วันเวลาในโรงเรียนเวทมนตร์อาร์คาเนียผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจสายน้ำที่ไหลเชี่ยว หนึ่งปีเต็มๆ ที่อาราเพิลใช้ชีวิตเป็นนักเรียนเวทมนตร์อย่างขยันขันแข็ง เธอเข้าเรียนวิชาพื้นฐานอย่างการร่ายคาถาควบคุมธาตุ การปรุงยา และประวัติศาสตร์เวทมนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยมจนอาจารย์หลายคนเริ่มชื่นชมในความสามารถของเธอ
ในแต่ละวัน แสงของดวงอาทิตย์ที่ทอดยาวผ่านหน้าต่างบานใหญ่ตรงไปยังโถงห้องสมุดขนาดมหึมา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ อาราเพิลใช้เวลาหลายชั่วโมง แทบจะทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เธอไม่ใช่แค่นักเรียนที่ตั้งใจเรียนวิชาพื้นฐาน แต่เป็นนักล่าความรู้ที่ไม่รู้จักพอ
เป้าหมายของเธอไม่ได้จำกัดอยู่แค่การอ่านหนังสือเกี่ยวกับภูตที่เธอซ่อนไว้ในห้องนอนเท่านั้น แต่เธอยังพยายาม ศึกษาตำราเวทมนตร์โบราณหลายเล่ม ที่ถูกเก็บไว้ในส่วนที่ต้องใช้การอนุญาตพิเศษ หนังสือปกหนังหนาๆ ที่มีกลิ่นหอมของความเก่าแก่และฝุ่นผง เธอไล่อ่านถ้อยคำที่ถูกจารึกไว้อย่างวิจิตรบรรจง เพื่อ ทำความเข้าใจการเชื่อมโยงพลังเวทกับโลกวิญญาณให้มากขึ้น เธอต้องการหาคำตอบว่าทำไมเวทมนตร์ในปัจจุบันจึงปฏิเสธการมีอยู่ของภูต และพลังเวทมนตร์ในอดีตถูกใช้เพื่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่างโลกนี้กับโลกหน้าได้อย่างไร
ไม่นานนัก เธอกลายเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องสมุด ใบหน้าเล็กๆ ของเธอซ่อนอยู่หลังกองหนังสือที่สูงเกือบเท่าตัว อาราเพิลแทบจะกินอาหารกลางวันบนโต๊ะอ่านหนังสือ และบางครั้งก็เผลอหลับไปในระหว่างการอ่านบทความที่แสนจะยาวเหยียด จนกระทั่ง อาจารย์บรรณารักษ์ ผู้มีชื่อว่า มาดามออสวิน ซึ่งเป็นแม่มดผู้สง่างามและมีผมสีเงินยาว เริ่มคุ้นเคยกับเธอ และมักจะยิ้มอ่อนโยนให้เธอเสมอ
วันหนึ่ง ขณะที่อาราเพิลกำลังพยายามถอดความหมายของภาษาเวทมนตร์โบราณ มาดามออสวินก็เดินเข้ามาหาอย่างเงียบกริบ พร้อมกับวางหนังสือปกสีเข้มเล่มหนึ่งลงบนโต๊ะของเธอ
“นี่คือ ‘บันทึกของผู้อัญเชิญคนแรก’ มันถูกซ่อนอยู่ในส่วนที่นักเรียนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่”
มาดามออสวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยความรู้แจ้ง
“ฉันเห็นเธอค้นคว้าเรื่อง ‘การสั่นพ้องของพลังงาน’ มานานแล้ว หนังสือเล่มนี้อาจช่วยให้เธอเข้าใจว่า ทำไมการร่ายเวทย์บางอย่างจึงเรียกร้องมากกว่าแค่พลัง แต่เรียกร้องถึง ‘ความรู้สึก’ และ ‘ความปรารถนา’ ด้วย”
อาราเพิลเงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด
“อาจารย์คะ! นี่คือ...ขอบคุณมากค่ะ!”
มาดามออสวินยิ้มบางๆ แล้วกระซิบกับเธอเบาๆ ว่า
“อย่าลืมนะอาราเพิล... หนังสือทุกเล่มในห้องนี้มีชีวิตของมันเอง แต่ตำราเก่าแก่พวกนี้ก็ซ่อนความเสี่ยงไว้เช่นกัน อ่านอย่างระมัดระวัง... และอย่าปล่อยให้มันครอบงำเธอ” คำเตือนนั้นทำให้หัวใจของอาราเพิลเต้นแรง แต่ความอยากรู้อยากเห็นของเธอกลับยิ่งทวีคูณ
ทว่า... ในยามค่ำคืนเมื่อดวงจันทร์ทอแสงนวลเหนือหอคอยสูงของโรงเรียน โลกอีกใบหนึ่งของเธอก็เริ่มต้นขึ้น เป็นโลกที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงกระซิบของลมที่พัดผ่านช่องหน้าต่าง และเสียงใจเต้นของเธอเองที่ดังแข่งกับความปรารถนาอันแรงกล้า
เมื่อนาฬิกาประจำโรงเรียนตีบอกเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจารย์และผู้ดูแลหอพักได้เข้านอนแล้วนั่นคือช่วงเวลาที่อาราเพิลจะลุกจากเตียงอย่างแผ่วเบา เคลื่อนไหวราวกับเงาในความมืด เธอจะจุดเทียนไขเล่มเล็กๆ ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แสงสลัวๆ ของมันทอประกายเพียงพอให้เห็นบริเวณโต๊ะเขียนหนังสือเท่านั้น ไม่ให้แสงเล็ดลอดออกไปนอกห้อง
จากนั้น เธอจะเอื้อมมือไปหยิบสมบัติลับที่ซ่อนไว้อย่างมิดชิด และค่อยๆ คลี่หนังสือ 'ตำนานภูตที่สาบสูญ' ออกอย่างเงียบงัน มันไม่ใช่ตำราเรียนที่ถูกต้องตามหลักสูตร แต่เป็นหนังสือต้องห้ามที่ถูกเก็บไว้ในส่วนที่ถูกลืมของห้องสมุด หน้ากระดาษเก่าแก่ที่เคยเหลืองกรอบและเปราะบาง ตอนนี้มีรอยยับและรอยดินสอที่เธอจดบันทึกไว้มากมาย เป็นตัวอักษรหวัดๆ แต่เต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ที่เธอกลั่นกรองออกมาจากการศึกษาตลอดปีที่ผ่านมา
ภายใต้แสงเทียนอันริบหรี่ อาราเพิลเริ่ม ทำการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในความมืดมิดของห้องนอน อุปกรณ์ของเธอเรียบง่าย ชอล์กเวทมนตร์ ไม้กายสิทธิ์ประจำตัวเธอ และผงแฟรี่อีกนิดหน่อย นี่ไม่ใช่การร่ายเวทย์ตามที่อาจารย์สอน แต่เป็นการร่ายเวทย์โบราณเพื่อพยายาม "สื่อสาร" กับสิ่งที่มองไม่เห็น พลังงานที่ถูกลืม และภูตที่ถูกปฏิเสธโดยโลกเวทมนตร์สมัยใหม่ ทุกๆ คืนคือการสำรวจที่อันตรายและลับเฉพาะ เป็นการเดินทางที่เธอต้องทำคนเดียว ทั้งหมดนี้เพื่อตามหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตำนานภูตที่สาบสูญ
.....ยามค่ำคืนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาของอาราเพิลจบลงด้วยความล้มเหลวที่น่าผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วน เสียงกระซิบที่เธอพยายามเรียกหาไม่เคยปรากฏ แสงสีขาวนวลที่เธอรอคอยก็จางหายไปแทบจะในทันทีที่ปรากฏ แต่แล้ว ความผิดหวังจากการอัญเชิญที่ไม่สำเร็จค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความหวังอันริบหรี่ ที่กำลังจะกลายเป็นจริง
ในคืนหนึ่ง ที่ดวงจันทร์เกือบเต็มดวงกำลังทอแสงเงินสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างบานเล็กของห้องนอน อาราเพิลตัดสินใจที่จะลองร่ายคาถาอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ได้ท่องตามตำราเท่านั้น แต่เธอใส่ 'ความรู้สึก' และ 'ความปรารถนา' ลงไปตามที่เธอได้ค้นพบใน ‘บันทึกของผู้อัญเชิญคนแรก’ เธอรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มี แล้วเริ่ม ท่องคาถาอัญเชิญด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงและเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นกว่าที่เคย
ทันใดนั้นเอง! สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็ปรากฏขึ้น วงแหวนที่เธอวาดไว้บนพื้นด้วยชอล์กเวทมนตร์ก็เริ่มเปล่งแสงสีขาวนวลออกมา มันไม่ได้เป็นเพียงแสงจางๆ ที่วูบไหวเหมือนครั้งก่อนๆ แต่มันเป็นแสงที่ส่องสว่างจนเกือบจะทำให้เธอต้องหรี่ตาลง แสงนั้นพุ่งสูงขึ้นเล็กน้อย และคลื่นพลังงานที่อบอุ่นแต่ทรงอำนาจก็แผ่ซ่านไปทั่วห้อง ก่อนที่ เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนจะดังขึ้นในอากาศรอบตัวเธอ มันไม่ใช่เสียงในความคิด แต่เป็นเสียงจริงที่สั่นสะเทือนในความว่างเปล่า
"เจ้าต้องการอะไรจากข้า... มนุษย์?"
เสียงนั้นฟังดู แหบพร่าราวกับลมที่พัดผ่านต้นไม้โบราณ หรือเสียงกระซิบของหินทรายที่ถูกกัดเซาะจากกาลเวลา มันเต็มไปด้วยความเก่าแก่และอำนาจที่ทำให้แม้แต่แม่มดที่เก่งที่สุดก็ต้องเกรงกลัว
อาราเพิลตกใจจนแทบจะทำเทียนไขในมือหล่น หัวใจของเธอเต้นรัวเหมือนกลองศึก แต่ในความหวาดกลัวนั้นก็มีความปีติยินดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เธอเพิ่งจะเข้าใจว่าความพยายามตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่ได้สูญเปล่า และคำพูดของอาจารย์ที่ว่า 'ภูตเป็นเพียงแค่ตำนาน' นั้นไม่เป็นความจริง สิ่งที่โรงเรียนสอนนั้นเป็นเพียงครึ่งเดียวของความจริงเท่านั้น
ดวงตาของอาราเพิลเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นปนความประหลาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นกำเนิดของเสียงทันที เธอเห็นร่างโปร่งแสงที่เรืองแสงสีเงินอยู่ตรงกลางวงแหวนที่ส่องสว่าง ร่างนั้นสูงกว่าเธอเล็กน้อย มีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับมนุษย์ แต่ร่างกายของมันดูเหมือนทำจากหมอกควันสีเงินยวงที่พลิ้วไหวอยู่ตลอดเวลา และดวงตาของมันก็ส่องประกายสีฟ้าอ่อนจ้องมองมาที่เธออย่างเฉยเมย มันเป็นร่างของภูตตนหนึ่งที่ไม่มีใครเคยได้เห็นมาก่อน เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกลืมและถูกกล่าวถึงแค่ในตำนานเท่านั้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
tasha angin
ยินดี
2025-09-28
0