ตอนที่ 3

หรรษมนเดินทางกลับจากมหาลัย กว่าจะถึงบ้านก็เกือบหกโมงเย็น มาถึงเตียงนอนเขาก็ผล็อยหลับไป… ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ช่วงตอนเที่ยงคืนกว่า ๆ หรรษมนลุกขึ้นด้วยความปวดเมื่อยไม่สดชื่นเหมือนตื่นนอนตอนเช้า ๆ

“หาว…”

หรรษมนควานหาโทรศัพท์มือถือ จนคลำเจอเข้ากับบางอย่างบนเสื้อช็อป ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจรีบชักมือออก เมื่อพบคราบน้ำลายของตนเองเปื้อนอยู่บนเสื้อช็อป

“เชี้ย! โอ๊ย! น้ำลายกู” เขารีบลุกจากเตียงหยิบทิชชู่บนหัวเตียง เช็ดคราบที่ยังเปียกอยู่ออก

“ซวยอีกแล้ว จากแค่รีด สรุปต้องซักเหรอวะเนี่ย” หรรษมนถือช็อปเดินลงมาหลังบ้านกะจะซักให้เสร็จ แต่ก็ดันเปลี่ยนใจเพราะกระเพาะอาหารของของเขามันอยากอาหารเกินจะห้ามใจได้

“ไว้ทีหลังแล้วกัน คนมันหิว เป็นแค่เสื้อหนิอย่ามาทรมานกันเลย” เขาหยิบกระเป๋าพร้อมโทรศัพท์ออกจากบ้านไปหาอะไรกินร้านอาหารป้ายวงหน้าปากซอยไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้าน

หรรษมนปั่นจักรยานคันเก่า รับลมหนาวที่พัดผ่าน การได้ออกจากบ้านกลางดึกถือเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา เขามักจะสบายใจเสมอที่ได้ออกมาสัมผัสกับบรรยากาศข้างนอก

หรรษมนเขาก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ต้องการใช้ชีวิตให้เกิดมีความสุข เขาอาศัยอยู่คนเดียวตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้นอยู่อย่างอิสระแบบเหงา ๆ มาตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดจะกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของใครเลยที่เขาต้องอยู่โดดเดี่ยวแบบนี้ ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะมีครอบครัวใหม่ พ่อจะเสียชีวิตไป เขาก็คิดแค่ว่ามันเป็นธรรมดาของชีวิต

“เฮ้ย! ป้ายวง ไฟม้ายยย!!!” หรรษมนลากเท้าเบรกจักรยานอยู่หน้าร้านป้ายวง ตะโกนแกล้งคนแก่ ถ้าไม่สนิทกันเขาก็ไม่กล้าทำหรอก แต่ที่เขากล้าก็เพราะสนิทสนมกับป้ายวงเป็นพิเศษ

“โอ๊ย! กูจะทำมาหากินโว้ย!” ป้ายวงถือฝาหม้อเดินออกมาจากหลังร้าน ตะโกนโต้เขากลับมาอย่างดุดัน หรรษมนขำ รีบเอาขาตั้งลงแล้วเดินมาหาป้ายวงหลังร้าน

“โห้.. ลูกค้าเยอะอะ จะได้กินฝีมือป้าป่ะเนี่ย” เขาพูดแซวป้ายวงเชิงหยอกล้อเล่น ๆ แก้เหงา

“วุ้! เอ็งจะกินอะไรล่ะ” ป้ายวงพูดขณะกำลังผัดข้าว

“เหมือมเดิม…สุกกี้พิเศษ 50 เพิ่มเห็ด เพิ่มหมึก ลดผักบุ้งครับป้า”

“เออรอ!”

หรรษมนเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นรอฆ่าเวลา หลังจากที่เขาเปิดอินเทอร์เน็ตเพียงระยะเวลาไม่กี่วินาทีข้อความจากมนตรีที่ส่งตั้งแต่เย็นก็เด้งขึ้นมา

ติ้ง!

[กลับบ้านก่อนไม่บอกกูเลยนะมึง]

หรรษมนอ่านข้อความ เสียงของมนตรีก็ล่องลอยมา เขากดสติ๊กเกอร์ยิ้มหวานใต้ข้อความ ไม่รู้จะตอบอะไรกับไป เวลานี้มนตรีเองก็คงหลับแล้ว แต่ทว่าเขากลับฉุดคิดขึ้นได้เรื่องพี่คณาทิศ จึงทักกลับไปอย่างไม่รอช้า

[ไหนคอนแทคเอ่ย…? รออยู่]

ข้อความส่งไปไม่ถึงนาทีอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา เหมือนกับว่ามีน้ำโห

[ไอ้ห่า รีบเหรอไอ้สัส]

หรรษมนไม่ได้ตอบกลับเป็นข้อความแต่เขาส่งแค่สติกเกอร์เยี่ยมให้ กระตุ้นอารมณ์โกรธของอีกฝ่ายกับความกวนประสาทของเขา แต่ถึงอย่างไร มนตรีก็ทำตามที่พูดไว้ แล้วส่งคอนแทคของพี่คณาทิศมาให้เขา

[@Khana_T]

[มึงประสาทมากมนตรี สมชื่อมึงเลยอะพึ่งได้]

[ประเสริฐเถอะ]

หลังจากจบบทสนทนาหน้าต่างแชทของมนตรี หรรษมนก็เข้าไปกดฟอลไอจีทันที โปรไฟล์ของคณาทิศคือภาพเดียวกันกับโพสต์อันเดียวของเขาที่ลงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เป็นภาพที่คนกดใจเป็นแสน เขาถ่ายจากมุมมองของตัวเอง เขากำลังนั่งอยู่หน้ากองชุด ภายใต้แสงสีแดง มือของเขาวางอยู่บนสแนร์ดรัมพร้อมไม้กลองที่พาดอยู่

“เท่จัดเลย…แต่ พี่เขาเล่นดนตรีด้วยเหรอวะ?” หรรษมนหน้านิ่วคิ้วขมวดนึกคิดจนปวดหัว คณาทิศไม่ชอบการเล่นดนตรีด้วยซ้ำ แค่ให้จับยังไม่อยากจับเลย

‘พี่เปลี่ยนไปหรือมีใครเปลี่ยนพี่เนี่ยฮะ’

เขาพ่นลมหายใจเสียงดัง ตาเบิกกว้าง สิ่งที่หรรษมนอึ้งและน้อยใจมากกว่าเดิมคือผู้ติดตามของเขา หรรษมันไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะโด่งดังมีผู้ติดตามเกือบล้านขนาดนี้

ทั้งที่…อินสตาแกรมเก่าของคณาทิศช่วงที่คบกับหรรษมนผู้ติดตามเขาไม่ถึงหลักพันเลยด้วยซ้ำ ทำให้เห็นเลยว่าหรรษมนเป็นตัวถ่วงของชีวิตเขามากแค่ไหน…ตลอดเวลาที่คบกันมา…

“โธ่เอ้ย แล้วไงล่ะ!”

เขาลบความคิดด้านลบออกจากหัว แล้วส่งข้อความไปหาคณาทิศ

[ขอโทษนะที่บอกเลิกอะ คืนดีกันไหม กลับมารักกันเหมือนเดิมนะ] หรรษมนคำรวมใส่โทรศัพท์ รู้สึกตนเองทำเรื่องน่าอายอย่างมาก ถ้าให้เจอหน้ากันตอนนี้ คงไม่ไปเจอแน่ ๆ เพราะมันน่าอายจริง ๆ

หรรษมนไม่ได้คาดหวังมากนักว่าอีกฝ่ายจะอ่านหรือส่งข้อความกลับมาในเวลาเพียงไม่กี่วิ เพราะเวลาดึกดื่นแบบนี้คนส่วนใหญ่มักจะนอนกันหมดแล้ว ยกเว้นลูกค้าร้านป้ายวง แต่ทว่า…อีกฝ่ายรับฟอลแล้วฟอลไอจีกลับมา

“เฮ้ยแม่ง ใช่เหรอวะ?”

ขณะที่หรรษมนกำลังนั่งตาตะลึงเช็คความแน่ใจอยู่นั้น ก็มีข้อความจาก @Khana_T เด้งขึ้นมา

[ละเมอหรือไง]

“บ้าเอ้ย!!” ทันทีที่เห็นข้อความ เขาก็ตื่นตระหนก รีบปิดเครื่องหนี คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงอย่างรวดเร็ว แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยความเขินอาย คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ออกมา

‘โอ๊ย…กูหน้าด้านเกินป่ะวะ…ฮือออ’

ขณะที่เขามัวแต่บ่นตัวเองอยู่ภายในใจสุกกี้ฝีมือป้ายวงก็เสร็จพร้อมกิน และแล้วป้ายวงก็เดินมาที่โต๊ะของหรรษมน

“ไอ้หรร! เอ็งจะแดกหรือจะนอนฮะ” ป้ายวงวางชามสุกกี้บนโต๊ะ ยืนเท้าเอววีน บ่นหรรษมนไม่หยุด เขาได้สะดุ้งลุกขึ้นนั่งตัวตรง แล้วทำหน้ามุ้ยใส่ป้ายวง

“นอนกิน ผมเป็นพญานาค!” เขาลากชามสุกกี้มาชิดอก

“โอ๊ย! เพ้อเจ้อจริง ๆ เลยวุ้ย กินเสร็จเก็บไปล้างด้วยนะเอ็ง”

“คร้าบ…”เขายิ้มตาหยีให้ป้ายวง แล้วก้มหน้าก้มตาจัดการสุกกี้ในชามให้หมด เขาจะได้รีบกลับบ้านไปจัดการเสื้อช็อปที่คาอยู่ในกะลามังให้เสร็จทันส่งคืนคณาธิศวันพรุ่งนี้บ่าย

ระหว่างที่เขากินอยู่ ลูกค้าในร้านที่เยอะ ๆ ในช่วงแรก ก็เริ่มทะยอยหายไป เหลือแค่หรรษมนกับคู่รักมัธยมคู่หนึ่งนั่งอยู่ในร้าน เขาเห็นว่าเป็นคู่รักที่น่ารักมาก แลดูเพิ่งคบกันใหม่ ๆ เขาเลยเผลอจ้องมองทั้งสองไม่ละสายตาด้วยความชื่นชม พออีกฝั่งหันมาเขาก็พยักหน้ายิ้มแย้มกลับไป

“พี่มาคนเดียวเหรอครับ?”

“ครับ…พี่ก็นั่งคนเดียวนานแล้วนะ เอ่อพี่ชื่อหรร พอดีว่าบ้านพี่อยู่แถวนี้อะ พี่หิวพี่ก็เลยปั่นจักรยานมากินร้านป้ายวง”

“อ๋อ…พี่ไม่ต้องอธิบายก็ได้ครับ ง่าย ๆ คือพี่ไม่มีแฟน บอกแค่นี้เราสองคนก็เข้าใจครับ ว่าพี่…ไม่มีแฟน” หรรษมนหุบยิ้มฉับพลัน เจ็บแปล๊บที่อก สะเทือนใจครั้งแรกไม่หาย ครั้งที่สองเขาแทบกระอักเลือดออกทางจมูก เจ็บใจจนจุกพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยิ้มแห้ง ละสายตาจากทั้งคู่ แล้วกลับมาซัดสุกกี้ในชามเพื่อกลบเกลื่อนความชอกช้ำในใจ

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!