เขมจิราต้องรอด

เขมจิราต้องรอด

บทที่1

พอใกล้วันปิดเทอมเขมจึงย้ายข้าวของมาในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งซึ่งราคาเช่าถูกมากซึ่งแลกกับระยะทางที่ห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควรแต่นั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขมที่มักจะใช้วิธีเดินไปไหนมาไหนมากกว่าการขับรถหรือนั่งรถหากระยะทางไม่ได้ไกลจนเดินไม่ไหวล่ะนะ เวลาจะไปเรียนก็แค่ต้องตื่นเช้าเผื่อเวลาเดินสักหน่อยก็เท่านั้น

อาจจะสงสัยเขามาเรียนที่กรุงเทพฯคนเดียว ไม่มีเพื่อนสักคน

มาเรียนด้วยหรอ

คำตอบคือเขมเคยมีเพื่อน เพราะเรื่องคำสาปในตระกูลของเขาที่อาศัยอยู่กันในชนบท แถวนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้เรื่องนี้ เลยไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเขาเพราะกลัวตัวเองจะโชคร้ายไปด้วย

ซึ่งเขมก็เข้าใจดีใครๆ ก็รักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้น

ถ้าเป็นเขาเขาก็ทำแบบเดียวกันนั้นแหละ

แต่ก็ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งหรือบอยคอตเขาหรอกนะ เราพูดคุยกันได้ปกติ แต่ไม่ได้สนิทสนมกันจนสามารถเรียกอีกฝ่ายว่าเพื่อนได้เต็มปากก็เท่านั้น

เป็นหนึ่งเหตุผลที่เขมอยากมาเรียนกรุงเทพฯ

เขมอยากมีเพื่อน อยากมีสังคมใหม่ๆ

พอจัดของเสร็จแล้วก็ลงไปหาอะไรกินข้างล่างอพาร์ทเมนท์ ที่นอกจากราคาดีแล้ว

ยังอยู่ใกล้กับตลาดอีกด้วย ไม่ต้องห่วงว่าจะอดตายเลย อ่า ผัดไทยร้านนี้น่าอร่อยแฮะ

เขมได้กลิ่นผัดไทยหอมๆ ก็หยุดกึก จากที่ตั้งใจจะเดินผ่าน ก็หยุดสั่งทันที

"ผัดไทยห่อหนึ่งคนรับป้า"

"เอาห่อเดียวเหรอลูก"

"ครับ"

"อีกคนไม่เอาเหรอ?" เขมชะงักค่อยๆหันรอบตัวก่อนจะถาม

"หมายถึงใครเหรอครับป้า?"

เป๊ง!

แม่ค้าผัดไทยเผลอทำตะหลิวหลุดมือ ใบหน้าซีดลง ถนัดตาก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ ส่งมาให้

"อะ เอ่อ ป้าตาฝาดนะลูก ไม่มีอะไรๆ เอ้านี่ยี่สิบบาทจ้ะ" เขมรับมาแล้วจ่ายเงินแบบงงๆ

ระหว่างที่กำลังจะเดินข้ามถนน เขมเผลอเหยียบเชือกรองเท้าผ้าใบของตัวเองจนสดุดลงไปบนถนนก่อนจะรีบถอยกลับขึ้นมา ตั้งใจจะก้มลงไปผูกเชือกรองเท้า

เอี๊ยดดด

โครมม!!

ไม่ทันได้ย่อตัวลงเขมก็ได้ยินเสียงดังสนั่นอยู่ใกล้ๆ

จนต้องรีบเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจะเบิกโตขึ้น เมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์พุ่งมาด้วยความเร็วเสียบอยู่ใต้ท้องรถเมล์ ที่กำลังจอดรับผู้โดยสาร

...อยู่ตรงหน้าเขาพอดิบพอดี

ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที

เมื่อครู่นี้ถ้าเขาไม่กลับขึ้นมาผูกเชือกรองเท้าละก็...

เขมนึกถึงเรื่องคำสาปของตระกูลขึ้นมา

ก่อนจะสะบัดศีรษะพยายามคิดในแง่ดีเพื่อปลอบใจตัวเอง

ก็แค่บังเอิญน่า ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย

ไม่รู้ว่าเผลอยกมือขึ้นมากำตระกรุดที่ห้อยอยู่คอตอนไหน เขมถอยออกมาจากความชุลมุนวุ่นวาย แล้ววิ่งกลับห้องของตัวเองทันที

...

วันต่อมา เหตุการณ์เมื่อวานก็ได้เป็นข่าวออกโทรทัศน์ เขมที่กำลังเดินผ่านล็อบบี้เพื่อกลับห้องพักชะงักเท้าตัวเอง เพื่อหยุดแหงนหน้ามองโทรทัศน์ของส่วนกลางทีากำลังฉ่ายภาพที่เกิดเหตุ

'เกิดเหตุการณ์สลดขึ้นเมื่อวานนี้ค่ะ คนขับบิ๊กไบค์ หมายเลข ทะเบียน กข XXX พุ่งชนกับท้ายรถเมล์ที่กำลังจอดรอรับผู้โดยสารเสียชีวิตคาที่ที่ถนน... เบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัย...พึ่งกลับจากงานกินเลี้ยงสังสรรค์กันกับบรรดาเพื่อนๆ'

เขมหัวใจหล่นวูบเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเสียชีวิตคาที่ สองแขนกอดขวดน้ำที่พึ่งเอาลงมา

กรอกไว้แน่น ราวกับจะใช้มันเป็นที่พึ่งทางใจ เผลอคิดไม่ได้ว่าถ้าเชือกรองเท้าไม่หลุดตอนนั้น เหตุการณ์นี้อาจจะไม่ได้มีแค่ศพเดียวก็เป็นได้...

เหลือเวลาอีกอาทิตย์กว่าๆ ก่อนจะถึงวันเปิดเรียน หลังจากวันนั้นเขมก็พยายามใช้ชีวิตตามปกติ ถึงภาพเหตุการณ์วินาทีชีวิตนั้นจะยังคอยตามหาลอกหลอน แต่หากมีวแต่คิดกังวลก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี

เขมคิดแต่ว่าต่อแต่นี้ต้อวมีสติระมัดระวังตัวให้มากกว่าเดิมก็เท่านั้น

"เรียบร้อย" เขมกล่าวกับตัวเอง หลังจากที่ซื้อของมาตกแต่งห้องใหม่เพื่อทำให้ห้องดูเป็นสัดส่วนสบายตาและน่าอยู่มากกว่าเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นของมือสองที่คนอื่นไม่ใช้แล้วนั่นแหละนะ

เขมปาดเหงือไปหนึ่งที นาฬิกาบอกเวลาเกือบๆ สองทุ่ม 'ได้เวลาอ่านหนังสือแล้ว'เขมคิดในใจก่อนจะรีบกวาดขยะใส่ถุงดำเพื่อจะเอาลงไปทิ้งข้างล่าง

อย่างกับฉากในหนังผี

บรรยากาศที่น่ากลัวนี้ทำให้เขม มองซ้าวมองขวาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะรีบโยนถุงดำในมือลงถังขยะไป แต่จังหวะที่กำลังหมุนตัวเดินออกมา หางตากลับมองเห็นบางสิ่งที่ทำให้สองขาหยุดชะงัก สมองประมวลผลอย่างหนักว่าสิ่งนั้นคืออะไร

เขมตัดสินใจเหลือบตาไปมองด้วยความอยากรู้ ภาพที่เห็นเป็นร่างของเด็กที่ไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชายใส่เสื้อขาวดูสกปรกมอมแมม

นั่งยองก้มหน้ามองพื้นอยู่ข้างถังขยะใบใหญ่

เขมมั่นใจว่าไม่ใช่คนแน่ๆ พอตอนเดินมาถึง เขมไม่เห็นว่าจะมีใครนั่งอยู่ตรงนั้นเลยสักคน

ขนอ่อนบนร่างกายค่อยๆ ลุกชัน

คนดีๆ ที่ไหนจะมานั่งอยู่ข้างถังขยะ

ในซอยเปลี่ยวตอนมืดๆ ค่ำๆ แบบนี้

"อึก" ชายหนุ่มกลืนน้ำลายก่อนจะถอนสายตาออกมา สองขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรีบร้อน เรียกได้ว่าวัยตีนแตก

นั่นน่ะเหรอผี เกิดมาสิบเก้าปี เขมพึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

ในวินาทีที่เขมกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปนั้น

วิญญาณของเด็กผู้ชายคนนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

ปากของมันค่อยๆ ฉีกยิ้ม ก่อนที่ร่าง

กะหร่องของมันจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินโซเซตามเด็กหนุ่มคนนั้นไป

...

หลังจากวันนั้นมาเขมก็เริ่มเจอเรื่องแปลกๆ มากขึ้น

อย่างแรกคือเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเขาถึงสามครั้งภายในหนึ่งอาทิตย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างเดินอยู่ดีๆ ก็สะดุดล้ม หนักสุดก็เกือบตกบันไดยี่สิบขั้น โชคดีที่วันนั้นคว้าราวจับเอาไว้แน่น ไม่งั้นแย่แน่ๆ

อย่างที่สองคือเขมเริ่มเห็นวิญญาณบ่อยขึ้น...

อย่างเช่นตอนนี้

เขมสูดหายใจเข้าลึก ทำเป็นไม่เห็นวิญญาณเรือนร่างของหญิงสาวในชุดพนักงานออฟฟิศที่ยืนก้มหน้าอยู่หน้าประตูห้องข้างๆ

เธอยืนอยู่แบบนี้มาสามวันแล้ว

ห้องข้างๆ เขมเป็นผู้ชายวัยทำงานคนหนึ่ง ที่อยู่กับลูกชายเพียงสองคน

ตอนแรกที่เห็นเธอเขมเกือบจะทักออกไปแล้วว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ยอมเข้าไปในห้อง แต่ตาดันเห็นเธอนั้นไม่มีเท้า... เขมจึงรีบปิดประตูเข้าห้องไปทันที

เขมคิดว่าเธอควจะเป็นภรรยาของเจ้าของห้องนี้ คงจะยังเป็นห่วงไม่ยอมไปเกิด

"อย่..า...ทำ...ลูก...ก...กู

เสียงที่ฟังดูกระท่อนกระแทก ทะว่าเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกดังขึ้นมาให้ได้ยิน เขมใจหล่นวูบ มือที่กำลังไขกุญแจห้องสั่นจนควบคุมไม่อยู่ กว่าจะเปิดประตูห้องเข้ามาได้ก็ฉี่แทบราด

เด็กหนุ่มขาอ่อนลงกับพื้น กระบอกตาร้อนผ่าว

เมื่อครู่นี้เธอบอกว่าอย่าทำลูกกูหรือเปล่า?

หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกชายของเธอ

คืนนั้นเขมนอนแทบไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงสิ่งที่วิญญาณสาวตนนั้นพูด ใจนึ่งก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเพราะเรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด

แต่อีกใจก็เป็นห่วงกลัวเกิดเรื่องไม่ดีกับเด็ก

เช้าวันต่อมา ช่วงเวลาแปดโมงเช้า

หลังจากที่ชายข้างห้องออกไปทำงาน เขมก็เดิสมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องของอีกฝ่าย ชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้อง

วิญญาณสาวออฟฟิศยังคงยืนอยู่ที่เดิม ข้างๆ เขม ทว่าคราวนี้ใกล้จนเสียไหลแทบจะแตะกัน

ประตูค่อยๆ เปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นร่างของเด็กชายตัวเล็กๆ อายุราวๆ หกถึงเจ็ดขวบ แต่เพราะมีโซ่คล้องประตูอยู่จึงเปิดออกได้เพียงเล็กน้อย พอให้มองเห็นหน้าของเด็กชาย

"สวัสดีครับ" เขมยิ้มแล้วย่อตัวลวไปให้เสมอกับเจ้าตัว "พี่ชื่อเขมนะ พึ่งย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ หนู" เด็กน้อยไม่ตอบกลับ แต่พยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ

เขมลอบมองผ่านช่องว่างเข้าไปอย่างถือวิสาสะ เห็นขวดเบียร์วางเรียงกันหลายขวด ข้าวของระเกะระกะไม่เป็นที่เป็นทาง

อะไรวะเนี่ย

"หนูกินอะไรหรือยังครับ?" คราวนี้เด็กชายส่ายหน้า เขมหนังตากระตุกขึ้นมาทันที

พ่อออกไปทำงานทั้งที่ลูกยังไม่ได้กินข้าวเนี้ยนะ...

ขณะเดียวกันเขมก็ขนลุกซู่ ความเย็นสายหนึ่ง ลามเลียแผ่นหลังของเขาทำให้รู้สึกกดดัน

"ไปกินข้าวกับพี่เขมมั้ยครับ พี่เขมเลี้ยง กินเสร็จเดี๋ยวพี่เขมมาส่ง" เด็กชายส่ายหน้าหนักกว่าเดิม

นาทีนั้นเขมพึ่งได้สังเกตเห็นว่า ที่ข้อเท้าของเด็กมีโซ่เส้นเล็กรัดเอาไว้แน่นจนผิวขาวเป็นรอยช้ำจนน่ากลัว

เขมค่อยๆ ขยับรอยยิ้ม แล้วกล่าวกับเด็กชายว่า

"งั้นหนู รอพี่เขมแป๊บนึ่งนะ"

เขมลงไปข้างล่าง ซื้อข้าวต้มกับน้ำและขนมให้เด็กชายกิน

เด็กชายลังเลไม่กล้ารับ แต่เหมือนจะทนความหิวไม่ไหวจึงยื่นมือออกไปรับมาในที่สุด

"ยะ อย่าบอกพ่อนะครับว่าผมกินข้าวของพี่" เด็กชายกล่าวด้วยใบหน้าวิงวอน จนเขมรู้สึกทั้งปวดใจ ทั้งโมโห แต่ก็พยักหน้ารับ

"ได้ครับ พี่ไม่บอก"

เย็นวันนั้น หลังจากที่เขมแจ้งไปที่เจ้าของห้องพัก ตำรวจก็บุกเข้ามาจับผู้ชายข้างห้อง ที่อยู่ในสภาพเมามายและกำลังทุบตีลูกชายได้คาหนังคาเขา

สอบปากคำเจ้าตัวก็ได้ความว่าเด็กชายเป็นลูกติดของแฟนสาวที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อเดือนที่แล้ว ปัจจุบันอีกฝ่ายเป็นหนี้ก้อนโต พอแฟนสาวเสียไป จึงไม่มีใครช่วยใล้หนี้แถมยังทิ้งภาระไว้ให้อีก จึงเกิดเป็นความเครียดแล้วบันดาลโทสะใส่เด็กชาย

อีกฝ่ายได้รับโทษยังไงบ้างเขมไม่รู้ รู้เพียงแค่เด็กชายไปอยู่ในความดูแลของญาติฝั่งมารดาเรียบร้อยแล้ว

หวังว่าต่อไปจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะ

ในตอนที่เขมจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงมากระซิบที่ข้างหู แต่เพราะง่วงมากจึงไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้น

"ขอบคุณนะ"

"..."

"**ระวังตัวด้วย**"

ฮอต

Comments

เนเน่ (เงินฉลาด)💐★

เนเน่ (เงินฉลาด)💐★

อันนี้ตอนไหนกันคับ

2025-09-07

0

ทั้งหมด
เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 4

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!