> ความเงียบ...บางครั้งไม่ใช่การปิดกั้น
แต่มันคือ “ที่พักพิง” ของหัวใจที่แตกสลาย
—
เสียงฟ้าร้องยังคงคำรามเป็นจังหวะห่าง ๆ แม้ฝนจะเริ่มซา
ภายในเพนต์เฮาส์หรูย่านสาทร ความเงียบแน่นขนัดและอุ่นประหลาด
รชา ยังนั่งกอดเข่าที่มุมห้อง พิงโซฟาตัวใหญ่ มือทั้งสองยังกุมหูไว้แน่นแม้เสียงจะเงียบไปแล้ว ดวงตาหลังแว่นยังคงสั่นระริก
เขาหอบหายใจช้า ๆ เหงื่อผุดตามไรผมและหลังคอ เสื้อเชิ้ตนักเรียนเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเย็น
ข้างกายเขา คิมหันต์ นั่งนิ่ง
ไม่แตะต้อง ไม่พูด
แค่…นั่งอยู่ตรงนั้น
เพียงแค่เขาอยู่
รชารู้สึกว่าเขากำลัง ‘ปลอดภัย’
—
เวลาผ่านไปพักใหญ่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะค่อย ๆ คลายมือลงจากหู หายใจลึก ๆ อีกสองสามครั้งเพื่อควบคุมอาการตัวสั่น มือสั่นนิด ๆ ตอนถอดแว่นออกมาเช็ดไอน้ำฝ้า ๆ ที่เกาะเลนส์ด้วยชายเสื้อ
“ขอโทษ”
เสียงนั้นเบามาก แทบไม่ได้ยินเลย
แต่คิมหันต์ได้ยิน
เขาหันไปสบตาเด็กหนุ่มที่เงยหน้ามองกลับมา
ไม่มีน้ำตา
ไม่มีคำอธิบาย
มีเพียงแค่แววตา...ที่ไม่อยากให้ใครเห็นด้านนี้ของตัวเอง
“ไม่ต้องขอโทษ” คิมหันต์ตอบเรียบ ๆ ดวงตายังคงเย็นเฉียบ แต่คำพูดนั้นอบอุ่นแปลก ๆ “คนที่ต้องขอโทษ...คือคนที่เคยทำให้เธอกลัวแบบนี้”
รชาเบิกตานิด ๆ มองอีกฝ่ายนิ่งงัน
ไม่คิดว่าคนอย่างเขา...จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
คิมหันต์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปยังครัว เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเย็นจัดออกมา แล้วกลับมายื่นให้รชา
“ดื่มซะ มือเธอสั่นอยู่”
“…ขอบคุณ”
เสียงเบาอีกครั้ง แต่นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาพูด
คิมหันต์ไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้พยักหน้า ไม่ได้ชม
แต่เขาจดจำเสียงนั้นอย่างจริงจัง
เสียงของคนที่ไม่เคยยอมพูดอะไรกับใครเลย...
—
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย รชานั่งเงียบ ๆ อยู่ที่ระเบียงห้องนอน แขนพาดกับราวระเบียง แว่นสายตาถูกเช็ดจนใส ดวงตาของเขาจึงมองวิวกรุงเทพยามค่ำชัดขึ้นแม้จะยังเบลอบ้าง
เขารู้ดีว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นาน
เขารู้ดีว่า “คนอย่างเขา” ไม่ควรใกล้ “คนแบบนั้น”
แต่...เขากลับไม่รู้สึกอยากหนี
กลับรู้สึกว่าที่นี่ปลอดภัยกว่าบ้านตัวเองด้วยซ้ำ
—
“จะกลับมหาวิทยาลัยไหม”
เสียงคิมหันต์ดังขึ้นจากประตูห้อง
รชาหันกลับมา เห็นชายร่างสูงในชุดลำลองธรรมดา เสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงผ้าธรรมดาแต่ยังดูสง่าจนน่าประหลาด
“พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”
“ฉันจัดการให้แล้ว วันนี้ไม่ต้องเข้า”
รชานิ่ง...ขมวดคิ้วนิด ๆ
“ฉันมีอำนาจพอจะทำเรื่องลานักศึกษาฝึกงานได้ทั้งเทอม”
“…”
เงียบอีกแล้ว แต่แววตาของรชาเริ่มขัดใจ
เขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ
เขาไม่ใช่เด็กอ่อนแอที่ใครก็มาออกคำสั่งได้
คิมหันต์ขยับเดินเข้ามาใกล้ มองเด็กหนุ่มตรงหน้าแบบที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน
“ฉันแค่ให้เวลาเธอได้พัก...ไม่ใช่ยึดอำนาจ”
เสียงนั้นเย็นแต่จริงใจ
“อย่าทำหน้าเหมือนฉันจะขังเธอไว้”
“…”
“ถ้าเธออยากกลับตอนนี้ ฉันจะพาไปเอง”
เงียบ...
รชาหลบสายตา สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ แล้วเอ่ยคำที่สามในรอบวัน
“…ขออยู่ที่นี่อีกหน่อย”
และเป็นครั้งแรกที่ริมฝีปากของคิมหันต์ขยับ...
เป็นเสี้ยวยิ้มเล็ก ๆ ที่แทบมองไม่เห็น
—
กลางดึก
เสียงนาฬิกาเดินในห้องดังติ๊ก…ติ๊ก…ติ๊ก
ไฟหรี่สีอบอุ่นส่องสลัวไปทั่วห้องนอนใหญ่
รชานอนห่มผ้าจนถึงคาง แว่นถูกวางไว้ที่หัวเตียง ข้างหมอนมีกล่องยาพ่นกำจัดอาการหอบเฉียบพลันวางอยู่ด้วย
ร่างกายเขายังไม่ฟื้นดี
แต่ใจ...เริ่มอุ่นขึ้น
ที่น่าแปลกคือ แม้คิมหันต์จะนอนอยู่บนโซฟายาวอีกฝั่งของห้อง แต่รชากลับไม่รู้สึกอึดอัด
เขานอนหลับ...
ทั้งที่ปกติ ไม่เคยนอนหลับลึกที่ไหนได้เลย
—
เช้าวันถัดมา
ข่าวหน้าหนึ่งในแวดวงธุรกิจ:
> “บุตรชายคนเล็กตระกูลพรตินันท์หายตัวจากสื่ออีกครั้ง — ไม่มีใครรู้ตัวตนของเขาในตอนนี้”
ข่าวนั้นทำให้โลกภายนอกเริ่มขยับ
แต่ในเพนต์เฮาส์นั้น รชานั่งจิบโกโก้อุ่นที่ ธันวา เป็นคนชงให้เงียบ ๆ
“คุณหนูครับ”
ธันวาเอ่ยเรียกเบา ๆ ระหว่างรินน้ำให้
รชาชะงัก
เขาไม่คิดว่าจะมีใคร…
จำเขาได้จากชื่อ ‘พรตินันท์’
ดวงตาหลังแว่นสบกับธันวาที่กำลังยิ้มบาง ๆ อย่างไม่มีพิษภัย
“ไม่ต้องตกใจครับ ผมแค่ทำหน้าที่ของผม”
“คุณคิมหันต์สั่งให้เราคุ้มกันคุณอย่างเงียบที่สุด ไม่เปิดเผยตัว”
รชาไม่ได้ตอบอะไร…
แต่ลึกในใจเริ่มรู้ว่า —
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ “เขากำลังหนี”
แต่มันอาจหมายถึง “เขาถูกตามหา”
—
“รชา”
เสียงทุ้มของคิมหันต์ดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวเดินเข้ามาในห้อง
“หลังจากนี้ เธออาจจะต้องบอกฉันมากกว่าสามคำแล้วล่ะ”
รชาหันไปมองอีกฝ่ายช้า ๆ
สบตา...เงียบ...แต่นิ่งแน่ว
“อดีตเธอ...เกี่ยวกับศัตรูของฉัน”
“…”
“ถ้าเธอไม่พูดตอนนี้ อีกไม่กี่วันข้างหน้า...พวกมันจะมาหาเธอเอง”
รชาหลุบตาลง ริมฝีปากเม้มแน่น
ความเงียบอีกครั้ง
แต่คราวนี้...มันไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากพูด
แต่เพราะ “เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน”
และในตอนนั้น
เสียงโทรศัพท์ของคิมหันต์ก็ดังขึ้น
เสียงจากปลายสายทำให้แววตาเย็นชานั้นเปลี่ยนทันที
“เจอแล้วครับ…คนของ ‘ราชัน’ เพิ่งเดินทางเข้าไทย”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 3
Comments