บทที่4 การเปลี่ยนแปลง

.

.

“ห๊าว~”

เมื่อยามเช้ามาถึงก็จำเป็นต้องตื่นและธัญญ์ก็เช่นกันที่ติดนิสัยตื่นเช้ามาตั้งแต่เด็กยันโต ซึ่งเขารู้สึกว่ามันก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขาเช่นกันเหมือนอย่างตอนนี้ ณ เวลา ตี5ครึ่ง

ธัญญ์สลึมสลือตื่นมาด้วยความไม่สดชื่นในยามเช้า พลางขยับเขยื้อนร่างกายขับความปวดเมื่อยออกไปให้หมดสิ้น ก่อนจะเอื้อมมือแตะข้างๆหวังปลุกเจ้าเด็กน้อยให้ตื่น ทว่าธัญญ์ก็ต้องผิดหวังเมื่อเขาสัมผัสไม่โดนอะไรเลย มันว่างเปล่า มีเพียงสัมผัสของผ้าปูเตียงเท่านั้นที่เขารู้สึกได้

และด้วยสิ่งนั้นมันก็เพียงพอจะทำให้ธัญญ์ตาโตตื่นตกใจจากความง่วงผุดลุกผุดวิ่งลงจากเตียงวิ่งลงบันไดมาชั้นล่างในทันที

ตึก ตึก ตึก

เสียงวิ่งลงบันไดดังกึกก้องพอๆกับเสียงหัวใจที่เต้นตุ้มๆต่อมๆไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงปนวิตกกังวลเกี่ยวกับเด็กชายตัวน้อยแสนประหลาดในปกครองของตน ที่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหนหรือทำอะไรอยู่ ไม่รู้อะไรเลย

เขาทำได้แค่สอดส่องสายตาไปทั่วด้วยความตื่นตระหนก ไม่ว่าจะทั้งชั้นหนังสือ โต๊ะ ตู้ ผนัง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในบ้าน

แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายเขากลับเจอแต่ความว่างเปล่า มีเพียงเหงื่อกาฬไหลรินเหนอะหนะด้วยความเหนื่อย แต่เขาไม่สน ตอนนี้เขาสนแค่เด็กคนนั้นเด็กประหลาดนัยย์ตาสีเลือดคนนั้น

ต้องหาให้เจอ

ไม่ว่ายังไงก็ตาม

เพราะเขากลัว กลัวเหลือเกินว่าเด็กคนนั้นจะได้รับบาดเจ็บ มันเป็นความกลัววที่เขาอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

มันกัดกร่อนหัวใจของเขาอย่างถึงขีดสุด

อยู่ที่ไหนกันแน่นะเด็กประหลาดนั่น

เธออยู่ไหนกัน

อยู่ไหน

เท้ายังคงวิ่ง เสียงในใจยังคงตะโกนก้อง สายตายังสอดส่องปากเม้มลงอย่างชั่งใจก่อนจะนึกได้ว่ายังมีอีกที่หนึ่งที่ธัญญ์ยังไม่ได้ไป เมื่อนึกได้เขาก็ไม่รอช้ารีบเอี้ยวตัวหันเท้าไปทางนั้นทันทีแบบไม่รีรอ

แต่. . .ไปดูก่อนก็ได้

เมื่อธัญญ์มาถึงเขาก็ไม่รอช้าเอื้อมมือบางจับลูกบิดประตูกรอบสี่เหลี่ยมน้ำตาลนั้นทันที

แอ๊ด

และเมื่อประตูแผ่นไม้สี่เหลี่ยมกรอบน้ำตาลนั้นได้เปิดออก สองสายตาก็ได้สบกันประสานชั่วจังหวะ นัยย์ตาสีโลหิตผสานเข้ากับนัยย์ตาสีเปลือกไม้แสนสวยตรงหน้า

จ้องกันเนิ่นนานจนเหมือนเวลาหยุดลงชั่วขณะ หมุนค้างในอากาศราวปุยนุ่น คำพูดถูกสะกดไว้จนไม่อาจเอ้ยเอ่ยสิ่งใดได้แม้กระทั่งเสียงหอบหายใจในลำคอของเขาก็ตาม

ถึงกระนั้นนัยย์ตาสีเปลือกไม้ยังคงจ้องมองเด็กชายตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง เว้นแต่ในวินาทีต่อมาเขาจะมองเด็กชายด้วยแววตาที่ดูแปลกไปเมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาเกือบเท่าตัวเขา

ซึ่งแค่นั้นอาจจะยังไม่น่าเหลือเชื่อหรือแปลกพอเท่ากับชื่อหนังสืออย่าง\`ประวัติศาสตร์อุบติรักของดยุกผู้เห็นแก่ตัว\`

แค่เห็นชื่อก็รู้แล้วใช่ปะว่ามัน คือ นิยายโรแมนติกแฟนตาซียุคกลางที่ผมค่อนข้างชอบมันเลยทีเดียวหล่ะ และดูเหมือนเจ้าตัวเล็กนี่จะชอบมันเหมือนกัน ดูได้จากแววตากลมสวยคู่นั้นที่จ้องมันอย่างไม่วางตา

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอ่านไม่ออกนะ เนื่องจากเจ้าเด็กตรงหน้าค้างอยู่หน้านั้นมาเป็นสิบนาทีแล้ว

“เธออยากฟังมั้ย เรื่องในมือเธอหน่ะ”

หงึกหงัก

นับเป็นปฎิกิริยาอันน่าพึงพอใจยามใบหน้านั้นพยักลงบอกความต้องการ

ก็ดูน่าเอ็นดูเชียวแหละ

ถ้าพูดอีกสักหน่อยหล่ะก็นะ

“งั้นเดี๋ยวฉันอาสาเล่าให้ฟังเองแต่เธอต้องสัญญานะว่าถ้าอยากได้อะไรหรือไปที่ไหนต้องมาบอกฉันก่อน ”

“. . .” 040นั่งนิ่งฟังอย่างไม่เข้าใจ

ทำไมหล่ะ?

นั่นเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรอที่เขาไปให้ห่างสายตา

เพราะพวกผู้คุมก็คิดอย่างนั้นหรือเขาทำอะไรผิดไป

เมื่อเห็นใบหน้าน้อยๆนั่นเกิดความงสัยอย่างไม่รู้ตัวเขาก็เผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้พร้อมแถลงไขให้เจ้าตัวน้อยฟัง

“ก็เพราะฉันเป็นห่วงเธอไง ”

เป็นห่วง?

“จะว่าไงดีหล่ะ มัน

ความอุ่นวาบเกิดขึ้นอย่างประหลาดอีกครั้ง

ภายในใจรู้สึกอุ่นไปหมด

คล้ายถูกเติมเต็มด้วยมือที่มองไม่เห็นจน040ไม่รู้ว่าต้องตั้งรับกับมันยังไงดี

ทว่านิ้วก้อยของคนตรงหน้าก็ยื่นมาเสียแล้ว

“สัญญานะ”

ถ้อยคำหวานเอ่ยออกมาอย่างจริงใจพร้อมสายตาแห่งความเชื่อใจแผ่ออกมาจนทำให้040คล้อยตามได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

“. . .”

นิ้วน้อยๆก็ค่อยๆเอื้อมออกมาเฉกเช่นคนตรงหน้าไม่มีผิดเพี้ยน แล้วจึงเกี่ยวก้อยแทนคำสัญญาอย่างภักดี

“เกี่ยวก้อยสัญญา ใครโกหกต้องกลืนเข็มพันเล่ม”

‘เกี่ยวก้อยสัญญา ใครโกหกต้องกลืนเข็มพันเล่ม’

หลังจบคำสัญญาแบบเด็กธัญญ์ก็ไม่มัวรีรอรีบหยิบหนังสือเล่มหนามาไว้ในมือตัวเองทันที

“ขออนุญาตนะ”

“ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดน เซลลันเซีย ได้มี. . .”

เสียงทุ้มหวานยังคงเอ่ยเล่าเรื่องราวในนิยาย ส่วน040ก็เอียงหูฟังพลางมองคนเล่าอย่างธัญญ์ไปอย่างเพลินๆโดยคนตัวโตกว่าไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด ยังคงเล่าต่อไปด้วยความสุข

เสียงหวานจัง

นุ่ม

เพราะมาก

ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งน่าสนใจ

คนแปลกหน้าแสนใจดี ณ โลกแห่งนี้

พิเศษ

คุณคือคนพิเศษสำหรับผม ธัญญ์

“ด้วยความร้ายกาจของแม่มดทาทาก้าทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความโกลาหล จบบทที่4”

ทุกช่วงเวลา

“เธอชอบเรื่องนี้มั้ย”

หงึกหงัก`ที่สุด`

เขายังคงพยกหน้าหงึกหงักแบบที่ทำเป็นปกติเช่นเคย

“อืม แต่น่าเสียดายเนอะ ดูเหมือนฉันจะเล่าต่อให้ฟังไม่ได้แล้วเพราะตอนนี้ท้องฉันร้องจ๊อกๆเลย”

040ตกใจขมวดคิ้วมุ่ยจากประโยคนั้น‘ ม ม หมายความว่าผมจะไม่ได้ฟังต่ออย่างนั้นหรอ’

040เม้มปากลงอย่างขัดใจ ‘ไม่ได้นะ จบลงตรงนี้ไม่ได้นะ’

‘ธัญญ์ต้องเล่าต่อสิ’

ด้วยเหตุนั้นมือเล็กจึงยื่นออกไปหมายคว้าเสื้อของคนโตกว่าอย่างไม่ลังเล อีกทั้งยังดึงรั้งสะกิดๆเบาๆบอกความหมายว่าอยากฟังต่อ

ซึ่งธัญญ์เองก็รู้ถึงปฎิกิริยานี้ เขาจึงหันหน้ามา

“ถึงอย่างนั้นก็เหอะ แต่ไม่ได้นะ ”

ราวสายฟ้าฟาดเข้ากลางตัวของ040ดังเปรี๊ยง

‘ทำไมหล่ะ’

“เพราะพวกเรามีนัดทานข้าวเช้ากันเธอลืมแล้วหรอ เด็กจำเป็นต้องกินข้าวนะรู้มั้ย”

‘แต่ผมไม่ใช่เด็ก’

040พลางไม่ชอบคำเรียกนั้นและไม่เห็นด้วยอยู่ในใจ เขาไม่ยอมแน่

“และไม่มีแต่- ”

ตุ๊บ!

หนังสือหนาในมือพลันร่วงหล่น ตาเปลือกไม้เบิกกว้าง นิ่งแข็งค้างเมื่อได้ยินคำพูดจากเจ้าเด็กประหลาดผู้ที่ไม่เคยยอมพูดกับเขามาก่อน

มันเป็นประโยคแสนเรียบง่ายทว่าทรงพลัง

เป็นครั้งแรกเลยที่ผมดีใจที่สุดในชีวิตราวกับผมทำอะไรบางอย่างสำเร็จ

เพียงถ้อยคำง่ายๆอย่างคำว่า

“เล่าให้ฟังมากกว่านี้สิธัญญ์”

________________________

จะเป็นยังไงก็รอติดตามบทต่อไปนะคะ ถ้าชอบยังไงก็ฝากคอมเม้น กดใจ กดเข้าชั้นด้วยนะคะ จะพยายามพัฒนาต่อไปค่ะ คอมเม้นได้ฮะไม่กัดน้า บ๊ายบาย

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!