"แม่มีอะไรจะบอก เอ่อ...คือ..."
หญิงวัยกลางคนคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูประหม่า กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะบอกเรื่องสำคัญกับน้ำมนต์
หญิงวัยกลางคนคนนี้เธอมีชื่อว่า เกสร ซึ่งเธอเป็นแม่แท้ ๆ ของน้ำมนต์ แต่กับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอได้เลย
"มีอะไรหรอคะแม่?"
น้ำมนต์ถามขึ้นอีกครั้งพร้อมกับใช้มือนุ่ม ๆ ของเธอเข้าไปจับมือของแม่เธอและบีบเบา ๆ เพื่อให้ผู้เป็นแม่รู้สึกผ่อนคลาย
"คือ...แม่จะบอกหนูว่าครอบครัวเราล้มละลายแล้วลูก ฮึก ฮือ"
เกสรพูดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวในตอนนี้กับลูกสาวของเธอให้ได้รับรู้ ก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
"อะไรนะคะแม่ ไม่เป็นไรนะคะ ไม่เป็นไรค่ะ"
เธอถามขึ้นด้วยความตกใจ แต่ถึงเธอจะตกใจมากสักแค่ไหนเธอก็ต้องแกล้งทำเป็นเข้มแข็ง และกอดปลอบผู้เป็นแม่เพื่อให้คนเป็นแม่ได้อุ่นใจขึ้น
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะแม่ แม่เล่าให้หนูฟังได้ไหม?"
เธอผละกอดออกจากผู้เป็นแม่พร้อมกับถามถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ครอบครัวของเธอเป็นแบบนี้
"ได้ลูก แม่จะเล่าให้หนูฟัง"
เกสรปาดน้ำตาพร้อมกับหายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออกยาว ๆ เพื่อสลัดความประหม่าทิ้งไป และตั้งใจเล่าต้นสายปลายเหตุให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอได้ฟัง
เมื่อหลายเดือนก่อนพ่อของเธอได้ย่างก้าวเข้าไปทำธุรกิจสีดำกับผู้นำรายใหญ่คนหนึ่ง โดยให้เหตุผลว่าจะนำพาพ่อของเธอขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดของชีวิต คนบ้าอำนาจอย่างไกรมีหรือที่จะปฏิเสธเขาได้เข้าร่วมวงการนี้ด้วยความเต็มใจ โดยหวังเพียงอย่างเดียวว่าเขาจะได้ขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงสุดตามที่ใจต้องการ
แต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น ตำรวจและทหารพร้อมกับอาวุธครบมือได้เข้ามาบุกทลายบ่อนที่พวกเขาใช้ในการซื้อขายของสีดำพวกนั้น แต่ทว่าไอ้ตัวการหรือผู้นำรายใหญ่คนนั้นกับหนีไปได้ และทิ้งให้พ่อของน้ำมนต์ หรือไกรให้เป็นแพะรับบาปแทน
ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการขึ้นโรงขึ้นศาลกันอยู่พักใหญ่ โดยที่ไม่ให้น้ำมนต์รู้และสุดท้ายพ่อของเธอก็เป็นฝ่ายแพ้คดี
และศาลก็ตัดสินว่าให้ยึดทรัพย์สินทั้งหมด พร้อมทั้งบ้านหลังนี้ด้วยส่วนไกรพ่อของเธอนั้น ศาลได้ตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต
"แล้วแบบนี้เราจะไปอยู่ที่ไหนกันละคะแม่?"
น้ำมนต์ถามผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าที่ดูกังวล
"เราคงต้องย้ายไปอยู่กับ ป้าอร ที่บ้านนอกสักพักแล้วละลูก หนูอยู่ได้ใช่ไหม?"
เกสรบอกกับลูกสาวเพราะเธอมีพี่สาวที่ชื่อว่า อร อยู่ที่หมู่บ้านโคกอีเก้อ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอนั่นเอง
ถ้ามีแค่เธอคนเดียวเธออยู่ได้แน่ ๆ เพราะที่นั่นคือบ้านเกิดของเธอ เธอเคยอยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ลูกสาวคนเดียวของเธอนี่สิ เพราะน้ำมนต์ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูกินหรูอยู่สบาย เธอกลัวว่าน้ำมนต์จะอยู่ไม่ได้
"อยู่ได้สิจ๊ะแม่ ดีซะอีกเราจะได้อยู่กันอย่างสบายใจ ไม่ต้องมีใครมาคอยบังคับ เราจะได้อยู่กับแบบมีความสุขกันสักทีเนาะแม่เนาะ"
"จ้ะ แม่เห็นหนูพูดแบบนี้แม่ก็โล่งใจ"
"แล้วเรื่องหมั้นระหว่างหนูกับพี่ซันละคะ?"
น้ำมนต์ถามผู้เป็นแม่ขึ้น เพราะนี่เป็นเรื่องเดียวที่เธอหนักใจมากที่สุด
"อ๋อ เรื่องนั้นหนูไม่ต้องห่วงหรอกลูก ฝั่งนู้นเขามาถอนหมั้นไปเรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ"
"จริงหรอคะแม่"
"จริงสิจ๊ะลูก ดูลูกดีใจจังเลยนะ"
น้ำมนต์ไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้ผู้เป็นแม่ไม่หุบ เพื่อสื่อให้รู้ว่าเธอนั้นสบายใจมากเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกได้อย่างไงอย่างงั้นแหละ
"แล้วเรื่องเรียนลูก..."
"เรื่องนั้นแม่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เดี๋ยวหนูโทรบอกอาจารย์ให้ดรอปไปปีหนึ่งก็ได้ค่ะ"
"แม่ขอโทษนะลูกที่ทำให้ลูกไปไม่ถึงฝัน"
"แม่อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของแม่เลย ไม่เอาไม่ร้องน้า คุณแม่คนเก่งของหนู"
น้ำมนต์พูดจบก็ใช้มือเรียวสวยของเธอยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาของผู้เป็นแม่อย่างเบามือ
"แล้วแม่โทรบอกป้าอรหรือยังคะเนี่ยว่าเราจะไปอยู่ด้วย"
"เอ่อ แม่เกือบลืมบอกไปเลยว่าเราจะเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า แม่โทรบอกป้าอรเขาไว้แล้ว หนูก็อย่าลืมลามัดหมี่ละลูก"
"โอเคค่ะแม่ งั้นหนูไปเก็บของก่อนนะคะ"
เกสรพยักหน้าและยิ้มให้ลูกสาว ก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัวเพื่อไปทำอาหารไว้มื้อค่ำ และเป็นมื้อสุดท้ายที่จะได้กินข้าวด้วยกันอยู่ในบ้านหลังนี้ ความทรงจำที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ตั้งแต่เธอแต่งงานกับไกร และตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้
จนกระทั่งมีน้ำมนต์ทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับบ้านหลังนี้มันมีมากมายจนยากมากที่จะทำให้เกสรลืมได้ลง แต่เพื่อความปลอดภัยของลูกสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ เธอจึงต้องยอมละทิ้งความทรงจำดี ๆ ที่มีต่อบ้านหลังนี้ไปซะ
และไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านหลังเก่านี่มันคงจะเป็นทางออก และทางเลือกที่ดีสุดสำหรับเธอแล้วในตอนนี้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 15
Comments