การเดินทางและเสียงกระซิบ
โชติเริ่มต้นการเดินทางของเขาด้วยความเงียบงันและความโดดเดี่ยว เขาแบกความสิ้นหวังและความเจ็บปวดไว้บนบ่า เขาเลือกที่จะมุ่งหน้าไปยัง ทิศเหนือ ตามคำสั่งของหลวงพ่ออินทร์ เพราะหลวงพ่ออินทร์เคยกล่าวว่า ป่าหิมพานต์ อันเป็นแหล่งรวมของสัตว์ในตำนานไทยส่วนใหญ่อยู่ทางทิศเหนือของอาณาจักร
สัปดาห์แรกของการเดินทางคือการดำรงชีวิตที่แสนทรมาน ร่างกายผอมแห้งของเขาแทบจะพยุงตัวไม่ไหว ความหิวโหยและความอ่อนเพลียทำให้ทุกย่างก้าวเป็นเหมือนการเดินผ่านกองไฟ เขาพยายามฝึกกระบวนท่าจาก แผ่นจารึก แต่เนื่องจากมันเป็นภาพวาดลายเส้นที่ซับซ้อนและไม่มีคำอธิบายใด ๆ เลย โชติจึงไม่สามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมด เขาทำได้เพียงเลียนแบบท่าทางเหล่านั้นอย่างช้า ๆ และผิด ๆ ถูก ๆ เท่านั้น
ในช่วงเวลานี้เองที่ ลายสักนาคราชเกล็ดดำ ที่อยู่บนหลังของเขาเริ่มมีการตอบสนอง วิญญาณของ ท้าววิรูปักษ์ ถูกผนึกพลังส่วนใหญ่ไว้เนื่องจากความแข็งแกร่งที่เกินระดับที่ร่างกายของโชติจะรับไหว เขาจึงสามารถใช้พลังได้เพียง เล็กน้อย เท่านั้น ซึ่งพลังนี้จะแสดงออกมาในรูปของ ไอเย็นยะเยือก ที่สามารถทำให้ศัตรูระดับต่ำช้าลงได้เพียงเล็กน้อย
แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ จิตสำนึก ของวิญญาณนาคราชที่ยังคงอยู่ แม้จะเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเกิดกับวิญญาณที่ถูกผนึกไว้
"เจ้าเด็กโง่! ท่าทางอย่างนั้นมันผิดตั้งแต่ฐานแล้ว! เข่าต้องตั้งฉากกับพื้น! หลังต้องตรงราวกับไม้บรรทัด!"
เสียงที่ดุดันและทรงพลังราวเสียงคำรามของพญานาคราชดังขึ้นในห้วงความคิดของโชติโดยไม่มีที่มาที่ไป โชติสะดุ้งสุดตัวและมองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบใครเลย
"เจ้ามองหาอะไรไอ้หนู! ข้าอยู่บนหลังของเจ้า! ข้าคือ ท้าววิรูปักษ์! จงทำตามที่ข้าสั่ง! มิฉะนั้นข้าจะยึดร่างของเจ้าแล้วไปล้างแค้นพวกอสูรเสียเอง!" เสียงนั้นก้องกังวานอยู่ในหัวของโชติ ทำให้เขาต้องรีบปรับท่าทางของตัวเองทันที
นับตั้งแต่วันนั้น ท้าววิรูปักษ์ ก็กลายเป็น ครู ที่ดุดันและไม่เคยปรานีของโชติ นาคราชตนนี้ไม่เคยให้กำลังใจ มีแต่คำด่าทอที่เชือดเฉือนและคำสั่งที่ไร้ความปรานี แต่ทุกคำสั่งของท้าววิรูปักษ์กลับเป็นกุญแจสำคัญในการไขรหัส กระบวนท่ามวยโบราณ ที่อยู่บนแผ่นจารึก
ท้าววิรูปักษ์: ผู้ปกครองแห่งนาค ผู้มีเกล็ดสีดำสนิทและดวงตาสีเลือด มีความแค้นอันฝังลึกต่อเหล่าอสูรที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นาคของท่านจนเกือบหมดสิ้น ท่านต้องการใช้ร่างของโชติเพื่อล้างแค้น แต่การผนึกของหลวงพ่ออินทร์นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่ท่านจะฝ่าได้ง่าย ๆ สิ่งเดียวที่ท่านทำได้คือการ สอนสั่ง และ บงการ เพื่อให้โชติแข็งแกร่งขึ้น จนถึงวันที่โชติไม่สามารถควบคุมพลังของท่านได้อีกต่อไป
ครูที่ไร้ความเมตตา
"ช้า! ช้าเกินไป! ช้าเหมือนเต่าคลาน! ถ้าเจ้าช้าขนาดนี้ ต่อให้มดตะนอยมันก็วิ่งหนีเจ้าได้ทัน!" เสียงของท้าววิรูปักษ์ดังก้องอยู่ในหัวของโชติขณะที่เขากำลังฝึก ศอกสะบัดกลับ
โชติล้มลงบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยหินและใบไม้แห้ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการฝึกที่หนักหน่วง ร่างกายที่ผอมแห้งของเขาต้องแบกรับแรงกดดันที่ไม่ธรรมดา
"ข้าไม่ไหวแล้ว... ท่านนาคราช..." โชติกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
"ไม่ไหว? ความอ่อนแอมันไม่เคยช่วยให้ใครอยู่รอดได้ในโลกใบนี้! เจ้าอยากช่วยเพื่อนของเจ้าไหม! เจ้าอยากจะแข็งแกร่งไหม! จำไว้สิ! ความทรหดของเจ้าคืออาวุธเดียวที่เจ้ามี! ลุกขึ้น! ลุกขึ้นมาไอ้หนู! ถ้าเจ้าไม่ลุก... ข้าจะยึดร่างของเจ้าแล้วกระชากเส้นเอ็นของเจ้าให้ขาดทีละเส้น!"
คำพูดที่เย็นชาและไร้ความเมตตาของท้าววิรูปักษ์กลับเป็นแรงผลักดันที่รุนแรงที่สุดสำหรับโชติ เขาจำภาพของวิวรที่ถูกยักษ์จับตัวไปได้ ความรู้สึกผิดและความรักที่ต้องเก็บไว้ได้แปรเปลี่ยนเป็น ความมุ่งมั่นอันเป็นนิรันดร์
โชติ ไม่ได้เก่งกาจ แต่เขา ไม่เคยยอมแพ้
เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยร่างกายที่สั่นเทาและฝึกฝนต่อ ภายใต้การควบคุมของท้าววิรูปักษ์ โชติได้เรียนรู้ที่จะควบคุม พลังยันต์แรก ที่เป็นพลังเย็นยะเยือกของท้าววิรูปักษ์ได้อย่างจำกัด เมื่อโชติใช้กระบวนท่ามวยไทย กระแสไอเย็นยะเยือกจะไหลไปตามหมัดและศอกของเขา ทำให้การโจมตีของเขามีพลังในการ แช่แข็ง และ ชะลอ การเคลื่อนไหวของศัตรูได้เล็กน้อย
ท้าววิรูปักษ์ยังได้สอนเกี่ยวกับ โลกของนักมวย ที่โชติกำลังจะก้าวเข้าไป
"โลกนี้มี นักมวย ที่แข็งแกร่งอยู่ 12 ระดับ! แบ่งตามความแข็งแกร่งของวิญญาณที่ถูกเก็บไว้ในลายสัก! พวกเจ้าที่อยู่ระดับต่ำ ๆ สามารถเก็บวิญญาณได้แค่ ไม่กี่ตน เท่านั้น! แต่ข้าน่ะ... ข้าคือวิญญาณที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่เด็กอย่างเจ้าจะรับไหว! เจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น! แข็งแกร่งขึ้น! จนกว่าจะถึงระดับที่เหมาะสมที่จะปลดผนึกพลังของข้า!"
ระดับของนักมวย:
นักมวยฝึกหัด (Apprentice)
นักมวยท้องถิ่น (Local Contender)
นักมวยพเนจร (Wandering Boxer)
นักมวยสนาม (Ring Fighter)
นักมวยวังหลวง (Royal Guard)
นักมวยขุนศึก (Warlord)
นักมวยผู้พิทักษ์ (Protector)
นักมวยอวตาร (Incarnate)
นักมวยครุฑา (Garuda)
นักมวยเทพ (Deity)
นักมวยมหาเทพ (Great Deity)
นักมวยอมตะ (Immortal)
ท้าววิรูปักษ์บอกโชติว่า การเป็น นักมวย ไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่คือการ ล่าวิญญาณ ของสัตว์ในตำนานไทยเพื่อนำมา สัก เป็น ลายยันต์ ที่จะช่วยให้ร่างกายของนักมวยแข็งแกร่งขึ้นและสามารถเปลี่ยนลายสักนั้นเป็น ชุดเกราะรบ ได้ในยามคับขัน
ชุดเกราะรบ: จะแบ่งออกเป็น 8 ส่วนตามอาวุธของมวยไทย: ศีรษะ (มงคล), แขน (เกราะป้องกัน), ข้อมือ (นวม), ลำตัว (เกราะ), ขา (สนับแข้ง), หัวเข่า, ข้อเท้า และส่วนสุดท้ายคือ หมัด (พลังโจมตี) เมื่อโชติยังอ่อนแอ เขาสามารถใช้พลังของท้าววิรูปักษ์ได้แค่ เกราะป้องกัน ที่แขนเท่านั้น
การพบกันครั้งแรกกับพรายพยัคฆ์
หลังจากการฝึกที่ทรมานมาเกือบสามเดือน โชติที่ผอมแห้งเริ่มมีมัดกล้ามเนื้อที่คมชัดขึ้นจากการฝึกมวยโบราณ เขาสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้แม่นยำขึ้นมาก ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่ากับ นักมวยฝึกหัด ระดับปลาย ๆ
โชติได้เดินทางมาถึงบริเวณชายป่าหิมพานต์ที่เต็มไปด้วยหมอกและต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ดูน่าเกรงขาม
คืนหนึ่ง ขณะที่โชตินั่งสมาธิอยู่บนต้นไม้ตามคำสั่งของท้าววิรูปักษ์เพื่อพัฒนา จิตวิญญาณนักมวย ของเขา เขาก็ได้ยินเสียงคำรามที่ฟังดูเหมือน เสือโคร่ง แต่มีคลื่นเสียงที่รุนแรงกว่าปกติมาก
"ระวัง! นั่นคือ พรายพยัคฆ์! สัตว์อสูรระดับต่ำที่น่ารังเกียจ! มันแข็งแกร่งพอที่จะเป็น วิญญาณที่สอง ของเจ้าได้!" ท้าววิรูปักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโลภ
พรายพยัคฆ์ปรากฏตัว มันมีขนาดเท่าเสือโคร่งทั่วไป แต่ผิวหนังของมันเป็นสีดำสนิท มีเส้นสีแดงเรืองแสงอยู่ทั่วตัว มันกำลังไล่ล่า พรานป่า คนหนึ่งที่เข้ามาหาของป่าในเขตหวงห้าม
โชติในฐานะที่เป็นคนเย็นชาแต่จิตใจดีงามอย่างแท้จริง ไม่สามารถทนดูคนถูกทำร้ายได้
"หยุดนะ!" โชติตะโกนออกไป
พรายพยัคฆ์หันมามองโชติด้วยดวงตาสีอำพันที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด มันทิ้งพรานป่าที่บาดเจ็บและวิ่งเข้าใส่โชติอย่างรวดเร็ว
โชติไม่รอช้า เขาเข้าสู่กระบวนท่า มวยไชยาโบราณ ที่ถูกสอนโดยท้าววิรูปักษ์ เขาใช้ หมัดโค่นต้น ที่ถูกเคลือบด้วยไอเย็นยะเยือกของท้าววิรูปักษ์เพื่อเข้าปะทะกับพรายพยัคฆ์
ปั่ก!
หมัดของโชติพุ่งเข้าปะทะกับหน้าผากของพรายพยัคฆ์อย่างจัง แต่พรายพยัคฆ์เป็นสัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่งทางกายภาพสูงมาก โชติถูกซัดกระเด็นไปไกลจนกระแทกกับต้นไม้อย่างรุนแรง
"โง่เง่า! การโจมตีตรง ๆ มันไม่ได้ผล! ใช้ ศิลปะการป้องกัน สิวะ! และใช้พลังไอเย็นของข้าให้เกิดประโยชน์!" ท้าววิรูปักษ์ดุด่าอย่างรุนแรง
โชติลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย เขาใช้ ศอกกลับหลัง และ เข่าผ่าครุฑ เข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่พรายพยัคฆ์ก็ว่องไวมากจนยากจะจับทางได้
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด โชติใช้ ความอดทน ที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขาในการหลีกเลี่ยงการโจมตีที่รุนแรงของพรายพยัคฆ์ และค่อย ๆ สะสมความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยการใช้ ไอเย็น จากลายสักเพื่อชะลอการเคลื่อนไหวของมัน
พรายพยัคฆ์เริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด และร่างกายของมันเริ่มมีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่บางส่วน
โชติเห็นโอกาส เขาใช้ เกราะป้องกัน ที่แขนที่ถูกสร้างขึ้นจากลายสักนาคราช (ซึ่งยังคงเป็นรูปเกล็ดนาคจาง ๆ) เพื่อป้องกันการขย้ำของพรายพยัคฆ์ และใช้ หมัดโคตรสาร ที่มีน้ำหนักที่สุดที่เขาทำได้ซัดเข้าไปที่ใต้คางของมัน
พลั่ก!
พรายพยัคฆ์ล้มลงด้วยความเจ็บปวด มันกระอักเลือดสีดำออกมาและเริ่มสลายเป็น ดวงวิญญาณสีแดงเข้ม ที่เรืองแสงขึ้นมา
"ยอดเยี่ยม! รีบจับวิญญาณมันซะ! จำไว้! เจ้าต้องใช้ พลังจิต และ สมาธิ เพื่อดึงมันเข้าสู่ลายสัก!" ท้าววิรูปักษ์กล่าวอย่างตื่นเต้น
โชติใช้สมาธิทั้งหมดที่เขามี มุ่งเน้นไปที่ลายสักนาคราชที่หลัง ดวงวิญญาณสีแดงเข้มของพรายพยัคฆ์เริ่มไหลเข้าสู่ลายสักนาคราชอย่างช้า ๆ และในที่สุด มันก็ถูก ดูดกลืน เข้าไปอย่างสมบูรณ์
ความรู้สึกที่โชติได้รับหลังการดูดกลืนวิญญาณของพรายพยัคฆ์นั้นต่างจากตอนที่ได้รับวิญญาณของท้าววิรูปักษ์อย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่เป็น พลัง ที่พุ่งพล่านเข้าสู่ร่างกายของเขา!
จุดเปลี่ยน: การพัฒนาของวิญญาณ
เมื่อโชติลืมตาขึ้น ลายสักบนหลังของเขาได้ เปลี่ยนแปลง ไปแล้ว ลายสักนาคราชเกล็ดดำยังคงอยู่ แต่มี รอยสักรูปเสือโคร่ง สีแดงเข้มขนาดเล็ก ๆ ปรากฏอยู่บน ไหล่ซ้าย ของเขาอย่างชัดเจน และ ไองั่ง ที่เอวของเขาก็เรืองแสงจาง ๆ ก่อนจะดับลง
"ยินดีด้วย! เจ้าได้ก้าวขึ้นสู่ นักมวยท้องถิ่น ระดับ 2 แล้ว! วิญญาณของพรายพยัคฆ์ได้ถูกเก็บไว้ในลายสักของเจ้าอย่างสมบูรณ์! และพลังของมันได้ถูกรวมเข้ากับร่างกายของเจ้า!" ท้าววิรูปักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่พอใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
โชติรู้สึกถึง พละกำลัง ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และการเคลื่อนไหวของเขาก็ว่องไวขึ้นราวกับ เสือ ร่างกายที่เคยผอมแห้งเริ่มมีกล้ามเนื้อที่หนาแน่นขึ้นตามธรรมชาติของนักมวย
นอกจากนี้เขายังสามารถเรียกใช้ เกราะรบ จากวิญญาณของพรายพยัคฆ์ได้แล้ว! โชติลองใช้พลังจิตของเขา และลายสักรูปเสือโคร่งบนไหล่ซ้ายก็เรืองแสงขึ้นก่อนจะกลายเป็น สนับไหล่ สีแดงดำที่ดูดุดันและแข็งแกร่งราวกับกระดูกของเสือ
"จงจำไว้! การดูดกลืนวิญญาณไม่ได้แค่ทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น! มันยังทำให้ วิญญาณเก่า แข็งแกร่งขึ้นด้วย! วันนี้พลังของข้าได้ถูกปลดผนึกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย! การโจมตีด้วยไอเย็นของเจ้าจะรุนแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว!"
โชติมองไปที่ พรานป่า ที่ยังคงนอนบาดเจ็บอยู่ เขาแสดงสีหน้าเย็นชาภายนอก แต่ภายในจิตใจเขากำลังกังวลถึงความปลอดภัยของชายคนนั้น โชติฉีกผ้าบางส่วนจากเสื้อของตัวเองและนำไปพันแผลให้พรานป่าอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะทิ้งสมุนไพรบางชนิดไว้ให้
เขาไม่รอคำขอบคุณ โชติเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ และมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าหิมพานต์ที่เต็มไปด้วยความมืดมิดและอันตราย
การผจญภัยเพื่อตามหาวิถีแห่งความแข็งแกร่ง... และ การช่วยวิวร ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Daina :)
เช้านี้เราตื่นมาพร้อมๆ กับการอัพเดตนะแอด!
2025-10-09
1