ในระหว่าทางกลับบ้าน แสงของดวงตะวันสาดส่องเป็นสีส้มอมเหลืองตามทางเดิน ความเงียบมีแค่สายลมที่พัดผ่าน ทำให้บรรยากาศที่สุดแสงจะวังเวง และทำให้ทิวนึกถึงเรื่องที่ครูใหญ่พูดเมื่อก่อนหน้านี้ มันทำให้ทิวยิ่งคิดวกไปวนมามากกว่าเดิม
ทิว : พี่กล้า...
กล้า : อะไรหรอไอ้ทิว
ทิว : พี่กล้าคิดว่าศาสตราวุธของข้าจะเป็นอะไรหรอ
กล้า : อะไร...เอ็งเคยถามแบบนี้ไปล่ะนะครั้งนึง
ทิว : ข้ารู้ ข้ารู้ แต่มันก็อดคิดไม่ได้นิ ยิ่งครูใหญ่พูดแบบนั้นข้าก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่เลยนะ
กล้า : เอาน่า.. เอ็งอย่าคิดมาก...ไม่ว่าศาสตราวุธของเอ็งจะเป็นอะไรมันก็ต้องเป็นอะไรดีๆแน่ล่ะ
กล้า : มาเถอะ...รีบกับบ้านกัน ไหนเดาสิว่ามื้อค่ำวันนี้แม่จะทำอะไรให้พวกเรากิน
กล้าพยามพูดปลอบใจ ไม่ให้ทิวคิดมาก หลังจากนั้นสองพี่น้องก็ได้พากันเดินต่อไป ซักพักก็ถึงบ้านของพวกเขา ทันใดนั้นกลิ่นหอมของอาหารโชยมาตั้งแต่ในครัวจนถึงหน้ารั้วบ้าน แล้วทั้งสองคนก็รีบวิ่งเข้าบ้าน ก่อนจะพบกับไพรวัลย์ผู้เป็นแม่ที่ยืนรอพวกเขาอยู่เพื่อรอทานอาหารเย็นพร้อมกัน ภายในห้อง กันต์ผู้เป็นพ่อที่นั่งรออยู่บนเสื่อที่ปูรออยู่แล้ว เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้ากัน ผู้เป็นแม่ก็เริ่มตักข้าวสวยที่พึ่งหุงไว้ในหม้อมาให้กับแต่ละคน กินกับแกงร้อนๆที่อยู่ในถ้วย
ในตอนที่พวกเขากำลังนั่งกินข้าวอยู่นั้น กล้าตัดสินใจที่จะบอกพ่อของเขาไปถึงเรื่อง ศาสตราวุธของเขานั้นคือมวยไทย พ่อกับแม่ที่รู้อย่างนั้นแล้วก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด ทำให้บรรยากาศในเวลานั้นเต็มไปด้วยความเงียบไม่มีแม้แต่เสียงลม ทิวที่รู้ว่าทั้งพ่อและแม่นั้นไม่ค่อยพอใจกับศาสตราวุธของพี่กล้า แต่ก็ไม่รู้จะปลอบใจพี่ยังไง ทำได้เพียงเอื้อมมือไปประกบไหล่ของพี่และเรียกชื่อพี่เบาๆ แต่ใบหน้าของกล้านั้นยังคงเต็มไปด้วยความกลุ้มใจ
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายไปนอน ถึงแม้ว่าค่ำคืนนี้จะเป็นอีกวันที่แย่สำหรับกล้า ที่ต้องเห็นใบหน้าของพ่อแม่ที่ผิดหวังในตัวของเขาอีกครั้ง กล้าเดินไปที่ได้ตู้เสื้อผ้าเก่าๆ ก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้านั้นออก ด้านในมีมงคลที่ครูมวยให้กล้ามาอันนึ่งวางอยู่ด้านใน กล้าไปแต่ยืนมองอยู่อย่าเงียบๆภายในใจของเขาได้แต่หวังเพียงว่า เขานั้นจะพ่อแม่จะภูมิใจให้ได้ในซักวัน ส่วนทิวที่นอนยู่บนเสื่อพับ เขาได้แต่มองพี่ชายของเขาอย่างเงียบๆและคิดว่าวันนี้จะผ่านไปด้วยดี ก่อนจะเดินกลับไปที่เสื่อที่ปูไว้ แล้วหลับไปข้างๆทิว
.......
.......
.......
...เช้าวันรุ่งขึ้น...
.......
.......
.......
กล้าตื่นมาหุ่งข้าวและทำอาหารเช้าไว้สำหรับพ่อแม่ เมื่อเสร็จเขาก็ได้นั่งกินข้ากับก็ทิว แล้วจะเดินทางได้ไปโรงเรียนหลังจากกินข้าเสร็จตามปกติ แต่ถ้าว่า ในตอนที่สองพี่น้องถึงโรงเรียนแบะกำลังจะแยกทางกันขึ้นห้องไปเรียน จู่ๆครูใหญ่ รงค์ ก็เดิมมาพร้อมครูกลุ่มหนึ่ง ทำให้เหล่าเด็กนักเรียนที่อยู่บริเวณนั้นต่างหันมามองด้วยความสงสัย จากนั้นไม่นานครูใหญ่ก็ประกาศ
รงค์ : นักเรียนทุกคนฟังทางนี้ นักเรียนคนใดที่ได้ไปแสดงศาสตราวุธเมื่อวานนี้ แล้วสามารถแสดงศาสตราวุธออกมาได้ ให้แยกตัวไปหาครูที่อยู่ด้านหลังข้าด้วย
รงค์ : ส่วนเด็กคนอื่นๆหรือเด็กรุ่นเดียวกัน ที่ไม่มีศาสตราวุธ ให้ไปขึ้นเรียนตามปกติ
เมื่อได้ยินแบบนั้น กล้าใจหายเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกวาดสายตาไปมองคนอื่นๆที่อยู่รอบๆ แล้วจึงหันมาหาทิวด้วความเป็นห่วง แล้วกล่าวขึ้น
กล้า : ไอ้ทิวตอนเลิกเรียน ให้เอ็งนั่งรอพี่อยู่หน้าประตูทางออกโรงเรียนนะอย่าพึ่งเดินกลับบ้านก่อน ไม่ว่าจะเลิกช้าหรือเร็วพี่จะกลับมาหาเอ็งแน่
ทิว : อืม...ข้าจะรอ...
หลังจากนั้นสองพี่น้องก็ได้แยกทางกัน กล้าที่ได้พบกับ ครรชิต ที่เป็นครูฝึกสอนคนที่เคยผสานพลังและช่วยให้เขาแสดงศาสตราวุธได้เมื่อวาน กล้าจึงได้เดินไปหาเขาแล้วกล่าวทักทาย
กล้า : สวัสดียามเช้าครับครู
ครรชิต : ไงไอ้หนู คิดไว้แล้วไม่ผิดว่าจะเจอกันอีก ไม่ปิดคาดจริงๆ
กล้า : แฮ่ๆ ก็แหม่...ครูใหญ่เรียกพบนั้นเรียนทุกคนที่มีศาสตราวุธนิครับ ข้าจะไม่มาได้อย่างไร
ครรชิต : อืม..ข้าว่าเราไปกันเถอะ
กล้า : ครับ
หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้เดินตามครูและนักเรียนคนอื่นๆไป แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไร แล้วเดินต่อไปอย่างเงียบๆ
.......
.......
.......
...เดินไปได้ซักพักหนึ่ง...
.......
.......
.......
ในระหว่างทางกล้าสังเกตุว่าเห็นว่าเหล่านักเรียนที่เดินไปด้วยกันในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะน้อยกว่ากันก่อนที่ถูกพาตัวมาเพื่อแสดงศาสตราวุธเมื่อวาน
กล้า : ครูครับ นี่เรากำลังจะไปไหนกันหรอครับ
ครรชิต : ที่เดิม...
กล้า : ที่เดิม.. ครูหมายถึงสถานที่ศาสตราวุธเริ่มต้น ที่เราใช้แสดงศาสตราวุธเมื่อวานนี้นั้นหรอครับ
ครรชิต : ก็ใช้ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ จะมีอะไรให้เหล่านักรบตัวน้อยทุกคนทำเพื่อเป็นการฝึกฝนแล้วล่ะ
กล้า : นักรบ! นิข้าไปเป็นนักรบตั้งแต่ตอนไหนกัน!!
ครรชิต : เฮ้อ...ทุกคนที่มีศาสตราวุธ เขาจะให้เรียกว่า นักรบ กันทั้งนั้นเเหละ…
กล้า : เอ๋อ..ครับ...
ครรชิต : เจ้าเด็กน้อย เจ้าเห็นเด็กที่มาวันนี้กับจำนวนเด็กที่มาแสดงศาสตราวุธวันนั้นได้รึเปล่า
กล้า : ก็..พอได้บางครับ
ครรชิต : อืม. . .แล้วเอ็งคิดว่ายังไง
กล้า : เหมือนว่าเด็กนักเรียนทุกคนที่ครูใหญ่เรียกมาวันนี้ จะน้อยกว่าวันที่มาแสดงศาสตราวุธเมื่อวานเลยนะครับ
ครรชิต : ก็จะประมานนั้น แล้วเอ็งรู้ไหมทำไม
กล้า : ข้า..ไม่รู้… ทำไมหรอครับ
ครรชิต : นั้นก็เพราะเด็กบางคนที่ไปแสดงศาสตราวุธในวันนั้น มีเด็กที่ไม่สามารถแสดงศาสตราวุธมากกกว่าจำนวนเด็กที่ที่สามารถแสดงศาสตราวุธได้ซะอีกยังไงล่ะ
ครรชิต : แต่อย่างน้อยหมู่บ้านเล็กๆของเรา ก็คิดซะว่าจะอีกนักรบไว้ปกป้องหมู่บ้านในอนาคตบ้างเมื่อพวกเขาเติบใหญ่ขึ้น ดีแล้วที่ปีนี้ยังพอมีอยู่บ้าง
กล้า : ห๊ะ!! แล้วถ้าพวกเราโตขึ้นจะต้องไปสู้รบในสงครามเลยหรอครับ!
กล้ากล่าวขึ้น เขามีสีหน้าที่ตกใจมาก ทำให้ครรชิตที่เห็นแบบนั้นหยุดเดิน แล้วกล่าวตอบกล้าด้วยน้ำเสียงที่เรียบและท่าทางที่สงบสเงี่ยมพยามอธิบายให้กล้าคลายความตกในนั้นลง
ครรชิต : ไม่หรอก ไม่ขนาดนั้นหรอกนะ ก็แค่ต้องปกป้องหมู่บ้านเราไว้ ในยามที่หมู่บ้านถูกโจมตี เพื่อไม่ให้คนให้หมู่บ้านของเราถูกจำตัวไปเป็นเชลยศึก หรือส่วนหนึ่งบ้างก็เอาไปเป็นตัวประกัน ให้อีกส่วนหนึ่งยอมไปเป็นทหารออกรบ เพื่อให้เสียกำลังชาวบ้านที่ต้องออกไปของตัวเองน้อยและเก็บทหารมือดีๆของตัวเองไว้ใช้ยามจำเป็น
ครรชิต : ถึงเชลยศึกที่ได้มา ถึงจะออกรบได้เก่งแต่ก็พอตัดกำลังศัตรูส่วนน้อยได้บ้าง เพราะงั้น! ในตอนนั้นทุกคนที่มีศาสตราวุธทั้งหมดจะต้องช่วยกันปกป้องหมู่บ้านเอาไว้ อย่างน้อยศาสตราวุธก็สามารถโจมตีได้แรงกว่า มีด,ดาบ,หอก,ธนู ฯลฯ หรืออาวุธปกติพวกนั้นอยู่มาก จำไว้ล่ะ
กล้า : ครับ…
ทันใดนั้น เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งได้ดังขึ้น เสียงนั้นดังขึ้นอยู่ข้างหลังไม่ห่างจากพวกเขานัก สิ้นสุดเสียงเรีกนั้นก็เห็นรางกับทรที่กำลังวิ่งมาที่พวกเขา
ราง : ไอ้กล้า เฮ้ย! ไอ้กล้าเจอพอดีเลยจำลังหาอยู่ นึกว่าเอ็งไม่มาซะแล้ว
กล้า : อ้าว ว่าไงไอ้รางไอ้ทร
ทร : ไงไอ้กล้า เอ็งเป็นไงบ้างล่ะ
กล้า : ข้า..ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็พึ่งมาถึง…
ราง : อ่าา มาเจอกันก็ดีแล้วล่ะน่า
ทร : แล้ว เราต้องอยู่ที่นี้อีกนานแค่ไหนกันหรอเนี้ย
ราง : รอฟังก่อนน่าา เอ็งจะบ่นอยากกลับไปไหนเร็วจังไอ้ทร
ทร : อ..อืม....
ทันใดนนั้นเสียงของ เกรียง ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ดังขึ้น ทำให้นักเรียนและครูทั้งหลายที่คุยกันอยู่ ในสถานที่แห่งนั้นเงียบลง ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เกรียง : นักเรียนทุกคนฟังทางนี้ ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องการจะบอกพวกเจ้านั่นก็คือ วันนี้... พวกเจ้าทุกคนจะต้องฝึกฝนศาสตราวุธและทะลวงขีดจำกัดของขั้นพลัง เพื่อขึ้นเป็นนักรบขั้นเริ่มต้นแล้ว ทุกคนต้องมีเกราะอาวุธระดับแรกได้แล้วในวันี้ หรือช้าสุดก็พรุ่งนี้ต้องมีให้ได้!
ครูฝึกสอนหญิง : เรียนท่าน ทำแบบนี้จะไม่เป็นการบังคับเด็กเอาหรอค่ะท่าน ศาสตราวุธของเด็กบางคนมีพลังมากหรือน้อยล้วนแตกต่างกันออกไป
ครูฝึกสอนหญิง กล่าวแทรกขึ้นอย่างกระทันหัน ทำให้สายตาเหล่าเด็กนักเรียนต่างก็หันไปมองที่เธอ ก่อนที่เธอจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ครูฝึกสอนหญิง : ถ้าจะให้เด็กๆ ใช้พลังที่มีให้หมดเพื่อให้ตัวของเขานั้นสร้างพลังใหม่ขึ้นมา นั่นเรียกว่า การทะลวงขีดจำกัดของระดับพลัง โดยพลังใหม่ที่พวกเขาจะได้มามันจะทวีคูณขึ้นก็จริง แต่…ข้าเกรงว่า ถ้าหากเด็กๆมีพลังเริ่มต้นอยู่มากและต้องสูญเสียพลังทั้งหมดไปทีเดียว มันอาจจะเกิดผลเสียต่อร่างกายของเด็กๆก็เป็นได้
เกรียง : แต่ว่าในตอนี้! พวกเรามีเวลาน้อยมากๆ อย่างน้อย…ก็ให้พวกเจ้าได้เกราะอาวุธระดับแรกกันก่อนวั ก็ยังพอช่วยกันอยู่ได้บ้าง ดีกว่าไม่มีอะไรเลย…
ผู้อำนวยการ กล่าวขึ้นพร้อมใบหน้าที่ดูกลุ้มใจมาก ทำให้ครูฝึกสอนหญิงไม่กล้าจะพูดต่อ ในขนะที่นักเรียนคนอื่นๆกำลังยืนงงกับสิ่งที่ผู้อำนวยการพูด กล้าที่เริ่มส่งสัยในใจแล้วว่าสิ่งที่ครูฝึกครรชิตพูดเมื่อก่อนหน้าจะเป็นความจริง เขาจึงได้กระซิบถามด้วยความสงสัย
กล้า : ครูครับ นี่หมู่บ้านของเรา กำลังจะถูกจับตัวไปเป็นเชลยศึก เร็วนี้หรอครับ…
ครรชิต : ไม่หรอ แค่หมู่บ้านเราอยู่ใกล้เขตแดนที่เขากำลังทำสงครามกันน่ะ ท่าน ผ.อ เลยจะหนักในเรื่องนี้ กลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่เจ้าว่านั้นเเหละ ท่าน ผ.อ เลยให้เตรียมการไว้ก่อน
กล้า : อ๋อ...ครับ
ทร : แล้วเขาจะให้เด็กอย่างเรานิหรอ ไปสู้เพื่อบ้านเมืองคิดแค่นี้ข้าก็เห็นถึงความฉิบหายที่กำลังจะเกิดขึ้นล่ะ
ราง : ก็คิดไปได้นะไอ้ทร ผู้ใหญ่เขาก็มีไม่ใช่มีแค่รุ่นเรานะ เจ้าทึ่ม!
รางกล่าวขึ้นพร้อมเอานิ้วชี้ไปจิ้มกลางหน้าผากของทร ครรชิตที่เห็บแบบนั้นเขาได้แค่กุมขมับของตนเอกเอาไว้ ทันใดนั้นครูใหญ่นามว่า รงค์ ก็ได้เดินมาประกาศ ทำให้ความเงียบกลับมาอีกครัง
รงค์ : เอาล่ะ...เอาล่ะ ให้นักเรียนทุกคนจับกลุ่มกันมา กลุ่มละสามคนหรือไม่ก็สี่ คนไม่เกินนี้มา หากครบกลุ่มแล้วให้เลือกครูฝึกสอนที่มาในวันนี้ เพื่อจะเป็นครูที่ปรึกษาและจะเป็นคนสอนให้การใช้ศาสตราวุธให้
รงค์ : หากได้ตามนี้แล้ว ให้แนะตัวกับครูฝึกสอนที่พวกเจ้าเลือก ชื่อ,อายุ,ศาสตราวุธ สามอย่างนี้ ถ้าครูฝึกสอนรับทราบแล้วให้เเนะนำเด็กๆ แนะนำเรื่องอะไรก็ว่าไป แล้วหลังจากแนะนำเสร็จ ให้ครูฝึกสอนหาทีมคู่ต่อสู้ที่คิดว่านักเรียนตัวเองสู้ได้มาให้สู้กัน และครูฝึกสอนของทีมอีกฝ่ายต้องยินยอมด้วยนะ ไม่ใช้ว่าจะไปหาแต่ทีมทีเสียเปรียบ
รงค์ : ในการต่อสู้นั้น นักเรียนทุกใช้พลังที่มีทั้งหมดเพื่อสู้กันเลยไม่ต้องยังมือหรือเกรงกลัวว่าเพื่อนๆของเจ้าจะบาดเจ็บ ครูฝึกสอนทุกท่าน พวกท่านล้วนมีน่าที่ดูแลเด็กๆของท่าน หากท่านเห็นควรว่าการโจมตีนั้นอันตรายต่อนักเรียนของท่าน พวกท่านทั้งหลายสามารถรับการโจมตีและป้องกันแทนเด็กๆของท่านได้ แต่ห้ามโจมตีกลับเป็นอันขาด
รงค์ : แล้วหลังจากนั้น เด็กๆของท่านจะเลื่อนขั้นและพวกท่านต้องหาส่วนประกอบเพื่อมาหลอมเป็นเกราะอาวุธระดับเเรกด้วยเด็กๆของท่านด้วย ส่วนรายละเอียดที่เหลือฝากครูฝึกสอนทุกท่านแจ้งเด็กๆของพวกท่านด้วยล่ะ เข้าใจตามนี้
ครู (ทุกคน) : เข้าใจ ครับ/ค่ะ
รงค์ : ดี..งั้นเริ่มได้
สิ้นสุดเสียงของครูใหญ่รงค์ นักเรียนทุกคนก็เริ่มหาทีมอยู่และบางทีมที่ได้ที่ครบคนแล้วก็วิ่งหาครูฝึกสอนจนสถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นควันฟุ้งเต็มไปหมดจนมองแทบไม่เห็นทางเดิน
ราง : นี่ๆ เราอยู่กันสามคนพอดีเลย งั้นพวกเรามาเป็นทีมเดียวกันเลยดีไหม
กล้า,ทร : อืม..
ราง : แล้ว...ครูฝึกสอน...
กล้า : คง...จะต้องรบกวนครูให้ช่วยอีกแล้วสินะครับ
ครรชิต : ได้ ข้ายินดี..
ครรชิต : เอาล่ะ ข้าว่าเราต้องหาที่ซักที่เพื่อฝึกซ้อมก่อนสู้กันจริงๆซักหน่อยล่ะ และข้ามีอะไรจะชี้แจงก่อนด้วย
หลังจากนั้นครูฝึกสอนครรชิตก็พาเด็กๆ ไปที่ใต้อาคารแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากคนอื่นๆมากนัก อาคารนั้นมีลักษณะเป็นอากคารไม้เก่าๆ 2 ชั้น มีต้นไม้สูงอยู่ด้านข้างของส่วนด้านหน้าของอาคารเป็นลานโล่งๆ มีลมพัดผ่านทำให้เย็นสบายและเงียบ เมื่อมาถึงจุดมุ่งหมายครูฝึกสอนครรชิตก็หนัดมา แล้วกล่าวขึ้น
ครรชิต : อืม...ไหน แนะนำตัวกันมาสิ เริ่มจากเจ้าเลยเจ้าเด็กน้อย ตั้งแต่เจอเมื่อวานนี้ข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลย ทุกคนลุกขึ้นยืนและกล่าวขึ้นทีละคน
กล้า : ครับ ข้าชื่อ กล้า ศาสตราวุธ มวยไทยครับ
ทร : ส่วนข้าข้าชื่อ ทร ศาลเจ้าตายายครับ
ราง : ข้านาม ราง ศาสตราวุธของข้าก็คือ มือสังหารไร้เงาค่ะ
ครรชิต : อืม...ดีมาก พวกเจ้าทั้งสามน่าจะรุ่นเดียวกัน แสดงว่าน่าจะรู้จักหรือเป็นเพื่อนกันมาก่อนล่ะนิ
ทร : ครับ เป็นเพื่อนกันมานานแล้วครับ
ครรชิต : ตอนนี้พวกเจ้าทั้งสามมีศาสตราวุธเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคนที่มีศาสตราวุธจะถูกเรียกว่า นักรบ เพราะงั้นแล้วถ้าข้าเรียกพวกเจ้าว่านักรบก็ไม่แปลกนะ
กล้า,ทร,ราง : ครับ/ค่ะ
ครรชิต : เอาล่ะ จากที่ข้าฟังแล้วนะ ศาสตราวุธของพวกเจ้าทั้งสามคนนั้นไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดียวกันเลย
ราง : ตำแหน่งเดียวกัน หมายความว่าอะไรหรอค่ะ
ครรชิต : ถึงแม้ว่าศาสตราวุธนั้นจะเป็นอะไร ก็จะความสามารถรักษาหรือโจมตีได้เช่นกัน แต่ก็มีจุดยืนในกองทัพเพราะถ้าหากยืนไม่ถูกตำแหน่งในการลงสนามรบจริง ก็อาจจะทำให้ถูกโจมตีได้ง่ายและทำให้ทัพเสียสมดุลได้
ครรชิต : อย่างเช่น คนที่ใช้ศาสตราวุธ คาถารักษา เป็นศาสตราวุธที่มีเกราะอาวุธเป็นความสามารถในการรักษานักรบร่วมทัพด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะงั้นความสามารถส่วนน้อยจึงเป็นโจมตีหรือหลบหนีเพื่อช่วยตัวเอง
ครรชิต : นักรบคนนี้ เราจะเรียกเขาว่านักรบแพทย์สนามรบ ซึ่งเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของทัพเลยก็ว่าได้เพราะจะสามารถเลือกได้ว่าจะช่วยใครก็ได้และจะปล่อยใครตายก็ได้ เพราะงั้นนักรบแพทย์สนามจึงควรไปยืนส่วนที่ลึกที่สุดนั นั่นคือด้านหลังสุดของทับเพื่อไม่ให้ถูกโจมตีได้หรือไม่ก็อยู่ใจกลางของทัพเพื่อให้สามารถด้วยนักรบคนอื่นๆได้ และสามารถช่วยให้ตัวเองพ้นจากการโจมตีจากนักรบที่ลอบโจมตีได้ ได้อีกด้วย
กล้า,ทร,ราง : เข้าใจแล้ว ครับ/ค่ะ
กล้า : แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ว่าศาสตราวุธของเราเป็นศาสตราวุธตำแหน่งไหน และต้องยืนตรงไหนล่ะครับ
ราง : จริงด้วย..
ครรชิต : ก็...นักรบตำแหน่งไหนดูได้จากความสามารถของศาสตราวุธโดยรวม และประเภทของศาสตราวุธ เช่น
นักรบผู้เปิดศึก เป็น ศาสตราวุธประเภทที่มีการป้องกันสูง สามารถรับการโจมตีได้มาก เป็นแนวหน้าของทัพ ใช้ความแข็งแกร่งในการบุกเบิกแนวศัตรู เปิดทางให้ทัพเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ตำแหน่งยืน ด้านหน้า
นักรบผู้ปะทะ เป็น ศาสตราวุธประเภทที่มีการโจมตีได้รุนแรงมาก ซึ่งสามารถในการต่อสู้ที่ดี จะโจมตีได้ทั้งระยะใกล้และระยะกลางเป็นหลัก นับสนุนนักรบแนวหน้า เมื่อศัตรูโจมตีแนวหน้า จะสวนกลับด้วยพลังโจมตีที่รุนแรง สามารถทำลายแนวป้องกันของศัตรูได้ ตำแหน่งยืน รองด้านหน้า
นักรบเวทศาสตรา เป็น ศาสตราวุธธประเภทโจมตีได้ในระยะไกลและไกลมาก ด้วยแนวปั่นป่วนหรือควบคุมศัตรู เพื่อทำให้ทัพของศัตรูเสียสมดุล นักรบตำแหน่งนี้ส่วนมากจะโจมตีได้ในระยะไกลถึงไกลมาก ตำแหน่งยืน ใจกลางทัพ
นักรบผู้จู่โจม เป็น ศาสตราวุธประเภทโจมตีด้วยความเร็วและแม่ยำ ส่วนมามักโจมตีได้ในระนะใกล้ แต่จะมีความคล่องตัที่วสูงเอามากๆ ไว้สำหรับหลบการโจมตีต่างๆได้ แต่จะรับการโจมตีได้ค่อนข้างน้อย ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่จะคอยหาจังหวะที่จะไปโจมตีศัตรูที่ยืนด้านหลัง ตำแหน่งยืน ด้านข้าง ได้ทั้งซ้ายและขวา
นักรบแพทย์สนาม เป็น ศาสตราวุธประเภทรักษา ซึ่งเป็นคนที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บต่างให้กับนักรบคนอื่นได้และยังสามารถเพิ่มอัดตราการฟื้นฟูตนเองให้กับนักรบคนนั้นๆได้ ให้กับตนเองและนักรบคนอื่นๆ รวมไปถึงการล้างสถานะผิดปกติต่างๆได้อีกด้วย แต่ตำแหน่งนี้ก็มีโอกาศเป็นจุดอ่อนของทับได้เช่นกัน เพราะความสามารถของนักรบที่ยืนตำแหน่งนี้มักเป็นการรักษานักรบคนอื่นๆ มากกว่าป้องกันให้ตัวเอง ตำแหน่งยืน ด้านหลังสุด
นักรบกำลังเสริม เป็น ศาสตราวุธประเภทสนับสนุน ทำหน้าที่เพิ่มพลังให้ต่างๆเช่น เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่,ความรุนแรงในการโจมตี,ความแม่นยำในการโจมตีจุดอ่อนและอัดตราการฟื้นตัวของพลังเวทศาสตรา ให้กับตัวเองและนักรบคนอื่น อีกทั้งยังสามาระลบสถานะผิดปกติต่างๆได้เช่นกัน ซึ่งทำให้ทัพกลับาสมดุล แต่ควรยืนอยุ่ในจุดที่คิดว่าจะช่วยเสริมกำลังให้นักรบคนอื่นๆได้ทันการ ตำแหน่งยืน ตรงไหนของทัพก็ได้
กล้า,ทร,ราง : อ๋อ..เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ
ครรชิต : ก็จะประมานนี้ ส่วนตำแหน่งของพวกเจ้าข้าก็ยกตัวอย่างไปตามที่พูดแล้วนะ เอาล่ะเริ่มจัดทัพแล้วไปสู้กันเถอะ
กล้า,ทร,ราง : ครับ/ค่ะ
ครรชิต : แต่ปัญหาหลักตอนนี้ คือตำแหน่งมัน… จริงๆมันต้องใช้นักรบที่ลงทัพมากกว่านี้ ดูๆแล้วตำแหน่งของพวกเจ้าสามคนก็คือ นักรับโจมผู้จู่โจมกับนักรบผู้ปะทะและนักรบผู้เปิดศึก
ทร : แล้ว.. ต้องทำยังไงหรอครับ
ครรชิต : ข้าไม่แน่ใจวิธีจัดทัพแบบนี้เหมือนกันนะ แต่จะประมาณว่าถ้าศึกเปิดศึกตอนไหน ให้พวกเจ้าทั้งสามคนบุกโจมตีทีเดียวให้จบเลยแพ้คือแพ้ถ้าชนะคือชนะเลย และที่สำคัญต้องช่วยเหลือกันสามัคคีกันถึงจะชนะได้ ไม่ใช้สู้อยู่คนเดียวจำไว้ให้ดีล่ะ...
กล้า,ทร,ราง : ครับ/ค่ะ!
ครรชิต : แล้วในนี้มีใครเคยสู้รบหรือพอจะมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาก่อนไหม
กล้า : ข้าก็พอได้มาอยู่บ้าง....
ครรชิต : เอาล่ะ ข้าว่าพวกเราเข้าไปหาทีมสู้กันเยอะนี้ก็เสียเวลามากแล้ว
หลังจากนั้นทั้งครูและนักเรียนทั้งสี่คนก็เริ่มหาทีมฝ่ายตรงข้ามเพื่อมาเป็นคู่ต่อสู้ และก็เดินเล่นจนครูฝึกสอนชรรชิตนั้นมองไปเห็นทีมที่คิดว่านักเรียนของตัวเองพอจะสู้ได้บ้าง ก่อนจะเดินไปพูดคุยกับครูฝึกสอนของฝ่ายตรงข้ามอยู่ซักพัก แล้วเดินกลับมาหานักเรียนของตนเอง
ครรชิต : เด็กๆ ทุกคน..
กล้า,ทร,ราง : ครับ/ค่ะ
ครรชิต : ข้าเห็นทีมที่พวกเจ้าอาจจะสู้ได้แล้วล่ะ แต่ทีมนั้นดูจะมีนักรบร่วมทับอยู่สี่คน แต่พวกเจ้ามีกันสามคนนี่..น่าจะเป็นอีกจุดที่พวกเจ้าอาจะเสียเปรียบได้
กล้า : ไม่เป็นไรหรอครับ เสียเปรียบแค่นี้ไม่น่าจะถึงกับทำให้เราแพ้ง่ายหรอกครับ
ทร : ใช่ครับ
ราง : จริงด้วยๆ ถ้าครูเห็นควรว่าเราทีมเราสู้ได้ พวกเราก็ไม่ทำให้ครูผิดหวังแน่ค่ะ
เมื่อกล่าวจบรางก็หันมายิ้มให้ ครูฝึกสอนครรชิตที่เห็นว่าเด็กของเขานั้น ไม่ได้มองว่าพวกเขามีจำนวนที่น้อยกว่าจะเป็นการเสียเปรียบแต่อย่างใด เขาก็โล่งใจขึ้น ก่อนจะกล่าวออกไป
ครรชิต : งั้นก็แล้วแต่ะพวกเจ้า… แต่ตอนนี้ข้ามีข้อมูลของทีมที่จะให้สู้ด้วยไม่มากนะ ตอนลงทีมพวกเจ้าดูๆศาสตราวุธของพวกเขาและคิดๆกันเองจากตำแหน่งที่พวกเขายืนกันเองนะ ข้าว่าครูที่ปรึกษาของฝั่งนั่นก็น่าจะต้องบอกเรื่องตำแหน่งบ้างแล้วล่ะ
หลังจากนั้นครูฝึกสอนก็พานักเรียนไปหาทีมที่ต้องการสู้ด้วย ครูที่ปรึกษาฝ่ายต้องข้ามตอบรับว่าสามารถสู้กันได้ ซึ่งในทัพนั้นมี นักรบคเป็นคู่แฝดซึ่งศาสตราวุธของพวกเธอนั้น เป็นศาสตราวุธประสานคู่กันได้และพลังของศาสตราวุธของพวกจะเพิ่มขึ้นสองเท่าถ้าหากใช้ร่วมกัน นั่นเป็นสิ่งที่ครรชิตมองว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวในการรับมือ
ข้อมูลทัพฝ่ายตรงข้าม นักรบลงทัพทั้งหมด 4 คน ได้แก่
นักรบผู้จู่โจม 2 คน ศาสตราวุธ ดาบคู่ฉีกฟ้าและมีดบินคู่เวหา
นักรบเวทศาสตรา 1 คน ศาสตราวุธ ตะเกียงเทียนวิญญาณ
นักรบแพทย์สนาม 1 คน ศาสตราวุธศาสตราวุธ ดอกบัวแก้วสวรรค์
ครรชิต : เอาล่ะเริ่มจัดทัพเลย พวกเจ้าจัดทัพเองเลยนะเรื่องจัดทัพข้าก็บอกไปหมดแล้ว ให้จดจำแล้วนำไปใช้ในสนามรบนะ โชคดีล่ะเด็ก..
กล้า,ทร,ราง : ครับ/ค่ะ
กล้า : พวกเรา! ตอนนี้เรามีกันแค่สามคนข้าว่าเราเอาตามที่ครูฝึกสอนแนะนำมาเถอะ คือถ้าสั่งเปิดศึกเราสามคนบุกรวมกันที่เดียวเลยดีไหม
ทร,ราง : อืม!
หลังจากที่ตลงกันเสร็จทั้งสามก็เดินไปประชันหน้ากันกับฝ่ายตรงข้ามในพื้นที่โล่งๆของโรงเรียน ทั้งสอนทัพยืนห่างกันประมาณ 10 เมตร ลมเอื่อยไหวพัดใบไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ครูฝึกและครูที่ปรึกษายืนมองด้วยสายตาจับจ้อง ฝ่ายตรงข้ามจัดทัพ โดยให้นักรบผู้จู่โจมสองคนยืนตรงกลางแถวหน้า และนักรบเวทศาสตรายืนกลางคู่กับแพทย์สนามรบ ส่วนการจัดทัพของ กล้า,ที,ราง นั้นจัดทัพยืนเรียงแถวหน้ากระดานทั้งสามคน ก่อนกล่าวขึ้น
ครูที่ฝึกสอน (ฝ่ายตรงข้าม) : เริ่มได้!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 13
Comments