แสงสุดท้ายของความมืด
เสียงฝนกระทบหลังคาสังกะสีดัง เปาะแปะ ไม่ขาดสาย ราวกับบทเพลงที่โลกบรรเลงซ้ำไปซ้ำมาในคืนอันยาวนาน ห้องไม้เล็ก ๆ กลางหมู่บ้านเงียบสงัด เว้นแต่เสียงฝนที่โหมกระหน่ำกับเสียงสะอื้นเบา ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่ง เธอนั่งกอดเข่าที่มุมห้อง เสื้อผ้าบางเฉียกชื้นเพราะน้ำฝนที่สาดเข้ามาตามช่องหน้าต่างเก่า ๆ
“อีกแล้ว…” อัยย์พึมพำเบา ๆ กับตัวเอง ดวงตากลมโตแดงช้ำ น้ำตายังเอ่อคลอไม่หยุด
เสียงทะเลาะกันจากห้องข้าง ๆ ดังแข่งกับเสียงฝน พ่อกับแม่ของเธอแทบไม่เคยพูดจากันด้วยความอ่อนโยน มีแต่คำตำหนิ เสียงตะโกน และเสียงของสิ่งของที่ถูกปาใส่กัน ความรุนแรงเหล่านี้คือสิ่งที่อัยย์เติบโตมาพร้อมกับมัน เธออายุเพียงสิบสองปี แต่ในใจกลับเหมือนผ่านโลกที่เต็มไปด้วยความขมขื่นมานับครั้งไม่ถ้วน
สำหรับเด็กคนอื่น ฝนตกอาจหมายถึงความสุข ได้วิ่งเล่นท่ามกลางสายฝนหรือซุกตัวในผ้าห่มอุ่น ๆ ฟังเสียงหยดน้ำพลางฝันหวาน แต่สำหรับอัยย์ ฝนคือสัญญาณของคืนที่ยาวนาน คืนที่บ้านกลายเป็นสนามรบ และหัวใจเธอเป็นสมรภูมิที่ไม่มีใครเห็น
“หนวกหู…” เธอเอามืออุดหู หวังจะไม่ต้องฟังเสียงโต้เถียง แต่เสียงนั้นก็ยังลอดเข้ามาไม่หยุด
อัยย์เป็นลูกคนสุดท้องของบ้าน มีพี่ชายหนึ่งคน และพี่สาวอีกสามคน บ้านที่ควรจะเต็มไปด้วยความรักและเสียงหัวเราะกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด พี่ ๆ ของเธอบางครั้งก็เข้ามาปกป้อง แต่ส่วนใหญ่ต่างก็เหนื่อยเกินกว่าจะต่อสู้กับความวุ่นวาย พี่ชายโตสุดทำงานต่างจังหวัด ไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนพี่สาวทั้งสามต่างก็มีโลกของตัวเอง การปลอบโยนที่อัยย์เคยได้รับค่อย ๆ เลือนหายไป เหลือเพียงเธอที่ต้องเผชิญทุกอย่างตามลำพัง
วันรุ่งขึ้น ฟ้ายังมืดหม่นจากฝนที่ตกทั้งคืน กลิ่นดินชื้นอบอวลไปทั่วหมู่บ้าน อัยย์สะพายกระเป๋านักเรียนใบเก่า รองเท้านักเรียนที่พื้นเริ่มสึก เดินฝ่าสายฝนไปโรงเรียนประจำหมู่บ้านซึ่งมีถึงแค่ชั้นประถม 6 เธอเพิ่งจบ ป.6 และกำลังจะเริ่มชีวิตใหม่ในโรงเรียนประจำตำบลที่อยู่ไกลออกไป
“อัยย์ เดี๋ยวกลับมาช่วยแม่ทำกับข้าวด้วยนะ” เสียงแม่ตะโกนตามหลัง แม้จะพูดเสียงดัง แต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงกดดันมากกว่าความห่วงใย
“ค่ะ…” อัยย์ตอบเบา ๆ แม้รู้ว่าแม่อาจไม่ได้ฟัง
โรงเรียนใหม่ในตำบลใกล้เคียงใหญ่กว่าโรงเรียนเก่าหลายเท่า มีนักเรียนมากกว่าสามเท่า เสียงหัวเราะ เสียงทักทาย และกลุ่มเพื่อนที่วิ่งเล่นไปมา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกในทันที
ในห้องเรียนชั้น ม.1 เธอนั่งอยู่แถวกลาง ก้มหน้ากับหนังสือ ทั้งที่ยังไม่มีใครรู้จัก อัยย์เลือกใส่แมสปิดหน้าตลอดเวลา เธอบอกกับเพื่อนครูว่า “ไม่สบาย” แต่ความจริงคือความไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตา เธอเคยถูกเพื่อนล้อจนฝังใจ
“ทำไมใส่แมสตลอดเลยอะ” เสียงเพื่อนผู้หญิงโต๊ะข้าง ๆ ถามด้วยน้ำเสียงกึ่งล้อกึ่งสงสัย
“…ไม่อยากให้ใครเห็นค่ะ” อัยย์ตอบสั้น ๆ ไม่กล้าสบตา
เพื่อนคนนั้นหัวเราะแล้วหันไปเม้าท์กับเพื่อนอีกคน เสียงหัวเราะเบา ๆ ทำให้หัวใจอัยย์สั่น เธอคิดทันทีว่าคงถูกล้ออีกแล้ว
ช่วงพักกลางวัน เธอเดินไปที่มุมโรงอาหาร ซื้อข้าวแกงง่าย ๆ แล้วนั่งกินคนเดียว เธอไม่ได้หิวมาก แต่กินเพื่อไม่ให้ครูสังเกตเห็นว่าเธอเก็บกดเกินไป ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงจอแจของนักเรียนคนอื่นยิ่งชัดขึ้น เธอเหมือนอยู่คนละโลกกับทุกคน
วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า การบ้านซ้อนทับ การสอบย่อยถาโถม และแรงกดดันจากครอบครัวทำให้อัยย์เหมือนหายใจไม่ออก พ่อกับแม่ไม่เคยชมเธอเลย แม้ว่าเธอจะพยายามตั้งใจเรียนมากแค่ไหนก็ตาม ทุกครั้งที่ได้คะแนนดี คำตอบที่ได้รับกลับเป็น “ก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเอง” หรือ “เอาให้ได้ที่หนึ่งสิ ถึงจะน่าภูมิใจ”
บางคืน เธอแอบนั่งร้องไห้ใต้ผ้าห่ม เธออยากจะเล่าให้ใครสักคนฟัง แต่ไม่รู้จะเล่าให้ใคร ความรู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ในโลกแคบ ๆ ที่ไม่มีใครเข้าใจ
จุดเปลี่ยนเล็ก ๆ เกิดขึ้นเมื่อเธอขึ้น ม.2 โรงเรียนประกาศตารางกิจกรรมใหม่ ให้นักเรียนทำงานกลุ่มส่งรายงานวิชาสังคม ครูจับคู่ให้อัตโนมัติ และชื่อของเธอก็ไปจับคู่กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เธอไม่คุ้นหน้า
“เอ่อ… เธอคืออัยย์ใช่ไหม” เขาถามหลังเลิกเรียน ใบหน้าเข้มแต่รอยยิ้มดูจริงใจ
“อืม…” อัยย์ตอบสั้น ๆ ยังก้มหน้าเหมือนเดิม
“เราชื่อคีร์นะ ครูให้เราทำรายงานด้วยกัน”
คีร์… ชื่อที่เธอได้ยินครั้งแรก แต่ความจริงเขาย้ายมาเรียนที่นี่ตั้งแต่เทอมที่แล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเหมือนกัน เขาเป็นเด็กที่โตมาในครอบครัวแตกแยก พ่อแม่เลิกกัน บ้านไม่มีที่อยู่ถาวร เขามักมาสาย และบางครั้งหายไปจากโรงเรียนหลายวัน ทำให้ใคร ๆ มองว่าเขาเป็น “เด็กเกเร”
วันนั้น อัยย์กลับมาบ้านช้ากว่าปกติ เพราะต้องวางแผนทำงานกับคีร์ เธอนั่งที่โต๊ะไม้ยาวในบ้าน คีร์จดข้อมูลใส่สมุดอย่างตั้งใจ
“นี่… เธอเก่งจัง ทำเสร็จไปเกือบหมดแล้ว” เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ “งั้นเราขอวาดรูปตกแต่งเพิ่มให้ก็แล้วกันนะ”
อัยย์เงยหน้ามองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เธอไม่ชินกับคำชม ไม่ชินกับใครที่พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแบบนี้
คืนนั้น ขณะนอนฟังเสียงฝนอีกครั้ง อัยย์รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป โลกที่เคยมืดมนอาจไม่ได้ว่างเปล่าเสมอไป มันอาจจะมีแสงเล็ก ๆ ที่เริ่มส่องเข้ามา แม้เพียงริบหรี่ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
วันเวลายังคงดำเนินไปอย่างช้า ๆ ฝนยังคงตกเป็นครั้งคราว ความเศร้าในบ้านยังไม่หายไป แต่ในหัวใจเด็กหญิงคนหนึ่งกลับเริ่มมี “ที่พักเล็ก ๆ” จากรอยยิ้มของใครบางคนที่เธอเพิ่งรู้จัก...
และเธอไม่รู้เลยว่า จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ นี้ จะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเธอไปตลอดกาล
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 15
Comments
minan zuhri
ร้อนใจตลอดเลย
2025-09-10
1