หลังจากเลิกเรียน อาราเพิลกลับมายังห้องพักของเธอ เธอหยิบหนังสือ “ตำนานภูตที่สาบสูญ” ขึ้นมาดูอีกครั้ง
“ทำไมอาจารย์ถึงห้ามเราอ่านมันนะ?” อาราเพิลพึมพำกับตัวเอง
ทุกเย็นหลังจากเสียงระฆังเลิกเรียนดังก้องกังวานไปทั่วอาณาบริเวณของโรงเรียนเวทมนตร์ เพื่อนร่วมชั้นต่างรีบเร่งพากันออกจากห้องเรียนด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เพื่อไปทำกิจกรรมยามว่าง หรือพักผ่อนหย่อนใจตามอัธยาศัย แต่อาราเพิลกลับเลือกที่จะเดินสวนกระแสเหล่านั้นอย่างเงียบ ๆ มุ่งตรงกลับมายังห้องพักส่วนตัวของเธอ ดวงตาของเธอยังคงสะท้อนถึงประกายแห่งความมุ่งมั่นที่ไม่เคยลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่ปิดประตูห้องลงอย่างเบามือ เธอก็เดินตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องที่ซ่อนไว้อย่างลับ ๆ แล้วหยิบหนังสือปกหนังเก่าแก่สีน้ำตาลเข้มที่ดูราวกับว่าผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นหนังสือสุดรักของเธอไปแล้ว
“ตำนานภูตที่สาบสูญ” นิ้วเรียวเล็กของเธอไล้ไปตามตัวอักษรบนหน้าปกอย่างแผ่วเบา ราวกับกำลังสัมผัสกับความลับอันยิ่งใหญ่ที่ถูกผนึกเอาไว้ภายใน
"ทำไมอาจารย์ถึงห้ามเราอ่านมันนะ?" อาราเพิลพึมพำกับตัวเอง เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ที่ยากจะเก็บงำ "มันต้องมีเหตุผลแน่ ๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำสั่งห้ามนั้น" ทุกครั้งที่เธอมองหนังสือก็เกิดคำถามขึ้นมาเสมอและแม้เธอจะรู้ดีว่าคำสั่งห้ามของอาจารย์ผู้สอนวิชาเวทมนตร์ในโรงเรียนนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และอาจมีผลกระทบร้ายแรงตามมาหากฝ่าฝืน แต่ความปรารถนาที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับภูตนั้นรุนแรงเกินกว่าจะต้านทานได้
ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ เธอตัดสินใจว่าจะแอบเรียนรู้การอัญเชิญภูตจากหนังสือเล่มนี้อย่างลับ ๆ ไม่ให้ใครล่วงรู้ เธอใช้เวลาทุกช่วงที่ว่างจากการเรียน ไม่ว่าจะเป็นช่วงพักกลางวัน ยามค่ำคืนหลังทุกคนหลับใหล หรือแม้แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่างเปลี่ยนคาบเรียน เพื่ออ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาในหนังสืออย่างละเอียดถี่ถ้วนราวกับกำลังถอดรหัสลับโบราณ เธอจดจำทุกบทและทุกข้อความที่บรรยายถึงพิธีกรรมการอัญเชิญภูตได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางองค์ประกอบของวงเวท คำร่ายมนตร์โบราณ หรือแม้แต่การเตรียมจิตใจให้บริสุทธิ์ก่อนการอัญเชิญ เธอฝึกฝนจินตนาการถึงภาพภูตที่เธอจะอัญเชิญ และพยายามเชื่อมโยงจิตใจของเธอกับพลังแห่งธรรมชาติที่อาจารย์เคยสอนในห้องเรียน อาราเพิลเชื่อมั่นว่าความรู้ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้คือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกความลับของภูตที่สาบสูญ และนำพาเธอก้าวไปสู่เส้นทางที่ยิ่งใหญ่กว่าที่ใคร ๆ เคยจินตนาการไว้
ในขณะที่เพื่อนๆ คนอื่นๆ ในหอพักกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานถึงเรื่องราวต่างๆ ในโรงเรียน อาราเพิลกลับเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องเพื่อฝึกฝนการอัญเชิญภูต
บางครั้ง การอัญเชิญก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ก่อให้เกิดควันสีดำทะมึนพวยพุ่งออกมาจากวงเวทที่เธอวาดไว้จนคละคลุ้งไปเต็มห้อง ทำให้เธอต้องไอโขลก ๆ และรีบเปิดหน้าต่างระบายอากาศ บางครั้งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย วงเวทนิ่งสนิทไร้การตอบสนองราวกับเธอไม่ได้ร่ายมนตร์อะไรออกไปเลย ความเงียบงันที่ไร้การตอบรับนั้นช่างน่าหดหู่และบั่นทอนกำลังใจยิ่งกว่าความล้มเหลวที่ส่งเสียงดังเสียอีก แต่อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวเหล่านั้นไม่อาจหยุดยั้งความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ได้
เธอเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้ทำสัญญาและเป็นเพื่อนกับภูตที่สาบสูญเหล่านั้นอย่างแน่นอน
วันหนึ่ง ขณะที่อาราเพิลกำลังฝึกซ้อมการอัญเชิญภูตอยู่ในห้องพักของเธอ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู
“อาราเพิล! อยู่ในห้องไหม?” เสียงของลิเลียดังขึ้นจากด้านนอก
อาราเพิลรีบเก็บหนังสือและอุปกรณ์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งไปเปิดประตู
“ลิเลีย! มีอะไรเหรอ?”
“เราเห็นควันดำๆ ออกมาจากห้องเธอ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” ลิเลียถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ...ปะ...เปล่าหรอก” อาราเพิลตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย
“เราแค่...ลองร่ายเวทมนตร์คาถาดูน่ะ มันผิดพลาดไปหน่อย”
“ให้เราช่วยไหม?” ลิเลียถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอก เราจัดการเองได้” อาราเพิลปฏิเสธ “ขอบใจนะลิเลีย”
“มีอะไรที่เราพอจะช่วยได้ก็บอกนะ” ลิเลียยังคงย้ำด้วยความเป็นห่วง
“อื้อ”อาราเพิลตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส
ลิเลียพยักหน้าเล็กน้อยและเดินกลับไปที่ห้องของเธอ อาราเพิลถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอปิดประตูห้องและหันกลับมามองหนังสือ “ตำนานภูตที่สาบสูญ” ในมือของเธอ
“เราต้องทำให้ได้” อาราเพิลคิดในใจ
“เราต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าภูตมีอยู่จริงและมันไม่ใช่แค่ตำนานที่เล่าขานกันมา”
การเดินทางของอาราเพิลในฐานะนักเรียนเวทมนตร์ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ ณ จุดนี้บนเส้นทางชีวิตของเธอ มันไม่ใช่เพียงแค่การฝึกฝนวิชาเวทเพื่อมุ่งสู่การเป็นนักเวทที่เก่งกาจและทรงพลังอีกต่อไปแล้ว หากแต่ได้แปรเปลี่ยนเป็นภารกิจอันลึกซึ้งและมีความหมายยิ่งกว่า นั่นคือการเดินทางเพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตำนานโบราณที่เล่าขานกันมานับศตวรรษ และเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนที่เคยเคลือบแคลงสงสัย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ หรือแม้กระทั่งเผ่าพันธุ์อื่นๆบนโลกนี้ได้ประจักษ์ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นไม่ใช่แค่เพียงความฝันเพ้อเจ้ออันเลื่อนลอย หรือจินตนาการของเด็กสาวคนหนึ่ง
ดวงตาของอาราเพิลยังคงเต็มไปด้วยประกายแห่งความเชื่อมั่น เธอเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่าสักวันเธอจะสามารถทำลายกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างโลกของมนุษย์กับอาณาจักรของภูต และเป็นผู้ทำสัญญาเพื่อเป็นเพื่อนกับภูตที่สาบสูญเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน ความเชื่อนี้ไม่ใช่เพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่เป็นความหวังอันเปี่ยมล้นที่คอยขับเคลื่อนให้เธอพยายามต่อไป แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม เธอรู้ดีว่าการจะทำสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำสำเร็จมาก่อนนั้น จำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาล และเธอพร้อมที่จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments