สามวันผ่านไปราวกับพายุที่พัดโหมกระหน่ำในจวนฉินอ๋อง
จ้าวชิงเหยา ไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่นาทีเดียว เธอใช้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่ในการจัดการกับโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนนอกจวน
เสี่ยวเยว่ สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ ถูกฝึกให้เป็นผู้ช่วยมือหนึ่ง คอยดูแลการฆ่าเชื้อและการจัดเตรียมยา ตามคำสั่งของชิงเหยาอย่างเคร่งครัด
เรือนของลุงฟู่ถูกเปลี่ยนให้เป็น
สถานีปฐมพยาบาลลับ ที่สะอาดและเป็นระเบียบ ขัดกับโรงหมอโบราณทั่วไป
“อุณหภูมิของลุงฟู่กลับมาเป็นปกติแล้วเจ้าค่ะ! หายใจก็สะดวกขึ้นมาก” เสี่ยวเยว่รายงานด้วยความตื่นเต้น น้ำเสียงของเธอเปี่ยมด้วยความนับถือต่อคุณหนูอย่างแท้จริง
ชิงเหยาถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เธอมองไปยังลุงฟู่ที่ใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาดกลับคืนมา “ยังวางใจไม่ได้ ต้องให้ยาสมุนไพรชนิดนี้ต่อไปอีกเจ็ดวัน ห้ามให้ร่างกายอ่อนแอเด็ดขาด”
เธอใช้
ฝังเข็มแบบผสมผสาน และยาที่ปรับปรุงสูตรเอง โดยเน้นไปที่สมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคที่มองไม่เห็น นี่คือ
ปาฏิหาริย์แรก ที่ชิงเหยาสร้างขึ้นในจวนแห่งนี้
ในขณะเดียวกัน
หลี่จ้าน ผู้ซึ่งถูกจำกัดอยู่ในเรือนของตน ก็ได้รับรายงานจาก หลิ่งเฟิง อย่างละเอียดทุกชั่วโมง
“ท่านอ๋อง... ชายาใช้เพียงสมุนไพรพื้นฐานและน้ำต้มสุกในการรักษา ไม่มีการใช้ยาพิษใด ๆ และคนไข้... อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในสามวันพ่ะย่ะค่ะ” หลิ่งเฟิงรายงานด้วยน้ำเสียงที่ยอมจำนน
หลี่จ้านที่นั่งอยู่ในห้องทำงานที่รกร้าง ซึ่งเต็มไปด้วยแผนที่เก่า ๆ และเอกสารลับ จ้องมองไปยังกำแพงอย่างเงียบงัน 15ความสงสัยในตัวชายาผู้แปลกหน้าเริ่มเปลี่ยนไปเป็น
ความสนใจอย่างแท้จริง
“นางไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดเลยหรือ?” หลี่จ้านถาม
“นาง... เรียกร้องเพียง ความสะอาด และ น้ำร้อน จำนวนมากเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” หลิ่งเฟิงตอบ “และสั่งห้ามคนเข้าใกล้เรือนผู้ป่วยอย่างเคร่งครัด”
หลี่จ้านยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
หญิงสาวผู้นี้แตกต่างจากสตรีอื่น ๆ ในวังอย่างสิ้นเชิง
“พาข้าไปที่เรือนของนาง” หลี่จ้านสั่งอย่างกะทันหัน
เมื่อหลี่จ้านถูกเข็นเข้ามาในบริเวณเรือนของลุงฟู่ เขาไม่ได้เข้าไปในห้องทันที แต่หยุดอยู่ตรงทางเดินที่สว่างและเป็นระเบียบ เขาเห็น
จ้าวชิงเหยา ในชุดเรียบง่าย ใบหน้าเปื้อนเหงื่อ แต่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอไม่ได้ดูเป็นชายาผู้สูงศักดิ์ แต่ดูเหมือน
หมอผู้ทำงานหนัก
ชิงเหยาเห็นหลี่จ้านและรีบเดินออกมาถวายความเคารพ
“ถวายพระพรท่านอ๋อง อาการของลุงฟู่พ้นขีดอันตรายแล้วเพคะ”
หลี่จ้านจ้องมองเธออย่างไม่กะพริบตา “เจ้าทำได้อย่างไร? หมอหลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองต่างส่ายหน้าให้กับอาการไข้ที่ไม่ทราบสาเหตุนี้”
ชิงเหยายิ้มอย่างมั่นใจ “เป็นเพียงความรู้ที่ละเอียดกว่าเท่านั้นเพคะ” เธอไม่กล่าวอ้างว่ามาจากโลกอนาคต แต่ใช้คำว่า
‘ความรู้’ แทน
นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ชิงเหยาตัดสินใจใช้ผลงานนี้
ฉวยโอกาส ที่หลี่จ้านกำลังเปิดใจยอมรับในความสามารถของเธอ
“ท่านอ๋องทรงเห็นแล้วว่าความรู้ทางการแพทย์ของข้ามีประสิทธิภาพเพียงใด” ชิงเหยากล่าวเสียงมั่นคง “ตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะกลับไปทำ
ภารกิจหลัก ของข้า... การรักษาขาของท่านอ๋อง”
หลี่จ้านรู้สึกว่าหัวใจของเขาสั่นไหว เขาเคยถูกหลอกลวงจนบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียอำนาจ ความหวาดระแวงในตัวชิงเหยายังมีอยู่ แต่หลักฐานที่อยู่ตรงหน้าคือ
ชีวิตของลุงฟู่
“เจ้า... เชื่อมั่นในตนเองนัก” หลี่จ้านกล่าว
“เพราะข้าเป็น
ศัลยแพทย์ประสาท ที่เก่งที่สุดเพคะ” ชิงเหยาตอบ “ข้าเข้าใจโครงสร้างร่างกายและเส้นประสาทได้ดีกว่าใครในยุคนี้”
หลี่จ้านใช้ความเงียบงันตัดสินใจ ในที่สุดเขาก็ตอบว่า:
“ข้า... จะยอมให้เจ้าเข้าใกล้ข้ามากขึ้น” เขายื่นคำขาด “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าคือ
ผู้ดูแลสุขภาพของข้าแต่เพียงผู้เดียว หลิ่งเฟิง!”
หลิ่งเฟิงรีบก้าวเข้ามา “พ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าต้องกำกับดูแล ชายาอย่างใกล้ชิด และรายงานทุกการกระทำของนาง” หลี่จ้านเน้นย้ำคำว่า
‘เพื่อความปลอดภัย’ ไม่ใช่เพราะความรัก
คำสั่งนี้ทำให้ชิงเหยาได้
อำนาจ ที่เธอต้องการ เธอสามารถเข้าถึงร่างกายของหลี่จ้านเพื่อรักษาได้อย่างเต็มที่และ
หลิ่งเฟิง ก็กลายเป็น พยาน และ ผู้ประสานงาน สำคัญระหว่างเธอกับอ๋อง
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” ชิงเหยายิ้มอย่างมีชัย “ข้าขอเสนอ
แผนการรักษาอาการขาพิการ อย่างจริงจัง เราจะต้องใช้เวลาหกเดือนในการกระตุ้นเส้นประสาท ก่อนที่จะทำการ
ผ่าตัดครั้งสำคัญ”
คำว่า
‘ผ่าตัด’ ทำให้หลี่จ้านรู้สึกเย็นวาบ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่เยือกเย็นและมั่นคงของชิงเหยา เขากลับไม่สามารถปฏิเสธได้
เอาล่ะ... จ้าวชิงเหยา ข้าจะยอมเดิมพันกับเจ้า เพื่อให้รู้ว่าเจ้าเป็น เทวดา หรือ ปีศาจ กันแน่! หลี่จ้านคิด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 28
Comments
Dzakwan Dzakwan
ทุกวันต้องมีการรอคอยนิยายนี้จริงๆ อยากอ่านต่อมากๆ แอดช่วยอัพหน่อยละกัน
2025-10-09
0