ยามโฉ่ว (ประมาณตี 1) พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นกลางฟ้า แสงเงินสาดทาบลงบนศิลาและกลีบดอกเหมยที่โปรยปรายไปทั่วทางเดิน เสียงน้ำจากสระหยกกลางสวนไหลรินเป็นจังหวะช้า ๆ เงียบสงัดจนได้ยินเสียงฝีเท้าเพียงคู่เดียว
หลินอวี่เฟยก้าวอย่างระมัดระวังตามทางแคบที่คดเคี้ยวไปยัง “สวนต้องห้าม” — สถานที่ซึ่งแม้แต่สนมชั้นสูงก็ไม่กล้าเหยียบหากไม่ได้รับพระบรมราชโองการ
การพบกันที่เงามืดของดอกเหมย
เมื่อผ่านประตูโค้งแกะสลักมังกร เธอก็พบจักรพรรดิยืนอยู่เพียงลำพังใต้ต้นเหมยขาวใหญ่ พระองค์ทรงฉลองพระองค์สีดำเรียบ ไร้มงกุฎ ไม่มีขบวนขันทีหรือองครักษ์ติดตาม แสงจันทร์ตกกระทบพระพักตร์คมดุเย็น ทำให้พระองค์ดูทั้งลึกลับและน่าเกรงขาม
> “เจ้ามาแล้ว” พระสุรเสียงต่ำแต่ชัดเจน
อวี่เฟยคุกเข่าถวายคำนับ
> “ฝ่าบาทมีรับสั่ง หม่อมฉันย่อมมา”
พระองค์ก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว ดวงเนตรมืดลึกจับจ้องราวจะค้นลึกเข้าไปในหัวใจของนาง
> “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าในวังนี้มีคนที่อยากให้เจ้าตายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ก้าวยืนเต็มสองเท้า”
> “หม่อมฉันรู้ดี” อวี่เฟยตอบโดยไม่ลังเล
จักรพรรดิเลิกพระขนง
> “แต่เจ้าก็ยังไม่กลัว?”
เธอสบตาพระองค์อย่างมั่นคง
> “ในวังหลัง ความกลัวไม่ช่วยให้รอด มีแต่สติและโอกาสเท่านั้น”
พระองค์นิ่งไปครู่ ก่อนหมุนพระวรกายพาเธอเดินลึกเข้าไปในสวน ผ่านสระหยกและศาลากลางน้ำที่ถูกโอบล้อมด้วยต้นเหมยกำลังบาน
ความลับใต้ศาลา
ที่ศาลากลางน้ำ จักรพรรดิหยุดและทอดพระเนตรออกไปยังสายน้ำเงียบ
> “เจ้ารู้หรือไม่ว่า ทำไมสวนนี้จึงถูกเรียกว่า ‘สวนต้องห้าม’”
> “หม่อมฉันเคยได้ยินเพียงว่ามีเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิเมื่อหลายปีก่อน”
พระองค์แค่นพระโอษฐ์
> “ใช่… และคนที่อยู่เบื้องหลัง ยังคงมีชีวิตอยู่ในวังนี้”
คำพูดนั้นทำให้อวี่เฟยรู้ทันทีว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงตำนานเล่าขาน แต่เป็นบาดแผลที่ยังไม่ปิดสนิทของจักรพรรดิเอง
พระองค์หันกลับมามองตรง
> “ข้าต้องการคนที่ไว้ใจได้ในวังหลัง… และเจ้าก็แสดงให้ข้าเห็นแล้วว่าเจ้ากล้าและมีสมองพอจะรอดจากกับดัก”
อวี่เฟยนิ่งไป — เธอไม่เคยคิดว่าค่ำคืนนี้จะเป็นการต่อรองมากกว่าการสอบสวน
> “หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงจากตระกูลพ่อค้า ไม่มีพลัง ไม่มีพรรคพวก”
> “ยิ่งดี” พระองค์ตอบทันควัน “เพราะเจ้าไม่มีพันธะกับใคร”
สัญญาในเงาจันทร์
จักรพรรดิก้าวเข้ามาใกล้จนเงาของพระองค์ทาบทับเธอ
> “ถ้าเจ้าตกลงช่วยข้า ข้าจะทำให้ไม่มีใครในวังหลังกล้าทำร้ายเจ้าอีก”
อวี่เฟยมองพระองค์นิ่ง ดวงเนตรของพระองค์ในยามนี้ไม่เพียงเย็นชา แต่ยังมีประกายบางอย่างที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่อาจห้าม
> “แล้วถ้าหม่อมฉันปฏิเสธล่ะเพคะ?”
พระองค์โน้มพระวรกายลงเล็กน้อย เสียงต่ำกระซิบ
> “ในวังหลัง ผู้ที่ไม่ยอมเป็นหมาก… ก็จะกลายเป็นเหยื่อ”
ความเงียบปกคลุมศาลา เสียงน้ำกระทบฝั่งดังแผ่วราวจังหวะหัวใจของทั้งสอง
ในที่สุด อวี่เฟยก็เอ่ย
> “หม่อมฉันจะช่วยฝ่าบาท… แต่หม่อมฉันขอเพียงสิ่งเดียว — ข้อตกลงนี้ต้องเป็นความลับ”
รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่มุมพระโอษฐ์จักรพรรดิ
> “ตกลง”
เงาที่ซ่อนในเงาจันทร์
ก่อนจากไป พระองค์ทอดพระเนตรมองไปยังเงามืดหลังพุ่มเหมย
> “ออกมา”
นางในชุดคลุมดำก้าวออกมาอย่างเงียบเชียบ คุกเข่าลง
> “ฝ่าบาท หม่อมฉันเพียงมาคอยดูแลความปลอดภัย”
แต่ในสายตาของอวี่เฟย เธอรู้ดี — นั่นไม่ใช่เพียงองครักษ์ธรรมดา แต่เป็นเงาสอดส่องที่คอยรายงานทุกสิ่งให้จักรพรรดิรับรู้
เมื่อเธอเดินออกจากสวนต้องห้าม กลีบดอกเหมยร่วงลงบนไหล่ เธอรู้แล้วว่า ตั้งแต่วินาทีนี้…
เธอไม่ได้เป็นเพียง “สนมใหม่” อีกต่อไป
แต่เป็นหมากสำคัญในเกมอำนาจที่ทั้งอันตราย และ… หวั่นไหว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 40
Comments