“อ๊ากกกก!!”
เสียงผู้เฒ่าฟาเอลร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดทุรนทุราย ขณะที่หมอหลวงประจำวังวูฟกำลังราดน้ำสมุนไพรล้างแผลสด ผู้เฒ่าดิ้นไปมา มือและขาถูกมัดไว้กับเตียงผู้ป่วย ดูจากอาการแล้ว ไม่เคยมีใครในดินแดนที่ได้รับความสาหัสเพียงนี้ สีหน้าของหมอหลวงไม่ค่อยสู้ดีนักจึงตัดสินใจออกไปรายงานราชาวูฟที่รออยู่ข้างนอก
“ฝ่าบาท อาการของผู้เฒ่าไม่สู้ดีเลยพะยะค่ะ” หมอหลวงก้มหน้างุดตัวสั่นเล็กน้อย ในดินแดนวูฟทุกคนต่างรู้ดีว่าหากราชาทรงกริ้วแล้วมีเพียง 2 ทางให้เลือกคือ ตายหรือถูกทรมาน
“อย่างไรรึ!!” ราชาวูฟตวาดลั่น
“เอ่อ..คือ แผลของผู้เฒ่าไม่สามารถสมานได้เองเหมือนปกติ แผลกลับเขียวช้ำเหมือน..กำลังจะเน่า หากเป็นอย่างนี้หม่อมฉันคิดว่า..อั่ก!!” แผ่นหลังของหมอหลวงกระแทกผนังอย่างแรง ไม่นานเท้าก็ลอยขึ้นจากพื้น ราชาวูฟบีบคอหมอหลวงพร้อมยกขึ้นด้วยพละกำลังที่มีมหาศาล
“เจ้าคิดจะปล่อยให้องครักษ์ของข้าและของราชาองค์ก่อนตายอย่างนั้นรึ!!” ดวงตาสีแดงฉานจ้องอย่างโหดเหี้ยม เพียงเขาออกแรงบีบเพิ่มอีกนิดเดียวก็สามารถปลิดชีพหมอหลวงขี้ขลาดผู้นี้ได้แล้ว
“มิ..บัง..อาจ..พะยะค่ะ...อั่ก!!”
โครม!!
หมอหลวงถูกโยนไปอีกมุม ข้าวของรอบข้างแตกหักกระจุยกระจาย ราชาวูฟเดินเข้าไปก่อนจะควักดาบเขี้ยวหมาป่าที่เป็นอาวุธร้ายแรงประจำกายออกมาจ่อที่คอหมอหลวง
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เจ้าต้องรักษาชีวิตฟาเอลให้รอด แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า..ไป!!” สิ้นเสียงไล่ หมอหลวงรีบผุดลุกแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องพยาบาลด้วยความกลัว
“ไอ้พวกโง่เง่า”
สุดท้ายการรักษาของผู้เฒ่าฟาเอลคือต้องตัดขาขวาทิ้งแล้วใช้นักโทษที่เป็นชาวเวทมนต์ เสกท่อนไม้ให้เป็นขาปลอม แต่ขานั้นไม่สามารถใช้การได้ดีเท่าขาจริง ถ้าหากไม่ตัดสินใจตัดขาทิ้ง เวทมนต์ที่ติดมากับคมดาบสัมฤทธิ์ของซีฟรานจะทำให้ขาของผู้เฒ่าฟาเอลเน่าเปื่อย ลามไปเรื่อยๆจนทั่วร่างและตายในไม่ช้า
“ฟาเอล” ราชาวูฟเดินเข้าไปหาผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ว่ายังต้องนอนพักรักษาแผลอยู่สักพัก
“ฝ่าบาท” ผู้เฒ่าฟาเอลยันกายเพื่อจะลุกขึ้นนั่ง เขาบีบเปลือกตาเพราะความเจ็บปวดที่ขาแล่นจี๊ด
“ไม่ต้องๆ นอนอยู่เฉยๆ อย่าเพิ่งขยับ” ราชาวูฟกดไหล่ทั้งสองของผู้ป่วยให้นอนลง
“หม่อมฉันขอประทานอภัย ที่จัดการพวกมันไม่ได้”
“ช่างมันเถอะฟาเอล ไม่ว่ายังไงชาวเวทมนต์จะต้องตกเป็นทาสของวูฟอีกไม่ช้า ข้าจะต้องพาท่านพ่อท่านแม่กลับมาให้ได้” ดวงตาสีแดงฉายความโกรธแค้น
“หม่อมฉันสัญญาว่า หม่อมฉันจะทำความปรารถนาของฝ่าบาทให้สำเร็จจงได้”
ราชาวูฟไม่พูดอะไร เขาเพียงยิ้มมุมปากเชิงขอบคุณ ครู่หนึ่งเขาก็คิดอะไรออก
“จริงสิ ข้าไปรู้มาว่าบนโลกมนุษย์มียาที่ดีเยี่ยม และทำให้แผลหายเร็วขึ้น ข้าคิดว่าข้าจะไปหามารักษาเจ้า”
“ฝ่าบาทจะไปด้วยตัวเองหรือพะยะค่ะ” ผู้เฒ่าฟาเอลย่นคิ้ว
“ใช่”
“ไม่ได้พะยะค่ะ บนโลกมนุษย์มีข่ายเวทมนต์ของพวกมันร่ายคลุมไว้หลายแห่ง หากฝ่าบาทบังเอิญหลุดเข้าไปในข่ายเวทมนต์นั่น พวกมันต้องจัดการกับฝ่าบาทแน่ โดยเฉพาะไอ้องครักษ์จองหองนั่น
“ซีฟรานน่ะรึ..หึ!! ข้าไม่มีทางยอมให้มันจับได้หรอก มันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”
“แต่ถึงอย่างไร..” ไม่ทันที่ผู้เฒ่าจะพูดจบราชาวูฟก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“เจ้าคิดว่าข้าจะโง่ให้พวกมันจับได้ง่ายๆรึ!”
“ไม่ใช่อย่างนั้นพะยะค่ะ”
“ข้าจะไป เจ้าจะขวางข้าอย่างนั้นรึ!” ตวัดสายตาดุดัน
“มิบังอาจพะยะค่ะ” ผู้เฒ่าตอบเสียงค่อยพร้อมลอบถอนหายใจด้วยความจำยอม
...ไม่เคยมีใครขวางได้ หากต้องการสิ่งใด...
ราชาวูฟเดินทางเข้าไปในป่าอีกครั้งเพื่อหาช่องข้ามมิติทะลุไปยังโลกมนุษย์ การเดินทางในครั้งนี้ไร้ซึ่งผู้ติดตาม ความมืดมิดความวังเวงของป่า เขาเองหาได้กลัวไม่ ราชาวูฟได้กลายร่างเป็นหมาป่าเพื่อความรวดเร็วในการเดินทางที่สะดวกกว่าร่างมนุษย์ สิ่งมีชีวิตต่างรีบหนีเอาตัวรอดเมื่อรู้ว่าราชาแห่งวูฟที่โหดเหี้ยมกำลังจะผ่านมา
ทันใดนั้นราชาวูฟได้ลดความเร็วฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าปริศนาที่อยู่ไม่ไกลมาก เขาสัมผัสด้วยประสาทจมูกก่อนจะหาที่ซ่อนเพื่อเตรียมตะครุบเหยื่อ
...กลิ่นชาวเวทมนต์...
เล็บอันแหลมคมกางออกเตรียมพร้อม ได้อิ่มท้องก่อนไปโลกมนุษย์ก็ดีเหมือนกัน เพราะหากจะฆ่าใครสักคนในโลกมนุษย์นั้นต้องระวังในหลายเรื่อง
เสียงฝีเท้าที่เหยียบบนเศษใบไม้แห้งดังเข้ามาเรื่อยๆพร้อมกลิ่นที่ชัดมากขึ้น ครั้นราชาวูฟเห็นว่าได้จังหวะจึงพุ่งตัวเข้าใส่เหยื่อด้วยความรวดเร็วดุจแสง
อั่ก!!
เหยื่อล้มกระแทกพื้น ทว่ารีบม้วนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตั้งหลักอย่างมีสติ ส่วนราชาวูฟกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง หมายจะจัดการด้วยเขี้ยวอันแหลมคมเสีย พลันต้องชะงักเมื่อปลายดาบจ่อมาที่ใบหน้าของเขา
...ดาบปิ่น...
“ถอยไปนะ! ไม่อย่างนั้นข้าฆ่าเจ้าแน่” หญิงสาวร่างเล็ก เจ้าของเรือนผมนุ่มสีน้ำตาลแดงดัดลอนหลวมยาวระดับเอว ดวงตาของเธอสวยงามน่าหลงใหล อีกทั้งยังมีพลังอีกด้วย
ราชาวูฟนิ่งงันยอมถอยอย่างง่ายดาย ปลายดาบยังชี้มาที่เขา เธอล้วงหยิบบางอย่างออกจากถุงผ้าเนื้อหยาบก่อนจะโยนซากกระต่ายที่ตายแล้วให้เขา
“กินซะเจ้าหมาป่า ข้าแค่ผ่านมา” พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินหนีไป
หมับ!!
“กรี๊ด!!” เธอกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเอวของเธอถูกพันธนาการไว้ ราชาวูฟกลายร่างเป็นมนุษย์ก่อนรีบรั้งตัวเธอจากข้างหลัง หญิงสาวพยายามดิ้นให้หลุด หากหลุดเมื่อไหร่ ไอ้หมาป่าไร้มารยาทตัวนี้ได้ตายด้วยน้ำมือเธอเป็นแน่ ทว่าพลันหยุดดิ้น นิ่งงัน ดวงตาคู่สวยโพลงโตเมื่อศัตรูกดคางไปที่ไหล่มนของเธออย่างโหยหาพร้อมกระชับกอดให้แน่กว่าเดิม
“ฟีเรเฟีย” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกับเธอผู้นี้เสมอ...ไม่เคยเปลี่ยน
องค์หญิงฟีเรเฟียปัดมือของเขาออกก่อนจะหมุนตัวกลับไปดูให้ชัดว่าใช่คนที่เธอคิดไว้หรือเปล่า
“ราชาวูฟ” เสียงเอ่ยเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน สายตาที่วูบไหวของเธอแสดงออกมาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายตาที่แข็งกร้าว
“บังเอิญจริงๆที่ได้มาพบเจ้า” ราชาวูฟเหยียดยิ้มดีใจ
“ช่างโชคร้ายจริงๆที่ได้มาพบเจ้า...ราชาวูฟ” ท้ายประโยคเอ่ยประชดประชัน
...ราชาวูฟ ที่โหดเหี้ยม อยากจะฆ่าใครก็สามารถฆ่าได้ตามอำเภอใจ... เธอย้ำเตือนกับตัวเอง
“ไม่เอาน่าฟีเรเฟีย” ราชาวูฟขยับตัวเข้าไปหา แต่ต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อปลายดาบชี้จ่อมาที่คออีกครั้ง ดาบปิ่นขององค์หญิงรัชทายาทแห่งโอกอน ทุกคนต่างรู้ดีหากหมาป่าตัวไหนถูกคมดาบนี้แม้เพียงเล็กน้อยร่างจะสลายไปทันที
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า” เธอจ้องจิกสายตามองเขาโดยไม่กะพริบ
“ข้าไม่ทำร้ายเจ้า” ราชาวูฟขยับได้แค่ริมฝีปาก
“หึ! อย่างนั้นรึ แล้วเมื่อครู่ล่ะ เรียกว่าทำร้ายหรือเปล่า”
“ข้าไม่รู้ว่าเป็นเจ้า ข้าจะทำร้ายคนที่ข้า ‘รัก’ ได้อย่างไร”
“หุบปาก!! ช่วยระวังคำพูดของเจ้าด้วย..ราชาวูฟ เจ้าอย่าลืมว่าข้า...ข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว” แต่ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ องค์หญิงฟีเรเฟียได้รู้สึกว่าเธอฝืนใจที่พูดคำนี้เสียจริง แววตาของราชาวูฟหม่นแสงเมื่อได้ฟังถ้อยคำที่บาดใจ แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อของเธอได้หมั้นหมายไว้กับใคร
“ซีฟรานไม่ได้รักเจ้า ข้าดูออก”
“แต่ซีฟรานปกป้องข้าได้” องค์หญิงฟีเรเฟียเว้นประโยคก่อนจะฝืนใจพูดต่อ
“ปกป้องข้าจากหมาป่าที่โหดร้ายอย่างเจ้า”
“ไม่นะฟีเรเฟีย เจ้าเข้าใจผิด” ราชาวูฟขมวดคิ้วแล้วขยับเข้ามาอีกแต่ก็ถูกปลายดาบจ่อเข้าไปใกล้อีกจนแทบสัมผัสบริเวณคอหอยอยู่แล้ว
“อย่าเข้ามา!!”
ดวงตาของราชาวูฟแสดงออกว่ากำลังน้อยใจและเสียใจ เขาไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น ยกเว้นเธอ
“ไหนเจ้าเคยสัญญา..” ไม่ทันได้พูดจบประโยค หญิงสาวก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“ไม่มีสัญญาอีกต่อไป” เธอจ้องเขาด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ซึ่งสวนทางกับสายตาของผู้ถูกจ้องจิกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อยู่ๆหัวใจขององค์หญิงฟีเรเฟียรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาเสียดื้อๆ เธอชักดาบกลับแล้วย่อดาบให้เล็กลงเป็นปิ่นปักผมที่ดูธรรมดา จากนั้นจึงก้าวเท้าเดินหนีไป
...ข้าเกลียดสายตาแบบนี้ของเจ้า ราชาวูฟ ..และข้าก็เกลียดตัวเองนักที่เผลอใจอ่อนให้เจ้า...
“เจ้าจะไปที่ใดรึ” เขารีบรั้ง องค์หญิงฟีเรเฟียหยุดฝีเท้า
“อย่าคิดตามข้ามา” เธอพูดโดยไม่หันกลับไปมอง จากนั้นทุกอย่างในระยะใกล้ถูกองค์หญิงฟีเรเฟียร่ายมนต์ใส่ล้วนกลายเป็นหินรวมถึงราชาวูฟ เขาขยับได้เพียงลูกตาเท่านั้น เมื่อทุกอย่างแข็งอยู่กับที่ เขาพยายามขยับตัว อยากรีบตามไปใจจะขาด แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงมององค์หญิงเดินจากไป
...เจ้าใจร้ายกับข้ามาก ฟีเรเฟีย...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments