ห้องชมรมดนตรี
หรรษมนเดินคิดมากอยู่นานจนมาถึงชมรมดนตรี เขาเห็นมนตรีนอนเล่นเกมอยู่บนโซฟาในห้องคนเดียว จึงเดินเขาไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวอีกตัวด้วยท่าทางหงอย ๆ
มนตรีเหลือบมอง เห็นเพื่อนเศร้าผิดปกติเขาจึงเอ่ยถาม
“เป็นไรวะ?”
“เฮ้อ…คิดมากเรื่องพี่คณาทิศนิดหน่อยว่ะ มีคนพูดจี้ปมกู แล้วกูก็เห็นพี่เขาแว๊บ ๆ ด้วยอะ ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดมากว่ะ ถ้ารักกันอยู่ก็คงจะดี.. ” หรรษมนทำหน้าตาอมทุกข์ มนตรีที่ฟังที่หรรษมนเล่าก็หรี่ตามอง พลางส่ายหน้าเบา ๆ เพราะรู้สึกไม่ชอบใจ
มนตรีเบื่อที่จะปลอบ หันกลับมาสนใจเกมมือถือดังเดิม แล้วพูดประชดอย่างไม่ใส่ใจหรรษมนมากนัก
“มึงกลับไปคบกับพี่มันเลยไหมล่ะ” หรรษมนหันขวับ สนใจคำแนะนำของมนตรี
“จะดีเหรอมึง กูเป็นคนบอกเลิกนะเว้ย”
มนตรีละสายตาจากมือถือ “ก็ตามใจมึงดิ” หรรษมนมองหน้ามนตรีด้วยความสับสน เขากำลังคิดลังเลอยู่ในใจ ควรจะทำยังไง คืนดีก็น่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
“มึงมีคอนแทคพี่คณาทิศป่ะ อะไรก็ได้อะขอแค่ให้กูได้คุยกับพี่เขา”
มนตรีสตั้นเล็กน้อย ถึงจะอารมณ์เสียนิดหน่อยที่เพื่อนยังคิดไม่ได้ เขาก็ห้ามการตัดสินใจของเพื่อนไม่ได้ นอกจากให้หรรษมนเรียนรู้เอง “มีมั้ง…ขอดูก่อน มึงถามกูงี้จะกลับไปคบกับพี่ทิศจริงดิ?”
“ก็-”
ตอนนี้เองรุ่นพี่เสื้อช็อปสีแดงก็เดินเข้ามาในห้อง ขัดจังหวะการพูดคุยของทั้งสองเล็กน้อย หรรษมนยกมือไหว้แต่พี่คนแรกกลับสนใจแค่มนตรีที่นอนเล่นเกมอยู่
“อ้าว…น้องมนตรียังไม่กลับเหรอครับ?”
“สวัสดีครับพี่…” หรรษมนยกมือไหว้ค้าง มองปฏิกิริยาของรุ่นพี่ผู้ชายคนนี้อย่างงง ๆ แล้วหันไปไหว้รุ่นพี่ที่เข้ามาเยือนใหม่อีกคนแทน พี่หยวกที่เข้ามาทีหลังก็ไม่เสียมารยาทรับไหว้อย่างเป็นมิตร
“กูหยวกนะ มึงเป็นเพื่อนไอ้มนตรีเหรอ โคตรเหมือนกันเลยว่ะ” หยวกหันมาคุยกับหรรษมนขณะที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋า
“ยังไงเหรอพี่?” เขาเลิกคิ้ว อยากรู้
“หน้าตาพวกมึงไง กวนส้นตีนเหมือนกันเลย ฮ่าฮ่าาา” หยวกกับธันวาพากันหัวเราะชอบใจกันใหญ่ ต่างจากคนที่ถูกว่ากำลังหน้าตาบูดบึ้ง
มนตรีชะเง้อชะแง้หาบางอย่าง “เฮ้ย…เดี๋ยวนะพวกพี่ ไหนเครื่องดนตรีล่ะผมไม่เห็นสักเครื่องเลย…” มนตรีเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนบอกเอาไว้ ว่าจะพากันไปขนเครื่องดนตรีมาเก็บไว้ที่ห้องชมรม แต่เขากลับไม่เห็น
“เออวะไอ้เหี้ย แม่ง…” ธันวายกมือลูบท้ายทอยอย่างท้อแท้
“งั้น! ไอ้มนตรีมึงลุกเลย มา…มาช่วยพวกกูขน” หยวกกวักมือเรียกมนตรีให้มาด้วยกัน ไม่ปล่อยน้องใหม่ไว้ข้างหลัง
มนตรีทำหน้างง “เอ้า…ครับ ๆ ไอ้หรรมึงนั่งรอกูก่อนนะ จนเสร็จคงได้กลับ” เขาลุกจากโซฟา รีบวิ่งตามไปช่วยรุ่นพี่ขนของ
หรรษมนใช้เวลาว่างขณะนี้ ค้นหาช่องทางการติดต่อหาคณาทิศ ทั้งเฟสบุ๊ก อินสตาแกรม ลองถามกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมบ้างประปราย แต่สุดท้ายแล้วก็คงพึ่งได้แค่มนตรี
ผ่านไปเพียง 5 นาที จังหวะที่หรรษมนละจากโทรศัพท์ก็ดันเห็นรุ่นพี่หนุ่มหน้าหล่อทรงเก๊กคนเดียวกันกับคนเมื่อเช้า โผล่มาพอเหมาะพอดี หรรษมนเกรงว่าเขาจะเดินผ่านไปทางอื่น จึงร้องทักไว้
“พี่ครับ!” หรรษมนยืนขึ้นเรียกรั้งเขาไม่ให้เดินผ่านหน้าห้อง แต่ที่จริงแล้วคณาธิศก็ไม่ได้เดินไปไหน เขายืนนิ่งอยู่หน้าห้องแท้ ๆเพราะเขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของชมรมดนตรีอยู่แล้ว กะจะเดินเข้าห้องแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเรียกของหรรษมน
คณาธิศคิ้วขมวดติดกัน จับจ้องมาที่หรรษมน หรรษมนก็ไม่ต่าง เห็นหน้าคณาธิศก็เริ่มจะรู้สึกไม่ชอบหน้าเขาเข้าเสียแล้ว ที่เขาไม่ชอบ หมายถึงสีหน้าที่เคร่งเครียด และแลดูดุตลอดเวลาต่างหากที่ทำให้หรรษมนรู้สึกไม่ค่อยถูกใจเวลาที่เห็นสีหน้าแบบนี้
“เอ่อ…พี่มีอะไรเหรอครับ” เขาถามทั้งที่ตัวเองแท้ ๆ ที่เรียกเขา เพียงเห็นหน้าชัด ๆ ก็ลืมไปเสียสนิทว่าต้องการจะทราบชื่อของเขา
คิ้วที่ขมวดของคณาธิศคลายออกแปรเปลี่ยนเป็นเลิกคิ้วขึ้นสูง “...ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ” เขาไขว้แขนวางมาดเหนือกว่า ก้าวเท้าเดินเข้ามาภายในห้อง เข้ามาใกล้หรรษมนอยู่เรื่อย ๆ สีหน้าแววตาของเขาหรรษมนไม่รู้เลยว่าเขากำลังต้องการอะไร ถึงจู่โจมเข้ามาใกล้ จนหรรษมนต้องจำใจหงายหลังนั่งลงบนโซฟาเพื่อหลีกเลี่ยง
“พี่ต้องการอะไรจากผม?!” หรรษมนแหงนหน้ามองเขา เขาโน้มตัวลง ใบหน้าของเขาห่างจากแก้มของหรรษมนเพียงไม่กี่นิ้ว หรรษมนเองก็ไม่กล้าหันมอง
“เสื้อช็อปผม” คณาทิศพูดอยู่ข้างหู
“ครั-” หรรษมนหันหน้าหาเขา ฝ่ามือหนาก็รีบจับศีรษะของหรรษมนไปอีกทาง แล้วใช้จังหวะที่อีกคนเอนตัวไป ดึงเสื้อช็อปที่คนน้องนั่งทับอยู่ออกมา
“โอ๊ย! อะไรของพี่วะครับ!?” หรรษมนจับศีรษะของตัวเองจัดทรงผมด้วยความหงุดหงิดเขาเล็กน้อย
“ช็อปผมยับก็เพราะคุณนั่งทับนะ ช่วยสำนักหน่อยเถอะ”
“หา…ผมเหรอ?” หรรษมนชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของอีกคนจึงยอมขอโทษแต่โดยดี “โธ่…ขอโทษครับ”
“ก็ดี…ที่ยังรู้จักขอโทษ” เขายิ้มอย่างผู้ชนะ
หรรษมนมองบน “อ๋อ…ครับ แต่ผมไม่ผิด! ผิดที่พี่ต่างหากที่เก็บเสื้อไม่เป็นที่ วางไว้แบบนี้ใครจะเห็น” หรรษมนยืนขึ้นต่อกอนกับเขา
“ว่าไงนะ!”
คณาทิศอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้น ไม่คิดว่าไอ้เด็กรุ่นน้องหน้าตาดีตรงหน้าจะกล้าพูดต่อกอน กล่าวหาว่าเขาเป็นคนผิด ทั้งที่ตัวเขาก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าอีกฝ่ายผิด เขาไม่ผิด! ยังจะหน้าด้านว่าเขาอีก
“คนบ้าที่ไหนวะ นั่งไปแล้วจะไม่รู้สึกอะ คุณควรจะเอะใจตั้งแต่แรกแล้วดิ ว่าคุณนั่งทับเสื้อคนอื่นอยู่ ไม่ใช่ว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ เจ้าของเสื้อเขาเดือดร้อน”
“ก็ขอโทษไปแล้วเรื่องนั่งทับ แต่คนที่ผิดตั้งแต่แรกอะก็คือพี่! ไม่ใช่ผม!”
“แล้วทำไมคุณไม่ดูก่อนนั่งฮะ!” คณาธิศกดเสียงต่ำข่มหรรษมน
“เออ! ผมไม่รอบคอบเองแหละ ขอโทษ!”
หรรษมนตะคอกขอโทษแบบประชดประชัน อย่างไม่เต็มใจ อยากจะให้เรื่องนี้มันจบ ๆ ไป ให้โดยเร็ว หรรษมนกำลังเดินออกจากห้องนี้ในอีกไม่ช้า แต่คณาธิศยังไม่จบ เขายังต้องการอีกเรื่องหนึ่งกับหรรษมน
คณาธิศคว้าข้อมือ “เดี๋ยว…คุณทำช็อปผมยับอะ รับผิดชอบหน่อยไหมฮะ?” เขายกยิ้ม แต่ท่าทียังคงนิ่งสุขุม
หรรษมนสงบสติฝืนยิ้มให้เขาแล้วหุบยิ้มทันที จากนั้นก็รีบดึงมือออกแล้วคว้าเสื้อช็อปจากมือของเขา แล้วเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างหงุดหงิด
“อย่าหล่อยเอาไปใส่ล่ะ” คณาธิศตะโกนบอก หรรษมนเองก็ได้ยินแต่เลือกที่จะประชดเขา เอาเสื้อช็อปที่เขาหวงนักหวงหนามาคลุมตัว แล้วหันมาจิ๊ปากใส่ ก่อนจะเดินต่อไป
“สุดท้าย…ก็ไม่รู้ชื่อ"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments