ภายในห้องน้ำชายที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงน้ำหยดจากก๊อกที่ปิดไม่สนิท และกลิ่นอับชื้นที่ลอยคละคลุ้งเตะจมูก หรรษมนยืนอยู่หน้ากระจก ใช้มือซับหยดน้ำที่เปียกชื้นบริเวณลำคออย่างเชื่องช้า ตอนนี้สีหน้าของเขาดูหงุดหงิดกว่าทุกวัน มีเพียงความเหนื่อยที่ฉายชัดอยู่ในแววตา เขาทำได้แค่ภาวนาขออย่าให้มีเรื่องบ้า ๆ อะไรเกิดขึ้นกับเขาอีก…
“หมดกัน... น้ำหอมที่ฉีดมา!” เขาพ่นลมหายใจหนัก ฮึดฮัดด้วยความขัดใจ “ฮึ้ย!! หงุดหงิดโว้ย!!” มือที่ซับน้ำแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว จนผิวคอขึ้นรอยแดง
ตึก ตึก
อยู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นตามด้วยเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ปรากฏร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่ชื่อคณาธิศ โผล่เข้ามา
“ฉีดไปใครจะดมวะ แสบจมูกเปล่า ๆ” คณาธิศเดินเข้ามา หรรษมนหันมองเขาตาไม่กระพริบ พลางมองต่ำไปที่เป้ากางเกงของเขา เขาถอดกางกางแล้วรูดซิปลงก่อนจะตรงไปยังโถปัสสาวะ แต่ยังไม่วายหันมายิ้มกวนใส่หรรษมน
“มอง…มอง ไม่เคยเห็นคนเยี่ยวเหรอ หรือว่าอิจฉา?”
“ทุเรศ!” หรรษมนตะคอกใส่อีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะถอนหายใจแรง หันกลับมาสนใจสภาพตัวเองในกระจกดังเดิม
เขาเหลือบมองคณาธิศผ่านเงาสะท้อน เห็นอีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาท ก่อนจะหันไปทำธุระของตัวเองอย่างสบายใจ ทิ้งให้หรรษมนยืนหน้าบึ้งอารมณ์เสียที่ต้องมาฟังเสียงฉี่ของอีกคน หรรษมนเบ้หน้า พยายามกลั้นหายใจพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหูอย่างสุดทน รอให้อีกฝ่ายทำธุระให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ซึ่งทุกวินาทีที่ผ่านไปเขารู้สึกว่าทรมานเหมือนกำลังจะสิ้นใจในขณะนั้น
เขาขมวดคิ้วเข้ม “ขนาดนั้นเลยหรือไง?”
“เออ! โอ๊ย อุบาทมากพี่!” หรรษมนเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจหันหลัง เดินไปกระชากประตูห้องน้ำเปิดออก แล้วรีบก้าวฉับ ๆ วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
“สัสแม่ง…บูลลี่ฉี่กู…” คณาธิศมองตามแผ่นหลังของคนที่เดินจากไป ดวงตาฉายแววความน้อยใจเล็ก ๆ ก่อนจะสะบัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง รีบรูดซิปกางเกงขึ้น ล้างมือผ่าน ๆ อย่างลวก ๆ แล้วเดินออกจากห้องน้ำตามไปในที่สุด
หรรษมนเดินกลับมาที่ศูนย์อาหารกลาง มองขนมขบเคี้ยวที่กองอยู่บนโต๊ะด้วยความฉงน เขาหยิบถุงขนมขึ้นดู ก่อนจะเงยหน้ามองส้มจี๊ดที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า
"มึงซื้อมาแจกคนทั้งมหาลัยหรือไง?” ส้มจี๊ดหัวเราะคิก ก่อนจะยักไหล่ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี
“อื้อ! เออวันนี้วิศวะคือลือมาก ว่าง ๆ ไปส่องผู้กันแมะ” ส้มจี๊ดหยิบขนมเข้าปากไปเรื่อย ๆ พลางมองหนุ่มจากคณะวิศวะที่เดินผ่านไปมาอย่างเพลิดเพลินใจ ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความสนใจ ไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังเพลิดเพลินกับความสวยงามที่ไม่อาจละสายตาได้
หรรษมนส่ายหน้าขำ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นกังวลเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าถุงเสื้อช็อปที่นำมาด้วยหายไปแล้ว เขามองหามันจนแทบพลิกแผ่นดินก็ยังไม่เจอ จึงหันไปถามส้มจี๊ดด้วยเสียงเครียดเล็กน้อยว่า
“ไอ้ส้มถุงเสื้อช็อปกูล่ะ? เห็นป่ะ?”
“อยู่ข้างกูเอง นี่” ส้มจี๊ดหยิบถุงขึ้นมาแล้วยื่นคืนให้หรรษมน ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงแซว ๆ “ตกลง…เสื้อช็อปเหรอ ของใครอะ? คนพิเศษป่ะ? งู้ย ๆ” เธอพูดพร้อมทำหน้าฟินจนหรรษมนแทบจะทนไม่ไหว
“พิเศษบ้าอะไรล่ะ ไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ”
“อ้าว…” ส้มจี๊ดหน้าหงายเงิบ
“ช่างเถอะ กูเพิ่งเห็นพี่มันอยู่ที่ห้องน้ำเมื่อตะกี้เองว่ะ มึงพากูไปทีดิ” หรรษมนพูดพลางทำท่าจะก้าวไปทันที
“โอ๊ย! รีบจังเลยเนาะ แป๊บนึงสิ” ส้มจี๊ดร้องประท้วง ก่อนจะรีบเก็บข้าวของบนโต๊ะอย่างเร่งรีบ แล้วไม่วายโยนของหนักให้หรรษมนช่วยถือ จากนั้นทั้งคู่ก็พากันวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ ต่อให้สะดุดก็ยังไม่หยุด ท่ามกลางสายตาผู้คนที่หันมามองด้วยความสงสัย
ทั้งคู่มาถึงห้องน้ำ แต่ก็ไม่พบคนที่กำลังตามหาอยู่ อีกหน่อยก็ใกล้เวลาต้องเข้าเรียนแล้ว หรรษมนจึงขี้้เกียจหาตัวเจ้าของเสื้อให้วุ่นวาย จึงจะตรงไปที่คณะของตนเพื่อนไปเรียน
“คงกลับคณะแล้วว่ะ งั้นพวกเราไปเรียนเหอะ”
“ไม่ได้…ถ้าไม่เจอ เราต้องไปวิศวะเว้ย” ส้มจี๊ดประท้วงขึ้นอีกครั้ง อยากจะช่วยเพื่อนแล้วอีกเรื่องคืออยากจะรู้ด้วยว่าเจ้าของช็อปเป็นใคร แต่โดยรวมแล้วคงจะช่วยให้สมใจตัวเองเสียมากกว่า
“นี่ก็มุ่งอย่างเดียวเลย ไม่ต้อง มึงกับกูอะไปเรียนก่อน มา!” หรรษมนลากตัวส้มจี๊ดให้เดินไปเรียนด้วยกัน แม้จะขัดขืนก็สู้แรงผู้ชายอย่างหรรษมนไม่ได้อยู่ดี
ตลอดเวลาการเดินของคณาธิศเขาสนใจเพียงโทรศัพท์มือถือของตนเอง เปิดปิดถี่ ๆ หลายครั้ง ทุก ๆ สามก้าว ก็หยุดเดินเปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วก็ปิดลงอีกครั้ง บางทีเขาก็หงุดหงิดหลังจากเปิดหน้าจอ ดูเหมือนว่าเขากำลังรอการตอบกลับข้อความของใครบางคนอยู่แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับมา นั้นอาจจะเป็นสาเหตุที่เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ
ธันวาพาดแขนรัดคอหยวกเอาไว้แล้วถามหยวดด้วยความแปลกใจ “มึงว่า…มันแปลกไปไหมวะ อยู่ ๆ ก็ติดโทรศัพท์”
“ปกติมันก็แปลกเถอะ ต่างก็แค่แต่ก่อนมันมีแฟน แต่ตอนนี้มันโสด” หยวกดึงแขนธันวาออก แล้วเดินตามหลังคณาธิศไปด้วยความดื่มด่ำกับรสชาติไอศกรีมบนมือ
“เหรอวะ…” ธันวาพึมพำเสียงเบา ยืนทิ้งห่างจากเพื่อน พยายามใช้สายตาสังเกตุพฤติกรรมของคณาธิศอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะทำตัวลนลานรีบเร่งฝีเท้าเดินมาอยู่ใกล้คณาธิศ เป็นเพราะ…หลังจากที่คณาธิศหันหลังกลับมามองพวกเขานั่นเอง
“พวกมึงเป็นไร?” เขาหันมาขมวดคิ้ว มองเพื่อนอย่างสงสัย
“พวกกูแค่สงสัยเว้ย ว่ามึงดูอะไรอยู่…” ธันวาชะเง้อหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือของคณาธิศอย่างสอดรู้สอดเห็น
คณาธิศรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างอย่างรวดเร็ว “กูดูเวลาไง” เขาพูดเสียงสูงพยายามปกปิดเพื่อน
“เอ๊าะเหยอ…ไม่ใช่รอสาวตอบแชทเหรอวะ?” หยวกยิ้มกรุ่มกริ้มพลางทำหน้าตาไม่เชื่อถือเพื่อน เพราะเขารู้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน ตั้งแต่เมื่อวานแล้วด้วย บางทีสิ่งที่ธันวาบอก ลองคิดดูแล้วคณาธิศก็แปลกไปจริง ๆ หลังจากที่จบความสัมพันธ์กับแฟนเก่าไป จากที่เศร้า ๆ หน้าเครียด ๆ กลายเป็นคนแปลกเสียแล้ว อย่างนี้ช่างน่าสงสัย
“แล้วทำไมกูต้องรอด้วย น้องมันไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตกูสักหน่อย พวกมึงอะอย่าเสือกดิ๊ นี่มันเรื่องของกูเว้ย” เพื่อนทั้งสองคนของเขามองหน้ากันแบบกรุ่มกริ่ม
“จ้าเพื่อน…แต่น้องเขาที่มึงว่าอะน้องคนไหนว้า…”
“เออ…อยากรู้จักด้วยอ่ะก้าบพี่”
คณาธิศถอนหายใจแรง นิ่วหน้าคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ เขาก้าวเดินนำหน้าเพื่อนไป มือก็จับโทรศัพท์ตาก็ดูไปด้วย อันที่จริงที่เขารีบเดินห่างจากเพื่อนไม่ใช่ว่าเขาโกรธหรือมีอะไรปิดบังนักหรอก เพียงแต่ว่าเขากำลังคิด เพราะความจริงแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องที่เขาเอ่ยออกมาจากปากตัวเองนั่นเป็นใคร ชื่ออะไร แล้วสำคัญต่อเขายังไง
เหอะ กูกับเขาไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ…
เขาก้มหน้า นิ้วมือกดพิมพ์ข้อความส่งถึงคน ๆ หนึ่ง เชิงข่มขู่เบา ๆ ให้อีกฝ่ายรู้ตัวแล้วรีบส่งข้อความกลับมาหาเขา
[ถ้าไม่ตอบ ขอบล็อกนะครับ]
เขาเฝ้ามองโทรศัพท์รอดูการแจ้งเตือนข้อความของอีกฝ่ายอย่างจดจ่อด้วยความทรมานใจ เพียงเพราะอีกฝ่ายอ่านข้อความแล้วสักพักใหญ่แต่ก็ปล่อยเลยตามเลยไม่ยอมพิมพ์ข้อความตอบกลับมาหาเขา
เหมือนกับว่า…อีกฝ่ายไม่ได้อยากจะคุยกับเขาตั้งแต่แรก แค่อยากทักมากวนประสาทเขาก็เท่านั้น หรือไม่ก็กำลังช็อกที่ได้รับข้อความจากคนหน้าตาดีอย่างเขาแบบไม่ทันตั้งตัวจนมือไม้อ่อนไม่กล้าตอบกลับมาโดยเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไม…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments