กลบทแห่งจันทร์

 

รุ่งอรุณแรกหลังคืนที่กฤตได้พบกับม้านิลมังกร หมู่บ้านไม้ไผ่เล็ก ๆ ริมห้วยกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม ทุกสายตามุ่งมายังเขา ผู้มาเยือนที่ปรากฏตัวพร้อมกับสัตว์ในตำนานราวกับเทพสถิต

 

บางคนมองด้วยความเลื่อมใส บางคนกลับสั่นกลัว และอีกหลายคนกระซิบกระซาบว่าความวิบัติของหมู่บ้านเริ่มต้นตั้งแต่เด็กหนุ่มคนนี้ก้าวเข้ามา

 

 “เมื่อคืนแผ่นดินสั่นสะเทือน

เงามังกรก้าวเหยียบเวิ้งฟ้า

นั่นมิใช่ลางหายนะหรอกหรือ”

 

 

 

กฤตยืนนิ่ง ฟังเสียงซุบซิบเหล่านั้นโดยไม่อาจเอ่ยแย้ง เขารู้เพียงว่าความจริงเกี่ยวกับพี่สาวยังคงซ่อนอยู่ และหากเขายอมถอยในวันนี้ เขาอาจไม่พบเธออีกเลย

 

แม่สายเป็นเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ข้างเขา เธอถือขันน้ำมาให้ พลางมองไปยังทุ่งหญ้าที่ตอนนี้เหลือเพียงรอยเท้าใหญ่ลึกจมดิน ซึ่งเป็นหลักฐานว่าม้านิลมังกรเมื่อคืนหาใช่ความฝัน

 

“กฤต” แม่สายพูดแผ่ว “ชาวบ้านหวาดกลัว แต่ข้าคิดว่าท่านคือผู้เดียวที่จะไขปริศนานี้ได้”

 

เด็กหนุ่มพยักหน้าช้า ๆ เขายังไม่รู้ว่าอะไรผลักดันตนให้เดินต่อ แต่ในห้วงใจ กลับได้ยินเสียงสะท้อนเหมือนคำกระซิบ “เจ้าต้องแข็งแรงกว่านี้…พี่รออยู่”

 

เขาเงยหน้ามองฟ้า — ดวงจันทร์ยังจางไม่สิ้น แม้พระอาทิตย์จะเริ่มทอแสง

และนั่น…คือสัญญาณว่า กลบทใหม่กำลังจะปรากฏอีกครั้ง

ศาลากลางหมู่บ้านในยามเช้าเงียบงัน แต่แผ่นไม้เก่าที่ผนังกลับส่องแสงสีเงินบางเบา คล้ายหมึกสว่างค่อย ๆ เขียนอักษรขึ้นเองต่อหน้าต่อตา ชาวบ้านต่างแตกตื่น พากันมามุงดู

 

กฤตก้าวเข้าไปใกล้ ข้อความที่ปรากฏคือกลอนใหม่ที่งดงามแต่แฝงเงื่อนงำ

 

 “เงาจันทร์หลงเงาตะวัน

ใครไขมันจักเห็นทาง

แต่ผู้ใดหาญก้าวย่าง

หากใจพร่างจักมืดมิด”

 

 

 

เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที ชาวบ้านต่างถอยห่างราวกับอักษรเหล่านั้นคือคำสาป กฤตกลับก้าวเข้าไปใกล้ขึ้น รู้สึกเหมือนหัวใจถูกดึงดูดโดยพลังบางอย่าง

 

แม่สายเอ่ยเสียงสั่น “ทุกครั้งที่กลบทใหม่ปรากฏ คนในหมู่บ้านมักหายตัวไปหนึ่งคน…หากเจ้าคิดไข ก็จงระวังให้ดี”

 

กฤตสูดลมหายใจลึก แม้ความกลัวแผ่วเบาจะกรีดใจ แต่ภาพใบหน้าของสร้อยฟ้าก็ผุดขึ้นมาทุกครั้งที่เขาหลับตา เขารู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เพียงการช่วยหมู่บ้านเท่านั้น แต่คือการเข้าใกล้เงื่อนงำของพี่สาว

 

เขาลองอ่านกลอนนั้นซ้ำ เสียงเขาเปล่งออกมาเป็นจังหวะทำนองเหมือนบทขับลำนำ:

 

 “หากจันทร์ดับเมื่ออรุณมา

แสงฟ้ายังพาพี่สู่ทาง

ข้าจะไม่ปล่อยให้มืดบัง

แม้ใจพร่างก็จักมั่น”

 

 

 

เมื่อสิ้นคำ แผ่นไม้สั่นสะเทือน เสียงเหมือนระฆังโบราณดังขึ้นสามครั้ง ก่อนพื้นศาลาจะเผยเส้นแสงเป็นสัญลักษณ์รูปเสี้ยวจันทร์ แสงนั้นทอดยาวไปสู่ป่าลึกทางทิศตะวันตก

 

แต่ก่อนที่กฤตจะก้าวตามสัญลักษณ์นั้น ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งในหมู่บ้านก็ก้าวออกมาขวางหน้า แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

 

หนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงห้วน

“เจ้าคือผู้เรียกมังกร…เจ้าคือเคราะห์ร้ายที่หมู่บ้านไม่อาจรับได้”

เสียงคำกล่าวหาของชายหนุ่มทำให้บรรยากาศในศาลากลางตึงเครียดทันที

กฤตมองไปยังกลุ่มคนตรงหน้า มีอยู่สี่คน ร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำจากการทำไร่ไถนา และดวงตาแข็งกร้าวราวคนที่เคยเผชิญทุกข์ยากมามาก พวกเขาคือ "พี่ใหญ่แห่งหมู่บ้าน" ที่ชาวบ้านยกให้เป็นผู้นำยามเกิดเหตุร้าย

 

“เจ้ามาที่นี่เพียงไม่กี่วัน แต่หมู่บ้านของเราต้องเผชิญทั้งฝันร้ายและอาถรรพ์ใหม่”

ชายที่ยืนอยู่ตรงกลางพูดเสียงดุดัน

“เมื่อคืนเจ้าคือผู้เดียวที่อยู่กับมังกร ใครจะรับประกันได้ว่าเจ้าไม่ได้ชักนำมันมา”

 

ชาวบ้านที่ยืนรายรอบเริ่มกระซิบสนับสนุน เสียงลือดังขึ้นราวคลื่นทะเล กฤตรู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวค่อย ๆ หดแคบลง

 

แม่สายก้าวออกมายืนเคียงข้างเขา เอ่ยสวนกลับด้วยน้ำเสียงแข็ง

“หากไม่ใช่เขา เราคงถูกเผาเป็นจุณไปแล้ว เจ้ามิได้เห็นหรือว่ามังกรยอมสยบแทนที่จะทำลาย!”

 

แต่คำพูดนั้นกลับยิ่งกระพือความไม่พอใจ

ชายอีกคนตะโกนลั่น “สัตว์ร้ายจะยอมสยบได้เช่นไรหากมิใช่เพราะมันกับเด็กหนุ่มผู้นี้สมรู้ร่วมคิด!”

 

เสียงโห่ร้องดังขึ้น กฤตรู้สึกเลือดสูบฉีด แต่เขาก็พยายามไม่ตอบโต้ เขาหลับตาสูดลมหายใจลึก และเลือกใช้ถ้อยคำที่เป็นกวีมากกว่ากำปั้น

 

 “ข้ามิใช่ผู้เรียกเคราะห์

ข้ามิใช่ผู้ก่อภัย

หากมิเดินตามเงื่อนงำนี้

แล้วใครจักกล้าไข?”

 

 

 

ถ้อยคำก้องกังวานไปทั่วศาลา เงียบงันลงชั่วขณะ แต่ไม่นาน ความแค้นในดวงตาของชายหนุ่มเหล่านั้นก็ยังไม่จางหาย

 

หัวหน้ากลุ่มก้าวเข้าใกล้กฤต จนแทบชิด “หากเจ้ากล้าพูดเช่นนั้น จงพิสูจน์ด้วยการไขกลบทนี้ให้ได้ และจงกลับมาโดยไม่พาหายนะมาสู่เราอีก”

 

เขาผลักอกกฤตแรงจนเด็กหนุ่มเซถอยหลัง แม่สายรีบประคอง กฤตเงยหน้ามองชายคนนั้นด้วยแววตาที่ไม่ยอมแพ้

 

แม้ยังไม่รู้วิธีพิสูจน์ แต่ในใจเขาเต็มไปด้วยแรงผลักดันใหม่—

แรงผลักดันที่มากกว่าความอยากพบพี่สาว

นั่นคือความเชื่อว่า สร้อยฟ้า…กำลังตกอยู่ในอันตราย

กฤตก้าวออกจากศาลากลาง หมู่บ้านเบื้องหลังยังเต็มไปด้วยเสียงกระซิบซ่อนแววระแวง แต่เขาไม่หันกลับไปอีก แสงเสี้ยวจันทร์ที่ทอดจากพื้นศาลาพาดผ่านทุ่งหญ้าเข้าสู่ป่าลึกยังคงส่องนำทาง

 

ม้านิลมังกรที่หายไปตั้งแต่รุ่งอรุณ ปรากฏตัวอีกครั้งที่ชายป่า ดวงตาสีดำวาวลึกจับจ้องเขาราวกับรอคอยอยู่แล้ว กฤตรู้สึกถึงสายสัมพันธ์ประหลาด มันไม่ใช่สัตว์ร้าย แต่ก็ไม่ใช่เพื่อนแท้ หากเป็นสิ่งที่ถูกส่งมาเพื่อทดสอบเส้นทางของเขา

 

เขาก้าวเข้าใกล้ ม้านิลมังกรขยับศีรษะลงต่ำประหนึ่งเชิญขึ้นขี่ แต่กฤตยังลังเล ใจหนึ่งอยากจะลอง แต่อีกใจยังไม่แน่ใจว่าตนคู่ควรหรือไม่

 

ในห้วงวินาทีนั้น แสงเสี้ยวจันทร์บนพื้นดินสว่างวาบ กลายเป็นอักษรเร้นลับเพียงกฤตเท่านั้นที่มองเห็น

 

 “ฟ้าสร้อยถูกผูกพันธนา

กายาพันธนียังไม่สิ้น

ผู้หาญไขบทกลอนถิ่น

จักได้ยินเสียงเรียกหา”

 

 

 

กฤตอ่านแล้วหัวใจเต้นแรง คำว่า “ฟ้าสร้อย” ทำให้เขาแทบหยุดหายใจ

จะเป็นไปได้หรือไม่ว่านั่นคือเบาะแสของ สร้อยฟ้า พี่สาวของเขา?

 

ทันใดนั้นสายลมแรงพัดใบไม้ปลิวว่อน ราวกับมีเสียงหญิงสาวแว่วผ่านปลายหู “น้องชาย…จงรีบมา”

เสียงนั้นแผ่วเบา แต่ชัดเจนพอจะทำให้ดวงตาของกฤตสั่นระริก

 

เขากำหมัดแน่น

“หากพี่อยู่ในอันตรายจริง…ข้าจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ให้ได้”

 

เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจก้าวขึ้นบนหลังม้านิลมังกร แม้ร่างกายยังไม่คุ้นชิน แต่ดวงใจกลับแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม

เมื่อกฤตนั่งมั่นแล้ว ม้านิลมังกรแผดเสียงคำรามก้อง ปีกสีดำสะท้อนแสงเงินแห่งจันทร์ แผ่ไอร้อนราวเปลวเพลิง ก่อนทะยานขึ้นฟ้า

 

บนฟากฟ้าเบื้องสูง กฤตรู้ว่าหนทางสู่เมืองอื่น ๆ และการฝึกฝนทั้งกายและใจเพิ่งเริ่มต้น—

และทุกก้าวจะนำเขาเข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับพี่สาวผู้เป็นดั่งดวงใจของเขามากขึ้นทุกที

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!