ตอนที่ 2: วัดโพธาราม และมหากรานผู้ทำนาย

หมู่บ้านโพธาราม: เงาของความโดดเดี่ยว

โชติใช้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ในการเดินทางจากชายป่าหิมพานต์มาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เขาอาศัยความรู้ที่ท้าววิรูปักษ์ถ่ายทอดให้ในการหาอาหารและน้ำจากป่า ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความเย็นชาเริ่มมีประกายแห่งความมุ่งมั่นที่แข็งกร้าวขึ้น ร่างกายของเขาที่ดูผอมบางแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ถูกฝึกฝนอย่างหนักหน่วงบ่งบอกถึงความทรหดที่ไม่ธรรมดา

วันหนึ่ง โชติเดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อ โพธาราม ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของเขาห่อเหี่ยวอีกครั้ง หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ถึงกับถูกทำลายราบคาบเหมือนดงตาล แต่ก็เต็มไปด้วยความทรุดโทรมและความเงียบเหงา บ้านเรือนหลายหลังมีร่องรอยของการซ่อมแซมอย่างรีบร้อน และแทบจะไม่มีชายหนุ่มวัยฉกรรจ์อยู่ในหมู่บ้านเลย มีเพียงคนชราและเด็กเล็กเท่านั้นที่นั่งจับกลุ่มกันอย่างซึมเศร้า

"สวัสดีพ่อหนุ่ม... เจ้ามาจากที่ใดหรือ?" เสียงที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความห่วงใยดังขึ้น โชติหันไปมองและพบกับ หลวงพ่อมหากราน พระชราผู้มีรูปร่างเล็ก เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน และดวงตาที่สงบเงียบแต่ลุ่มลึกราวกับสระน้ำโบราณ ท่านเป็นพระที่บวชเรียนมาตั้งแต่ยังเด็กและมักไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกหากไม่จำเป็น แต่ใบหน้าของท่านฉายแววความเมตตาที่แผ่ซ่าน

"ข้า... ไม่มีที่มาพ่ะย่ะค่ะ... หมู่บ้านของข้าถูกยักษ์ทำลาย..." โชติกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ซ่อนความเจ็บปวดไว้ หลวงพ่อมหากรานมองโชติอย่างพิจารณา และสีหน้าของท่านก็แปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าสร้อยเล็กน้อย

"อา... ชะตาชีวิตของเจ้าช่างโหดร้ายยิ่งนัก... จงทำใจเถิดพ่อหนุ่ม ความสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของวัฏสงสาร" หลวงพ่อมหากรานถอนหายใจ "ข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ในตัวเจ้า... พลังแห่ง นาคราชเกล็ดดำ และความพยายามอันแสนบริสุทธิ์"

ทันใดนั้นเอง ท้าววิรูปักษ์ก็ร้องออกมาในจิตของโชติ: “ไอ้พระแก่! มันมองเห็นข้าได้ยังไง! พลังอาคมของมันต้องไม่ธรรมดาแน่!”

หลวงพ่อมหากรานยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของโชติ "ไม่ต้องตกใจไปหรอกพ่อหนุ่ม... ข้าไม่คิดร้าย" ท่านมองไปยังหมู่บ้านที่เงียบงัน "หมู่บ้านนี้... ชะตาไม่ต่างจากหมู่บ้านของเจ้าเท่าไหร่ ชายฉกรรจ์ถูกเกณฑ์ไปเป็น นักรบหน้าด่าน เพื่อปกป้องเมืองหลวง เหลือเพียงเราผู้เฒ่าและเด็ก ๆ ที่รอความหวัง..."

"ท่านหลวงพ่อ... ท่านรู้จักหลวงพ่ออินทร์หรือไม่?" โชติถามออกไป

ใบหน้าของหลวงพ่อมหากรานฉายแววความเคารพอย่างลึกซึ้ง "อินทร์... ขุนศึกมังกรดำ แห่งยุค... ข้าจำได้ดี... ท่านเป็นดั่ง แสงสว่าง ของมวลชนในอดีต ท่านเคยสร้างวีรกรรมไว้ที่เมือง นาคบางขลัง... แม่แจ่ม... ท่าขนุน... คำชะโนด และ ท่าล้อ ทุกการต่อสู้ของท่านคือตำนานที่เล่าขานกัน ท่านคือวีรบุรุษตัวจริงที่ยอมสละทุกสิ่งเพื่อความสงบสุข แม้แต่... ความบริสุทธิ์ในจิตใจของตัวเอง" หลวงพ่อมหากรานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยอย่างแท้จริง

จากนั้น หลวงพ่อมหากรานก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด: "พ่อหนุ่ม... ข้าสัมผัสได้ถึงภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง... มันคือสิ่งที่ถูกทำนายไว้"

โชติสงสัย แต่ท้าววิรูปักษ์กลับเป็นฝ่ายที่ตกใจจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้: “ไม่จริง! พญายักษ์ตนนั้น! มันยังไม่ถึงเวลาที่มันจะปรากฏตัว! พระเจ้าเสือ ได้สู้จนสิ้นพระชนม์... และ หมอผีเฒ่า มือขวาของพระองค์ได้ใช้เวทมนตร์ขั้นสูงผนึกมันไว้ได้! หมอผีบอกว่าการผนึกจะอยู่ได้ 250 ปี! แต่ตอนนี้มันเพิ่งผ่านมาได้แค่ 167 ปี เท่านั้น! พลังผนึกมันแตกแล้วหรือ!?”

หลวงพ่อมหากรานหันมามองโชติอีกครั้ง และดวงตาของท่านก็เต็มไปด้วยพลังที่โชติไม่เคยเห็นมาก่อน "เจ้าคือ ผู้ถูกเลือก... วีรบุรุษ ที่จะมากอบกู้วิกฤตนี้ตามคำทำนาย... จงตามข้ามาเถิด"

วัดโพธาราม: สถานที่ฝึกฝนที่ถูกซ่อนเร้น

หลวงพ่อมหากรานนำโชติเดินลึกเข้าไปในป่าที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้าน ท่านหยุดอยู่หน้าเนินดินธรรมดา ๆ แห่งหนึ่ง จากนั้นท่านก็ร่ายอาคมโบราณที่สลับซับซ้อนด้วยเสียงที่นุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยพลัง

ทันใดนั้น! อาคมอำพรางระดับ 8 ที่ปกคลุมเนินดินก็ถูกคลายออกชั่วขณะ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าโชติคือภาพที่สวยงามราวกับภาพวาดจากสวรรค์

วัดโพธาราม เป็นสถานที่ที่งดงามเกินกว่าจะบรรยายได้ วัดนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตด้วยสถาปัตยกรรมไทยโบราณที่เต็มไปด้วยลวดลายวิจิตรบรรจง แสงสีทองสาดส่องลงมาจากฟ้า และใจกลางวัดนั้นมี ต้นโพธิ์ ขนาดใหญ่ยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่ ลำต้นของมันสูงลิบเสียดฟ้า ราวกับเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสรวงสวรรค์

บนกิ่งก้านสาขาของต้นโพธิ์นั้นถูกสร้างเป็น เรือนฝึกสอน สำหรับเหล่าผู้มีวิชาต่าง ๆ ประกอบไปด้วย: นักธนู, จิตสถิต, หมอผี, นางอัปสรเวท, นักพรตคงคา, นักรบศรีสยาม, นักรบบนหลังช้าง และแน่นอน... นักมวย

"ยินดีต้อนรับสู่ที่พำนักของเหล่าผู้กล้า... ที่นี่คือสถานที่ที่เราใช้ฝึกฝนผู้ที่จะต่อสู้กับภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง" หลวงพ่อมหากรานกล่าวอย่างสงบ "ที่นี่จะเป็นที่พักพิงและสถานที่ฝึกฝนสำหรับเจ้า"

หลวงพ่อมหากรานได้มอบวิชาแรกให้โชติ: วิชาการมองเห็นระดับพลังคู่ต่อสู้

"นักมวยที่ดีต้องรู้กำลังของตนและศัตรู... ระดับพลังของศัตรูจะปรากฏให้เจ้าเห็นในรูปของ สี ที่เข้มข้นแตกต่างกันไป"

ระดับต่ำ (Weak): สีขาวหรือสีเทาจาง ๆ

ระดับกลาง (Moderate): สีเหลืองหรือสีส้มที่ชัดเจน

ระดับสูง (Strong): สีแดงเข้มหรือสีม่วง

ระดับสูงสุด (Cataclysmic): สีดำสนิทหรือสีที่มองไม่เห็น

โชติใช้เวลา สองเดือน ในวัดโพธารามเพื่อฝึกฝนร่างกาย ควบคุมพลังไอเย็นยะเยือกของท้าววิรูปักษ์ และที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาสายตาให้สามารถมองเห็น สี ของระดับพลังตามคำสั่งของหลวงพ่อมหากราน

ลูกศิษย์โพธาราม: ความสัมพันธ์ที่ก่อตัว

ในระหว่างการฝึก โชติได้พบกับลูกศิษย์คนอื่น ๆ ของหลวงพ่อมหากราน ซึ่งเป็นกลุ่มนักสู้ที่มีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สันจร: นักฝึก จิตสถิต รูปร่างสูงไม่มาก ผิวซีด ผมและนัยน์ตาสีดำสนิท เขาเป็นคนเงียบขรึม ลึกลับซับซ้อน แต่ฉลาดเป็นกรด เขามี ตะเกียงโบราณ ที่ใช้ในการสื่อสารกับเทพ วิญญาณ หรือภูตผี จุดเด่นของเขาคือการ สื่อจิต และการ คาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้า

โม: นางอัปสรเวท นักเวทหญิงแห่งมนตราและการร่ายรำ เธอสวยสดงดงามตามแบบไทย มีดวงตาสีเขียวและปอยผมสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ เพราะเป็น ลูกเสี้ยวพญานาค ทำให้เธอสามารถหายใจใต้น้ำได้ จุดเด่นของเธอคือการใช้ เสน่ห์ และ เสียงดนตรี เป็นอาวุธในการ ควบคุมจิตใจ, ลวงตา, และ ปลุกกำลังใจ เธอเป็นคนดี คุยเก่ง และเป็นมิตรกับทุกคน เป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อน ๆ

กร: นักรบผู้ใช้กระบี่กระบอง รูปร่างสูงใหญ่และแข็งแกร่ง เขามีความสามารถในการต่อสู้ประชิดตัวที่ยอดเยี่ยมและมีความ อึดสูง กรเป็นคนซื่อสัตย์และมีนิสัยดี แต่ไม่ค่อยสนใจการคิดวิเคราะห์ ชอบใช้กำลังในการแก้ไขปัญหามากกว่า

อาท: นักอาคม ผู้ใช้เวทมนตร์จากคัมภีร์และยันต์โบราณ เขาเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่มุ่งมั่นในการฝึกฝนเวทมนตร์ จุดเด่นของเขาคือการ ร่ายเวทป้องกัน, ผนึก และ ปลดคำสาป อาทเป็นเพื่อนสนิทกับสันจรและมีนิสัยดี

ก้อง: นักพรตคงคา ผู้ปฏิบัติธรรมกลางน้ำ รูปร่างอ้วนท้วน มีดวงตาสีฟ้า และมี ปราณสีขาว แผ่ออกมาจากร่างกาย เขาสามารถเรียกพลังจาก สายนที และ จิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ เพื่อ ฟื้นฟู และ ปรับสมดุล พลังงาน ก้องเป็นคนขี้กลัวและไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง แต่มีจิตใจดี

ในช่วงแรก ความสัมพันธ์ระหว่างโชติกับลูกศิษย์คนอื่น ๆ ไม่ได้ราบรื่นนัก โดยเฉพาะเรื่องการ ระบุสัญชาติ โชติเป็นคนไร้สัญชาติและมักถูกมองด้วยความสงสัยจากคนอื่น ๆ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและมีการปะทะคารมกันเล็กน้อย แต่ด้วยความเป็นคนที่มีน้ำใจและยอมช่วยเหลือผู้อื่นของโชติ (ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเย็นชา) ทำให้พวกเขาสามารถสานสัมพันธ์กันได้ในที่สุด

โชติได้สานสัมพันธ์กับ โม ในฐานะเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษาและสนับสนุน ในขณะที่ กร เห็นความทรหดของโชติและให้ความเคารพในฐานะนักมวยด้วยกัน อาท และ ก้อง ก็เริ่มไว้ใจโชติมากขึ้น แต่มีเพียง สันจร เท่านั้นที่มักจะแอบมองโชติอยู่บ่อยครั้งด้วยสายตาที่ลึกลับ ซึ่งโชติก็รู้สึกได้แต่เลือกที่จะไม่ใส่ใจ

บททดสอบ: ประตูแห่งความจริงแท้

เมื่อโชติได้รับการฝึกฝนจนถึงระดับที่หลวงพ่อมหากรานเห็นว่าเหมาะสม ท่านก็ได้พาโชติไปยัง ยอดของต้นโพธิ์ ที่นั่นมี ศาลพระภูมิตายาย ตั้งอยู่ ศาลแห่งนี้ไม่ใช่ศาลธรรมดา แต่เป็น ประตูมิติ สำหรับการทดสอบจิตวิญญาณของผู้กล้า

"ศาลนี้คือที่พิทักษ์ของ ตายาย ผู้เป็นจิตวิญญาณแห่งความพยายามและความเสียสละ... พวกท่านจะทำการทดสอบเจ้า" หลวงพ่อมหากรานกล่าวอย่างเคร่งขรึม "จงจำไว้ว่า... การทดสอบนี้ไม่ได้วัดเพียงความแข็งแกร่ง... แต่วัด หัวใจ ของเจ้า"

โชติเดินเข้าไปในศาลพระภูมิ และทันใดนั้นเขาก็ถูกดึงเข้าสู่ภวังค์

🔥 ขั้นที่ 1: พิสูจน์กายา — ‘บททดสอบแห่งแรง’

โชติพบว่าตัวเองอยู่ในทุ่งราบที่ร้อนระอุ ท้องฟ้าเป็นสีเพลิง ตรงหน้าเขามี อสุราเงา ตนหนึ่งปรากฏขึ้น อสุรานี้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ ทศกัณฐ์ดำ ที่ทำลายหมู่บ้านดงตาล ซึ่งเป็นภาพจำลองจาก ความกลัว และ ความแค้น ที่ฝังอยู่ในใจของโชติ

“ไฟคือครูแห่งการกล้า หากไร้ซึ่งความเพียร ไฟย่อมแผดเผาเจ้าเอง” เสียงที่ทรงอำนาจดังขึ้น

เป้าหมาย: พิสูจน์ว่าร่างกายแข็งแกร่งคู่ควรกับของศักดิ์สิทธิ์ โชติใช้หมัดมวยไทยโบราณที่ฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงเข้าต่อสู้ แต่ทุกหมัดที่ใช้ แรง ล้วน ๆ กลับถูกอสุราเงาดูดซับพลังไปหมด

"เจ้าเด็กโง่! ใช้สติ! มวย ไม่ได้มีไว้ใช้แต่แรง! ใช้ ไอเย็น ของข้า! ใช้จังหวะ!" ท้าววิรูปักษ์คำรามในหัว

โชติปรับเปลี่ยนกระบวนท่า เขาเปลี่ยนจากการใช้พละกำลังเป็นการใช้ มวยแห่งจังหวะ ผสมกับ ไอเย็นยะเยือก ของท้าววิรูปักษ์ เขาหลบหลีกการโจมตีที่รุนแรงของอสุราเงา และใช้ศอกและเข่าที่ถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งเล็กน้อยโจมตีเข้าที่จุดอ่อนของเงาอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุด อสุราเงาก็สลายไป โชติผ่านการทดสอบแรกด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแผล แต่สายตาของเขามุ่งมั่น

🌊 ขั้นที่ 2: พิสูจน์ใจ — ‘บททดสอบแห่งศรัทธา’

โชติถูกดึงเข้าสู่ ถ้ำคงคา ที่เต็มไปด้วยน้ำเย็นเฉียบและหมอกควันหนาแน่น เสียงกระซิบหลอกลวงดังขึ้นรอบตัวเขา พยายามล่อลวงให้เขาไปในทิศทางที่ผิด หรือทิศทางที่นำไปสู่พลังอำนาจที่รวดเร็ว

“ผู้ใดไร้น้ำใจ ย่อมจมหายใต้สายน้ำแห่งกรรม” เสียงผู้พิทักษ์ดังก้อง

เป้าหมาย: วัดความมั่นคงของจิตใจและศีลธรรม ระหว่างทาง โชติพบกับ วิญญาณเร่ร่อน ที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวนที่ทำจากความทุกข์ วิญญาณนั้นร้องขอให้โชติช่วยปลดปล่อย แต่ท้าววิรูปักษ์กลับสั่งให้โชติเมินเฉย: “เมินมันซะ! มันจะถ่วงเวลาเจ้า! เจ้าต้องรีบแข็งแกร่งเพื่อล้างแค้น!”

แต่โชติกลับหยุด เขาจำคำพูดของวิวรได้... “ต่อให้โลกนี้มืดมิดแค่ไหน เราก็ไม่ควรทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

โชติใช้พลังไอเย็นของท้าววิรูปักษ์และพลังจิตของตัวเองเพื่อเข้าสู่สภาวะสงบและเริ่มร่าย คาถาปลดปล่อย ที่เขาเคยแอบเรียนรู้จากอาท วิญญาณนั้นถูกปลดปล่อยและให้พรแก่โชติด้วย จิตวิญญาณแห่งความเมตตา ก่อนจะหายไป เมื่อโชติเริ่มเดินต่อ ทางที่เคยวนกลับไปจุดเริ่มต้นก็ปรากฏเป็นทางที่ถูกต้อง

🌪️ ขั้นที่ 3: พิสูจน์ปัญญา — ‘บททดสอบแห่งธาตุลม’

โชติมาถึงยอดเขาที่มีลมพัดแรงจนแทบยืนไม่ไหว เขารับรู้ได้ถึงปริศนาธรรมที่ลอยมากับสายลม

“ผู้ที่ควบคุมลมหายใจได้ ย่อมควบคุมโชคชะตาได้”

เป้าหมาย: วัดสติ ปัญญา และการมองเห็นความจริง

"สิ่งใดเคลื่อนไหวโดยไม่จับต้อง สิ่งใดฆ่าได้โดยไม่มีเลือด?" เสียงกระซิบของ ครูผี ดังขึ้น

ท้าววิรูปักษ์พยายามหาคำตอบที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ แต่โชติใช้สมาธิและตอบออกไปอย่างช้า ๆ: "สิ่งนั้นคือ... กาลเวลา และ ความเชื่อ"

กาลเวลาเคลื่อนไหวโดยไม่จับต้อง และความเชื่อฆ่าได้โดยไม่มีเลือด (การสลายของความเชื่อสามารถทำลายจิตวิญญาณคนได้)

คำตอบของโชติถูกต้อง ลมสงบลง และเขาต้องเผชิญหน้ากับ มวยแห่งลม ที่มองไม่เห็น โชติจำต้องทิ้งความแข็งแกร่งของร่างกายและใช้ สติ และ จังหวะ ในการตอบโต้ เขาใช้ท่วงท่า มวยท่าพระยา ที่พึ่งพาการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลและรวดเร็วราวกับสายลมในการหลบหลีกและตอบโต้

เขาผ่านบททดสอบนี้ด้วยสติปัญญาที่เหนือกว่าความคาดหมายของท้าววิรูปักษ์: “ไอ้เด็กนี่... มันฉลาดกว่าที่ข้าคิดไว้!”

🌿 ขั้นที่ 4: พิสูจน์วิญญาณ — ‘บททดสอบแห่งธาตุดิน’

บททดสอบสุดท้ายคือการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุด โชติพบว่าตัวเองอยู่กลางป่าที่เต็มไปด้วย แสงสว่าง และ ความอบอุ่น ตรงหน้าเขามี ผ้าประเจียดสีทองอร่าม วางอยู่ มันคือ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถช่วยให้นักมวย คืนชีพได้หนึ่งครั้ง แต่มีเงื่อนไขในการใช้ที่ซับซ้อน

“ดินกลืนซากแห่งความหลง เหลือเพียงผู้ที่กล้าปล่อยวาง”

ทันใดนั้น ภาพลวงตาของ วิวร ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าโชติ วิวรในภาพลวงตากำลังร้องไห้และขอร้องโชติ

"โชติ... อย่าเอาผ้าประเจียดนั้นเลย! ถ้าเจ้าได้มันมา... ยักษ์ร้ายจะตามล่าเจ้ามากขึ้น! ฉันไม่อยากให้เธอตายเพื่อฉัน!" วิวรในภาพลวงตาพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย

ท้าววิรูปักษ์สั่งให้โชติรีบคว้าผ้าประเจียด: “คว้ามันสิวะ! นี่คือโอกาสเดียวที่เจ้าจะได้พลังเพิ่ม! ผ้าประเจียดนี้จะช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาก! อย่าไปสนใจภาพลวงตานั่น!”

โชติยืนนิ่ง เขาจ้องมองไปที่ผ้าประเจียดที่อยู่ตรงหน้า และมองไปยังวิวรในภาพลวงตาที่กำลังร้องไห้ แม้ภายนอกจะเย็นชา แต่ภายในใจของโชติเต็มไปด้วยความขัดแย้ง: เขาต้องการพลังเพื่อช่วยวิวร แต่การได้พลังนั้นอาจนำภัยมาสู่เธอและตัวเขาเอง

โชติยื่นมือออกไป... แต่แล้วก็ชักมือกลับมา!

เขาเลือกที่จะมองวิวรด้วยสายตาที่เต็มไปด้วย ความรัก และ ความมั่นคง

"วิวร... ฉันไม่สนใจว่ามันจะทำให้ฉันตายกี่ครั้ง... ฉันต้องการความแข็งแกร่งเพื่อช่วยเธอ... ไม่ใช่เพื่อตัวเอง" โชติกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว

โชติหันหลังให้ผ้าประเจียดและพร้อมที่จะเดินออกจากบททดสอบโดย ไม่ยอมรับของศักดิ์สิทธิ์

ทันใดนั้น... แสงสีทองสว่างจ้าก็ปกคลุมทั่วบริเวณ ผ้าประเจียดสีทองลอยขึ้นและเคลื่อนที่เข้าหาโชติเองโดยที่เขาไม่ต้องแตะต้อง

โชติได้เลือกที่จะสละของศักดิ์สิทธิ์เพื่อผู้อื่น (วิวร) และนั่นคือสิ่งที่ศาลต้องการ! เขาได้พิสูจน์แล้วว่า หัวใจของเขานั้นบริสุทธิ์ ไม่ได้หลงในอำนาจ

ของขวัญและการจากลา

โชติกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงในศาลพระภูมิ ผ้าประเจียดสีทองอร่าม ได้ผูกติดอยู่กับแขนของเขาเองอย่างแน่นหนา

ตายาย ปรากฏตัวในรูปของเงาที่เรืองแสงอย่างอ่อนโยน

"เจ้าหนุ่ม... เจ้าได้ผ่านการทดสอบทั้งสี่ขั้นแล้ว... เจ้าคู่ควรกับ ผ้าประเจียดคืนชีพ" เสียงของคุณตาที่เต็มไปด้วยความเมตตาดังขึ้น "จงใช้มันเมื่อเจ้าพร้อมจะสละทุกสิ่ง... เพื่อคนที่เจ้ารัก"

โชติก้มลงกราบอย่างนอบน้อม "ขอบพระคุณท่านตายาย" ก่อนที่พวกท่านจะหายไป โชติถามคำถามที่อยู่ในใจ

"ท่าน... ท่านมีนามว่าอะไรขอรับ...?"

เงาของตายายยิ้มอย่างอ่อนโยน: "นามของเรานั้นไม่สำคัญดอกพ่อหนุ่ม... จงจำไว้เพียงว่า ความพยายามคือทุกสิ่ง... แม้จะไม่มีพรสวรรค์... แต่ความพยายามและความอดทนของเจ้าจะนำพาเจ้าไปสู่จุดสูงสุด"

โชติเก็บคำพูดนั้นไว้ในใจ

เมื่อลงมาจากต้นโพธิ์ หลวงพ่อมหากรานก็ต้อนรับโชติด้วยรอยยิ้ม

"ผ้าประเจียดนั้นจะปกป้องเจ้า... แต่จงจำไว้ว่าพลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับภาระที่หนักอึ้ง" หลวงพ่อมหากรานยื่นแผนที่โบราณให้โชติ "เจ้าได้บรรลุวิชาในขั้นต้นแล้ว... จงออกเดินทางสู่ ทิศเหนือ เพื่อตามหาวิชาและวิญญาณใหม่ ๆ... และทำภารกิจที่ฟ้ากำหนด"

โชติรับแผนที่มา เขาโค้งคำนับลาหลวงพ่อมหากรานและเพื่อนใหม่ของเขา สันจร ที่ยืนอยู่มุมหนึ่งมองโชติด้วยสายตาที่ซับซ้อน ได้กล่าวคำอวยพรที่แปลกประหลาด: "ระวัง... เงา ที่ติดตามเจ้า... มันอาจไม่ใช่เงาธรรมดา"

โชติไม่ได้สนใจคำเตือนนั้น เขามุ่งหน้าสู่ ป่าหิมพานต์ อีกครั้งด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนกว่าเดิม: การพัฒนาวิญญาณนักมวยระดับ 2 และการตามล่าหาเบาะแสของ วิวร

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!