่กับวิวาห์’
วิวาห์ : หือ? ทำหน้าอะไรของการันต์อะ
การันต์ : อ...เปล่านี่ มันดูแปลกเหรอ
วิวาห์: อื้อ การันต์ทำหน้าอย่างกับเด็กโดนบังคับกินยาเลย ฮ่าๆๆ
การันต์ : ....
การันต์ยืนมองอีกคนที่ยืนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างๆ ‘รอยยิ้ม.. อยากถ่ายรูปเก็บเอาไว้จัง..’
วิวาห์ : ป่ะ!กลับบ้านกันเถอะ! .ยื่นมือ
การันต์ : .มอง
การันต์ที่เห็นแบบนั้นจึงตีมืออีกคนแรงๆแล้วรีบเดินออกมาจากห้อง
วิวาห์ : อ๊ะ!! เจ็บบบบ อะไรกันเล่าการันต์! รังเกียจมือเราเหรอ .เบะ
การันต์ : ..ไม่
เพราะเขากำลังเขินต่างหาก! ไอ้เด็กบ้านี่ ถึงจะอายุมากกว่าก็ไม่ยอมหรอก
วิวาห์ : การันต์หน้าแดงแล้ววว .ยิ้มแฉ่ง
การันต์ : …หุบปาก
วิวาห์ : การันต์หยาบคาย!
การันต์ : นายมันกวนประสาท .เดินหนี
วิวาห์ : ..ห๊า!..ก็ไม่เห็นต้องพูดขนาดนั้นเลยนี่!.วิ่งตาม
แสงพระอาทิตย์ส่องกระทบให้เห็นเด็กชายเดินริมสะพานข้ามแม่น้ำอย่างทุรักทุเร เพราะเด็กอีกคนที่คอยหยอกล้อเขาตลอดทางเดิน
วิวาห์ : การันต์ การบ้านวันนี้ยากมากเลย
การันต์ : ไม่เห็นจะยากตรงไหน
วิวาห์ : ก็การันต์เรียนเก่งการันต์ก็พูดได้สิ
การันต์ : ที่ทำได้เพราะฟังครูไม่ใช่รึไง
วิวาห์ : ก็เราไม่ได้ฟังอะ!
การันต์ : แล้วทำไมถึงไม่ฟังเล่า
วิวาห์ : ก็เพราะการันต์นั่นแหละ!
การันต์ : ห๊า? ฉันผิดงั้นเหรอ
วิวาห์ : ก็ใช่น่ะสิ!
การันต์ : ว่าไงนะ ฉันผิดอะไร!
วิวาห์ : ก็การันต์ไม่ยอมคุยกับเราอะ! ถามอะไรก็ไม่ตอบ! การันต์ทำให้เราไม่ตั้งใจเรียน!
การันต์ : เป็นบ้าเหรอ!ประโยคนั้นฉันต้องพูดต่างหาก
วิวาห์ : อะระ! อะระๆๆ
การันต์ : นายไม่ใช่รึไงที่เอาแต่นั่งบ่นนู่นนี่จนฉันไม่มีสมาธิเรียนน่ะ!
วิวาห์ : นี่การันต์หาว่าเราพูดมากเหรอ!
การันต์ : ยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ!
วิวาห์ : การันต์พูด!
การันต์ : ไม่ได้พูดซักหน่อย!
วิวาห์ : พูด!การันต์พูด! การันต์หยาบคาย!
การันต์ : ไม่ได้พูด!
วิวาห์ : ฮื้อออ! การันต์พูด!
การันต์ : ไม่--!?
มือเล็กตะครุบเข้าที่ปากของการันต์ ใบหน้าสีน้ำผึ้งเริ่มแดงระเรื่อ ริมฝีปากเล็กขบเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง ‘วิวาห์โมโหจนหน้าแดงเลย..’
วิวาห์ : ย..อย่ามาเถียงเรานะ ไม่งั้นเราจะโกรธการันต์
การันต์ : .... .มองมืออีกคน
วิวาห์ : ...แหะ .ค่อยๆชักมือออก
การันต์ : ...แย่แล้ว
วิวาห์ : หือ?
การันต์ : จะหกโมงเย็นแล้ว..
วิวาห์ : ..ล..แล้วไงอะ?
การันต์ : ชิ…วิ่งเร็วเข้า!
ไม่ทันที่วิวาห์จะตั้งตัว มือของเขาก็โดนกระชากให้วิ่งตามโดยคนตัวเล็กกว่า
วิวาห์ :ด..เดี๋ยว เดี๋ยวสิ! ช้าๆได้มั้ยยย
การันต์ : เงียบไปเลย เพราะนายเอาแต่เถียงฉันเราถึงต้องวิ่งแบบนี้!
วิวาห์ : ฮ..แฮ่ก การันต์ก็ด้วยนี่! ย๊าาาาาาา!
การันต์ : น่าไม่อายจริงๆ
วิวาห์ : ..ชิ!
.
.
.
-- ป้ายรถบัส –
วิวาห์ : แฮ่ก..แฮ่ก.. การันต์..เราจะยืนไม่ไหวแล้วนะ..
ใบหน้าแดงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ผมหน้าม้าเปียกชื้น ริมฝีปากอวบอิ่มเบ้ออกพลางพร่ำบ่นด้วยเสียงที่แหบพร่าง
การันต์ : ..ทนหน่อยนะ..
วิวาห์ : ฮื้ออออออ เหนื่อยแล้วอะ เหนื่อยยยยยย
การันต์ยืนมองอีกคนที่ทิ้งตัวนั่งเหยียดขาลงบนพื้นแล้วเตะอากาศอย่างหงุดหงิด
การันต์ : ทำอะไรน่ะ.. ลุกขึ้นมาได้แล้ว .ดึงแขนอีกคน
วิวาห์ : ฮือออ ไม่ๆๆๆ ขาเราจะหักอยู่แล้ว .ดิ้น .ทุบขาตัวเองเบาๆ
ไม่นานนักรถบัสก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดข้างหน้าพวกเขา
การันต์ : เฮ้อ.. ลุกขึ้น รถบัสมาแล้ว .ยื่นมือ
วิวาห์ : อะ.. มาแล้วเหรอ .จับมืออีกคน .ลุกขึ้นปัดก้น
ทั้งคู่รีบวิ่งขึ้นรถบัสทันทีที่ประตูเปิด รถบัสที่วันนี้ไม่มีคนเนื่องจากนี่เป็นรถรอบสุดท้ายแล้ว การันต์ตรงเข้าไปนั่งเบาะท้ายสุดเหมือนทุกวัน
วิวาห์ : การันต์ ทำไมถึงไม่นั่งเบาะหน้าล่ะ?
วิวาห์ที่เดินตามหลังมาเอ่ยปากถาม ในเมื่อที่นั่งออกจะเยอะแยะ ทำไมถึงเลือกที่แบบนั้นกัน
การันต์ : ........
ดวงตาสีแดงเหลือบมองอีกคน ก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาอุดหูอย่างไม่ใส่ใจนัก
วิวาห์ : ...ย่าห์!นี่เมินกันเหรอ...ฝากไว้ก่อนเถอะ ฮึ่ยย!
การันต์ : .........
วิวาห์ : ... .เบ้ปาก .เดินไปนั่งข้างๆอีกคน
ตลอดทางบนรถบัส การันต์นั่งฟังเพลงเงียบๆ ในขณะที่อีกคนพูดบ่นเรื่องของตนไม่หยุด แม้จะไม่มีใครโต้ตอบ ก็ดีกว่าให้ทนนั่งเหงาปากนั่นแหละนะ
การันต์ : ........
เวลาผ่านไประยะหนึ่ง เสียงเจื้อยแจ้วข้างตัวการันต์ก็เริ่มแผ่วเบาลง จนมันเงียบไปในที่สุด
ฟุบ..
ร่างกายการันต์นิ่งไปสักพัก เมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงมายังบ่าของตน เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงน่ารำคาญนั่นหลับไปซะแล้ว ให้ตายสิ ขนาดนอนยังเบียดเบียนคนอื่นอีก.. ปากเล็กยกยิ้มบางๆ กระชับเอวอีกคนมาชิดมากขึ้น ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับบทเพลง
.
.
.
Baby, it just took one hit of you
Now I'm addicted
ที่รัก สัมผัสที่คุณสัมผัสฉัน
ตอนนี้ ฉันเสพติดมันแล้ว
You never know what's missing
Till you get everything you needed
คุณไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรหายไป
จนกว่าคุณจะต้องการสิ่งนั้น
.
.
.
มือขาวซีดบีบกระชับมือเล็กของอีกคนไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะหายไป
‘อุ่นจัง....’
.
.
.
I don't wanna run away just wanna make your day
When you feel the world is on your shoulders
ฉันไม่อยากหนีอีกต่อไปแล้ว ฉันแค่อยากทำให้คุณมีความสุข
เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกแบกโลกไว้ทั้งใบ
I don't wanna make it worse just wanna make us work
Baby, tell me, I will do whatever
ฉันจะไม่ทำให้มันแย่ลง ฉันอยากให้เราก้าวผ่านมันไป
ที่รัก บอกฉันมา ฉันจะทำทุกอย่างเลย
.
.
.
เสียงดนตรีที่ดังก้องในหูไม่ได้ทำให้เขาตื่นเต้นได้เท่ากับเสียงลมหายใจของอีกคนเลย... อุณหภูมิในตัวของเด็กชายเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก สติที่เริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทรมาณ... แต่มีความสุขจัง
การันต์ : …It feels like nobody ever knew me until you knew me... (มันเหมือนราวกับว่าไม่มีใครรู้จักฉัน จนกระทั่งได้พบคุณ)
.
:Feels like nobody ever loved me until you loved me
เหมือนกับไม่มีใครรักฉันได้มากเท่าที่คุณรัก
.
การันต์ : Feels like nobody ever touched me until you touched me… (เหมือนกับไม่มีใครเคยสัมผัสฉัน จนกระทั่งคุณได้สัมผัส)
.
.
Baby, nobody, nobody until you…
ที่รัก ไม่มีใครเลย จนกระทั่งได้พบคุณ..
.
.
.
.
“วิวาห์ ต้องลงแล้วนะ...ตื่นเถอะ”
วิวาห์ : อือ...
การันต์ : ตื่นได้แล้ว.. ถึงป้ายรถบัสแล้ว
วิวาห์ :............
การันต์ : ....วิวาห์!
วิวาห์ : กรี๊ด!!!... อ..ก..การันต์
การันต์ : ...ตื่นซักทีนะ ลงได้แล้ว .ดึงอีกคนลงจากรสบัส
รถบัสเคลื่อนออกไปแล้ว เหลือเพียงเด็กสองคนที่ยืนนิ่งอยู่กับที่
วิวาห์ : .... .ขยี้ตา
การันต์ : ตื่นรึยัง
วิวาห์ : อือ.. .พยักหน้า
การันต์ : ถึงบ้านก็อย่าลืมทำการบ้านด้วยล่ะ
วิวาห์ : อือ .พยักหน้า
การันต์ : จำได้รึเปล่าว่าการบ้านมีอะไรบ้าง
วิวาห์ : ...คณิตศาสตร์ แล้วก็..แล้วก็..
การันต์ : ....ภาษาอังกฤษ
วิวาห์ : ..นั่นแหละ! ภาษาอังกฤษไงล่ะ ฮี่ๆ
การันต์ : เฮ้อ... งั้นแยกกันตรงนี้ละกันนะ
วิวาห์ : ..อ..อื้อ .พยักหน้า
ร่างขาวหันหลังและเดินออกห่างจากอีกคน
วิวาห์ : ..การันต์!!!
เสียงใสตะโกนขึ้นทำเอาเจ้าของชื่อรีบหันกลับมามอง
การันต์ : ....
วิวาห์ : ฝันดีนะ ฮี่^^.ยิ้มกว้าง
การันต์ : ..อืม ฝันดี .ยิ้มบาง
.
.
.
การันต์ : ...ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่...
การันต์ยืนมองวิวาห์ที่ตอนนี้อีกคนก็ดูงุนงงเช่นเดียวกันกับเขา
วิวาห์ : ..เอ๊ะ..เอ๊ะ? ...เอ๊ะ!?
เด็กสองคนยืนมองหน้าบ้านของอีกฝ่ายสลับกับบ้านตัวเอง ทำไมมันถึงอยู่ติดกันเลยล่ะ!
การันต์ : ....
“การันต์..”
หญิงสาวผมบลอนด์จับลอนสวยเดินออกมาพร้อมกอดหอมลูกชายอันเป็นที่รัก
ดอกไม้ : กลับมาแล้วเหรอลูก ทำไมวันนี้กลับช้าจังคะ หืม
การันต์: ..พอดีได้ขึ้นบัสรอบสุดท้ายน่ะครับหม่าม๊า
ดอกไม้ : หิวมั้ยคะ ม๊าเตรียมมื้อเย็นอยู่พอดีเลย.. อ่าว หนูเป็นคนที่ย้ายเข้ามาใหม่เหรอจ๊ะ .ยิ้มหวาน
วิวาห์ : ..เอ่อ..ครับ เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อวานนี้..
ดอกไม้ : หืม งั้นก็คงอยู่โรงเรียนเดียวกันกับการันต์สินะเนี่ย ชื่ออะไรเอ่ย
วิวาห์ : ครับ!ผมชื่อวิวาห์ เป็นเพื่อนกับการันต์เองครับ ฮี่ๆ
วิวาห์เดินไปกอดคอการันต์พร้อมส่งยิ้มรูปสี่เหลี่ยมให้หญิงสาว
ดอกไม้ : ฮ่าๆๆ ดีจังเลยนะการันต์
การันต์ : ....
วิวาห์ : .หันไปยิ้มให้การันต์
ดอกไม้ : เอาล่ะๆ เด็กๆควรพักผ่อน หนูวิวาห์เข้าบ้านได้แล้วนะ ว่างๆมาเที่ยวเล่นบ้านน้าบ้างนะจ๊ะ
วิวาห์ : ครับ!ไปนะการันต์! .ยิ้มกว้าง .โบกมือให้การันต์
ดอกไม้ : ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ อยู่ข้างๆกันมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ
วิวาห์ : ขอบคุณนะครับคุณน้า.. ฝันดีนะการันต์!
หญิงสาวยืนมองประตูรั้วปิดลงพร้อมร่างวิวาห์ที่วิ่งเข้าบ้าน ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูในสายตาเธอยิ่งนัก
ดอกไม้ : น่ารักนะว่ามั้ย?
ผู้เป็นแม่พูดขึ้นพลางหันไปหาลูกชายตัวเล็ก..
การันต์ : ..ครับ .ยิ้มบาง
ดอกไม้ : หืม...น่ารักเหรอ? .กลั้นขำ
การันต์ : ...!!
การันต์ที่รู้ตัวว่าโดนแกล้งก็รีบหันไปมองคาดโทษกับแม่ของตน ที่ตอนนี้ยืนกลั้นขำจนไหล่โยก
การันต์ : ม๊า..
ปากเล็กเอ่ยเรียกผู้เป็นแม่เบาๆ ใบหน้าขาวแดงลามไปถึงใบหู ใจสั่นมือสั่นจนทำอะไรไม่ถูก กิริยาตอบสนองของการันต์ยิ่งทำให้ดอกไม้กลั้นขำไว้แทบไม่ได้
ไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายเธอจะมีมุมนี้
การันต์ : ม๊า... ผมหิวแล้วนะ..
ดอกไม้ : ฮึก..โอเคๆ ฮ่าๆ เข้าบ้านกันค่ะ .ยิ้มขำ
การันต์ : ....
ทั้งสองคนจูงมือกันเข้าบ้าน ร่วมทานอาหารกันพร้อมหน้าพร้อมตา สนทนาเรื่องราวต่างๆ ภายในคฤหาสน์หรูที่เงียบสงบ...
ในชีวิตการันต์มีพร้อมทุกอย่าง ขาดเพียงแต่ผู้รู้ใจเท่านั้น หากตอนนี้เขาเชื่อว่า...เขาได้เจอคนผู้นั้นแล้ว...
.
.
.
--- จบตอน ---
//อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขอโทษที่สาปสูญหายไปนานมากเลยนะครับ หวังว่ายังไม่มีใครติดป้ายไรท์หายใช่มั้ยครับ
ตอนนี้จะเผยให้เห็นว่าการันต์เป็นคนที่แข็งนอกอ่อนในนะครับ แม้จะดูเป็นคนที่แข็งทื่อ แต่ภายในนั้นอ่อนแอมากๆ อย่างที่เนื้อเพลงบอกนะครับว่า It feels like nobody ever knew me until you knew me (มันเหมือนราวกับว่าไม่มีใครรู้จักฉัน จนกระทั่งได้พบคุณ) ท่อนนี้ไรท์นำมาใช้เพื่อสื่อความว่า ไม่เคยมีใครรู้จักการันต์ จนกระทั่งวันที่วิวาห์ได้เข้ามาทำความรู้จักกับการันต์ วิวาห์เลยเป็นคนแรกของทุกเรื่องสำหรับน้องการันต์เลย แน่นอนว่าเรื่องของหัวใจก็เช่นกันครับ
ตอนนี้ไรท์อยากให้ผู้อ่านเปิดเพลงนี้คลอเบาๆนะครับ
https://www.youtube.com/watch?v\=07mXegIHcIs
ลิ้งค์เนื้อเพลงครับ
https://minimore.com/b/uwL0z/13
.
.
เอ็นดูน้องการันต์และวิวาห์เยอะๆนะครับ .ปาดน้ำตา
กว่าต้นฉบับจะอัพ.😂
ต้นฉบับบอกมาไงก็ลองทำตามเนอะๆ.😁😂
(fcต้นฉบับค่ะ.!!💗)
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
เลิกนิสัยตอแหลนะพวกแรด🙄🙄🙄🙄
แข็งนอกอ่อนในคำนี้มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้นะ😅😅😅
2021-01-04
0
MANOOD😊
แอด ต้นฉบับอ่านได้ที่ไหนอ่าาาา😇
2020-12-20
2
เซฮาย
ลืมเรื่องนี้แล้วแหะ
2020-12-03
2