กลางดึกสงัด ภายในกุฏิของพระภิญโญ ในห้วงความฝันของพระภิญโญนั้นปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดเสื้อสีขาวและกระโปรงผ้าซิ่น นั่งพับเพียบพนมมืออยู่ตรงทางขึ้นบันไดของกุฏิ โดยที่ท่านนั้นยืนมองลงไปจากด้านบน
"ไม่ได้พบเจอกันนานเลยนะ โยมแข" พระภิญโญกล่าวขึ้น หญิงสาวกราบลงสามครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆ นัยต์ตาที่เคยสวยงามเมื่อครั้งในอดีตบัดนี้ดูเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย
"นมัสการค่ะ หลวงพี่ 'แข' หรือ 'แขไข' อดีตภรรยาของพระภิญโญที่ได้ล่วงลับไปนานกว่าเจ็ดปีแล้ว ทว่ากลับยังคงวนเวียนอยู่ข้างกายลูกไม่ยอมไปไหนเพราะความเป็นห่วงนานๆ ครั้งก็จะมาเข้าฝันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวเช่นนี้
"คราวนี้มีเรื่องอะไรหรือโยม"
"หลวงพี่ ช่วยห้ามอย่าให้เขมกลับมาที่นี่ด้วยเถอะจ๊ะ"
"ทำไมล่ะ" พระภิญโญถามกลับ แขไขเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเข็มให้ท่านฟัง
"ตอนนี้อาคมในตะกรุดของพ่อครูเสกขายหมดแล้ว เขมเริ่มดวงตก เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แต่หลังจากที่โยมเข็มได้เจอกับเพื่อนคนหนึ่ง ก็ได้บางสิ่งมาปกป้องคุ้มครองทำให้สัมภเวสีไม่อาจเข้าใกล้...รวมถึงฉันด้วยจ้ะ" แขไขกล่าวเสียงค่อยในตอนท้ายเธอเองก็นับว่าเป็นสัมภเวสีเช่นเดียวกัน
"..."
"เด็กคนนั้นชื่อเจตนา เป็นศิษย์มีครู ดวงจิตแข็งแกร่งกว่าเขตมาก
ที่ผ่านมาคอยช่วยเหลือเขมอยู่ตลอด"
"..."
"หากปิดเทอมนี้เขมอยู่ห่างจากเจตนา ฉันเกรงว่าคราวนี้มันคงเอาลูกเราไปได้จริงๆ" แขไขกล่าวทั้งน้ำตาก่อนจะกราบลงบนพื้น
"..."
"ช่วยลูกอีกสักครั้งเถอะนะจ๊ะ" หลังจากนั้นภาพทุกอย่างก็ค่อยๆ เลือนหายไปพระภิญโญรู้สึกตัวและค่อยๆ ลืมตาขึ้น
"..."
หลังจากที่ได้ผ้าเช็ดหน้าที่มียันต์ของพ่อครูภรัณผู้เป็นอาจารย์ของเจตมาติดตัวไว้ สถานการณ์ของเขมก็กลับมาเป็นปกติที่ เห็นได้ชัดคือเรื่องอุบัติเหตุที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยๆ แล้ว และจากที่มักจะฝันเห็นบ้านเรือนไทย สองสมัยติดกันไปมาก็ไม่ฝันถึงอีก
ส่วนเรื่องมองเห็นวิญญาณ เขมยังคงมองเห็นอยู่เหมือนเดิม แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เข้ามาทำร้าย และตัวเข็มที่มียันต์ของพ่อครูติดตัวอยู่เลยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเท่าไหร่นัก
ตั้งแต่วันนั้นมาเข็มก็ไม่กล้าวาดรูปของแม่อีกรูปเดิมที่ถูก เจตขยำทิ้งเขมก็เอาไปเผาที่วัดแล้วทำบุญกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรตามคำแนะนำของพ่อครูภรัณที่ฝากเจตมาบอกกับเขาตั้งแต่วันที่เจตกลับมาถึง
จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบหกเดือนแล้ว
ช่วงนี้เป็นช่วงสอบไฟนอล อีกไม่นานมหาวิทยาลัยของเขมก็จะปิดเทอมแล้ว
ขณะที่เข็มกำลังตากผ้าอยู่ตรงระเบียง โทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ๆ ก็ดังขึ้น ไม่ต้องดูหน้าจอก็รู้ว่าใครโทรมา
"ว่าไงเจต"
[เขม ปิดเทอมมึงไปไหนเปล่า]
"อืม หลวงพ่อไม่ค่อยสบายอ่ะ เราว่าจะกลับไปเยี่ยมทำไมหรอ?"
[กูจะชวนมึงไปค่ายอาสาของชมรมมาดิ ตอนแรกพวกรุ่นพี่เขาแพลนกันว่าจะไปที่อุบลฯ จังหวัดบ้านเกิดของกูอยู่แล้ว กูเลยไปเสนอว่าให้ไปที่หมู่บ้านของพ่อครูกู เพราะแถวนั้นมีพื้นที่ให้พัฒนาเยอะ งานนี้ได้ใบผ่านกิจกรรมด้วยนะ แล้วกูจะได้ถือโอกาสพามึงไปหาพ่อกูด้วยเลย]
ชมรมที่เข็มกับเจษอยู่เป็นชมรมจิตอาสา ปกติทุกปีจะออกค่ายกันในจังหวัดใกล้เคียง แต่เหมือนว่าปีนี้ทางมหาวิทยาลัยจะให้งบมาเยอะเลยไปไกลถึงอุบลราชธานีได้
ส่วนเจต ปิดเทอมนี้ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะพาเขมไปหาพ่อครูอยู่แล้ว ไหนๆ ชมรมก็จัดกิจกรรมออกค่ายอาสาพัฒนาชุมชนแถวบ้านเกิดตัวเองแบบนี้ หากไปด้วยกันก็ถือว่าได้สร้างบุญสร้างกุศลไปด้วยในตัวเขาเลยไปเสนอว่าให้ไปที่หมู่บ้านของพ่อครูพะรันที่ค่อนข้างทุรกันดาร จะได้พาไอ้เขมไปเจอพ่อครูเลยทีเดียว
ตอนแรกก็มีหลายคนคัดค้านเพราะกลัวจะลำบากเกินไป เจตเลยขอให้บิดาช่วยเป็นสปอนเซอร์งานนี้ให้ พวกรุ่นพี่เลยยอมตอบตกลงกันแต่โดยดี
[ว่าไง ไปด้วยกันไหม กูอยากให้มึงไปนะ] เจตถามต่อเขมเม้มปากอย่างลังเลก่อนจะตอบกลับ
"เดี๋ยวเราขอโทรถามหลวงพ่อก่อนนะ"
[เออ ยังไงก็โทรมา]
"ได้" พอเจตวางสายไป ไม่นานหลวงพ่อก็โทรมาโดยที่เข็มยังไม่ทันกดโทรออกหาท่านเลยด้วยซ้ำ
[อาตมาสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง ปิดเทอมก็ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมอาตมาหรอกนะ]
"อะ เอาอย่างนั้นเหรอจ๊ะ"
[อืมมีที่ให้ไปก็ไปเถิด เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น] หัวใจของเขมกระตุกเบาๆ
"หลวงพ่อรู้เหรอจ๊ะว่าลูกจะไปไหน"
[อาตมาแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ทำตามที่ใจต้องการเถิด ไปแล้วก็ดูแลตัวเองให้ดี] เขมเม้มปากเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบกลับ หลวงพ่อว่ายังไงเขมก็ว่าตามนั้น
"จ้ะหลวงพ่อ หลวงพ่อก็รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ"
คืนนั้นเขมจึงโทรไปตอบตกลงกับเจต เพื่อฝากให้เจตช่วยลงชื่อกับทางชมรมให้อีกที กำหนดการออกเดินทางคืออาทิตย์หน้าหลังสอบเสร็จ
"..."
ก่อนถึงวันออกเดินทาง เจตมาค้างกับเข็มที่ห้อง ตั้งใจจะไปขึ้นรถที่มหาลัยพร้อมกันในพรุ่งนี้
"เขม มึงเอาเสื้อผ้าออกไปดิ" เจตกล่าวขณะ ที่กำลังนอนมองเขมจัดกระเป๋าอยู่บนเตียง
"ทำไม? ไปแค่สี่วันเองไม่ใช่เหรอ นี่เราก็เอาไปเผื่อตั้ง 2 ชุดแล้วนะ" เขมตอบกลับโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง
"ไม่รู้ เผลอๆ มึงอาจจะได้อยู่กับพ่อครูยาวจนถึงเปิดเทอมเลยก็ได้"
"หา จะบ้าหรือไง"
"ไม่บ้ากูไม่อยากให้มึงกลับมาอยู่คนเดียว ปิดเทอมทั้งเทอมกูอาจจะต้องอยู่ช่วยงานที่บ้าน" เขมคิดตามอยากจะบอกให้เจตไม่ต้องเป็นห่วง แต่เอาจริงๆ เขมก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกันถ้าต้องกลับมาอยู่คนเดียวืเลยถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"งั้น...งั้นเราไปอยู่บ้านเจตไม่ได้เหรอ?"
"ไอ้ได้มันก็ได้ แต่อย่างกูจะไปช่วยอะไรมึงได้ อยู่กับพ่อคูณปลอดภัยที่สุดแล้ว"
เขมแสดงสีหน้ากังวลออกไป
"มันจะรบกวนพ่อครูหรือเปล่า..."เขมเกรงใจพ่อครูของเจตไม่รู้จักเขมด้วยซ้ำ ต่างกับเจตที่เป็นเพื่อนกัน
"มึงไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้น บ้านพ่อครูกูใหญ่อย่างกับวัด ตัวเล็กๆ อย่างมึงไปอยู่ก็ไม่ได้กินพื้นที่อะไรมากหรอก"
"แต่เราเกรงใจ อีกอย่างพ่อครูก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของเราอยู่แล้วด้วย" เจตตบเตียงเสียงดังจนเขมสะดุ้ง
"พูดไปเรื่อย รู้ได้ไงว่าพ่อครูจะใจอ่อน" เจตโคลงศีรษะแล้วนึกภาพตั้งแต่เป็นศิษย์พ่อครูวันแรกๆจนมาถึงทุกวันนี้ก่อนจะยิ้มแผล่แล้วตอบกลับ
"ก็อย่างมึงเนี่ยสเปคเพราะครูกูเลย"
"แค่ก!" เขมสำลักน้ำลาย ก่อนจะหยิบอะไรสักอย่างมาปาใส่เจตจริงๆ แน่นอนว่ามันหลบได้
"พูดอะไร นั่นอาจารย์นะ"
"อาจารย์กู ไม่ใช่อาจารย์มึงสักหน่อย เชื่อกูเหอะถ้าอยากรักษาชีวิตน้อยๆ ของตัวเองเอาไว้ก็ทำตามที่กูบอก"เขมถลึงตา
"ถ้าทำตามแล้วยังรักษาไม่ได้นะ เราจะเป็นผีมาหลอกเจษคนแรก"เจตหัวเราะชอบใจ
"เออ กูยอมฉีกยันพ่อครูทิ้งเลยเอ้า"
เมื่อถึงเวลานอน เจตปูที่นอนนอนบนพื้นข้างเตียงเขมเหมือนอย่างปกติที่เคยทำเวลามานอนค้างที่นี่เพราะนิสัยตอนนอนนั้นไม่ต่างจากเข็มนาฬิกา ตื่นมาหัวอยู่ปลายตีนทุกที ขึ้นนอนด้วยกันเกรงว่าวันดีคืนดีจะเผลอจีบเพื่อนตัวเล็กตกจากเตียงเข้า
"ฝันดีไอ้เขม"
"ฝันดีไอ้เจต" เจ็บหัวเราะกับประโยคตอบกลับเหมือนประชดของเขม ปฏิกิริยาของไอ้เพื่อนตัวน้อยมันตลกแบบนี้ไงเขาถึงได้ชอบแหย่มัน
หลังจากปิดไฟนอน ความเงียบก็เข้าปกคลุมภายในห้อง เวลาผ่านไปไม่นานทั้งเจนและเข็มก็หลับสนิท
เขมฝันอีกแล้ว...
ฝันถึงบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ในยุคโบราณที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ เข็มเห็นวิถีชีวิตของคนในเรือน เห็นเด็กสมัยวัยแปดถึงเก้าปีกำลังเล่นซนอยู่กับเหล่าคนรับใช้เห็น สตรีสูงศักดิ์ในชุดไทยสไบเฉียงกำลังนั่งร้อยมาลัย คราวนี้เหมือนภาพฝันจะชัดเจนกว่าครั้งก่อนมาก เขมมองใบหน้าหญิงสาวคนนั้นก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ ว่า
"แม่"?หญิงสาวคนนั้นถูกเข็มร้อยมาลัยแทงเข้าที่ปลายนิ้วในเวลาต่อมา คนรับใช้ที่นั่งพับเพียบร้อยมาลัยอยู่ด้านล่างรีบทางเข่าเข้าไปดูแผลให้ เขมเองก็ตั้งใจจะเดินเข้าไปดูเธอด้วยความเป็นห่วง ทว่าว่าราวกับถูกกระชากจากด้านหลังมาที่บ้านไม้สีเปลือกไข่ในยุคสมัยที่ต่างกัน
เหมือนกับทุกครั้ง เวลาที่เขมฝันเห็นบ้านเรือนไทยโบราณ ไม่ทันได้สังเกตหรือทำอะไรมากกว่ามองดูเฉยๆ ก็จะถูกดึงมาที่นี่ และมองดูคนในบ้านผ่านทางหน้าต่างจากด้านนอก
เขมมักจะเห็นชายหญิงคู่หนึ่ง แต่มองไม่ชัดว่าทั้งสองคนมีหน้าตาเป็นแบบไหน บ้างก็จะเห็นว่าในด้านนั้นมีเพียงผู้หญิงท่าทางคุดคู่ดูเศร้าสร้อยนั่งทานอาหารอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน
และจะมีเสียงผู้ชายเย็นๆ จากทางด้านหลังถามเขมว่าอยากอยู่ที่นี่ด้วยกันไหม แต่เขมไม่เคยตอบเลยสักครั้ง ไม่นานจากนั้นก็จะตื่นขึ้นหลังๆ เลยเริ่มที่จะชินชา กระทั่งได้ยันต์มาจากพ่อครูของเจตเข็มก็ไม่ได้ฝันถึงเรื่องนี้อีกจนมาถึงวันนี้
คราวนี้ บรรยากาศของที่นี่มันดูแปลกประหลาด
เขมไม่เห็นใครสักคนแม้กระทั่งหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร...
แผ่นหลังฝังเขมเย็นวาบขึ้นมาอีกครั้งจนต้องเหยียดตรง รู้สึกได้ว่ามีบางคนยืนอยู่ด้านหลัง แต่ไม่สามารถหันกลับไปมองได้เหมือนทุกครั้ง
เขมมั่นใจว่าคงจะเป็นเจ้าของเสียงปริศนาที่มักจะเอ่ยถามเฉยอยู่ตลอดว่าอยากอยู่ที่นี่ด้วยกันกับอีกฝ่ายไหม ทว่าว่ารอแล้วรอเล่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมพูดอะไรเสียที
ปกติพอพูดเสร็จเขมก็จะตื่น แต่คราวนี้ผ่านมาหลายนาทีแล้วเขมก็ยังอยู่ที่นี่ แปลว่าหากอีกฝ่ายไม่พูด เขมจะไม่ตื่นงั้นหรอ?
ในใจเขมเริ่มวิตกกังวลจนถึงกับต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากเสียเอง
"ทำไมไม่พูดล่ะ?"
เจ้าของห้วงมิตินี้ดีใจเหลือเกินที่ได้ยินว่าคนตรงหน้าตอบโต้กลับมันเป็นครั้งแรก ทว่ามันนั้นไม่สามารถเลื่อนเอ่ยออกไปเพื่อส่งเจ้าตัวกับสู่โลกของความเป็นจริง เพราะมือสีขาวคู่หนึ่งของวิญญาณร้ายอีกตนนั้นปิดปากมันเอาไว้จะทางด้านหลัง สองขาของวิญญาณร้ายกอดเกี่ยวเอวของมันแล้วรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ
มันเข้ามาได้อย่างไร?นั่นเป็นคำถามที่กู่ก้องอยู่ในใจตอนนี้
ปกติก็ต่อกรกับวิญญาณร้ายตนนี้ได้ยากเย็นอยู่แล้ว คราวนี้ดูเหมือนว่าฤทธิ์เดชของมันจะมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ถึงขั้นล่วงล้ำอาณาเขตของผู้อื่นได้เช่นนี้อันตรายมาก...
เขมไม่ได้รับคำตอบแม้จะยังรู้สึกได้ว่าเจ้าของเสียงปริศนายังคงยืนอยู่ด้านหลัง แต่กลับได้ยินเสียงของใครอีกคนที่รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี
'เขม...'
"แม่? แม่เหรอ?" เข็มตกใจตัวสั่นด้วยความร้อนรน เป็นครั้งแรกที่เขตได้ยินเสียงของมารดาชัดเจนขนาดนี้
"ช่วยแม่ด้วย แม่ทรมานเหลือเกิน"
"แม่ แม่อยู่ที่ไหน!"เขมตะโกนลั่นอย่างตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดจากผู้เป็นมารดา เมื่อขยับตัวได้จึงรีบวิ่งออกไปเพื่อตามหาด้วยความเป็นห่วง โดยไม่คิดจะหันกลับไปมองเบื้องหลัง
ว่าชายปริศนาผู้เป็นเจ้าของห้วงมิตินี้นั้นกำลังเบิกตาโพลง ตะโกนส่งเสียงอื้ออึงในลำคอว่า
"อย่าไป"
.....
เขมกลับมายังบ้านเรือนไทยหลังแรกอีกครั้ง ในหูยังคงได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากมารดาอยู่ตลอดเวลา
"แม่! แม่อยู่ไหน!" เข็มร้องไห้ เขาวิ่งไปทั่วเรือนที่ตอนนี้ไม่มีใคร
สักคนอาศัยอยู่ ราวกับกลายเป็นเรือนร้างไปแล้ว ก่อนที่เขมจะได้ยินเสียงของผู้หญิงอีกคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
'มาที่ท่าน้ำสิ' อย่างนั้นเนิบเย็นช้าเย็นชาไม่บ่งบอกอารมณ์ แต่เขตรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังยิ้มอยู่...
ทว่าไม่มีเวลามาสนใจ เข็มจำได้ว่าถ้าน้ำอยู่ตรงไหน จึงวิ่งออกมาจากห้องนอนห้องหนึ่ง ตรงไปยังจุดหมายปลายทางทันที
ด้านนอกฝนตกหนักราวกับพายุ เขมเห็นร่างของมารดาที่กำลังเกาะขอบเสาปลูกเกลือของสะพานแน่น ครึ่งล่างจมอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยว
'เขมช่วยแม่ด้วย ช่วยแม่ด้วยลูก' เขมได้ยินเสียงของมารดาทั้งที่ยังคงยืนอยู่ไกลจากจุดนั้น ก่อนที่ดวงตาของเขมจะเบิกโพลงเมื่อมารดาไม่อาจเกาะเกี่ยวเสาต้นนั้นเอาไว้ได้อีก
เธอหายไปจากสายตาราวกับไม่เคยมีอยู่
"แม่!" หัวใจของเขมถูกฉีกกระชากในวินาทีนั้นเขมตะโกนเรียกแม่ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำออกตัววิ่งไปข้างหน้าหวังจะกระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยเธอ
เจตกำลังหลับลึก จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนดังเข้ามาในหูว่า
"เจตนา!"
เฮือก!
ด้วยความตกใจจึงสะดุ้งตื่นแล้วลุกขึ้นมานั่ง รีบดึงผ้าปิดตาลายการ์ตูนออก สิ่งแรกที่เห็นคือระเบียงห้องยังคงมีไฟเปิดอยู่ และได้เห็นว่าเพื่อนตัวน้อยที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงนั้นกำลังคิดจะทำอะไร
"เชี่ย ไอ้เขม!"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments