หลินหลางเทียนยอดคนพลิกโลก

หลินหลางเทียนยอดคนพลิกโลก

ปฐมบท

…….การเดินหมากก็เหมือนกับชีวิตคน พลาดครั้งเดียวก็อาจหมายถึงชีวิต จึงมีคนมักจะเปรียบเปรยเช่นนี้อยู่ สถานการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ หรือว่าจะเป็นตนเองก็ไม่เเปลกเลยเเม้เเต่น้อย

……. เพราะว่าเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เขากำลังเจอกับตนเองเลย

ชายหนุ่มผมสีดำยาวเผยรอยยิ้มเเห้งๆ เมื่อกลับไปมองดูกองเอกสารที่พะเนินเทินทึกเบื้องหน้า เหงื่อสีขาวใสไหลย้อยจากใบหน้าสู่ลําคอก่อนจะไหลต่อไปเรื่อยๆ ความรู้สึกกดดันกำลังเเผ่ซ่านจากกองเอกสารที่อยู่ตรงหน้า

เขาคิดว่ามันช่วยไม่ได้ที่บริษัทปิดเพราะไวรัส แต่ว่าไหงงานที่น่าจะมีคนอื่นช่วยทำด้วย กลับมีเเต่ตนเองเพียงลําพังละ?

บริษัทของเขาเป็นบริษัทผลิตอาวุธรายใหญ่ในประเทศ เป็นอาชีพที่ค่อนข้างได้เงินเดือนดีทีเดียวละ ส่วนหน้าที่ของเขา เป็นแผนกออกแบบอาวุธ แม้จะมีวันดีคืนดีที่ตนเองต้องเข้าไปช่วยในแผนกผลิตบ้างเป็นครั้งคราวก็ตาม

ตนเองเริ่มลงมือจัดการกองเอกสารตรงหน้าที่เล็กทีละน้อย เพียงไม่กี่นาทีแผ่นแรกก็เสร็จเเละเริ่มเขียนเเผ่นต่อไปทันที ต้องขอขอบคุณประสบการณ์ภาคสนามจริงๆ ไม่เช่นนั้นมีหวังเขาได้หืดขึ้นคอแน่

“ เราเป็นกำแพงด่านสุดท้ายอย่างนั้นหรอขำไม่ออกจริงๆแฮะ"

เขายกยิ้มที่มุมปากอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะลงมือคิดและเขียนต่อ คุณเกิดจากผลงานของเขาที่ทำงานตั้งแต่เข้าบริษัทมาละมั้ง สภาพเจียนตายเป็นสิ่งที่เห็นอยู่ได้เป็นปกติ จนเขาที่เป็นหน้าใหม่เมื่อปีที่แล้วยังชิน

 ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาหรือเปล่านะ แต่หลังจากที่เขาเข้ามางานอะไรต่างๆมันก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี งานน้อยใหญ่ที่สามารถช่วยได้เขาก็จะช่วย ถึงจะไม่ค่อยมีโบนัสติดปลายนวมให้เลยก็เถอะ แต่หากไม่ช่วยมันก็ส่งผลมาถึงตนเองเหมือนกัน

หลินหลางเทียนมิใช่คนโง่งม ที่เห็นเงินเป็นทุกสิ่งจนปิดหูปิดตาเหมือนหลายคน ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีว่าตอนนั้นได้ทำผิดอย่างใหญ่หลวงไปแล้ว ไม่อาจกลับไปแก้ไขได้

เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบที่ว่ามาขึ้น ตนเองจึงระลึกไว้เสมอว่าอย่าได้คิดตื้นๆป็นอันขาด

ในขณะที่ช่วงเวลาแห่งการทำงานกำลังดำเนินต่อไป เสียงเคาะประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น ทําให้หลินหลางเทียนต้องตื่นจากภวังค์ความคิด

“อื้อ เข้ามาได้เลย”

หลินหลางเทียนร้องบอก โดยไม่ได้ถามว่าเป็นใคร หากมาในเวลาแบบนี้ก็พอเดาได้

“….เอาข้าวมาให้ครับ”

เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ฟังดูเย็นชาเสียจนเหมือนมาจากขั้วโลกเหนือ เเต่ก็ฟังออกว่าเป็นใคร เเม้ไม่ต้องหันไปหลินหลางเทียน ก็รู้เเก่ใจว่าเป็นเสียงของ 'ซิ่งเสอ' พนักงานฝึกหัดที่มาฝึกกับตนเอง เพื่อรอบริษัทเปิด

“วางไว้ตรงนี้นะครับ”

ซิ่งเสอวางถุงใส่อาหารลงข้างๆโต๊ะทํางานของหลินหลางเทียน

“โอ้ขอบคุณนะ….”

เขากล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม แตกต่างจากอีกฝ่ายนึงที่หน้ามุ่ย ที่เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง กระนั้นเขาก็ไม่คิดจะว่าอะไร ซิ่งเสออยู่กับเขามาเกือบเดือน จึงรู้นิสัยใจคอของเจ้าตัวระดับหนึ่ง

ใบหน้านิ่งสงบเสียจนเป็นใบหน้าของปลาตาย อันกำลังจัดแจงเอกสารต่างๆอยู่บนโซฟา

เขามองดูเจ้าตัวอยู่สักพักนึงก่ก่อนพลางคิด เจ้าตัวดูจะมีการพัฒนาเรื่องความปฏิสัมพันธ์ขึ้นมาหน่อยละมั้ง เมื่อลองนึกย้อนไปตอนที่เจอเจ้าตัวใหม่ๆ นิสัยเป็นหนักกว่านี้เยอะ เเทบไม่พูดไม่จาอะไรเลย

หลินหลางเทียนเเบมือขึ้น มองดูอย่างเหนื่อย….. เห็นทีจะไม่ถึงห้าประโยคต่อวันละมั้ง จะบอกว่านับนิ้วได้เลยคงไม่แปลก

“ซิ่งเสอเอานี่ไปตรวจดูทีนะ"

 แม้จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่เรื่องที่ว่าเจ้าตัวเป็นผู้ช่วยที่ดีมากนั้นไม่อาจปฏิเสธได้เลย

“……”

 ซิ่งเสอพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับก่อนจะรับมา โดยมีดวงตาว่าอีกเเล้วของหลินหลางเทียนมองส่ง เจ้าตัวไม่ได้พูดอะไรอย่างที่คิด รับไปอย่างเงียบๆเหมือนทุกที

“….ช่างเถอะ”

หลินหลางเทียนถอนหายใจออกมาฝืดใหญ่ ต่อความเย็นละเยือกของซิ่งเสอ ก่อนจะหันมาดูเอกสารในมือตนอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากนั้นภายในห้องก็เกิดบรรยากาศที่เงียบสงัดขึ้น เงียบเสียจนได้ยินเสียงแมลงวันบิน…..

“ขอบคุณ..”

“……”

เขาขอบคุณซิ่งเสอที่ยกกาแฟมาให้พลางยกขึ้นดื่ม

“อื้ออร่อยมากเลยละ”

“……..”

ไม่พูดไรเหมือนเคย พลางเดินไปทํางานต่อ

บางที แค่บางทีก็ได้เจ้าตัวอาจเป็นคนเอาใจคนอื่นเก่งเกินคาด เขายิ้มขึ้น วันดีคืนดีมีแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน….

เวลาแบบนี้มันก็ไม่เลวนัก…

หลินหลางเทียนพลางอมยิ้มอย่างอบอุ่น แม้จะไม่ได้ห้อมล้อมด้วยความสุขทุกประการ แต่ความสุขน้อยๆแค่นี้ก็เกินพอสำหรับนักวิศวกรเช่นตน ซิ่งเสอเองก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน

   ……. เขาคิดว่ากวางตกเช่นนี้คงอยู่อีกยาวนาน แต่แท้จริงแล้วความทุกข์นั้นอยู่บนเส้นด้ายที่พร้อมจะขาดไม่ขาดแหร่ตลอดเวลา

ลมหนาวเปล่าเปลี่ยวพัดเข้าหาท้องทุ่งกว้างที่มีแท่งหินนับพันยืนตะหง่าน…

 เขาไม่อาจทำใจยอมรับ แต่กระนั้นก็มีแต่ต้องทำใจยอมว่ามันเป็นเรื่องจริง ที่ไม่อาจจะหนีพ้นได้ เบื้องหน้าของตนเองที่ยืนอยู่คือหลุมศพของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง…..ซิ่งเสอ

หลังจากในวันนั้นผ่านไปได้สองถึงสามเดือน เขาก็ได้ข่าวร้ายที่ไม่อยากได้ยินมากที่สุด..ซิ่งเสอติดเชื้อไวรัสร้ายแรง จนสิ้นใจตายคาโรงพยาบาลของเมืองเสิ้นโจ ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีลางบอกก่อนหน้า

 เขานึกย้อนกลับไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนพบว่าเจ้าตัวนั้นขอลาออกจากการทำงาน โดยเจ้าตัวบอกเหตุผลแก่ตนเองว่าได้งานที่ดีกว่าแล้ว จึงขอตัวตอนนั้นเลย แน่นอนว่าตนลองโทรไปเค้นถามกับเจ้าตัวก่อนแล้ว แต่เจ้าตัวบอกปัดบ้างหรือวางสายไปบ้างอะไรบ้าง 

จนท้ายที่สุดก็มารู้ความจริงเมื่อวาน……วันที่ซิ่งเสอสิ้นลมหายใจ

“ ไปจริงๆแล้วอย่างนั้นเหรอ ซิ่งเสอ”

 ทำไมถึงไม่เคยฉุกคิดกันนะ ทำไมกัน…..หลินหลางเทียนกําหมัดในมือตนเองแน่น ต่อความโง่เขาเบาปัญญาของตนเองที่เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ ทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่ความผิดที่จะว่ากล่าวตนเองได้แท้ๆ ก่อนจะคลายมือออกทางคุกเข่าลง….

“ ขอโทษที่ฉันมาไม่ทันกาลนะ เพื่อนเอ๋ย”

ไม่มีคำพูดอื่นใดนอกจากนี้อีกแล้ว เม็ดหยดน้ำสีใสค่อยๆร่วงหล่น แต่หาให้น้ำตาแห่งความเศร้าไม่ แต่เป็น น้ําทิพย์แห่งเมฆาที่โปรยสาทลงมาห่าใหญ่ ร่างกายของดินหลังเพียงนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมา แต่ก็ไม่ได้ไหวติงจากตรงนั้นแม้เพียงน้อย…

หลินหลางเทียนหลับตาลงเป็นเวลาหลายวินาที ก่อนที่จะพาร่างของตนเองลุกออกจากสถานที่แห่งนั้นด้วยแววตาสงบนิ่ง อยากจะบรรยายความรู้สึก

…….ฉันจะมาเยี่ยมอีกนะซิ่งเสอ

 เขาพูดกับตนเองเช่นนั้นในใจ แม้จะไม่รู้ว่าจะไปถึงอีกฝ่ายหรือเปล่าก็ตาม

 

 

 

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 2

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!