ธัญญ์นารา โชคของผมคือคุณ
.
.
.
**โชคชะตา**
คงเป็นคำคุ้นหูที่ทุกคนคงเคยได้ยินบ่อยๆใช่มั้ยหล่ะครับ และคงรู้ถึงความหมายของมันดี หรือถ้าใครที่ไม่รู้ความหมายของมันจริงๆ หรือตีความออกมาไม่แตกฉาน ผมก็จะบอกให้ฟังถึงความหมายของมันเอง
ซึ่งคำนี้สามารถอธิบายได้แบบง่ายๆ ฉบับตามความเข้าใจของผม มันคือเส้นเวลาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้และไม่รู้ว่าจะมาตอนไหนหรือเมื่อไหร่ เราไม่สามารถรู้ได้เลย
เพราะมันอาจจะมาในตอนที่เราต้องการหรือไม่ต้องการก็ได้ราวกับปฏิหาริย์ อย่างเช่นกับประโยคที่ว่า
'อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด'
ซึ่งผมก็เจอเข้ากับตัวมาเหมือนกันแบบจังๆตรงหน้าเลยหล่ะ ไม่นานนี้ เมื่อตอนค่ำของเย็นวันนี้ ถ้าให้ย้อนกลับไปหล่ะก็นะ
.
.
.
20:30
"ไว้มาใช้บริการใหม่นะครับ"
'กริ๊ง'
และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของวัน ที่กล่าวเชิญไล่หลังลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้านไปในตอนดึก ก่อนที่ผมจะสาวเท้าเดินตรงไปพลิกป้ายพร้อมกับปิดร้านลงอย่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรตื่นเต้นหวือหวาหรือน่าสนใจเฉกเช่นปกติอย่างทุกวัน
เพราะหลังจากปิดร้านเสร็จผมก็จำต้องลากสังขารอันอ่อนล้าของตัวเองที่ทำงานตลอดมาทั้งวันขึ้นไปบนชั้น2ของตัวร้าน อันเปรียบเหมือนบ้านของผม เพื่อที่ผมจะได้ทำธุระส่วนตัวและพักผ่อน
ซึ่งจะเรียกว่าพักผ่อนมันก็ได้อยู่แหล่ะ แต่ไอ้การพักผ่อนที่ผมหมายถึงคือการมานั่งอ่านหนังสือชิวๆใต้เบาะรองนั่งนิ่มๆโดยไร้สิ่งรบกวน ภายใต้แสงเรืองรองสวยจากโคมไฟตัวเก่ง ทั้งยังมีหนังสือล้อมรอบกายอีกเป็นกอง สร้างความอภิรมย์ใจอย่างถึงที่สุด เหมือนกับว่าผมได้ชาร์จพลังงานให้ตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
" มีความสุขจัง"
ผมพูดพลางยกยิ้มมุมปากขณะกวาดสายตามองไปรอบร้านของผมอย่างมีความสุข ใช่รอบร้านหนังสือธัญญ์นาราของผมเอง มันเป็นของผม ร้านหนังสือที่มีหนังสือมากมายรอให้ผู้คนมาเปิดอ่าน
ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวผมเองก็ตาม ที่ปรารถนาจะอ่านมัน
อ่า มันนานมากแล้ว ที่ผมฝันที่จะมีร้านหนังสือแบบนี้ และผมก็ได้มันมาจริงๆ ร้านหนังสือธัญญ์นาราของผม ถึงแม้มันจะเป็นร้านหนังสือเล็กๆภายในตัวจังหวัดที่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควรแต่มันก็เป็นร้านแบบที่ผมใฝ่ฝัน
เพราะหลังจากเก็บเงินได้มากพอจะซื้อมัน ผมก็ตัดสินใจเอามันมาครอบครอง ทั้งยังตกแต่งจนร้านนี้กลายเป็นแบบปัจจุบัน
โดยที่โซนข้างล่างกลายเป็นร้านหนังสือแบบทั่วไป มีหนังสือให้เลือกสรรเหมือนปกติ มีที่นั่งคอย หรือจะเป็นที่อ่านแบบเบาะรองนั่งผมก็มี ทั้งยังซื้อและเช่าได้ตามเรทราคา เป็นฟิลเหมือนร้านหนังสือทั่วไป
ทว่าโซนชั้นบนกลับพิเศษกว่าเพราะผมดัดแปลงมันเป็นบ้าน มีห้องน้ำ ห้องครัว และห้องนอน แสนน่ารักอย่างละห้องอยู่อย่างครบครัน พร้อมทั้งข้าวของเครื่องใช้แสนสะดวกสบายในการดำรงชีวิต
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังชอบมาขลุกตัวอยู่ข้างล่างตรงมุมโปรดของผมอยู่ดี อาจจะเป็นเพราะมันสบายใจดี ผมคิดพลางเปิดอ่านหนังสือเล่มหนาไปด้วยอย่างมีความสุขจนค่อยๆผล็อยหลับไปด้วยความง่วงและเพลีย
ทว่าไม่นานผมก็จำต้องกลับลืมตาสะดุ้งขึ้นตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยความจำเป็นเมื่อครั้นได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากทางด้านหลังเคาน์เตอร์คิดเงินของผม
"อือ " เสียงอะไร?
มันเป็นเสียงแปลกๆคล้ายเสียงคลื่นความถี่ดังครืนครานๆสวบสาบๆข้างหู ดูไม่น่าไว้ใจ
ไม่รอช้าพลันร่างกายไปเร็วกว่าสมอง ทำให้ธัญรีบวิ่งมาดูพร้อมอาวุธคู่ใจอย่างไม้เบสบอลหนัก 1กิโลภายในมือ พร้อมออกรบทันทีที่เหวี่ยงไป
เพราะสิ่งที่คิดเขาคิดอาจเป็นขโมยก็ได้ใครจะไปรู้ ก็คิดดูสิว่าใครจะมาเดินในกลางค่ำกลางคืนดึกๆดื่นๆหลงร้านปิดแบบนี้ แถมแถวนี้ชาวบ้านเขา นอนกันเร็วจะตายแค่สองทุ่มก็สลบไสลกันจนแทบไม่มีเสียงอะไรแล้ว ยกเว้นเพียงเสียงหมาเห่าหล่ะนะที่ยังคงมีอยู่ทุกวันจนดูน่ารำคาญ
แต่พอมาคิดดูแล้ว ร้านหนังสือเล็กๆแบบนี้จะมีโจรมาขโมยด้วยหรอ ยิ่งคิดยิ่งไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด หากแต่ผมได้ยินเสียงนั่นจริงๆนะ
แถมสัญชาตญาณยังบอกอีกว่ามีคนมาจริงๆ ผมพลางคิดในใจก่อนเสียงจะเริ่มดังขึ้นอีกย้ำเตือนถึงความผิดปกตินี้
'เปรี๊ยะ!!!'
นั่นไง ว่าแล้วไง เสียงนั่นจริงๆด้วย แต่ว่าทำไมมันอยู่ใกล้จังหล่ะวะ เสียงมันเหมือนอยู่ตรงหน้าผมเลย
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
คล้ายเสียงปริแตกของแก้วอย่างไรอย่างนั้น เสียงนี้ชักแปลกขึ้นไปทุกที
ผมได้แค่สงสัย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากสอดส่องสายตาไปตามความมืด ที่ยังคงมีไฟสลัวๆเบาบางจากแสงไฟที่ผมเปิดเป็นบางจุดเพื่อมองเห็นถึงความผิดปกตินั่น
แต่ความสงสัยก็อยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อเสียงนั่นได้หยุดลง พร้อมกับเสียงคล้ายแก้วแตกดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งร้าน ก่อนจะมีวงคล้ายหลุมดำขนาดย่อมโผล่ออกมาพร้อมทั้งมีประกายจากเศษกลุ่มแก๊สกาแล็กซี่หลากหลายสี
หมุนวนเป็นเกลียวคลื่นอย่างพิศวงดูน่าประหลาดทว่าก็ดูสวยงามในคราวเดียวกัน จนผมได้แต่ตะลึงงึงงันไม่ขยับไปไหน
`เพล้ง!!!`
ไม่ใช่ไม่ขยับไปไหนแต่ผมขยับไม่ได้จริงๆต่างหาก มันเป็นเพราะผมยังคงตกใจกับหลุมดำปริศนาที่จู่ๆก็โผล่มากลางร้านอย่างกระทันหัน ทำให้ขาแข็งชั่วขณะ และทันใดนั้น
'ตึก ตึก ตึก`
หลุมดำขนาดย่อมตรงหน้าเริ่มมีปฎิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้น เป็นอะไรที่ผมไม่อาจคาดเดาได้ เพียงแต่นี่ไม่ใช่เวลามามองอย่างเดียว เพราะเหมือนจะมีบางอย่างหลุดออกมาจากมันด้วย
และดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ซะด้วย ดูได้จากเงา ที่ค่อยๆคืบคลานใกล้เข้ามา ทำให้ความมั่นใจของผมเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น
"อั๊ก"
แต่ไม่ทันไรผมก็ต้องเจ็บตัวอีกรอบ จากเจ้าสิ่งนั้นข้างในนั้น ในหลุมทึบดำอันน่าพิศวงค์นั่น เพราะสิ่งนั้นดูเหมือนจะถูกแรงโน้มถ่วงจากหลุมเหวี่ยงมาโดนผมเข้าแบบเต็มๆ จนจุกไปหมดแทบลุกไม่ขึ้น
และเมื่อสิ่งนั้นหลุดออกมาได้ เจ้าหลุมดำขนาดย่อมนั้นมันก็ได้สลายหายไปราวกับไม่มีอยู่จริง อย่างกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่จู่ๆก็เกิดจู่ๆก็ดับ คาดเดาไม่ได้แถมยังไม่รู้ว่าจะเป็นอัตรายรึเปล่า แต่ก็นั่นแหละคิดมากไปก็แค่นั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นมันก็ทำให้ผมหันกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่กระเด็นมาโดนจนผมอยู่ในสภาพแบบนี้
พอครั้นมองดูดีๆกลับกลายเป็นเด็กผู้ชาย สวมชุดสีขาวทั้งตัวคล้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ดูเหมือนจะมีไข้สูง เพราะตอนที่เขากระเด็นมาโดนตัวผมนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของเด็กคนนี้ ที่สูงกว่ามนุษย์ปกติไปโข
ทำให้ผมมีทางเลือกไม่กี่อย่าง ต้องจำใจลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ เดินตัวงอไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับชามเล็กๆเอาไปใส่น้ำวางไว้ พลางคิดในใจว่าถึงแม้เด็กมอมแมมตรงหน้าจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผมก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี ซึ่งผมที่เป็นผู้ใหญ่ ก็ไม่อาจทิ้งเขาให้อยู่ในสภาพนี้ได้
ก่อนธัญจะรีบเดินมาลากตัวเด็กผู้ชายคนนั้นขึ้นนอนบนโซฟาอย่างเบามือ พร้อมทั้งบิดผ้าเช็ดตัวผืนน้อยไปด้วย คอยถูคอยเช็ดร่างกายให้จนอาการคงที่ ผมถึงได้พักผ่อนสักที
แต่ไม่แคล้ว ผมก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งด้วยความเพลียกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนนอนสลบข้างๆโซฟาอย่างไม่รู้ตัว
.
.
.
อีกด้านหนึ่ง ภายในแลปวิจัยแห่งหนึ่งเกิดได้เรื่องขึ้นในระหว่างที่กำลังทำการทดลองการเคลื่อนตัวไปยังโลกคู่ขนานอยู่นั้น ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
โดยตัวทดลอง040หายไปด้วยแรงระเบิดจากตัวเครื่อง เล่นเอาทั้งห้องทดลองทั้งคนพังเละแบบไม่เป็นท่าแถมตัวทดลองชั้นดียังหายไปอีก ทำให้ดาเนียลหัวหน้าแผนกการทดลองนี้
โกรธเป็นฟืน เป็นไฟโมโหอาละวาดไปทั่วจนทุกคนได้แต่กลัวหัวหดก้มหน้างุดไม่กล้าเถียงแม้แต่คำเดียว
"ทำงานไม่ได้เรื่องกันจริงๆเลยไอ้พวกนี้เดี๋ยวก็ไล่ออกซะให้หมดหรอก!!!" ดาเนียลตะคอกด้วยความไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น
"ข ขออภัยครับหัวหน้า จะไม่ให้เกิดแบบนี้อีกขึ้นแน่นอนครับ"
"มันต้องแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องไม่มีผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่2!!!"
"ครับ แล้วทางเราจะทำยังไงกันต่อดีครับ"
"ที่ถามเนี่ยกวนตีนฉันใช่มั้ยห๊ะ ถ้ามีสมองก็หัดคิดเองบ้างสิ ไม่ใช่รอให้เอาแต่สั่งๆๆๆแล้วให้ทำตามหน่ะ "
"ค ครับ เข้าใจแล้วครับ-"
"ช่างแม่งเถอะ แต่ตอนนี้รีบไปหาตัวทดลอง040ก่อน เดี๋ยวนี้เลยหรือไม่งั้นฉันจะเอาแกไปทดลองเองเข้าใจมั้ย!!!"
____________________________
เย้ เรื่องใหม่มาแล้วแต่เป็นตอนสั้นนะคะ ยังไม่ยาวมากนะคะ อยากลองแต่งให้จบดูก่อนหน่ะค่ะ ไว้มาตามอ่านกันเยอะๆน้า ถ้าชอบ กดคอมเม้น กดใจ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ บายค่ะ🥰
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 13
Comments