(ต่อจากตอนที่แล้วนะคะ)
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ฮ่าๆ” พี่กิตหัวเราะอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แหงล่ะ เรื่องที่พูดไปโกหกทั้งเพ “งั้นพี่ไปก่อน ไว้คุยกัน ฝากไอ้เฟรมไว้ด้วยล่ะ”
มือหนาขยี้หัวผมเบาๆ พี่เฟรมรีบโน้มตัวมาปัดมือพี่กิตออกจากหัวผมทันที
“ ทะลึ่งละ อย่าเล่นหัวมัน” พี่เฟรมชี้หน้าพี่กิตด้วยท่าทางห้ามปราม คนถูกปัดมือหัวเราะค่อยๆ ก่อนจะเดินจากไปเพื่อทำธุระของตัวเอง “ไอ้นี่ก็ไม่ห่วงหัวตัวเองเลย ใครจะเล่นใครจะขยี้ก็ได้ว่างั้น”
แล้วพี่แกจะมาอารมณ์เสียใส่ทำมะเขือเทศอะไร ทีเจ้าของหัวยังไม่พูดซักคำว่าแต่คนอื่น ทีตัวเองเล่นทำไมไม่ห้ามมือตัวเองบ้างวะ
ก็ไม่ได้อยากชอบสักหน่อยนิเว้ย!
“ช่างเหอะพี่ ทำดูเป็นพ่อคนที่สองของผมอีกละ”
“เดี๋ยวนี้หัดเถียง เดะๆ”
“ แล้วพี่เรียกผมมาทำไมอ่ะ มาด่างี้หรอ ผมไม่ว่างขนาดนั้นนะพี่” ผมแซว
“เรียกมาให้ช่วย” พี่เฟรมยืดอกพร้อมจะจริงจังในบทสนทนาต่อไปนี้ ผมวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ พลางเท้าข้างฟังคนตรงหน้าพูดสิ่งที่ต้องการ “ไหนๆ ก็รู้จักกันแล้วเรามาร่วมมือกันดีกว่า”
“ร่วมมือให้ช่วยเรื่องของพี่อ่ะนะ”
“อือ”
“พี่ไม่มีใครให้ขอความช่วยเหลือแล้วหรอ ทำไมต้องเป็นผมอ่ะ” แม้ข้างในจะรู้สึกดีที่อย่างน้อยชีวิตผมก็ได้เข้ามาทำความรู้จักและสนิทกับพี่เขาแล้วก็เถอะแต่ลางสังหรณ์ในเรื่องนี้มันรู้สึกทะแม่งๆแปลกๆแฮะ
“ไม่รู้จะไปพึ่งใครอะ ไอ้กิตมันก็ไม่ว่างต้องทำหนังส่งโปรเจคอีก น้องเทคกูเป็นผู้หญิงไม่สะดวกที่จะอยู่ด้วยหรอก ในตอนนี้กูนึกถึงมึงคนเดียวเลยเนี่ย”
“นึกถึงผม?” ผมชี้เข้าหาตัวเองอีกรอบอย่างไม่เชื่อหู
“เออ คิดถึงมึงคนเดียวเลย”
“อ่า...”
สัตว์เอ๊ย อย่า อย่าเผลอเขินนะไอ้พีท มึงต้องนิ่ง ทำเป็นเรื่องปกติไป ประโยคเมื่อกี้เขาพูดออกมาแบบไม่ได้คิดอะไรหรอก เขาหมายถึงนึกถึงมึงแค่นั้นแหละ
ป้าบ!
“เป็นเหี้ยไร มือกระดิกดิ๊กๆๆๆ”
“โอ๊ยพี่ เจ็บนะเว้ย!” ผมสะบัดมือรัวๆเพราะอยู่ๆ พี่เฟรมกลับยื่นมือมาตีมือผมที่กำลังเคาะโต๊ะไปมาเพราะความเขิน “ เข้าเรื่องเลยดีกว่า พี่อยากให้ผมทำอะไร”
“ช่วยสืบ” สายตาดูจริงจังคล้ายโคนันกำลังเล่าแผนการทั้งหมดในบ้านฆาตกรต่อเนื่องอะไรทำนองนั้น
“เรื่อง?” พี่เฟรมดีดตัวลุกขึ้นมานั่งข้างๆผมก่อนจะเอาเเขนมาคล้องคอผมเอาไว้
เฮ้ย!
นี่มันใกล้เกินความจำเป็นไปปะวะ หน้ากูเเทบจะซุกรักแร้แล้วนะนิพี่!
“กูตามหาคนคนนึงมานานละ เขาเรียนที่นี่ แต่กูไม่เคยเห็นหน้าเขาว่ะ”
“เอ้าพี่ ไม่เคยเห็นหน้าแล้วอยากจะหาไปทำไม ว่างหรอ”
“มึงไม่รู้หรอก การจะเสพติดคนคนหนึ่งได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะเว้ย กูชอบเขาผ่านตัวหนังสือแค่ไม่กี่ประโยค กูว่าเขานี่แหละ โดนใจใช่เลย..”
เพ้อเจ้อไรของเขาวะ
“แล้วเขาชื่ออะไรอ่ะ มีประวัติเขามะ” ผมเอ่ยถามแบบลวกๆ รู้สึกหงุดหงิดที่ต้องมาช่วยเรื่องอะไรแบบนี้ ไม่ได้อยากหาอะไรไร้สาระให้สักหน่อย
ไม่ช่วยได้ปะU_U
“คนนี้” พี่เฟรมดึงตัวผมเข้าไปใกล้เขาอีกครั้ง ลมหายใจอุ่นๆของพี่แกรดเข้าที่ใบหูซ้ายของผม ทำเอาผมต้องหลับตาปี๋เพราะรู้สึกเสียววูบขึ้นมาดื้อๆ พี่เฟรมสไลด์หน้าจอมือถือของตัวเองเพื่อหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะกดเข้าแอพพลิเคชั่นทวีตเตอร์ที่ผมติดนักติดหนา นาทีนี้เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่คล้ายลางสังหรณ์ในตอนแรกที่ผมรู้สึก มันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ...
พี่แกเข้ามาในหน้าฟีดทวิตตอร์ของบอทนักร้องผู้หญิงสัญชาติเกาหลีแสนคุ้นเคย ทั้งไบโอ ทั้งโพสต์ล่าสุดที่ครับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นตัวผมเองที่พิมพ์ลงไป ในตอนนี้หน้าผมชาไปหมด เมื่อบวกกับเสียงกระซิบแหบพร่าจากคุณข้างๆ ที่ผ่านเข้าสู่ประสาทสัมผัสการได้ยินอย่างทะลุปรุโปร่ง เล่นทำผมวาบไปทั้งร่างกายคล้ายกับถูกมนตร์สะกดไปทันที
“กูจะจีบคนนี้ ช่วยตามหาเขาให้กูทีสิ...”
—จบ—
...ΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩ...
**กฏของการเล่นบอทข้อที่ 4**
‘ ไม่จำเป็นต้องบอกความลับของตัวเองให้คนในทวิตรู้ทุกเรื่อง’
“กูจะจีบคนนี้ ช่วยตามหาเขาให้กูทีสิ..."
"เฮ้ยพี่ ผมไม่เอาด้วยอ่ะ"ผมเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของคนร่างหนา พี่เฟรมดูผงะไปนิดนึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าสงสัยใส่ผมแทน
“เป็นไรวะ”
"ผมช่วยพี่ไม่ได้หรอก" ผมพูดก่อนจะรีบหาข้ออ้างปกปิด ความผิดปกติของตัวเอง "รูปก็เป็นรูปดารานักร้องเกาหลีขนาดนี้ พี่จะให้ผมตามหาได้ไงอ่ะ"
"มึงสืบสิ"
"ผมไม่เก่งขนาดนั้น"
"มันยากมากหรอวะ กะอีแค่ตามหาคนคนเดียวเนี่ย"
"แหงดิพี่ หน้าก็ไม่มี ไหนจะชื่ออีก แค่ชื่อแอคเคาน์มันไม่ได้พิสูจน์ว่านั่นเป็นชื่อจริงเจ้าของแอคนะพี่"
"ไม่ช่วยจริงดิ..."
"ครับ ไม่เอาด้วยอ่ะ" ผมพูดเสร็จก็กระชับกระเป๋าเตรียมลุกขึ้นเพื่อเผ่นออกจากที่นี่
ในทีแรกที่ผมเห็นเขาทักบอทมา ผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นแอคเคาน์ของพี่เฟรมจนกระทั่งวันนึงที่พี่แกถ่ายรูปต่างหูคู่ใหม่ที่แกใส่อยู่มาให้ดูนั่นแหละ ผมถึงกับช็อก..
ที่คุยอยู่ทุกวันก็รุ่นพี่ตัวเองดีๆนี่เอง
โลกนี้ก็กลมสัตว์จริงๆบิดเบี้ยวมั่งก็ได้มั้ง!
"อืม ขอบใจนะที่เสียเวลารีบลงมา..." น้ำเสียงค่อยๆ คล้ายตัดพ้อดังขึ้นจนผมต้องหันไปมองเจ้าของเสียง พี่เฟรมก้มหน้ามองมือถือในมือตัวเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย ขณะเลื่อนหน้าฟีดบอทของผมอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ผมที่ยืนอยู่กลับไม่อยากหนีขึ้นมาดื้อๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงยังไม่รีบออกจากตรงนี้เสียที
มัวแต่ยืนดูแม่งพร่ำเพ้ออยู่เนี่ย
"พี่จะอยากเจอเขาไปทำไมอ่ะ" ผมถามเหตุผลอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าคนเราสามารถรักใครได้โดยไม่มีเหตุผลก็เถอะ แต่นี่มันโลกของบอท พี่เขาแยกแยะไม่ออกเหรอว่าโลกของบอทกับโลกความเป็นจริงมันต่างกัน
มันรักกันไม่ได้...
"ไม่รู้ ไม่มีเหตุผล" พี่เฟรมส่ายหน้าปฏิเสธ เขาเงยหน้าส่งสายตานิ่งมาให้จนผมรู้สึกผิดที่ไปตัดความหวังเขาแบบนั้น
"ผมขอโทษนะพี่ แต่ว่า..."
"กูรู้แค่ว่ากูรู้สึกดีกับเขา...แค่คุยทุกวันแล้วมีความสุข ยิ้มได้ทุกครั้งที่อ่านข้อความหวานๆที่เขาส่งมา เป็นห่วงเป็นใยตลอดทุกๆวัน จะอ้อนก็อ้อนได้ เรารักเขาทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าเขาสักครั้ง มันน่าจะเป็นเรื่องที่ควรเข้าใจได้แล้วนะ ว่าทำไมเราถึงรักคนคนนึงได้โดยไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมากมายมาอธิบายน่ะ"
"แต่พี่กำลังคุยกับบอท พี่รู้จักเรื่องพวกนี้น้อยไปด้วยซ้ำ"
"ทำเหมือนมึงเข้าใจดีงั้นอ่ะ"
"มากกว่าพี่แล้วกัน" ผมเถียงกลับไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ชอบสายตากดดันอะไรแบบนี้เลยว่ะ "บอททุกบอทเฟรนลี่กับทุกคน พี่ไม่เข้าใจตรรกะนี้หรือไง"
"เข้าใจ แต่มันรู้สึกดีไปแล้วนี่" พี่เฟรมถอนหายใจออกมา "จะไม่ช่วยจริงๆหรอพีท..."
อ่ะ...
คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากเขาด้วยโทนเสียงที่คล้ายกับการอ้อนวอนมากที่สุด ก้นเหนียวหนืดติดคอทำเอาผมถึงกับพูดอะไรต่อไปไม่ออก จะบอกคำว่าไม่ยังยากเลย
"..."
"ช่วยกูเหอะ น่านะ"พี่เฟรมเงยหน้าขึ้นมาส่งแววตาขี้อ้อนใส่
ใจแข็งเข้าไว้พีท มึงต้องอย่าใจอ่อนกับความน่ารักของนางมันเป็นเล่ห์กล
"ไม่อ่ะพี่"
"นะ กูขอร้อง เดี๋ยวเลี้ยงยำไข่เยี่ยวม้าสามถุงเนาะ" คราวนี้พี่เฟรมดึงชายเสื้อของผมแถมยังทำหน้าอ้อนใส่อีกครั้ง ยิ่งคนเดินผ่านไปมามองนี่พี่แกไม่อายบ้างเหรอวะเฮ้ย!
อีกอย่างกูไม่แดกไข่เว้ยยย!
"เออ ผมลืมบอก ผมไม่กิ..."
"ครั้งเดียว" พี่เฟรมชูนิ้วขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ตัวเลข "แค่ครั้งเดียวก็ได้"
"กินไข่ครั้งเดียว?"
"ช่วยกูครั้งเดียวสิเว้ย!" พี่เฟรมปรี๊ดแตกทันทีที่ผมปล่อยเด๋อออกไป ก็ไม่รู้นี่หว่าว่าคุยประเด็นไหนเป็นหลักอยู่ วกเข้าเรื่องไข่ก็คิดว่าหมายถึงไข่ "ถ้าเรื่องแค่นี้ช่วยรุ่นพี่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร โอเค พี่ไม่ยุ่งกับเราแล้วก็ได้"
เอ้า ตัดบทงอนใส่เลย ผมเลิ่กลั่กไม่รู้จะตัดสินใจเดินจากไปเลยดีไหม แต่เวลาเจอกันครั้งต่อไปคงมองหน้ากันไม่ติดแน่ๆเล่นปฏิเสธทั้งที่พี่แกขอร้องแทบตายแบบนี้
งานยากสุดของวันนี้ก็คือการตัดสินใจในเรื่องแบบนี้แหละ
ช่วยเขาตามหาตัวผมเอง ยิ่งพูดก็ยิ่งงงฮ่วย!
"พี่อย่างอนดิ" ผมนั่งลงไปที่เดิมอีกครั้ง พี่เฟรมเเบะปากอย่างน่ารักทำเอาผมถึงกับยิ้มออกมาเพราะดึงหน้าไม่ไหวแล้ว "พี่จะให้ผมช่วยอะไร ในเมื่อคนในบอทนี้ไม่มีรูปที่แสดงตัวตนอะไรเลย"
"มีดิ มีอยู่รูปนึง" ผมชะงักไปนิดๆเมื่อพี่เฟรมกลับพูดออกมาว่ามีรูปแสดงตัวตนผม นี่กูไปปล่อยโป๊ะอะไรไว้ตอนไหนหรือเปล่าวะ ไม่เคยลงรูปผิดเอคเคาน์นี่แล้วจะมีได้ไง...
"อ่ะ" พี่เฟรมยื่นหน้าจอมาให้ผมดูอีกครั้ง มันคือรูปมือของผมถือแก้วน้ำปั่นในตอนที่เดินไปเจเจกรีนแล้วถ่ายส่งไปให้พี่แกดูว่าตอนนั้นอยู่ที่ไหน แถมในมุมนั้นยังมืดๆสลัวๆดูยังไงก็ดูไม่ออกว่านั่นมือหรือเท้ากันแน่
"รูปมือเนี่ยนะ" ผมหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้
"อืม ก็มีรูปเดียวอ่ะ"
"โอ้ยพี่ ผมว่าล้มเลิกเถอะ"
"ไม่อ่ะ น้องเขาสัญญาแล้วว่าจะมาเจอกู แต่น้องเขาไม่ว่างก็แค่นั้น"
เดี๋ยวนะ กูไปสัญญาตอนไหน...
‘ไว้วันอื่นแล้วกันน้า พายไม่ว่างจริงๆ’
คำว่าไว้วันอื่นไม่ได้แปลว่าจะไปจริงๆนะเว้ย!
แม้จะบ่นในใจแต่ตอนนี้ผมกลับตีหน้านิ่งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
"พี่จะนัดเขามาหาหรอ" ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"ใช่ นัดมาเดท" ผมถึงกับสำลักน้ำลายจนต้องแอบทุบอกตัวเองเบาๆ"แล้วมึงคือผู้จัดหาสถานที่เดทดีๆให้กูทำได้ไหม"
"หา! อะไรวะพี่ ทำไมจับมัดมือชกกันดื้อๆแบบนี้อ่ะ"จะมาให้กูจัดสถานที่เดทให้มึงกับกูเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว!
"ต้องช่วย! ลงเรือลำเดียวกันแล้ว"
"ผมกระโดดลงจากเรือทันไหมล่ะ!"
"ไม่ได้! กูจะลงไปว่ายน้ำเอาตัวมึงกลับมา"
"ก็แหงล่ะU_U"
แม่ง ความบัดซบที่สุดในวันนี้คือการช่วยพี่เฟรมหาที่เดทที่ดีที่สุดให้ตัวเองเนี่ยนะ...
ควรบอกเขาไปเลยมะ...
—โปรดติดตามตอนต่อไป:\)—
...ΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩ...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments