ทะลุมิติไปเป็นชายาอ๋องขาพิการ
จ้าวชิงเหยา!
เสียงเรียกที่แหลมเล็กบาดแก้วหูดังขึ้น พร้อมกับแรงเขย่าที่ต้นแขน จ้าวชิงเหยา หรือชื่อเดิมว่า เหยาชิง ศัลยแพทย์ประสาทแถวหน้าของโลกปัจจุบัน รู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวราวกับลอยอยู่ในน้ำ มือที่คุ้นเคยกับการถือมีดผ่าตัดกลับรู้สึกหนักอึ้งอย่างประหลาด
วินาทีสุดท้ายในความทรงจำคือแสงสว่างจ้าของไฟหน้ารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้าชนอย่างจังเมื่อเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน แต่ตอนนี้... เธอไม่ได้เจ็บปวด
“คุณหนูเจ้าคะ! ได้เวลาแล้วเจ้าค่ะ ต้องออกเรือนแล้ว!”
เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ เปิดขึ้น สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคือผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดที่ปักลายมงคลอย่างประณีต แต่บรรยากาศโดยรอบกลับหนาวเย็นยิ่งกว่าฤดูเหมันต์
เหยาชิงลุกพรวดขึ้นนั่งด้วยสัญชาตญาณแพทย์ที่ต้องประเมินสถานการณ์ เธอพบว่าตนเองอยู่ในห้องที่ตกแต่งด้วยผ้าแดงมงคล แต่เฟอร์นิเจอร์โดยรอบกลับดูเก่าแก่และขาดการดูแลอย่างดี ห้องนี้เต็มไปด้วยความเงียบสงบจนน่าขนลุก ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นห้องวิวาห์อย่างสิ้นเชิง
“คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ?” สาวใช้ร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งมีดวงตาใสซื่อเหมือนดวงจันทร์น้อย (เสี่ยวเยว่) ร้องถามอย่างตกใจ ใบหน้าเล็กนั้นเต็มไปด้วยความสงสารและตื่นตระหนก
ชิงเหยาใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการประมวลผลข้อมูลในสมอง... จ้าวชิงเหยา ลูกสาวขุนนางผู้ถูกหมายหัวว่าเป็นตัวซวย ถูกบีบให้แต่งงานกับ ฉินอ๋อง หลี่จ้าน อ๋องผู้พิการที่ถูกลดอำนาจลง นี่คือพิธีวิวาห์ที่ถูกจัดขึ้นอย่างอับอายเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกำจัดทั้งคู่
นี่ฉัน... ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของคนยุคโบราณงั้นหรือ?
"เสี่ยวเยว่... ตอนนี้กี่โมงแล้ว และขบวนแห่ถึงไหนแล้ว?" จ้าวชิงเหยาใช้โทนเสียงที่นิ่งและหนักแน่นจนเสี่ยวเยว่เบิกตากว้าง ด้วยความประหลาดใจที่เห็นคุณหนูมีสติและเยือกเย็นถึงเพียงนี้
"ข-ขบวนแห่มาถึงจวนฉินอ๋องได้พักใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ผู้คนกำลังมองเราด้วยความสงสาร... และดูแคลน" เสี่ยวเยว่กระซิบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "คุณหนูต้องสวมผ้าคลุมแล้วเดินเข้าห้องหอเจ้าค่ะ"
จ้าวชิงเหยายื่นมือออกไปรับผ้าคลุมสีแดงเลือดหมูนั้นมา แต่ก่อนจะสวมใส่ เธอสวมสติของ แพทย์ศัลยกรรมประสาทผู้ฉลาดหลักแหลม เข้าไปแทนที่ความหวาดกลัวของเจ้าของร่างเดิม
ไม่ว่าจะไปอยู่ไหน ภารกิจหลักของฉันคือการเอาชีวิตรอดและใช้ความสามารถที่ฉันมีให้เป็นประโยชน์ ถ้าถูกส่งมาเป็นเบี้ยการเมือง งั้นฉันก็จะเป็นเบี้ยที่แข็งแกร่งที่สุด!
ขบวนขันหมากที่ควรจะโอ่อ่าสมเกียรติอ๋องกลับเงียบเหงาเกินกว่าจินตนาการ จวนฉินอ๋องนั้นใหญ่โตโอ่อ่าตามฐานะ แต่กลับมีผู้คนน้อย เงียบสงบจนน่าขนลุก ทำให้รู้สึกเหมือนเป็น คุกทองคำ ที่ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ กำแพงและต้นไม้สูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ ทำให้ภายในจวนมีแสงสลัวๆ พื้นที่ส่วนใหญ่มักอยู่ในความมืดครึ้ม สื่อถึงความไม่แน่นอนและความลับที่ซ่อนอยู่
ชิงเหยาเดินเข้าสู่ห้องหอของตนอย่างสง่างาม แม้จะมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้า แต่ท่าทางที่มั่นคงของเธอก็ทำให้ผู้ที่แอบมองอยู่รอบข้างรู้สึกประหลาดใจ
ภายในห้องหอถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน บรรยากาศเน้นความเรียบง่าย ไม่มีการประดับประดาที่บ่งบอกถึงความรักเลยแม้แต่น้อย
ฉินอ๋อง หลี่จ้าน ประทับอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักอย่างโดดเดี่ยว ร่างกายกำยำของอดีตแม่ทัพใหญ่ถูกปิดซ่อนไว้ภายใต้ชุดแต่งงานสีแดงเข้ม ทว่าออร่าของความ เย็นชา เก็บตัว และหวาดระแวง ก็แผ่ออกมาอย่างชัดเจน ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดของแสงสลัว สิ่งที่เด่นชัดที่สุดคือความเงียบงันและความไม่ยินดียินร้ายในพิธีวิวาห์ครั้งนี้
ที่ข้างกายอ๋องมีชายหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งยืนนิ่งราวรูปปั้น หลิ่งเฟิง องครักษ์เงาผู้ภักดี ใบหน้าของเขาเย็นชาและไร้อารมณ์ใด ๆ ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวกำลังจับจ้องชิงเหยาอย่างไม่ละสายตา ความระแวง ชัดเจนราวกับประกาศว่าเธอคือบุคคลภายนอกที่จู่โจมเข้ามาใกล้เจ้านายที่เขาปกป้อง
พิธีการที่ไม่สำคัญถูกตัดออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนต้องออกจากห้องหอ...
“ไม่ต้องยุ่งยาก” เสียงทุ้มต่ำที่แฝงความเย็นยะเยือกของหลี่จ้านดังขึ้น ทำให้ชิงเหยารู้สึกสะท้านเล็กน้อย “เจ้าออกไปได้แล้ว”
เขาพูดกับนางกำนัลที่กำลังจะเสิร์ฟสุราวิวาห์ และหันมาทางชิงเหยาที่ยืนนิ่งอยู่
ชิงเหยาปลดผ้าคลุมหน้าออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นใบหน้าสง่างามที่มีสติและเหตุผล ดวงตาของเธอไม่ได้มีความหวาดกลัวหรือความอับอายอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันเต็มไปด้วยความสนใจใคร่รู้ของ แพทย์ผู้กำลังวินิจฉัยอาการ
“จ้าวชิงเหยา” หลี่จ้านเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงเฉยเมย "เจ้าคงรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเพียงแผนการของอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขามองว่าข้าเป็นอ๋องขาพิการที่กำลังจะหมดอำนาจ ส่วนเจ้าคือคุณหนูผู้ถูกหมายหัวว่าเป็นตัวซวย พวกเขาต้องการ กำจัดเราทั้งคู่ ด้วยการมัดรวมกัน"
เขาพยายามขยับขาที่ไร้ความรู้สึก ทำให้น้ำเสียงเย็นชาขึ้นไปอีกขั้น "ข้า หลี่จ้าน ปฏิเสธที่จะแตะต้องหรือพูดคุยกับเจ้า ในสายตาข้าเจ้าเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้น และ... ข้าสั่งห้ามเจ้าก้าวข้ามเขตของตัวเองเด็ดขาด"
หลี่จ้านชี้ไปที่ฉากกั้นไม้ฉลุที่แบ่งห้องหอออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าชิงเหยาถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง สื่อถึงความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน
“เข้าใจแล้ว” ชิงเหยาตอบรับอย่างเรียบง่าย ทำให้หลี่จ้านและหลิ่งเฟิงที่เตรียมใจฟังคำอ้อนวอนหรือคำโต้แย้งต้องชะงัก
“เจ้า...ไม่คิดจะพูดอะไรอีกหรือ?” หลี่จ้านถาม
ชิงเหยาเดินอย่างช้า ๆ ไปที่ฉากกั้นตามที่เขาชี้ ก่อนจะหันมามองเขาอย่างตรงไปตรงมา เธอไม่กลัวอำนาจหรือฐานะ
“ท่านอ๋องทรงตรัสได้ถูกต้องที่สุดเพคะ” ชิงเหยายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แต่ดวงตาของเธอกำลังสำรวจร่างกายช่วงล่างของเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน "ข้าถูกบีบให้แต่งงาน ท่านก็ถูกบังคับ เราต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ดังนั้นข้าจะทำตามหน้าที่ของชายา... ในแบบของข้า"
เธอไม่สนใจคำขู่ แต่ใช้เวลาในการสังเกตอาการบาดเจ็บที่ขาของหลี่จ้าน เธอเห็นอาการฝ่อลีบที่ไม่สมมาตรของกล้ามเนื้อ และท่าทางการนั่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ
ไม่ใช่แค่ความพิการทั่วไป... จ้าวชิงเหยา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมประสาทแถวหน้าของโลกปัจจุบัน วินิจฉัยอย่างรวดเร็ว อาการบาดเจ็บนี้ส่งผลต่อ ระบบประสาทส่วนปลาย ที่ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว... มันสามารถรักษาได้!
“ท่านอ๋อง” เธอตัดสินใจพูดขึ้นอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต "ข้าไม่ใช่เบี้ยที่ไร้ค่า... ข้าเป็นแพทย์ และตอนนี้... ภารกิจของหมอจึงเริ่มต้นขึ้น"
คำประกาศกร้าวที่เยือกเย็นและมั่นใจของชิงเหยา ทำให้หลี่จ้านถึงกับขมวดคิ้วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภารกิจของหมอ? เขาไม่ได้ต้องการแพทย์ แต่ต้องการความสงบ
หลิ่งเฟิงก้าวเข้ามาด้านหน้าทันที “ชายา! โปรดระวังวาจา! หากเจ้าคิดจะวางแผนร้ายใด ๆ ข้าจะ—”
“หลิ่งเฟิง” หลี่จ้านยกมือขึ้นห้ามองครักษ์ของตน ดวงตาของเขาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเคลือบแคลงสงสัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หญิงสาวผู้นี้นิ่งและฉลาดหลักแหลมเกินกว่าจะเป็นคุณหนูที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวซวย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร... เป็นแพทย์? เจ้าจะใช้สมุนไพรโบราณที่ไร้ประโยชน์นั่นมาหลอกลวงข้าอีกคนงั้นหรือ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกและบาดแผลจากความผิดหวังในอดีต
“ข้าไม่ได้ใช้แค่สมุนไพรโบราณเพคะ” ชิงเหยาเดินเข้าสู่เขตของเธออย่างไม่เร่งรีบ ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงที่เย็นชืด
เธอหันมามองเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดฉากกั้น "ข้าใช้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่ ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บทางระบบประสาทที่ท่านกำลังเผชิญอยู่ได้ ท่านอ๋องขาพิการผู้นี้... จะกลับมาเดินได้อีกครั้ง”
คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความ เด็ดขาดและจริงใจ
เมื่อฉากกั้นถูกปิดลง แสงสว่างสลัวก็ถูกบดบัง ชิงเหยาถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง ทว่าในความมืดครึ้มนั้น เธอกลับไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
เอาล่ะ! เธอคิด ไม่ว่าเจ้าของร่างเดิมจะถูกส่งมาเพื่อเป็นเหยื่อหรือไม่ แต่ตอนนี้ฉันคือ จ้าวชิงเหยา แพทย์ศัลยกรรมประสาท! เป้าหมายแรกคือ รักษาขาของท่านอ๋อง เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของฉันเอง และแน่นอน... ต้องหาวิธีสร้างห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ของตัวเองในคุกทองคำแห่งนี้
ในพื้นที่ส่วนตัวของอ๋อง หลี่จ้านยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาที่เต็มไปด้วยบาดแผลทางใจ จ้องมองไปยังฉากกั้นไม้
“ท่านอ๋อง...” หลิ่งเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “นางไม่น่าไว้ใจ ข้าขอให้ข้าจับตามองนางอย่างใกล้ชิดทุกฝีก้าว”
หลี่จ้านไม่ได้ตอบ เขานำมือไปแตะที่ขาที่ตายด้าน ก่อนจะกระซิบกับตัวเองอย่างแผ่วเบา... “อาการบาดเจ็บทางระบบประสาท... มีแพทย์คนใดในใต้หล้าเคยกล่าวเช่นนี้มาก่อน...”
ดวงตาของ ฉินอ๋อง หลี่จ้าน ผู้แสนเย็นชา เปล่งประกายวูบหนึ่งของ ความสนใจ ที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 28
Comments