ในสมุดบันทึกของเธอ มีข้อความสุดท้ายเขียนไว้ด้วยลายมือที่ไม่ใช่ของเธอ
"แม้เจ้าลืมข้าไป ข้าจักยังรักเจ้า ขอให้ภพหน้าพาเราพบกันอีก"
เย็นย่ำหลังฝนตก กลิ่นหอมของดินเปียกอบอวลอยู่ทั่วบ้านเรือนไทยหลังเดิมที่ถูกปรับปรุงให้เป็นเรือนรับแขก ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
"ญานิศา" หรือ น้ำหนึ่ง ยืนพิงเสาระเบียงมองทอดสายตาออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลเอื่อย เสียงระฆังจากวัดไกลๆดังแว่วมาเบาๆ
เธอหลับตา สูดกลิ่นของวันเวลา แม้เธอจะจำเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้ แต่บางครั้ง เงาความรู้สึกก็แวะเวียนมาให้หัวใจเธออบอุ่นโดยไร้เหตุผล
เสียงประตูเปิดเบาๆก่อนที่หญิงวัยกลางคนในชุดผ้าไหมเรียบงามจะก้าวเข้ามา
"หนึ่งหนูยังไม่กลับบ้านอีกเหรอลูก ดึกแล้วนะ"
หญิงคนนั้นคือ'คุณสิริจันทร์' ภัณฑารักษ์อาวุโสของพิพิธภัณฑ์ และเป็นเหมือนแม่คนที่สองของน้ำหนึ่ง น้ำหนึ่งหันไปยิ้ม
"ขอนั่งตรงนี้อีกนิดนะคะ หนูแค่รู้สึกเหมือนใจมันยังไม่อยกลุกไปไหน"
สิริจันทร์ยิ้มนุ่มละมุน นั่งลงข้างเธออย่างเงียบๆก่อนจะพูดเบาๆ
"เคยมีคนบอกแม่ว่า ใจคนเราน่ะ ถึงลืมเรื่องราวได้ แต่ความรู้ ไม่มีวันหายไป"
น้ำหนึ่งพยักหน้า "มันเหมือนฝันที่เคยเกิดขึ้นจริง
ทั้งๆที่ความจริง มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย"
"บางอย่างไม่ต้องเข้าใจหรอกลูก แค่เชื่อก็เพียงพอแล้ว"
หญิงสาวนิ่งไป ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงแทบกระซิบ
"คุณแม่เคยรักใครจนข้ามภพไหมคะ?"
ศิริจันทร์ยิ้มเศร้า หันหน้ามองแม่น้ำเหมือนคนที่เคยผ่านชีวิตมาหลายฤดู
"แม่เคย ตอนสาวๆแม่ฝันถึงชายคนหนึ่งบ่อยๆ
เขาแต่งชุดโบราณ พูดจาเหมือนอยู่ในนิทาน
ไม่ทีเหตุผลเลยที่เขาจะอยู่ในใจแม่ได้นานขนาดนั้น แต่แม่ก็ไม่เคยลืมเขาเลย
น้ำหนึ่งเบิกตากว้าง หัวใจเธอสั่นสะท้านอย่างไรเหตุผล
"แล้ว ถ้าเราเคยพบกันในภพก่อนจริงๆล่ะคะแล้ววันนี้เขายังอยู่ไหม"
สิริจันทร์ยิ้ม แล้วหันมาสบตาเธอ
"บางที เขาอาจอยู่ในใจเรามาโดยตลอดเพียงแค่เรายังไม่รู้ว่ารออะไรอยู่เท่านั้นเอง"
น้ำหนึ่งเงียบไป จ้องมองดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่โผล่จากก้อนเมฆ พลันลมวูบหนึ่งพัดผ่านเสียงลมหายใจแห่งกาลเวลาดังลอดผ่านใบไม้ดวงใจเธอเต้นแรงอีกครั้ง เหมือนมีบางอย่าง หรือใครบางคน ยังเฝ้ามองเธอยู่
และบางทีความรักครั้งนั้น อาจไม่ได้จบลงในภพก่อนแต่อาจรอ ให้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งในภพนี้
จบบริบูรณ์
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments