ตอนที่ 2 การพบเจอ (1/2)

เช้าวันต่อมา แสงอาทิตย์ยามเช้าค่อยๆเล็ดลอดผ่านบานหน้าต่างเรื่อนไม้ กล้าตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงไก่ขันที่ดังเรียกให้ลุกจากที่นอน เขายืนเหยียดกายไล่ความง่วงซึม ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนแล้วไปจัดการเตรียมข้าวเช้าในครัวอย่างคล่องแคล่ว เขาหุงข้าวและเตรียมอาหารเช้าในครัวเหมือนที่ทำทุกๆวัน เตาฟืนส่งกลิ่นหอมของข้าวสวยที่กำลังหุงอยู่ แล้วพอทำเสร็จก็พากันกินข้าวและพาไปโรงเรียน

.......

.......

.......

...ในระหว่างทางทาง ไปโรงเรียน...

.......

.......

.......

กล้าเดินไปโรงเรียนกับทิวเหมือนในทุกๆวัน แต่ในระหว่างทางเขายังคงอดคิดไม่ได้เรื่องเมื่อวานที่เขาได้ใช้ศาสตราวุธเอาชนะคู่ต่อสู้ในการชกมวยเมื่อวานนี้

กล้า : (คิดในใจ) ศาสตราวุธมันคืออะไรกันน่ะ มันถึงทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้....มันยังไงกันแน่ ในตอนที่ใชศาสตราวุธ แล้วศาสตราวุธกลายเป็นแสงสีทองๆทั่วตัวข้า แต่กลับไม่ได้รู้สึกร้อนหรือเย็นอะไรเลย ก็ความรู้สึกปกติ แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยซักนิด เวลาโดนหมัดของคู่ต่อสู้ล่ะ ทั้งๆที่มันควรจะเป็นอย่างนั้น

ทิว : พี่กล้า…

เสียงของทิวทำให้กล้าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะได้สติกลับคืนมาแล้วเขาหันไปมองน้องชายที่เดินอยู่ข้างๆ

กล้า : อะ...อะไรหรอทิว

ทิว : พี่เป็นไรรึเปล่า เห็นเงียบๆ

กล้า : ไม่...พี่ไม่เป็นไรหรอ รีบเดินเถอะ

ทิวมองพี่ชายของด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่กล้าไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยและก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อนความกังวนนั้นแล้วเดินต่อไป

ในระหว่างการเดินทาง กล้าและทิวได้เจอกับชายคนหนึ่งที่เดินอยู่ข้างหน้าพวกเขา ชายคนนั้นสวมเสื้อสีดำแขนสั้น นุ้งโจงกระแขนสีน้ำตาลแก่และสะพายถุงผ้าสีขาว ผมสีน้ำดำเข้มปัดไปข้างหนึ่งเห็นหน้าผากบ้างเล็กน้อยพร้อมกับมีดวงตาสีน้ำตาล เขาหยุดเดินไปชั่วครู่ก่อนหันไปมองที่กล้ากับทิวที่เดินตามมา ปรากฎว่านั่นคือ ทร ป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของกล้า ที่กำลังเดินทางไปโรงเรียนเหมือนกัน

ดูจากภายนอก ทรดูเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูดจากับใคร แต่ลึกแล้วเขาเป็นคนที่ค่อนข้างร่าเริงโดยเฉพาะตอนที่ได้อยู่กับเพื่่อนที่เขารู้จัก โดยเมื่อวานได้ถูกเรียกตัวมาแสดงศาสตราวุธ ในสถานที่เดียวกัน ศาสตราวุธของเขาก็ คือ ศาลพระภูมิตายาย ทรที่หันมาเห็นกล้าจึงตะโกนเรียก

ทร : กล้า...ไอ้กล้า! เฮ้ย!!

เสียงเรียกของทรดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของเช้าวันใหม่ กล้าที่กำลังเดินอย่างใจลอยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนหันกลับไปมองตามเสียงนั้น

กล้า : อ้าว..ไอ้ทรนี่เอง มีอะไรหรอเรียกเอาซะข้าตกใจหมดเลย

ทร : พวกเอ็งจะไปไหนหรอ

กล้า : ข้าจะไปโรงเรียนน่ะสิ เอ็งเห็นข้าจะพาควายไปกินหญ้ารึไง…

ทร : แฮ่ๆ...ข้าแค่ถามเฉย จริงๆก็รู้อยู่หรอน่า

ทิว : นิ..ข้าหน้าเหมือน ควาย ขนาดนั้นเลยหรอ! หึอ..

กล้า : อะไร..พี่แค่พูดเล่นน่ะ…ฮ่าๆ

กล้ายังคงลูบหัวทิวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับจะปลอบใจให้น้องชายหายงอน แต่ใบหน้าทิวที่ยังคงมุ่ยกลับทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้ แต่ในที่สุดทิวก็เลิกทำหน้างอลและถอนหายใจเบาๆ ก่อนกล่าวขึ้นสั้นๆ

ทิว : ชิ.....

ทร : ข้าว่าพวกเรารีบเดินไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไปสายเอานะ

กล้า : อืม…

ทั้งสามคนเริ่มเดินไปด้วยกัน เสียงฝีเท้าของพวกเขากระทบพื้นดินดังเป็นจังหวะ ทิวเดินหน้ามุ่ยอยู่ด้านข้างกล้า โดยไม่พูดอะไรต่อ ข้างทางมีต้นหญ้าสีเขียวสดสะท้อนแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านกิ่งไม้ลงมา ลมยามเช้าพัดแผ่วเบา ให้ความรู้สึกเย็นสบาย

ในระหว่างทาง ทิวที่ยังคงมีอาการไม่พอใจเล็กน้อยก็เดินไปด้วยหน้าบึ้ง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ในระหว่างทาง ทรยังคงพูดคุยอย่างสบายๆ พวกเขาทั้งสามเดินไปโรงเรียนด้วยกัน แต่ความรู้สึกในหัวของกล้ากลับไปวนเวียนอยู่ที่ศาสตราวุธที่เขายังคงไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นปกติ แต่ความสงสัยนั้นยังคงค้างอยู่ในใจเขา ทรที่เห็นว่ากล้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ จึงกล่าวถาม

ทร : ไอ้กล้า เมื่อวานนี้เอ็งเป็นยังไงบาง

กล้า : อืม...ก็ดี...

ทร : ไม่ใช่ ข้าหมายถึงเรื่องศาสตราวุธ ของเอ็งน่ะเป็นยังไงบาง

ทิว : ดีที่สุดเลยล่ะครับ

ทร : ทำไมล่ะไอ้หนู ศาตราวุธของไอ้กล้ามันคืออะไรหรอ

กล้าหยุดชะงั้กเล็กน้อย เขาครุ่นคิดอยู่ครูหนึ่งก่อนหันไปกล่าวตอบทร ด้วยความมั่นใจ

กล้า : มันคือมวยไทยยังไงล่ะ..

ทร : โว้! ดีเลยนิเอ็งก็ชอบชกมวยอยู่ด้วย ถ้าเอ็งฝึกศาสตราวุธใช้คู่กับแม่ไม้มวยไทยได้ เอ็งจะยิ่งเก่งขึ้นแน่

กล้า : อืม...ข้าก็คิอย่างนั้น แล้วศาสตราวุธของเอ็งล่ะ คืออะไรหรอไอ้ทร

ทร : ศาสตราวุธของข้าคือ ศาลพระภูมิตายายน่ะ

กล้า : ทำไมถึงเป็นศาลพระภูมิตายายล่ะ เอ็งรู้เหตุผลไหม

ทร : ข้าคิดว่า คงเป็นเพราะข้าศรัทธาในเรื่องพวกนี้ล่ะมั้ง…

กล้า : อืม...ก็คงงั้นมั้ง

ทิว : พี่กล้า

กล้า : มีอะไรหรอทิว

ทิม : พี่คิดว่า ศาสตราวุธของข้าจะเป็นอะไร

กล้า : พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นตัวอะไรก็ได้มั้งที่เหมือนเอ็งล่ะมั้ง

ทิว : เป็น ตัว เลยหรอ!!

ทิวกล่าวจบเขาก็มีท่าทีที่น้อยใจเลกน้อย ทรที่เห็นแบบนั้นจึงยื่นมือไปตบไหล่เขาเบาๆก่อนจะกล่าวขึ้น เพื่อปลอบใจ

ทร : เอาเถอะ อีกสองปีเอ็งก็จะอายุครบสิบขวบ ไม่ใช่หรอ แล้วตอนนั้นมารอดูกัน เดี๋ยวพี่จะไปดูด้วยเลย

ทิวที่ได้ยินแบบนั้น เขาเงยหน้าขึ้นทันที ก่อนจะหันไปสบตาทรและพยักหน้าให้  ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวังอีกครั้ง กล้าที่เห็นแบบนั้น เขาวางมือบนไหล่ของทิวอีกข้าง ก่อนกล่าวขึ้น

กล้า : เอาดิ ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ พี่ก็จะอยู่กับเอ็งด้วย เหมือนเมื่อวานที่เอ็งอยู่กับพี่

ทิว : พี่กล้า พี่ทร

กล้า,ทร : หืม...มีอะไรหรอทิว

ทิว : ข้าว่าข้าจะไม่ไป แสดงพลังศาสตราวุธในตอนที่ข้าอายุ 10 ขวบ เหมือนพี่ๆหรอนะ

ทร : ทำไม เจ้าถึงคิดจะทำแบบนั้นล่ะ

ทิว : ข้าแค่อยากรู้ในวันสุดท้ายของข้า นั้นคือตอนข้าอายุ 16 ปี ถ้าศาสตราวุธของข้ายังไม่ปรากฎ นั้นแสดงว่าตัวข้าเอง ไม่มีศาสตราวุธ…

กล้า : ไอ้ทิว เอ็งอย่าคิดมากเรื่องเมื่อวานนี้ที่เอ็งไม่สามารถแสดงศาสตราวุธของเอ็งได้นะ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เอ็งอายุไม่ถึงตามกำหนด เพราะงั้นมันไม่เป็นไรหรอก

กล้าเห็นทิวมีสีหน้าที่เศร้า เขารู้ได้ทันทีว่าทิวยังน้อยใจที่ไม่สามารถแสดงศาสตราวุธออกมาได้ในเมื่อวานนี้ เขาพยามพูดเพื่อให้น้องชายของเขารู้สึกดีขึ้นและใช้มือลูบหลังเบาๆเพื่อปลอบใจ

ทร : ไม่เป็นไรหรอกนะทิว เดี๋ยวเอ็งก็ได้รู้กันแน่ ว่าศาสตราวุธของเอ็งคืออะไร ก็แล้วแต่เอ็งอยากรู้ตอนไหนนะ

พูดจบทรก็ยิ้มให้ ด้วยความเอ็นดู ทิวที่เห็นแบบนั้นแล้ว มันทำให้เขายิ่งมั่นใจในสิ่งที่เขาคิดจะทำ เขาจึงพยักหน้ากล่าวตอบ

ทิว : ครับ....

ทร : เอ้านี่ ถึงโรงเรียนแล้ว ไอ้กล้าไปกันเถอะ!

กล้า : อืม

กล้า : แล้วเจอกันตอนพักเที่ยงนะทิว

ทิว : ครับพี่!

จากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายขึ้นห้องเรียนตามปกติ แต่ทิวเองก็อดคิดเรื่องเมื่อวานไม่ได้ เรื่องที่เขาไม่สามารถแสดงศาสตราวุธออกมาได้ ทั้งที่ครูฝึกสอนที่ผสานพลังให้ ก็เสียพลังไปมาก ทำให้ทิวน้อยใจตัวเอง แล้วเดินก้มหน้าเข้าห้องเรียนไป แล้วเขาก็เรียนกับเพื่อนในห้องตามปกติ

เมื่อช่วงเวลาพักเทียงมาถึง ทำให้พี่น้องได้มาเจอกันอีกครั้ง และทรได้พาเพื่อนไหมมาด้วย เพื่อนผู้หญิง รูปร่างของเธอเพรียวบาง เส้นผมสีดำตรงยาวจนถึงกลางหลัง เธอสวมเสื้อม่อฮ่อมสีดำมีลวดลายสีแดงตามชายผ้าและสวมผ้าถุงสั้น นามว่า ราง เธอมีนิสัยที่ร่าเริงและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน เธอมักจะคอยพูดแหย่ให้หัวเราะเสมอ ซึ่งเธอก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของกล้า โดยเมื่อวาดได้ถูกเรียกตัวมาแสดงศาสตราวุธ ในสถานที่เดียวกัน ศาสตราวุธของเธอคือ มือสังหารฆ่าไร้เงา

ทร : ไอ้ทิวเอ็งเป็นไงบาง

ทิว : ก็…ดีครับพี่ทร

กล้า : ราง ข้าขอน้องชายข้านะ นี่น้องข้า ไอ้ทิว

ทิว : สวัสดีครับพี่ราง

ราง : ดีจ๊ะ เด็กน้อยยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ

เธอก้มตัวลงต่ำ แล้วกล่าวพร้อมยิ้มให้ ด้วยความเป็นมิตร

ราง : เอาล่ะ นี่ก็เที่ยงแล้ว ข้าก็เริ่มหิวแล้วด้วย ข้าว่าพวกเรารีบไปหาที่ร่มๆนั่งกินข้าวกันเถอะนะ

กล้า,ทร : อืม

หลังจากนั้นพวกเขาก็นั้งลงกินข้าวใต้ต้นไม้ บรรยากาศโดยรอบนั้นร้อนระอุเหมือนในทุกๆวัน ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เงาเมฆ ทำให้แสงแดดส่งลงมาได้ มีสายลมอ่อนๆพัดมาไปมาอยู่ตลอด แต่ไม่ได้ทำให้เย็นขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับพัดมาเป็นลมร้อน

ทร : อ่าา วันนี้อากาศร้อนเป็นบ้าเลย ไม่รู้ว่าจะมีช่วงพักเทียงของวันไหน ร้อนเท่าวันนี้ไหมนะ

ราง : เจ้าอย่าบ่นนักเลยน่า วันไหนมันก็ร้อนทั้งนั้นเเหละน่า ไอ้ทร!

กล้า : สำหรับข้าแล้วนะ อากาศแค่นี้ไม่ได้ถือว่าร้อนเท่าไหร่หรอ ถ้าเทียบกับตอนที่ข้าขึ้นชกบนสังเวียนน่ะ มันร้อนกว่านนี้อีก จริงแล้วมันแทบไม่มีลมผ่านด้วยซ้ำ

ในตาของรางเบิกกว้าง ตัวของเธอหยุดชะงักแม้ในปากจะเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก เหมือนเธอพึ่งนึกอะไรขึ้นได้ เธอกลืนข้าวลงคอ แล้วกล่าวขึ้นทันที

ราง : จริงสิ! ไอ้กล้าศาสตราวุธของเจ้าน่ะ คืออะไรหรอ คือข้าไม่ได้อยู่รอดูน่ะ ข้ามีธุระจำเป็นที่จะต้องรีบทำรีบกลับก่อนน่ะ ห็นไอ้ทรบอกข้ามาก บอกว่ามันคือมวยหรอกหรอ

ทร : มันคือ มวยไทย เลยนะ เป็นศาสตราวุธนักสู้ที่ใช้แม่ไม้มวยไทย บวกกับกล้าที่ชอบชกมวยอยู่แล้ว ศาสตราวุธนี่มันเหมือนกับเจ้าของจริงๆเลยนะเนี้ย

กล้า : อืม...ก็จะประมานนั้น

ราง : โว้! ดีเลยนิ

กล้า : แล้วศาสตราวุธของเอ็งคืออะไรหรอไอ้ราง

ราง : มันคือมือสังหารไร้เงา

กล้า : เป็นมือสังหารหรอ อย่าเอ็งนี่นะไอ้ราง มีศาสตราวุธเป็นนักฆ่า…

ทร : ข้าอยากรู้จัง ว่านักสู้กับนักฆ่าใครเก่งกว่ากัน

กล้า : กินข้าวอิ่มๆแบบนี้คง ไม่ดีที่จะสู้กันหรอกมั้ง…

กล้าจะพยายามที่จะตอบปฏิเสธรางทุกทาง แต่ยังไงเธอก็ชวนเขาให้สู้กันอยู่ดี จนทำให้เขานั้นไม่มีทางเลือก จึงต้องยอมตอบตกลงไปในที่สุดและการต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้น

ทั้งสองมาประชันหน้ากัน สายตาที่แน่วแน่นั้นมองซึ่งกันและกันภายใต้สายลมร้อนที่พัดผ่าน พวกเขายืนหางกันไม่มาก และแสดงศาสตราวุธ ไม่กี่วินาที่ตอมาศาตราวุธก็กลายเป็นเกาะอาวุธ เกราะอาวุธที่ยังไม่ถูกกหลอมให้มีความสามารถ ก็กลายเป็นเพีบงออร่าสีทองอ่อนๆทั่วตัว ทั้งสองยืนนิ่งกันอยู่ซักพัก ต่อมารางเริ่มเคลื่อนที่ก่อน ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเธอนั้นเร็วมาก จนกล้ามองตามแทบไม่ทัน

รางเริ่มพุ่งโจมตีใส่กล้าอย่างรวดเร็วอยู่หลายรอบ แต่กล้าก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะรางสามารถโจมตีได้รวดเร็วมากก็จริง แต่การโจมตีของรางเบามาก มันทำให้กล้าเริ่มดูออกถึงการโจมตีที่ซั้มไปซั้มมาของราง โดยรางมักจะใช้ความเร็วนี้ให้การโจมตีจากข้างหลังคู่ต่อสู้ตลอด รางจะไม่โจมตีต่อหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีโดยตรง อาจะเป็นเพราะ รางสามารถรับการโจมตีไม่ได้มากนัก

กล้า : (คิดในใจ) รางโจมตีเร็วมาก จนข้าเเทบมองตามไม่ทันเลย ถ้าข้าทำได้แค่ยืนหันไปมาอยู่แบบนี้ ปล่อยให้รางโจมตีใส่ตัวเองเรือยๆ ไม่แน่ข้าอาจจะแพ้รางก็เป็นได้

ราง : มาสิ ข้าอยู่ตรงนี้ ฮาฮ่า…

กล้า : เอ็งอย่าทำเป็นได้ใจไปนะไอ้ราง!!

กล้ากล่าวขึ้นเสียงแข็ง จากนั้นเขาเริ่มคิดหาวิธีการที่จะโจมตีกลับ โดยเพรียงแค่มองจากรูปลักษณ์ศาสตราวุธของราง คือนักฆ่าไร้เงา ไร้เงาหน้าหมายถึงความเร็ว ที่เร็วมากและที่สำคัญคือความคล่องตัว เมื่อใช้ศาสตราวุธรางเหมือนจะมีความคล่องตัวมาก ทั้งกระโดดสูงมากและยังตีลังกาหมุนตัวกลางอากาศได้อีก หลังกล้าจึงคิดแผนออก เขาคิดได้ว่า ถ้าหันหลังให้รางเพื่อที่จะเปิดให้รางโจมตี แล้วในตอนที่รางกำลังพุ่งเขามาโจมตี แล้วใช้โอกาศนั้นหันหน้าไปโจมตีกลับในทันที

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำตามแผนที่วางไว้ โดยการยืนนิ่งแล้วหันหน้าไปทางหนึ่ง รางที่ใช้ความเร็ววิ่งวนๆไปมาอยู่แถวๆนั้น ก็เริ่มเห็นกล้ายืนนิ่งไป เธอคิดว่ากล้าน่าจะมองไม่เห็นตัวเอง และทำแบบนั้นเพื่อมองหาตนอยู่ เธอจึงได้ถือเป็นโอกาศดีที่รางจะโจมตีกล้า เธอพุ่งตัวเข้าไปทีนที แล้วครั้งนี้รางจะไม่โจมตีที่ ตัว แขนหรือขา อีกแล้วเพราะการที่ได้โอกาศดีแบบนี้ต้องโจมตีไปที่จุดตายเท่านั้น และรางก็จะชนะในที่สุด แต่ในความคิดของกล้านั้น รางนั้นได้หลงกลแผนที่เขาวางไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในตอที่รางพุ่งเขาไปแล้วทำลังจะเตะไปที่ต้นคอของกล้า แต่อยู่กล้าหันมาอย่างกระทันหัน แล้วสวนกลับด้วยหมัดของเขา ทำให้พลังของศาสตราวุธนั้นโจมตีต้านกัน ก่อเกิดการปะทะกันระหว่างพลังของศาสตราวุธของทั้งสอง ที่แผ่กระจายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานศาสตราวุธของรางก็รับการโจมตีมาถึงขีดสุด พลังของเธอเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆและในที่สุดเธอก็ไม่สามารถต้านทานศาสตราวุธได้มากกว่านี้ ทำให้กล้าที่มีพลังมากกว่านั้นโจมตใส่เธอได้อย่าจัง จนเธอนั้นกระเด็นออกไป

ทิวที่นั่งกินข้าวอยู่ใต้ต้นไม้กับทรก็แทบไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น ทั้งสองนั่งอึ้งกันอยู่ซักพัก ก่นที่ตอนจะได้สะติกลับมาแล่วกล่าวขึ้น

ทร : เอาล่ะๆ แค่นี้ก็รู้ผลแพ้ชนะแล้ว สรุปนักสู้เก่งกว่านักฆ่าอย่างเห็นได้ชัดเลยสินะ

กล้า : ไม่เสมอไปหรอกนะข้าว่านะ

รางเดินลากร่างที่ดูสะบักสะบอมจากการต่อสู้เมื่อครู่ เข้าไปหากล้าด้วยสีหน้าที่แฝงไว้ด้วยปิดหวัง ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่แหบแห้ง

ราง : อ..เอ็งชนะข้าแล้ว ดูแค่นี้ก็รู้ๆอยู่นิ

คำพูดนั้นของราง เหมือนกับว่าเธอมรับความพ่ายแพ้นั้นแล้ว ทิวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ ก็ได้กล่าวขึ้นหมดเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ทิว : จริงด้วยครับ ถ้าเผื่อตอนนี้พี่กล้าสามารถ เอาชนะพี่รางได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่มีศาสตราวุธ คร้ายๆกับพี่ราง หรืออาจะเก่งกว่าพี่ราง พี่กล้าก็อาจจะแพ้ก็เป็นได้ ศาสตราวุธของเอ็งก็มีดีอยู่ทั้งความเร็วและความคล่องตัวนะ แต่สิ่งที่เอ็งไม่มี ข้าว่ามันคือประสบการณ์ในการต่อสู้ต่างหาก

กล้า : ข้าที่ขึ้นชกมวยมาหลายครั้งแล้ว เลยรู้จักการตั้งรับและตอบโต้คืน ข้าว่านี่เป็นข้อได้เปรียบของข้า

รางก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่กล้าพูด สีหน้าเศร้าหม่นแสดงออกมาอย่างชัดเจน แล้วจึงกล่าวตอบกลับ

ราง : มันก็จริง…

กล้า : ถึงวันนี้เอ็งจะแพ้ข้านะราง แต่ข้าเชื่อว่าในอนาคตเอ็งอาจจะชนะข้าก็ได้

เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว รางเงยหน้าขึ้น พร้อมเผยรอยยิ้มบางๆที่มุมปากของเธอ บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ทรจะยกมือขึ้นลูบท้องตัวเอง พลางพูดขึ้นขัดจังหวะ

ทร : กินข้าวอิ่มล่ะ รีบกลับห้องกันเถอะ เดี๋ยวครูจะเข้าห้องก่อน

กล้า : ก็ได้ งั้นไอ้ทิว…พี่ไปก่อนล่ะ

ราง : พวกพี่ไปก่อนนะจ๊ะทิว เอ็งตั้งใจเรียนล่ะ เจอกันตอนเลิกเรียนนะ

ทิวที่ได้ยินแบบนั้น เขาพยักหน้าตอบรับ แล้วทั้ง 4 คน ก็ได้แยกย้ายกันไปตามทางเดินไปยังห้องเรียนของตนเอง

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!