เส้นทางแห่งพันธสัญญา​ภูต

เส้นทางแห่งพันธสัญญา​ภูต

บทที่ 1: อาราเพิลและประตูสู่โลกเวทมนตร์

แสงแดดยามเช้าทอดส่องลงมาต้องใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งนามว่าอาราเพิล เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พลางก้าวลงจากรถม้าด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นดุจปีกของนกตัวเล็ก ๆ ที่กำลังจะโบยบินสู่โลกกว้าง เบื้องหน้าเธอคืออาคารหินโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาจนดูเหมือนผืนป่าทึบ มันคือโรงเรียนเวทมนตร์อาร์คาเนีย ที่ที่เด็กทุกคนในอาณาจักรใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปศึกษา ที่ที่เต็มไปด้วยความรู้และศาสตร์แห่งเวทมนตร์มากมาย

“อาราเพิล!” เสียงเรียกชื่อดังมาจากด้านหลัง ทำให้อาราเพิลหันไปมอง เธอเห็นพ่อและแม่ยืนยิ้มให้ด้วยแววตาภาคภูมิใจ ดวงตาของแม่มีน้ำตาคลอเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่มอบให้นั้นเต็มไปด้วยความรักและความหวัง

“แม่จะไปแล้วนะลูก ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ” แม่กอดเธอแน่น น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

“อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาพ่อกับแม่บ่อย ๆ นะ”

“ค่ะคุณแม่” อาราเพิลตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เธอเองก็รู้สึกตื้นตันไม่ต่างกัน เธอกอดลาพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังเดินเข้าสู่ประตูโรงเรียนอย่างกล้าหาญ เสียงก้าวเท้าของเธอแผ่วเบา แต่ในใจนั้นเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจ

หญิงสาวตัวน้อยในชุดเสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อนก้าวเดินไปข้างหน้าต่อด้วยหัวใจที่เต้นรัวเหมือนกลองในงานเทศกาล ดวงตากลมโตเป็นประกายดั่งดวงดาวในยามค่ำคืน ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ เส้นผมสีชมพูอ่อนที่ไล่เฉดสีไปจนถึงปลายผมสีแดงราวกับกลีบดอกไม้แรกแย้มปลิวไสวไปตามสายลม เธอคืออาราเพิล เด็กสาววัย 12 ปีที่ในที่สุดก็ได้เดินทางมาถึงโรงเรียนเวทมนตร์อันเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดในชีวิต

เบื้องหน้าของเธอคือประตูไม้โอ๊คขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านราวกับประตูสู่ดินแดนมหัศจรรย์ อาราเพิลแหงนหน้ามองอาคารหินที่เก่าแก่และขลังอย่างไม่รู้เบื่อ เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเวทมนตร์โบราณที่อบอวลอยู่ในอากาศ ราวกับว่าอาคารแห่งนี้มีชีวิตและกำลังกระซิบเรื่องราวในอดีตให้เธอฟัง

อาราเพิลหลงใหลในเรื่องราวตำนาน สัตว์วิเศษ และศาสตร์แห่งเวทมนตร์มาตั้งแต่เด็ก เธอใช้เวลาหลายชั่วโมงในห้องสมุดของหมู่บ้านเพื่ออ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ ทำให้เธอมีความรู้มากมายเกินกว่าเด็กวัยเดียวกัน บางครั้งเธอจินตนาการว่าตัวเองกำลังขี่มังกรในตำนาน หรือกำลังฝึกร่ายเวทมนตร์อันทรงพลังเพื่อปกป้องผู้คน

ถึงแม้ภายนอกอาราเพิลจะดูเป็นเด็กสาวที่น่ารักและอ่อนโยน แต่ภายในจิตใจของเธอนั้นแข็งแกร่งกว่าที่ใครจะคาดคิด เธอเคยผ่านเรื่องราวที่ยากลำบากมาแล้วหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยยอมแพ้ อาราเพิลเชื่อว่าความเข้มแข็งไม่ได้อยู่ที่พลังเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ แต่อยู่ที่หัวใจที่ไม่ยอมแพ้และพร้อมจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคทุกอย่าง

​ในตอนที่อาราเพิลก้าวผ่านธรณีประตูเข้ามาในอาณาเขตของอะคาเดมี่ ภาพที่เห็นทำให้เธอต้องหยุดชะงักราวกับต้องมนตร์สะกด มันไม่ใช่แค่ความตระการตา แต่เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่งอย่างแท้จริง

เพดานที่สูงลิ่วไม่ใช่แค่เพดานธรรมดา แต่มันคือผืนฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านดวง แต่ละดวงเปล่งประกายระยิบระยับ และที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นคือดวงดาวเหล่านั้นไม่ได้หยุดนิ่ง แต่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต บางดวงลากเส้นแสงเป็นทางยาวคล้ายดาวตกก่อนจะเลือนหายไป บางกลุ่มก่อตัวเป็นกลุ่มดาวที่ดูคุ้นตาแล้วค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างไปอย่างช้าๆ อาราเพิลแหงนมองภาพเบื้องบนอย่างหลงใหลจนลืมตัวไปชั่วขณะ

โถงทางเดินกว้างใหญ่ที่ทอดตัวยาวไปข้างหน้าปูด้วยหินอ่อนสีขาวนวลที่สะท้อนแสงจากดวงดาวบนเพดานให้ส่องสว่างขึ้นไปอีกสองเท่า บนผนังทั้งสองข้างประดับด้วยรูปปั้นขนาดเท่าคนจริงของเหล่าจอมเวทในตำนาน แต่ละองค์มีรายละเอียดที่งดงามราวกับมีชีวิต รูปปั้นบางองค์ยืนสงบนิ่งพร้อมคทาคู่กาย บางองค์กำลังกางแขนออกคล้ายกำลังร่ายเวทมนตร์อันทรงพลัง และบางองค์ก็กำลังโอบอุ้มมังกรตัวจิ๋วไว้ในอ้อมแขน รูปปั้นแต่ละองค์ดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องราวความยิ่งใหญ่ในอดีตที่อาราเพิลเคยได้ยินแต่ในนิทานให้มีชีวิตขึ้นมาตรงหน้า

“ตามมาทางนี้เลยทุกคน” เสียงของนักเรียนรุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้น ทำให้อาราเพิลได้สติ เธอยิ้มเจื่อนๆ ให้รุ่นพี่แล้วรีบก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว ความตื่นเต้นในใจพุ่งสูงขึ้นราวกับมีพลังเวทพลุ่งพล่านอยู่ในกาย

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงห้องโถงใหญ่ ประตูไม้โอ๊คขนาดมหึมาเปิดออก เผยให้เห็นภายในที่กว้างขวางจนมองไม่เห็นสุดปลายตา ภายในห้องเต็มไปด้วยนักเรียนใหม่มากมายจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังระงมไปทั่ว บ้างก็เป็นมนุษย์ที่ดูเงียบขรึม บ้างก็เป็นเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์ที่กำลังพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้น บ้างก็เป็นคนแคระตัวเล็กๆ ที่กำลังมองสำรวจไปรอบๆ อย่างสนใจ

อาราเพิลยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ และสัมผัสได้ถึงพลังเวทอันมหาศาลที่แผ่กระจายไปทั่วห้องโถง พลังงานเหล่านี้ไม่ใช่พลังเวทของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นพลังของทุกคนที่มารวมกันที่นี่ ณ ตอนนี้ ที่นี่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ การผจญภัยที่น่าตื่นเต้น และการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเหล่าผู้ที่ถูกเลือก

ขณะที่อาราเพิลกำลังมองหาที่ว่างเพื่อยืนอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นข้างๆ “ไม่คิดเลยว่าจะได้เข้ามาที่นี่จริงๆ นะเนี่ย” หญิงสาวคนนั้นหันมามองอาราเพิลพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร อาราเพิลส่งยิ้มตอบกลับไป หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวังและความตื่นเต้น อะคาเดมี่แห่งนี้จะเป็นบ้านหลังที่สองของเธอ และการผจญภัยครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

​“เงียบ!” น้ำเสียงทรงพลังดังขึ้น ทำให้นักเรียนทุกคนเงียบลงในทันที

​“ยินดีต้อนรับนักเรียนใหม่ทุกคน” อาจารย์ใหญ่ปรากฏตัวขึ้นบนเวที

“ข้าคือเอลดริด ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ พวกเจ้าทุกคนมาที่แห่งนี้เพื่อเรียนรู้ศาสตร์แห่งเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่ และเพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องอาณาจักรแห่งนี้”

​หลังจากอาจารย์ใหญ่กล่าวต้อนรับขณะที่นักเรียนใหม่กลุ่มใหญ่ยืนรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ในห้องโถงใหญ่ เสียงประกาศก้องกังวานก็ดังขึ้นเพื่อขานชื่อของพวกเขาแต่ละคน

วันแรกของการเข้าเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์อาร์คาเนียไม่ใช่แค่การรับฟังพิธีเปิดอันแสนน่าเบื่อ แต่เป็นการรับชุดนักเรียนที่จะเปลี่ยนชีวิตของนักเรียนใหม่ทุกคนไปตลอดกาล

เมื่ออาราเพิลก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของสมุนไพรและกลิ่นหนังสือเก่าๆ ผสมผสานกันอย่างลงตัว

ตรงกลางห้องมีกล่องไม้แกะสลักวางอยู่บนแท่นหินอ่อน แต่ละกล่องมีชื่อของนักเรียนใหม่สลักอยู่ด้านบน และกล่องที่มีชื่อของอาราเพิลก็อยู่ในนั้นเช่นกัน

ชื่อแล้วชื่อเล่าถูกเรียกขานดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง แต่ละคนก้าวออกไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้นระคนประหม่าเพื่อรับมอบชุดนักเรียนที่ตัดเย็บอย่างประณีตและอุปกรณ์เวทมนตร์ของตนเอง บางคนอาจได้ไม้กายสิทธิ์เล่มใหม่ หรือไม่ก็หนังสือเวทมนตร์โบราณที่ดูมีมนตร์ขลัง

บางคนเดินตัวตรงอย่างสง่าผ่าเผยไปรับของ บางคนก็ก้าวไปอย่างเขินอาย แต่ใบหน้าของทุกคนล้วนฉายแววถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง อุปกรณ์แต่ละชิ้นที่ได้รับล้วนเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นบทใหม่ในชีวิตของพวกเขาในฐานะพ่อมดแม่มด

นักเรียนคนแล้วคนเล่าถูกเรียกชื่อเพื่อไปรับชุดนักเรียนและอุปกรณ์เวทมนตร์ของตนเอง จนถึงคิวของเธอ

​“อาราเพิล ฟอนเทน” ชื่อของอาราเพิลถูกเรียกขึ้น

​ทันทีที่ชื่อของอาราเพิลถูกขาน เธอรู้สึกราวกับหัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ ความประหม่าเข้าครอบงำจนก้าวขาแทบไม่ออก แต่ด้วยกำลังใจจากตัวเอง เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ และหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าอาจารย์ใหญ่

อาจารย์ใหญ่ผู้มีรอยยิ้มอบอุ่นยื่นกล่องไม้ขนาดเล็กที่สลักเสลาอย่างสวยงามให้แก่เธอ

"ยินดีต้อนรับสู่บ้านหลังใหม่ของเจ้า อาราเพิล" เสียงอันนุ่มนวลกล่าวขึ้น

เธอเปิดฝากล่องขึ้นช้าๆ ภายในบรรจุชุดนักเรียนที่พับไว้อย่างเรียบร้อย อาราเพิลค่อยๆ หยิบชุดออกมาด้วยความประหลาดใจ ชุดคลุมแม่มดสีดำสนิทประดับด้วยลวดลายด้ายสีทองที่เปล่งประกายคล้ายกลุ่มดาวบนฟากฟ้ายามราตรี ชายเสื้อคลุมถูกตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยอัญมณีสีครามที่สะท้อนแสงอ่อนๆ ยามเคลื่อนไหว ภายใต้เสื้อคลุมคือเสื้อกั๊กสีน้ำตาลเข้มที่สวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาและเนกไทสีดำผูกเป็นโบว์อย่างเรียบร้อย กระโปรงบานสั้นสีแดงเข้มที่พริ้วไหวรับกับทุกย่างก้าวช่วยเสริมให้ชุดโดยรวมดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

จากนั้นเธอก็หยิบหมวกแม่มดทรงสูงที่ประดับด้วยจี้ทองคำเล็กๆ ห้อยระย้าอยู่ด้านข้าง มันดูเหมือนจะเป็นของวิเศษที่ผ่านเรื่องราวในอดีตมาอย่างยาวนาน ปิดท้ายด้วยรองเท้าบูทสีดำสนิทและผ้าพันข้อเท้าสีแดงเข้มที่เข้าชุดกันอย่างลงตัว

อาราเพิลลองสวมชุดดู ชุดนี้พอดีกับเธออย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับมันถูกสร้างมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ เมื่อสวมชุดนี้แล้ว อาราเพิลรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแม่มดอย่างเต็มตัว พร้อมที่จะเริ่มต้นการผจญภัยในโลกแห่งเวทมนตร์ที่เธอใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต

สวมชุดเสร็จอาราเพิลจึงเห็นของภายในกล่องไม้ ซึ่งมีอุปกรณ์สามชิ้นที่ดูเรียบง่ายแต่มนตร์ขลังที่ถูกวางทับด้วยชุดก่อนหน้านี้

ชิ้นแรกคือ ไม้กายสิทธิ์ มันเป็นไม้โอ๊คสีน้ำตาลเข้ม ดูหนักแน่นมั่นคง แต่เมื่อเธอจับมันกลับรู้สึกเบาราวขนนก ปลายไม้มีประกายแสงสีเขียวอ่อน ๆ ลอยอยู่เบาบาง

ชิ้นที่สองคือ เข็มกลัดโลหะรูปภูติพราย มันเป็นเข็มกลัดเงินขนาดเล็กที่มีปีกโปร่งแสงระยิบระยับ เมื่อติดลงบนชุดนักเรียน เข็มกลัดก็เปล่งประกายสีเงินอ่อน ๆ สว่างไสวขึ้นมา

ชิ้นสุดท้ายคือ สมุดบันทึกหนัง หน้าปกของมันดูเก่าแก่เหมือนผ่านกาลเวลามานานหลายศตวรรษ แต่ภายในกลับเป็นกระดาษสีขาวสะอาดที่รอคอยการจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ

อาราเพิลรับของวิเศษทั้งสามชิ้นมาถือไว้ในมือด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างที่สุด ของเหล่านี้ไม่เพียงเป็นเพียงอุปกรณ์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ในฐานะพ่อมดแม่มดอย่างเต็มตัว

​หลังการคัดสรรอันน่าตื่นเต้นสิ้นสุดลง เธอก็ถูกนำทางผ่านทางเดินที่สลับซับซ้อนของโรงเรียนไปยังหอพักสำหรับนักเรียนใหม่ ซึ่งตั้งอยู่แยกตัวออกมาจากอาคารหลัก

หอพักของเธอชื่อว่า หอพักภูติพราย เป็นอาคารหินขนาดเล็กที่ดูเหมือนจะซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ หอพักแห่งนี้มีบรรยากาศที่เงียบสงบและดูเก่าแก่ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของป่ามานานแล้ว

เมื่อก้าวเข้าไปในห้องพัก อาราเพิลพบกับห้องเล็ก ๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเพียงสิ่งของจำเป็นอย่างเตียงนอนที่ปูผ้าห่มสีเข้ม โต๊ะเขียนหนังสือไม้เนื้อแข็งที่ตั้งชิดผนัง และชั้นวางหนังสือที่ดูเหมือนจะรอคอยให้มีหนังสือมาเติมเต็ม

เธอวางกระเป๋าลงบนพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานเล็กที่เผยให้เห็นภาพป่าที่เขียวขจีทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เสียงนกร้องที่แว่วมาตามสายลมเย็น ๆ ช่วยปลอบประโลมจิตใจที่ตื่นเต้นและกังวลของเธอได้ไม่น้อย ทำให้เธอลืมความวุ่นวายที่ผ่านมา และเริ่มรู้สึกว่าที่นี่อาจจะเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอได้จริง ๆ

ขณะที่อาราเพิลกำลังเพลิดเพลินอยู่กับความเงียบสงบในห้องพัก เสียงใส ๆ ก็ดังขึ้นจากประตู ทำให้เธอหันไปมองทันที

"ฮัลโหล! เธอคงจะเป็นเพื่อนใหม่ข้างห้องสินะ" เด็กหญิงผมสีทองยาวสลวยยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า

"เราชื่อ ลิเลีย ยินดีที่ได้รู้จักนะ!"

อาราเพิลรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตร เธอยิ้มตอบอย่างเขิน ๆ

"เราชื่อ อาราเพิล ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ลิเลีย"

บทสนทนาของทั้งสองเป็นไปอย่างราบรื่นราวกับรู้จักกันมานาน ลิเลียเล่าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับโรงเรียนด้วยน้ำเสียงร่าเริง ทั้งเรื่องห้องโถงใหญ่ที่เพดานสามารถเปลี่ยนเป็นภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนได้ และเรื่องสวนสมุนไพรที่เต็มไปด้วยพืชวิเศษมากมาย

"ห้องสมุดที่นี่ใหญ่มหัศจรรย์มากเลยนะ! มีหนังสือเวทมนตร์ทุกแขนงเท่าที่เธอจะจินตนาการได้เลย" ลิเลียพูดด้วยแววตาเป็นประกาย

"เราอยากไปดูหนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์รักษาโรคมากๆ เลยล่ะ"

"ว้าว ฟังดูน่าสนใจมากเลย" อาราเพิลกล่าว

"เราอยากรู้เรื่องของสัตว์วิเศษมากเลย ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีหนังสือเกี่ยวกับพวกนั้นรึเปล่า"

"ต้องมีแน่นอน!" ลิเลียตอบอย่างมั่นใจ

"ที่นี่มีทุกอย่างที่เธออยากรู้เลยล่ะ แล้วนี่…เธอมาจากไหนเหรอ เราไม่คุ้นหน้าเธอเลย"อาราเพิลยิ้มจางๆ

"เรามาจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ในป่าน่ะ ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่หรอก"

"ไม่เป็นไรน่า! ตอนนี้เธออยู่ที่นี่แล้ว" ลิเลียจับมืออาราเพิลเบาๆ

"เราดีใจนะที่ได้อยู่ห้องข้างๆ เธอ"

บทสนทนาของทั้งสองดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง พวกเธอแลกเปลี่ยนเรื่องราวส่วนตัวและความฝันในอนาคต ลิเลียพูดถึงความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักปรุงยา ส่วนอาราเพิลเล่าถึงความรู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองสามารถร่ายเวทมนตร์ได้ ทั้งสองพบว่าพวกเขามีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน

"ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ไปสำรวจห้องสมุดด้วยกันเลยไหมล่ะ" ลิเลียชวนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"เราจะได้หาหนังสือที่เราอยากอ่านกันไง!"

"ไปสิ!" อาราเพิลพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น เธอรู้สึกราวกับได้พบกับเพื่อนแท้คนแรกในที่แห่งนี้ ลิเลียทำให้ความกังวลที่เธอมีก่อนหน้านี้เลือนหายไปจนหมดสิ้น และแทนที่ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้สำรวจโลกเวทมนตร์อันกว้างใหญ่ไปพร้อมกับเพื่อนคนใหม่ของเธอ

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!