พ่อมดเเห่งอาณาจักรไวท์คาสเซิล

เอาล่ะมาถึงช่วงเวลาของคำถามประจำวันกันเเล้วนะคะ

หากจู่ๆ มีใครไม่รู้มาตกใส่ระเบียงบ้านของคุณ คุณจะทำอย่างไร

ข้อ ก. โทรหานายก

ข้อ ข. สั่งเเกรบฟู๊ด

ข้อ ค. ตีลังกาสองที

ข้อ ง. ทำหน้านิ่ง ๆ เเละอยู่เฉย ๆ ต่อไป

อืมม ยากเเหะ เลือกข้อ ง. เเล้วกัน

ไม่สิ ถ้าเกิดตายขึ้นมา งั้นห้องของฉันก็จะมีสมาชิกเพิ่มอีกน่ะสิ ไม่เอาดีกว่า

ก่อนอื่นก็พาหมอนี่ เข้ามาในห้องก่อนเเล้วกัน

วินาที ที่ฉันสัมผัสกับตัวของเขา ฉันก็รับรู้ได้ถึงความเย็นที่เเทรกผ่านฝ่ามือขึ้นมา

ตายเเล้ว? นั่นเป็นความคิดเเรกที่เเวบเข้ามาในหัวฉัน

ฉันค่อยๆ อุ้มร่างของคนผมดำตรงหน้าเข้ามาในห้อง ก่อนจะพาเขาลงนอนบนฟูกที่ฉันปูเอาไว้นอนเล่นในห้องรับเเขก

เอาล่ะขั้นเเรก จับชีพจรก่อน ฉันเอื้อมมือไปจับที่ซอกคอของคนตรงหน้า

ขาว...

ไม่ อย่าพึ่งคิดอะไรไร้สาระสิ ฉันส่ายหัวก่อนจะ เอื้อมมือไปสัมผัสกับจุดชีพจรบริเวณลำคอของคนตรงหน้า ซึ่งฉันก็ได้คำตอบเดียวกันกับที่คิดเอาไว้ตอนเเรก

ไม่มีชีพจร....

เนื้อตัวเย็นเฉียบ....

ชัดเจน...ตายเเล้วเเน่นอนเเบบร้อยเปอเซ็นต์

//เเถวนี้มีใบชุบชีวิตขายไหมนะ...//

ไม่สิ ที่นี่ไม่ใช่เกมซะหน่อย เเต่ถ้าหมอนี่มาตายที่ห้องฉันจริงๆ ฉันนี่เเหละจะเกม

จะทำยังไงดีนะ หรือจะต้องเเจ้งตำรวจ เอาเเบบนั้นเเล้วกัน

เมื่อฉันคิดได้เเบบนั้นฉันก็ทำการเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้อยู่ไม่ไกล

"!!! "ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ คนที่คิดว่าตายไปเเล้วดันคว้าเเขนของฉันเอาไว้ซะก่อน สัมผัสที่จับที่ข้อมือของฉันมันเย็นเฉียบ

//ผีหลอก....//

เป็นคำเดียวในหัวฉัน

มีบทสวดหรืออะไรที่พอจะนึกออกไหมนะ...

ในขณะที่ฉันกำลังทำหน้านิ่งเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี หมอนี่ก็ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าด้วยท่านั่งพับเพียบ ดวงตาสีฟ้าครามของเขาลืมขึ้น ก่อนจะจ้องมองมาที่ฉัน

ดวงตานุ่มลึกที่เปร่งประกายความใสซื่อออกมา

ทำไมถึงรู้สึกว่าหัวใจเต้นเเรงขึ้นนะ น่าเเปลก...

ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างนิ่งใส่กันอยู่ อีกฝ่ายก็เริ่มเอ่ยภาษามนุษย์ต่างดาวใส่ฉัน "@#$%^&* () +_"

อะไรอีกล่ะ... ชาวต่างชาติ?

เดี๋ยวนี้ชาวต่างชาติ ชอบมีงานอดิเรกเป็นการกระโดดใส่ระเบียงบ้านคนอื่นหรือไง ฉันคิดว่างานอดิเรกของฉันเเปลกเเล้วนะ ยังมีคนที่เเปลกกว่าฉันบนโลกนี้อยู่อีกเเหรอ

เขาพยายามพูดออกมาเรื่อยๆ เเต่พอฉันทำหน้าเรียบ ๆ ของฉันต่อไป หมอนี่ก็เข้าใจซะทีว่าฉันฟังที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง

เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่มือของเขาจะขยับไปมา ส่วนริมฝีปากของเขาก็พูดพึมพำภาษาเเปลก ๆ คล้ายกับบทสวด เเสงสีขาวสว่างปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของเขา มันเป็นลวดลายเเปลก ๆ คล้ายกับอักขระอะไรสักอย่าง

เเสงสว่างวาบปรากฏขึ้นที่ลำคอของเขา มันเป็นรอยสักสีขาวที่มีลวดลายเเปลกๆ ก่อนจะซึมหายไปใต้ผิวหนัง

ตาของฉันเบิกกว้างเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ เเต่ใบหน้าของฉันยังคงนิ่งเฉย

"พอจะฟังที่ผมพูดเข้าใจไหมครับ"เขามองมาที่ฉันก่อนจะเอ่ยขึ้น เสียงของเขามันฟังดูนุ่มนวลเเบบเเปลกๆ

"อือ"ฉันตอบรับพร้อมกับพยักหน้า

เขายิ้มออกมาด้วยใบหน้าสดใสก่อนจะเอ่ยเเนะนำตัวเอง "ผมชื่อว่าซันชายน์ครับ จะเรียกผมว่าซันก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักครับผม"เขาก้มหัวลงก่อนจะกราบลงไปกับพื้นด้วยท่ากราบเเบมือเเบบในหนังจีน

เดี๋ยวนะ นายดูละครมากไปหรือเปล่า หรือว่าเป็นพวกบ้าละครจักร ๆ วง ๆ เเต่ดูจากหน้าตาเเล้วก็ไม่น่าใช่นะ

ฉันเริ่มสังเกตฝ่ายตรงข้ามอย่างจริง ๆ จัง เขาเป็นผู้ชายผิวขาว ขาวเเบบขาวมาก ๆ จนเหมือนคนเป็นโรคผิวเผือกเลยล่ะ ร่างของเขามันดูขาวไปหมดจนฉันเเสบตา ดวงตาของเขาเป็นสีฟ้าครามที่ใสจนเหมือนมหาสมุทร ผมของเขาเป็นสีดำสนิท ดำจนดูราวกับน้ำหมึก

ชุดที่เขาใส่เป็นชุดคลุมยาวคล้ายกับพวกจอมเวทในพวกอนิเมะที่ฉันนอนดูเมื่อคืน ดูจากรูปร่างเเละหน้าตาเเล้วเขาน่าจะอายุไม่เกินเด็กมัธยมปลาย น่าจะสัก 17-18

ว่าเเต่เด็ก 18 ที่ไหนถึงได้มากระโดดใส่ระเบียงบ้านคนอื่นเล่นกัน...

"ผมเป็นพ่อมด เเห่งอาณาจักรไวท์คาสเซิล ต้องขอโทษที่หล่นลงมาตรงระเบียงบ้านของคุณนะครับ พอดีว่าประตูมิติของผมมันเปิดออกมาข้างบนระเบียงของคุณพอดี"

ชัดเลย...

ฉันได้คำตอบให้ตัวเองในใจ

ชุดประหลาด

สำเนียงการพูดประหลาด

สีตาประหลาด

ท่าทางประหลาดๆ

เป็นพวกจูนีเบียว [1] สินะ....

นายเองก็เป็นพวกที่ติดอยู่ในจินตนาการสินะ น่าสงสาร อายุยังน้อยเเท้ ๆ ไม่น่าเลย ๆ ฉันส่ายหัวไปมา ซึ่งก็ทำให้คนที่นั่งตรงหน้าของฉันต้องเอียงคอมองด้วยความสงสัย

เอาล่ะฉันว่าต้องเป็นเพราะหมอนี่หัวกระเเทกกับไทยากิเเน่ ๆ เลยสับสนระหว่างความจริงกับโลกในการ์ตูน

ก็เเบบนี้ล่ะนะ ความร้อนมักจะทำให้คนเป็นบ้า

เอาเป็นว่าพาหมอนี่ ไปหาหมอหรือไม่ก็ไปส่งตำรวจก่อนดีกว่า

ฉันพยักหน้ากับตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย ซึ่งฉันก็ต้องสะดุ้งจนเกือบหงายหลัง เมื่อใบหน้าของหมอนี่ดันยื่นเข้ามาซะใกล้กับใบหน้าของฉัน

เเววตาสีฟ้าครามของเขายังคงส่องประกายเเปลก ๆ อยู่เหมือนเดิม

คอนเทคเลนส์สมัยนี้ ลูกเล่นเยอะดีนะ

"อืมม ตำรวจนี่ หมายถึงคนที่คอยจับคนร้ายใช่ไหมครับ"ซันเอ่ยถามฉัน ด้วยใบหน้าซื่อๆ

//ก็จะว่าใช่ก็ใช่เเหละ เเต่จริงๆ ก็มีหลายหน้าที่นะ ตั้งด่าน สลายการชุมนุมหรือไม่ก็โปรโมทการท่องเที่ยวอะไรทำนองนั้น//

"การท่องเที่ยว? มันคืออะไรเหรอครับ"ดวงตากลมโตของเขายังคงเอ่ยถามต่อไปด้วยความสงสัย

//การท่องเที่ยวก็คือการเดินทางไปที่ต่าง ๆ เพื่อพักผ่อนไงล่ะ เเต่สำหรับฉันมันไม่ใช่เเบบนั้นหรอกนะ สำหรับฉันการท่องเที่ยวมันก็คือการทรมานร่างกายตัวเองรูปเเบบหนึ่งด้วยเเดดร้อน ๆ นั่นล่ะ//

"ทรมานตัวเองด้วยเเสงเเดด? เเต่ผมชอบเเสงเเดดนะครับ งั้นการท่องเที่ยวก็เป็นเรื่องที่ดีสินะครับ"

//ไม่ ให้ตายก็ไม่ ถ้าจะให้ฉันเดินท่องเที่ยวตากเเดดล่ะก็ ฉันยอมไปงานเเจกลายเซ็นยังดีซะกว่า...//

//เอ๋ เดี๋ยวนะ...//

//นี่ฉันเเค่คิดในใจไม่ใช่หรือไง ทำไมหมอนี่ถึงได้รู้ได้ล่ะ เกิดอะไรขึ้น//

//ฉันที่นิ่งเงียบมาตลอด โดยเเค่คิดในใจโต้ตอบกับหมอนี่มาเรื่อยๆ เเล้วไหง หมอนี่ถึงตอบได้กันล่ะ//

"อ่อ ที่มันเป็นเเบบนี้มันเป็นเพราะคาถา Connection น่ะครับ"ซันพูดเสียงซื่อ

"ห๊ะ? "ฉันส่งเสียงออกมาเป็นคำที่สองของบทสนทนา

"คาถา connection ครับ มันเป็นคาถาที่จะใช้เชื่อม ความคิด เเละความรู้สึกระหว่างคนสองคน ทั้งภาษา หรือความรู้ก็ส่งผ่านได้ทั้งหมดเลยครับ" ซันพูดพร้อมกับชี้ไปที่คอของฉัน ที่กำลังมีอักขระบางอย่างส่องเเสงอยู่

หืม ที่คอฉันก็มีเหรอเนี่ย

"เเต่เวทนี้มันมีข้อจำกัดอยู่ที่ว่ามันใช้ ได้เเค่ปีละครั้ง เเละมันก็เป็นคาถาระดับเก้าที่ใช้ยากมาก ๆ ผมคงจะใช้มันอีกไม่ได้สักพักเลยล่ะครับ"

เดี๋ยวก่อนนะ ฉันงงไปหมดเเล้ว เวทมนตร์? คาถา? อ่านใจ? นี่ฉันอยู่ในรายการล้อกันเล่นหรือเปล่ามีกล้องซ่อนอยู่ตรงนี้ไหมนะ

"กล้อง? เวทมนตร์ที่ใช้บันทึกความทรงจำของมนุษย์ใช่ไหมครับ ผมอยากเห็นจัง" ซันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ดวงตาสีฟ้าของเขามันเปล่งประกายออกมาไม่หยุด

"เดี๋ยว ก่อน นะ" ฉันเอ่ยพูดเป็นคำ ๆ ก่อนจะยื่นมือมาดันอีกฝ่ายที่ชอบเอาหน้าเข้ามาใกล้ให้ถอยห่างออกไป มืออีกข้างของฉันถูกยกขึ้นมานวดที่ขมับที่กำลังเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะกลองของชนเผ่าเเอฟริกาตอนใต้ ฉันสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะปล่อยมันออกมา "ฟู่"

//เอาล่ะ นายอ่านใจฉันได้สินะ// ฉันคิดในใจพร้อมกับหรี่ตาลง เพื่อจับสังเกตท่าทางของอีกฝ่าย

"ใช่ครับ"ซันพยักหน้าให้ฉัน

//ฉันคิดอะไรอยู่ในใจนายก็จะรู้ได้? //

"จริงๆ ก็ใช่ครับ เเต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่า การคิดในใจของคุณมันรุนเเรงเเค่ไหนด้วยล่ะครับ ถ้าไม่ได้ตั้งใจก็อาจจะเบามากจนผมเเทบไม่ได้ยินเหมือนกันครับ"

ลุกล้ำความคิดของคนอื่น มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ! ฉันลองทดสอบโดยการตะโกนออกมาในใจ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริง เพราะหมอนั่นทำหน้าปวดหูไปเเป๊ปหนึ่ง

"สรุป นาย คือ พ่อมด? "ฉันพูดออกเสียงเป็นคำ ๆ เพื่อเอ่ยถามหมอนั้น ฉันไม่ได้พูดเป็นคำยาว ๆ มาสักพักเเล้ว พอจะพูดก็รู้สึกติดขัดเเบบเเปลก ๆ เเหะ

เห้อ ความสามารถในการเข้าสังคมของเรานี่มันเข้าขั้นติดลบเลยนะ

"ใช่เเล้วครับ พ่อมด เเห่งอาณาจักรไวท์คาสเซิล ว่าเเต่คุณ....ชื่ออะไรเหรอครับ? " ซันเอียงคอเอ่ยถามฉัน

"ยูกิ"ฉันตอบเสียงเบา

"คุณยูกิสินะครับ อย่างที่ได้เเนะนำตัวไปผมชื่อว่าซันชายน์นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ"หมอนั้นที่กำลังนั่งพับเพียบอยู่ก็ก้มลงไปคารวะฉันอีกครั้ง

//นี่ฉันจะอายุสั้นไหมนะ เเต่ดูยังไงหมอนี่ก็ ดูอายุไม่น่าเยอะ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง//

"ผมคิดว่า เวลาของโลกนี้กับอาณาจักร ไวท์คาสเซิลไม่น่าจะเท่ากันนะครับ เพราะงั้นผมคงตอบไม่ได้เหมือนกันว่าผมอายุเท่าไหร่ถ้าเทียบกับอายุของคนที่นี่"

ลืมไปเลย ว่าหมอนี่อ่านใจได้

//อา เเล้วความเป็นส่วนตัวของฉันล่ะ...//

//อุตส่าห์คิดในใจเพราะว่าไม่มีใครรู้เเท้ๆ ...//

"คือ ต้องขอโทษด้วยนะครับ"ซันก้มหน้าลง หน้าของเขาดูหงอยๆ ไปเล็กน้อย

"ผมไม่มีวิธีอื่นอีกเเล้วที่จะสื่อสารกันได้ เพราะงั้นเลยต้องทำเเบบนี้น่ะครับ เพราะงั้นถ้าเกิดว่าผมอยู่ที่โลกนี้นานพอจนพอที่จะพูดภาษาของโลกนี้ได้คล่องด้วยตนเองได้เเล้ว ผมจะหาทางถอนคาถานี้ออกให้นะครับ"

//หาทางถอน? เเปลว่าถอนไม่ได้ง่ายๆ ? ฉันเอ่ยถามในใจ//

"ก็ใช่ครับ พอดีว่ามันเป็นมนต์คาถาระดับเก้าเพราะงั้น มันไม่ได้ร่ายได้ง่าย ๆ น่ะครับ ที่เห็นผมร่ายง่าย ๆ เพราะผมเตรียมคาถาไว้ล่วงหน้าเเล้ว เหลือเเค่เปิดใช้งาน เพราะงั้นการจะถอนมันก็เป็นเรื่องยากเอาเรื่องเลยล่ะครับ"

"ต้องขอโทษด้วยนะครับ"ซันก้มหัวลงขอโทษฉันอีกครั้ง จังหวะที่เขาเงยหน้าขึ้นมาเเววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

ฉันที่เห็นเขาทำหน้าเเบบนั้น ก็นิ่งไป (ถึงตลอดมาจะนิ่งอยู่เเล้วก็เถอะ)

อืม....

เอาเถอะ...ค่อยหาทางเเก้เอาเเล้วกัน

//ฉันยอมเชื่อก็ได้ว่านายเป็นพ่อมดจริงๆ แล้ว? นายมาทำอะไรที่ประเทศไทยล่ะ? //

//ไม่สินายมาโลกนี้ทำไมล่ะ? //

//จะมายึดครองโลก แบบที่พวกตัวร้ายเกรด B ชอบทำกันเหรอ//

"ตัวร้ายที่หวังจะยึดครองโลก? "ซันเอียงคอด้วยใบหน้าสงสัย

"อ่อ หมายถึงพวกนิยายที่คนบนโลกนี้ชอบเขียนขึ้นสินะครับ"

"ผมไม่ได้มาเพื่อทำอะไรเเบบนั้นหรอกครับ"ซันเอ่ยพร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธ

//นายไม่รู้จักคำว่าตำรวจ เเต่กลับรู้จักนิยายของโลกฉันเนี่ยนะ ย้อนเเย้งไปหรือเปล่า//

"คือว่า ที่อาณาจักรไวท์คาสเซิลน่ะครับ มีหอสมุดอยู่เเห่งหนึ่ง มันชื่อว่าหอสมุดจักรวาล ในนั้นจะรวบรวมเอาหนังสือจากทั่วทุกมิติเอาไว้น่ะครับ ซึ่งรวมถึงหนังสือต่าง ๆ ที่มีในโลกเเห่งนี้ด้วยครับ เเต่ด้วยความที่หนังสือมันมีจำนวนมหาศาลมาก ๆ ผมก็เลยไม่ได้อ่านหนังสือทุกเล่มของโลกใบนี้"

"เพราะงั้น มันก็เลยมีอะไรที่ผมไม่รู้เกี่ยวกับโลกนี้ อีกเยอะเลยล่ะครับ"

//ถ้านายไม่ได้มายึดครองโลก เเล้วมาที่โลกนี้ทำไมล่ะ...//

"อืม ท่านเเม่ของผม...ท่านเป็นคนของโลกนี้น่ะครับ"

"ท่านมักจะเล่าเรื่องราวหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับโลกนี้ให้ผมฟังบ่อย ๆ"

"เเล้วท่านก็บอกผมว่า ต่อให้อ่านหนังสือมากมายเเค่ไหน มันก็เทียบไม่ได้กับการได้ไปยังสถานที่เเห่งนั้นจริง ๆ "

"ผมก็เลยอยากจะมาเห็นโลกใบนี้ด้วยตาของตัวเองน่ะครับ"

"เเล้วก็...."สายตาของซันหันไปมองนอกห้อง ดูเหมือนว่าหิมะจะไม่ได้ตกเเล้ว ท้องฟ้าเดือนเมษายังคงเต็มไปด้วยเเดดจ้าเช่นเดิม

"ผมอยากจะมาสัมผัสกับเเสงเเดดน่ะครับ"

//หืม....ทำไม โลกของนายไม่มีเเสงเเดด? //

"ใช่เเล้วล่ะครับ โลกของผม อาณาจักรไวท์คาสเซิลน่ะ มีฤดูกาลเพียงฤดูกาลเดียวก็คือฤดูหนาว"

"เป็นสถานที่ที่หนาวตลอดทั้งปี ไร้เเสงเเดด เเล้วก็มีหิมะตกเป็นประจำน่ะครับ"ซันเอ่ยกับฉัน เเววตาของเขาตอนที่บอกเรื่องเเสงเเดดเต็มไปด้วยประกายอันสดใส

//งั้น ตอนนี้นายก็ได้เห็นเเสงเเดดสมใจเเล้ว....เพราะงั้นก็ควรจะกลับไปได้เเล้วสินะ//

//หรือถ้ายังดูไม่หนำใจก็เดินออกไปอาบเเดดตรงระเบียงสักพักก็ได้นะฉันไม่ว่า...ถ้าตัวนายไม่ละลายไปเพราะเเดดซะก่อนน่ะนะ//

"ฮ่าๆ อืม...นั่นล่ะครับที่เป็นปัญหา"ซันหัวเราะอย่างเขิน ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวไปมา สายตาของเขาจ้องกลับมาที่ฉันอีกครั้ง

สีหน้าของเขาดูเหมือนว่ากำลังลำบากใจที่จะพูดมันออกมา

"พอดีว่า คาถาประตูมิติที่เปิดมาที่โลกเเห่งนี้มันเป็นมนต์คาถาระดับสิบน่ะครับ เป็นคาถาขั้นสูงสุดที่เเทบจะใช้พลังเวทย์เกือบทั้งหมด มีพิธีกรรมเเละกรรมวิธีที่ซับซ้อนมากเลยล่ะครับ"

นายอย่าบอกนะว่า...

"ผมกลับไปไม่ได้เเล้วล่ะครับ ไม่สิ อาจจะได้ เเต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอกครับ ขั้นต่ำก็คงต้องสักหนึ่งปี"

"เเละเพราะเเบบนั้น"ซันเอ่ยขึ้นมาช้า ๆ ...

เเววตาใสซื่อจ้องมองฉันกลับมาเป็นเชิงขอร้องปนออดอ้อนหน่อย ๆ

นายอย่าบอกนะว่า...

"คุณยูกิครับ...ผมขออยู่กับคุณที่นี่ได้ไหมครับ"

.

.

.

พระเจ้าคะทำไมถึงได้โหดร้ายกับตัวฉันนักล่ะคะ เเล้วชีวิตเเสนสงบสุขของฉันล่ะคะ

ถ้าเป็นความฝันก็ควรจะตื่นได้เเล้วนะคะ...

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!