ในที่สุดมหาวิทยาลัยก็เปิดเทอมเสียที
เขมมองดูตัวเองที่ใส่ชุดนักศึกษาปีหนึ่งที่หน้ากระจกด้วยสีหน้าภูมิใจ ก่อนจะหยิบกระเป๋า ผ้าขึ้นมาสะพายไหล่แล้วก้าวขาออกจากห้อง
เขมใช้เวลาเดินออกจากอพาร์ตเมนต์มาจนถึงมหาวิทยาลัยหนึ่งชั่วโมงเป๊ะ เหนื่อยจนต้องแวะซื้อน้ำเปล่าที่ซุ้มขางตึกเรียนดื่ม ยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าจะถึงคาบเรียน
"หลอดไม่ต้องก็ได้ครับ" เขมกล่าวกับแม่ค้าที่กำลังยื่นหลอดพลาสติกมาให้ หากไม่ใช่หลอดที่ย่อยสลายได้เขมจะไม่ค่อยใช้เท่าไหร่ เห็นแบบนี้เขาก็เป็นพวกใส่ใจสิ่งแวดล้อมอยู่เหมือนกันนะ
เขมขยับมายืนข้างซุ้ม ในจังหวะที่กำลังยกขวดน้ำดื่มดวงกลับมองเห็นก้นของกระถางต้นไม้ที่กำลังร่วงหล่นลงมาพอดี
'ฉิบหายแล้วไง'
"ระวัง!"
เเขมได้ยินเสียงใครสักคนร้องเตือน ทว่าอยากจะหลบแค่ไหนแต่ร่างกายไม่ยอมขยับราวกับถูกตรึงเอาไว้กับที่ ในเสี้ยววินาทีที่มันกำลังจะลวมาแตกใส่หัว ใครบางคนก็พุ่งเข้ามาชนจนเราล้มคู่กลิ้งไปด้วยกันบนพื้นปูน
เพล้ง!
"กรี๊ดดดด!"
เสียงของกระถางต้นไม้แตกกับเสียงคนกรีดร้องโวยวายดังตามมา
"เป็นอะไรไหม!?" ชายคนที่วิ่งเข้ามาช่วยเขมเอาไว้กล่าวด้วยสีหน้าตื่นๆ อีกฝ่ายเป็นผู้ชายสีน้ำผึ้ง ย้อมผมสีทอง มีที่คาดผมสีดำอันเล็กคาดอยู่บนหัว
เขมหันมองไปยังกระถางต้นไม้ด้วยใบหน้าซีดเซียว
"ขะ ขอบคุณนะที่เข้ามาช่วย" พอหายคกใจก็รีบกล่าวก่อนจะร้องออกมาเบาๆ เมื่อถูกดึงให้เดินตาม
"เดี๋ยวๆ จะพาเราไปไหน" เขมถามอย่างตกใจ จะขืนตัวอีกฝ่ายก้ทไหน้าจริงจังใส่ เขมกลัวเลยยอมตามไปแต่โดยดี กระทั่งมาหยุดที่ใต้ต้นลีลาวดีหลังตึกเรียนที่ค่อนข้างปลอดคน
อีกฝ่ายมองซ้ายมองขวาก่อนจะกลับมาจ้องหน้าเขมแล้วเอ่ยขึ้น
"นายน่ะ ถูกผีตามรังควานอยู่"
"..."
"ถ้าปล่อยไว้ไม่ทำอะไรนายตายแน่" เขมอ้าปากค้าง จู่ๆ โดนคนที่ไม่รู้จักมาพูดแบบนี้ใส่ใครจะไม่ตกใจบ้าง และด้วยความสงสัยเลยขมวดคิ้วถามออกไป
"นายรู้ได้ยังไง?"
"เมื่อกี้ตอนกระถางต้นไม้ตกลงมา ฉันเห็นมันอยู่บนชั้นสาม ฝีมือมันนั่นแหละ" เขมยังไม่อยากปักใจเชื่อ แม้ใจหนึ่งจะยอมรับไปแล้วก็ตาม
ดูเรื่องที่เขาเจอแต่ละอย่างตั้งแต่มานี่สิ
"ไม่เชื่อก็ไม่ว่าหรอกนะ แค่อยากเตือนเอาไว้ให้ระวังตัว" เขมอึกอักทันทีก่อนจะถอนหายใจ
"เปล่า ไม่มช่ว่าไม่เชื่อหรอก แค่ไม่อยากยอมรับเฉยๆ น่ะ" ประโยคท้ายเหมือนเขมพูดกับตัวเองมากกว่า "แต่ยังไงก็ขอบใจนะ ถ้านายไม่เข้ามาช่วยเราต้องเจ็บตัวแน่ๆ"
อีกฝ่ายหยักไหล่
"ไม่เป็นไร ฉันชื่อเขต ชื่อจริงเจตนา นายล่ะ?"
"ชื่อเขม...เขมจิราน่ะ" เจตพอได้ยินชื่อเขาก็กระพริบตาปริบ ก่อนจะมองสำรวจเขาเล็กน้อย
เขมยิ้มเจื่อน
"แม่เราตั้งให้เหมือนผู้หญิงเพื่อแก้เคล็ดน่ะ" เจตหน้าเหวอก่อนจะเกาหัวแก้เก้อ
"โทษทีเห็นหน้าหวานๆ นึกว่าเป็นผู้หญิง"
"ไม่เป็นไรๆ ตอนเด็กๆ เราเหมือนกว่านี้อีก" เจตพยักหน้าประมาณว่า'ฉันก็ว่างั้น' ก่อนจะถาม
"แล้วนี่อยู่คณะไหน?"
"ศิลปกรรมอะ"
"เฮ้ย เหมือนกันเลย ปีหนึ่งใช่ป่ะ?" เขมตาโตรีบพยักหน้า
"ชะ ใช่" เจตหัวเราะออกมากับความบังเอิญของเราสองคน"ดีๆ มาเป็นเพื่อนกัน ก่อนอื่นขอไลน์หน่อย" เขมตื่นเต้นดีใจ รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเพิ่มเพื่อนอีกฝ่ายทันที
"เข้าเรียนก่อน เรื่องของนายเดี๋ยวไว้คุยกันทีหลัง" เขมเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
....
เรามีเรียนจนถึงบ่ายสามโมง เรียนเสร็จเขตก็พาเขมมานั่งที่โต๊ะไม้หินอ่อนหลังตึก จุดเดียวกับที่คุยกันเมื่อเช้า
"เอางี้มึงรู้ตัวหรือเปล่าว่าโดนผีตามเป็นโยงแบบนี้" เจตเอ่ยขึ้นมาตรงๆไม่รอให้เขมได้ตั้งตัว ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายขอพูดกูมึงกับเขาเพราะถนัดปากมากกว่า แล้วมันดูสนิทสนมกันมากกว่าฉันกับนาย ซึ่งเขมก็เห็นด้วย ถึงเขามจะขอแทนตัวเองว่าเราเหมือนเดิมเพราะถนัดแบบนี้ก็เถอะ
เขมอ้อมแอ้มตอบ
"ไม่รู้สิ...แต่ก็มีหลายครั้งที่รู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว"
"...."
"อีกอย่าง หลังๆ มานี้เวลาไปไหนมาไหนเราชอบมองเห็นอะไรแปลกๆ"
"ผีเหรอ" เขมอ้าปากค้างกับความตรงไหนตรงมาของเจต ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ ทำให้เจตเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
"คือมึงเห็นผีที่อื่น แต่ที่อยู่ใกล้ๆ ตัวมึงมองไม่เห็น
เหรอ?"เขมเบิกตาอย่างตกใจ
"เจตเห็นเหรอ?"
"กูเห็นแต่ไม่ชัด บางทีก็เห็นเป็นควันสีเทาๆ บางทีก็เป็นเงาดำๆ"
"...."
"อย่างตอนแรกที่กูเห็นมึงนะ มีทั้งควัน ทั้งเงาดำ ยั้วเยี้ยเต็มหลังมึงไปหมด"
"..."
"กูถามมึงจริง ๆ นะมึงไปทำอะไรมาวะ"เขมกลืนน้ำลายลงคอ ถ้าตอบว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลยก็คงพูดไม่ได้เต็มปาก เขมเลยตัดสินใจเล่าเรื่องคำสาปของตระกูลให้เจตฟัง อีกฝ่ายพอได้ฟังก็ถึงกับเงียบไปทันที เขมเห็นแบบนั้นก็เสียใจ
"ขอโทษนะที่เราไม่ได้บอกตั้งแต่แรก"
"...."
"เจตจะเลิกคบเราเป็นเพื่อนก็ได้นะ โอ้ย!" เขมยกมือกุมหัวเพราะโดนเขก ใบหน้าหล่อเหลาคล้ายกับทำตัวไม่ถูก
"ไร้สาระ ใครจะเลิกคบเพื่อนตัวเองด้วยเหตุผลงี่เง่าพรรค์นี้" เจตขมวดคิ้วกล่าว เขมเลยนึกถึงเพื่อนสมัยมัธยมของตัวเองขึ้นมา ในใจว่า 'เยอะแยะ่ แต่ไม่พูด
เขมยิ้ม
"ขอบใจนะเขต"
"ถ้ากูไม่คบมึงเป็นเพื่อนก็คงไม่มีใครคบกูเป็นเพื่อนแล้วอะ"
"ถุย เจต เราเกือบซึ้ง"
"ฮ่าๆ หน้ามึงตลกสัด" เขมหน้าบึ้ง
"พูดต่อได้ยัง"
"มึงนั่นแหละพากูนอกเรื่อง เออ เอาเป็นว่ามีผีตามมึงอยู่เยอะด้วย" เขมขนลุกซู่ขึ้นมาอีกรอบ
"ตอนนี้ด้วยหรอ?" เขมขมวดคิ้วมองไปรอบตัว"
"อืมแต่มันหลบอยู่ไม่ได้เข้ามาใกล้" เขมเม้มปากแน่น ในใจรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นมา
"เหมือนมึงจะมีของดีติดตัวอยู่นะ ไม่ก็มีบางอย่างปกป้องคุ้มครองมึงอยู่ พวกมันเลยทำอะไรไม่ได้มาก" เขมปลดกระดุมบนก่อนจะรูดเนกไทลงเล็กน้อย ล้วงมือเข้าไปหยิบตระกรุดออกมาโชว์
"เรามีนี่อะ ใส่มาตั้งแต่เด็ก ๆ เลย" เจตชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ ท่าทางสนอกสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับ
"ของดีจริง แต่อาคมเสื่อมหมดแล้ว"
"หา?" เขมอ้าปากค้าง "เจตรู้ได้ยังไง?"
"รู้ดีเลยแหละ กูโตมากับอะไรแบบนี้" ยิ่งได้ฟังเขมก็ยิ่งเครียด เพราะอาคมตะกรุดเสื่อมเหรอ เขมถึงเริ่มเจอเรื่องแปลกไป มากขึ้นทุกวัน
"แล้วเราจะทำยังไงดี?"
"ใจเย็นๆ มึงไม่ต้องเครียด เอาชื่อจริง นามสกุล วันเดือน ปีเกิด กับของที่มึงใช้อยู่เป็นประจำมาให้กู"
"อะไรก็ได้หรอ?"
"ยกเว้นกางเกงใน" เขมหน้าแดง แต่เห็นสีหน้าจริงจังของเพื่อนก็คิดว่าอีกฝ่ายคงหมายความแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้แกล้ง
เขมหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมาเขียนตามที่เขตบอก พร้อมกับผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ปักชื่อตัวเองขึ้นมาส่งให้
เป็นผ้าเช็ดที่แม่ปักให้เราก่อนท่านจะเสีย
"โอเค อ้อ ทีหลังมึงอย่าให้อะไรแบบนี้กับใครง่ายๆ นะ" เจตบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้เขมบมวดคิ้ว
"ก็ขอเองไม่ใช่รึไง?"
"มึงจะแต่ใจได้ไงว่ากูจะไม่เอาไปทำอะไรไม่ดี"
"อ่าว"
"กูแค่สมมุติ กับกูมึงไว้ใจได้ แต่คนอื่นไม่แน่ กูแค่อยากเตือนมึงไว้ โดนทำของใส่ขึ้นมาจะเป็นเรื่อง" เขมหน้าซีด รีบพยักหน้ารับทันที
"ดี เดี๋ยววันหยุดกูจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด จะเอาเรื่องของมึงไปปรึกษาพ่อครูดูว่าจะช่วยอะไรได้ไหม"
"ขอบใจนะเขต"
"เออ มึงตายขึ้นมา กูไม่มีเพื่อนคบพอดี" เขมอยากหาอะไรมาปามัน
"ไอ้เจต หลายทีแล้วนะมึง"
"ฮ่าๆ ไอ้เหี้ย ถึงกับพูดคำหยาบกับกูเลยเลยดิ!" เขามุ่ยหน้า
"กวนตีน คนยิ่งเครียดๆอยู่"
"โอ๋ ๆ ไป ๆ กูพาไปกินปังเย็น เห็นคนบอกว่าร้านหน้ามออร่อย เขมยอมตามน้ำ ลุกเดินตามเจต
ต้อย ๆ เหมือนลูกเจี๊ยบตามแม่ไก่แม้จะยังงอน ๆ อยู่
สับสนนิดหน่อยว่าเราสองคนสนิทกับเร็วเกินไปไหม
ทั้งที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งวัน แต่รู้สึกอย่างกับเป็นเพื่อนกันมานานอย่างนั้นแหละ
เขมเชื่อสนิทใจแล้วว่าตัวเองมีวิญญาณตามติดอยู่จริงๆ
เพราะเจตบอกว่าเวลาที่เจตอยู่ด้วยพวกผีจะไม่เข้ามาใกล้เขม ด้วยเพราะเจตมีของขลังติดตัวช่วยคุ้มครอง หลังจากวันนั้นมา เขมก็ตัวติดอยู่กับเจต ไปไหนไปกันตลอด จะมีแค่ตอนกลับหอพักเท่านั้นที่ไม่ได้เจอกัน แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
หมายถึงก็พอมีปัญหากวนใจเขมอยู่ อย่างการมองเห็นอะไรผ่านตาแวบไปแวบมาอยู่บ่อยๆ ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กหรือเสียงของหล่น แต่ก็ไม่ได้หนักหนาถึงขั้นทนไม่ได้
เขมพยายามหาอะไรทำอยู่ตลอด อย่างดูหนัง ไม่ก็อ่านหนังสือ
วันนี้เขมอ่านหนังสือเสร็จในเวลาเกือบๆ สามทุ่ม ก่อนจะขยับเคลื่อนเก้าอี้มาตรงขาตั้งไม้สำหรับวางกระดานวาดรูป การเรียนการสอนในคาบต่อไปคือการวัดระดับความสามารถ โดยตัดสินจากรูปวาดแบบสเกตซ์ ในหัวข้ออะไรก็ได้ที่เราถนัด ไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ คน สัตว์ หรือสิ่งของ
เขม ถนัดวาดตัวคน และตั้งใจวาดภาพของมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุดตามหัวข้อของอาจารย์ที่ให้มา
มือบางจับดินสอบีขึ้นมาตั้งฉากกับกระดาษหรี่ตาเพื่อกะระยะก่อนจะเริ่มร่างโครงหน้าเป็นเส้นบางๆ
เขมฝึกวาดใบหน้าของแม่มาตลอด คนวามทรงจำที่มีร่วมกับมารดาสลักอยู่ในหัวใจของเขม นึกถึงกี่ครั้งก็รู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอ เพราะแบบนั้นเขมจึฃสามารถวาดใบหน้าของแม่ออกมาได้เพียงแค่นึกภาพ ไม่จำเป็นต้องดูแบบเลย
"คิดถึง" เขมยิ้มแล้วพึมพำออกมาเบาๆ กับใบหน้าของแม่ที่กำลังแย้มยิ้ม ในขั้นตอนการเก็บรายละเอียด แต่แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมาจนต้องปิดปากหาว
อ่า อย่าพึ่งง่วงสิอีกนิดเดียวก็ใกล้จะเสร็จแล้ว
เขมบอกตัวเองและพยายามฝืนลืใตาเอาไว้ความง่วงกัดกินสมองจนมือเริ่มตกลง และสุดท้ายก็ทนไม่ไหว
เขมหลับไปทั้งแบบนั้น
เขมเผลอหลับและสดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หันมองนาฬิกาแขวนผนังก็พบว่าเป็นเวลาตีสองกว่าๆ ส่ายหัวไปมาให้กับตัวเองแล้วตั้งใจจะยกขาตั้งรูปไปเก็บ
"เชี่ย!"เขมลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วถอยกรูดจนนสะโพดกระแทกกับโต๊ะด้านหลัง
ภาพสเก็ตช์ของแม่ที่เคยยิ้มแย้ม กลับกลายเป็นผู้หญิงที่มีเพียงตาสีดำไรสีขาว จากปากที่ยิ้มเพียงเล็กน้อยกลับฉีกกว้างไปถึงใบหู
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Nami/Namiko
พลาดไม่ได้กับเรื่องนี้เลยครับ!
2025-09-02
0