กลบทซ่อนกล

กลบทซ่อนกล

บทนำ

 “เมื่อความทรงจำหล่นหาย

เหลือเพียงเงาใจคล้ายกุญแจ

กวีเก่าเล่าความในวรรคแปร

กลบทแท้ร้อยรัดชะตากาล”

 

 

 

เรื่องราวนี้มิใช่เพียงการสืบสวน หากแต่เป็นการเดินทางของเด็กหนุ่มผู้ไร้ความทรงจำสองปีหลัง ผู้ตื่นขึ้นมาในโลกที่กวีนิพนธ์กลายเป็นความจริง ทุกบทกลอนคือปริศนา ทุกถ้อยคำคือด่านทดสอบ และทุกการเลือก…คือเส้นทางสู่การพบเจอหรือสูญเสียตลอดกาล

 

 

---

 

การตื่น

 

กฤตสะดุ้งตื่นขึ้นกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังลานหญ้า เสียงแมลงกลางคืนดังประสานราววงดนตรีจากผืนป่า กลิ่นดินชื้นคละเคล้ากับกลิ่นดอกไม้ที่เขาไม่รู้จักอบอวลในอากาศ

 

“ที่นี่…ที่ไหนกัน” เสียงเขาแผ่วพร่า

 

สายตาของเด็กหนุ่มทอดมองไปรอบกาย — ไม่มีตึกสูง ไม่มีถนน ไม่มีแสงไฟ มีเพียงทุ่งกว้างทอดยาวและหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่สร้างด้วยไม้ไผ่และหญ้าคาอยู่ไม่ไกล แสงตะเกียงน้ำมันสลัว ๆ ส่องไหวในความมืด ราวกับเชื้อไฟจากอีกยุคหนึ่ง

 

กฤตเอื้อมแตะขมับ ความเจ็บแล่นวาบขึ้นมา ภาพความทรงจำพร่าเลือน เขาจำได้เพียงว่า…เขาอายุ 17 แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองปีก่อนหน้ากลับว่างเปล่า ราวกับถูกใครลบหายไปจากกระดาษชีวิต

 

เพียงสิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ในใจเขาคือ “สร้อยฟ้า” — ชื่อของพี่สาวที่เขารักยิ่ง เสียงเรียกของเธอดังก้องอยู่ในห้วงฝันก่อนตื่น

 

“กฤต…ตามหาพี่ให้พบ”

 

 

 

หัวใจเขากระตุกแรง ร่างกายสั่นไหวด้วยความรู้สึกที่ผสมระหว่างหวาดกลัวและโหยหา

 

เด็กหนุ่มก้าวเดินช้า ๆ เข้าไปในหมู่บ้าน เสียงหมาเห่าตามราวกับเตือนผู้มาเยือน แต่บ้านทุกหลังกลับเงียบสงัด ไร้ผู้คน มีเพียงเงาตะเกียงที่ยังส่องแสงอยู่

 

กฤตรู้สึกประหลาดใจ ก่อนจะพบหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งชื่อ แม่สาย ที่ยืนรออยู่หน้าศาลาเล็ก เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่หลับใหล

 

“ท่าน…ไม่ใช่คนที่นี่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงของเธอเบาหวิว คล้ายกลัวจะรบกวนความเงียบรอบข้าง

 

กฤตพยักหน้า “ข้ามาไม่รู้จากที่ใด…แต่พี่สาวของข้า—เธอหายไป ข้าต้องหาตัวเธอให้พบ”

 

แววตาของแม่สายเต็มไปด้วยแววสงสารปนสับสน ก่อนเธอจะก้มลงและพูดด้วยเสียงแผ่วว่า

 

“ท่านอาจเป็นผู้ที่กลอนทำนายกล่าวไว้…ผู้จะไขกลบทที่พันธนาคนทั้งหมู่บ้านให้ฝันร้าย”

 

คำพูดนั้นทำให้กฤตสะดุ้ง ใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เพราะในเงียบสงัดของหมู่บ้าน เขาเริ่มสัมผัสได้ถึง “ความผิดปกติบางอย่าง” ที่ซ่อนอยู่

แม่สายพากฤตเข้าสู่ศาลากลางหมู่บ้าน ภายในมีเพียงแสงตะเกียงส่องสลัว เฟอร์นิเจอร์ไม้เรียบง่าย และบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัดราวกับทุกสิ่งถูกกดทับด้วยมือที่มองไม่เห็น

 

เธอเอ่ยช้า ๆ เสียงสั่นคล้ายเกรงกลัวบางสิ่ง

 

“คนทั้งหมู่บ้าน…ตั้งแต่เดือนก่อน ทุกคืนพวกเขาจะฝันร้ายเหมือนกันหมด”

 

กฤตนิ่งฟัง หัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อแม่สายเล่าต่อ

 

“ทุกคนเห็นเงาสัตว์ยักษ์ในฝัน—ลำตัวดำสนิท ดวงตาสีเงินแวววาว มันกรีดร้องและบอกว่า จงส่งผู้ที่ท่านรักที่สุดมาเป็นบูชา หากใครขัดขืน ตื่นขึ้นมาก็จะล้มป่วยเรื่อย ๆ และค่อย ๆ ดับสิ้น”

 

เสียงเธอสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้า “จนบัดนี้ ชาวบ้านไปแล้วเกือบครึ่ง”

 

กฤตรู้สึกเลือดในกายเย็นวาบ มันไม่ใช่เพียงคดีเล็ก ๆ แต่คือความตายที่คืบคลาน

 

เขาก้าวเข้าไปใกล้โต๊ะกลางศาลา บนโต๊ะมีแผ่นกระดาษใบหนึ่ง วางอยู่ใต้ตะเกียงเล็ก ตัวอักษรเขียนด้วยหมึกสีเข้มบิดเบี้ยวแต่จัดเรียงเป็นกลอน

 

"กลางรัตติกาลเงา

ผู้คนต้องสิ้นใจ

หากใครกล้าไขใจ

มังกรจะเผยตน"

 

 

 

กฤตอ่านซ้ำสองรอบ ใบหน้าขมวดคิ้ว ความหมายคลุมเครือแต่สัมผัสได้ถึงสิ่งสำคัญ—นี่ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่คือ “กลบทปริศนา”

 

เขาหันไปหาแม่สาย “นี่คือสิ่งที่พวกท่านได้มาทุกคืนหรือ”

 

หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่ ทุกคราเพียงเสียงก้องในฝัน…แต่เพิ่งคืนนี้ที่แผ่นนี้ปรากฏตรงศาลา ไม่มีใครกล้าแตะต้อง”

 

กฤตหลับตาลง รู้สึกว่าหัวใจตนเองถูกบังคับให้เลือก เขาไม่รู้ว่าเหตุใด แต่กลอนตรงหน้ากลับส่องแสงบางเบาในความคิด เหมือนมันกำลังทดสอบเขาโดยเฉพาะ

 

เสียงหนึ่งก้องในใจเขา — เสียงหญิงสาวที่คุ้นเคย “กฤต…เจ้าต้องกล้าเถิด”

 

เด็กหนุ่มหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำตอบออกมาเป็นกลอนเช่นกัน

 

"หากมังกรอยู่ในเงา

จงส่องใจให้กระจ่าง

ไร้ซึ่งความลับซ่อนพลาง

เงานั้นจะมลายไป"

 

 

 

ทันทีที่เสียงเขาจบลง แผ่นกระดาษสั่นสะเทือน เปลวไฟตะเกียงพลันโหมแรงขึ้นทั้งศาลา ลมแรงพัดโบกเข้ามาราวกับโลกกำลังพลิกผัน

 

แม่สายร้องลั่น “ท่านทำอะไรลงไป!”

 

แต่กฤตยืนมั่น เขารู้ว่าต้องทำให้ถึงที่สุด

 

กลางหมู่บ้าน เสียงคำรามดังก้องจากใต้ดิน—คล้ายสัตว์ยักษ์กำลังตื่นจากพันธนาการ แผ่นดินสะเทือนจนเสาไม้สั่นสะท้าน

 

และในหมอกที่ก่อตัวขึ้นนั้น… ร่างดำสนิทขนาดมหึมาของ “ม้านิลมังกร” ค่อย ๆ ปรากฏ

เงาหมอกคลี่คลายกลางลานหมู่บ้าน เปลวไฟตะเกียงดับสิ้น ราตรีสลัวเหลือเพียงแสงจันทร์เย็นเยียบส่องเหนือผืนดินที่สั่นสะเทือน

 

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้านั้น—มิใช่ปีศาจน่ากลัว หากแต่เป็นสัตว์แห่งตำนาน ม้านิลมังกร

 

เกล็ดสีดำแววสลับประกายเงินปกคลุมลำตัวอันแข็งแกร่ง ปีกกว้างดุจม่านฟ้า ดวงตาคู่ใหญ่ส่องประกายดุจโลหะหลอมละลาย ทว่าสายตาเต็มไปด้วยปริศนา มิใช่เพียงความดุร้าย

 

ชาวบ้านที่ยังเหลืออยู่ต่างพากันหวีดร้อง บ้างทรุดตัวคุกเข่า บ้างวิ่งหนีเข้าเรือน แต่กฤตกลับยืนนิ่ง สายตาจับจ้องสัตว์มหึมาราวถูกดึงดูดด้วยแรงลึกลับ

 

เสียงก้องทุ้มดังขึ้นโดยไม่ต้องขยับปากของมัน—ราวกับสื่อสารตรงสู่จิตใจ

 

“ผู้ใด…กล้าไขกลอน

ผู้ใด…กล้าสบตาเงามังกร

ชะตานั้นจะผูกพัน

ไม่อาจหลีกเร้นได้อีก”

 

 

 

กฤตก้าวขึ้นข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว หัวใจสั่นสะท้าน แต่กลับแฝงด้วยแรงดึงดูดประหลาด ราวกับเขารู้จักสิ่งมีชีวิตตรงหน้ามานานแล้ว

 

แม่สายตะโกนห้าม “อย่า! มันคือสัตว์ที่มาจากฝันร้าย!”

 

แต่เด็กหนุ่มกลับส่ายหน้า—เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ต่างไปจากคำบอกเล่า

 

เขาพูดออกมาเป็นถ้อยคำกึ่งกลอน เสียงสั่นแต่มั่นคง

 

“เจ้ามาเพื่อลองใจ

หรือมาเพื่อทวงพราก

หากเป็นเพียงศัตรูร้าย

เหตุใดใจข้าสั่นสะท้านดุจคิดถึงใคร”

 

 

 

ดวงตาม้านิลมังกรสั่นไหวเล็กน้อยราวกับเข้าใจ มันลดศีรษะต่ำ ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นออกมาไล่หมอกจนกระจายหายไปจากลาน

 

จากนั้น เสียงก้องกังวานดังขึ้นอีกครั้ง—ชัดเจนแต่ไม่ใช่คำขู่

 

“มิใช่เจ้าของข้า

แต่ข้ามิอาจหันเห

เสียงหนึ่งส่งข้ามาให้

เพื่อคุ้มครอง…ผู้ที่ถูกกำหนดไว้”

 

 

 

กฤตใจสะท้าน—เสียงหนึ่ง? ใครกันที่ส่งม้านิลมังกรมาให้?

 

เขารู้สึกได้เพียงแผ่วเบา…แววตาในความทรงจำที่พร่าเลือน เงารอยยิ้มอบอุ่นของใครคนหนึ่ง ซึ่งเขารู้จักดีแต่กลับเอื้อมไม่ถึง

 

“สร้อยฟ้า…” เขาพึมพำในใจ

 

แต่ไม่มีใครเอ่ยเฉลย—แม้แต่ม้านิลมังกรเองก็เพียงส่ายศีรษะช้า ๆ ราวกับมันก็ไม่รู้จักนามนี้เช่นกัน

กฤตยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าม้านิลมังกร หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก เขาไม่รู้ว่าควรหวาดกลัวหรือควรเชื่อใจ แต่สิ่งที่แน่ชัดคือ…นี่ไม่ใช่เพียงสัตว์ในฝันร้าย หากแต่เป็นคำตอบบางอย่างที่เขาตามหา

 

แม่สายก้าวเข้ามาดึงแขนเขา “อย่าเข้าใกล้! เจ้าจะตายเสียเปล่า”

 

เด็กหนุ่มเหลียวมองเธอ พลันเอ่ยช้า ๆ เป็นถ้อยคำกึ่งกวี

 

“หากไม่ก้าว ข้าย่อมไม่รู้

หากไม่ลอง ข้าย่อมไม่เห็น

เงามืดในใจย่อมไม่สว่าง

ข้าจะเลือกเผชิญ…ไม่ใช่หนี”

 

 

 

เขาสะบัดแขนเบา ๆ แล้วก้าวตรงไปยังสัตว์มหึมานั้น

 

ม้านิลมังกรก้มศีรษะต่ำลงอีก ลมหายใจแรงดุจพายุพัดผ่าน แต่กลับมิได้ทำร้าย ราวกับรอคำตอบบางสิ่งจากเด็กหนุ่มตรงหน้า

 

กฤตยกมือขึ้นสั่นเทา—แล้วแตะลงบนเกล็ดแข็งเย็นของมัน

 

ทันใดนั้น แสงสีเงินพลันแผ่จากร่างม้านิลมังกร พุ่งกระจายคลุมร่างกฤตทั้งตัว ราวกับสัญญาที่ผูกพันระหว่าง “ผู้ขี่” และ “มังกร”

 

เสียงก้องดังขึ้นอีกครั้งในใจเขา

 

“เจ้าคือผู้ถูกเลือก

มิใช่ด้วยกำลัง…แต่ด้วยเงาแห่งหัวใจ

ผู้หนึ่งส่งข้ามาให้เจ้า

และเส้นทางนี้จะนำไปหาความจริง”

 

 

 

กฤตกัดฟัน พึมพำเพียงเบา ๆ “สร้อยฟ้า…ใช่หรือไม่”

 

แต่เสียงก้องนั้นเงียบลง เหลือเพียงความอุ่นวาบในอก และม้านิลมังกรที่ยืนนิ่งเฝ้าข้างเขา

 

แม่สายมองด้วยแววตาตะลึงพรึงเพริด “เจ้าทำได้อย่างไร…สัตว์แห่งฝันร้ายกลับไม่ฆ่าเจ้า แต่ยอมสยบ!”

 

กฤตหันมองหญิงสาว และตอบเพียงสั้น ๆ

 

“บางที…มันไม่ใช่ฝันร้าย แต่เป็นคำตอบ”

 

 

 

สายลมกลางคืนพัดผ่าน ลานหมู่บ้านกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง ผู้คนที่หลบซ่อนค่อย ๆ โผล่ออกมา มองดูเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบเจ็ดที่ยืนเคียงข้างสัตว์ในตำนาน ราวกับเขาเป็นตัวละครจากกลอนโบราณที่มีชีวิตจริง

 

แต่ในใจของกฤต เขารู้เพียงว่า—นี่เป็นเพียงก้าวแรกเล็ก ๆ บนเส้นทางยาวไกลที่เต็มไปด้วยปริศนา และทุกย่างก้าวล้วนพาเขาเข้าใกล้เงาของ สร้อยฟ้า ที่รออยู่ในความมืด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!