ฉันกลายเป็นใครไปเเล้วเนี้ย

พลังมืดสีดำสนิทแผ่ขยายรอบร่างของฮิโตริอากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยวเหมือนแรงกดดันจากพลังงานมหาศาลกำลังฉีกกระชากมิติออกจากกันลมหมุนวนรอบกายจนกลายเป็นพายุลูกเล็ก ๆ เส้นผมสีเข้มของเขาถูกยกขึ้นช้า ๆ ราวกับกำลังลอยอยู่ในน้ำ

แววตา... เปล่งแสงสีแดงสดเรืองรอง ราวกับเปลวเพลิงนรกที่ไม่มีวันมอดดับ

แรงสั่นสะเทือนเบา ๆ สะท้อนจากปลายเท้าของเขาไปทั่วพื้นหินแข็งก้อนกรวดเล็ก ๆ ลอยขึ้นจากพื้นโดยไม่ต้องมีแรงขับใด ๆ นอกจากแรงกดดันที่เขาปล่อยออกมา

 

“เอาล่ะ...”

เขาหันไปมองมังกรเดราอุสที่กำลังคำรามอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ดวงตาของมังกรเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างรับรู้ถึงภัยคุกคามใหม่ที่ปรากฏตรงหน้า

 

“...ถึงเวลาที่พระเอกของเรื่องจะโชว์เทพแบบกวน ๆ แล้วล่ะ!”

 

ริมฝีปากของเขายกยิ้มมุมปากด้วยท่าทางยียวน ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดจนแทบหยุดหายใจ

ฮิโตริยื่นมือออกไปด้านหน้าพลังเวทดำทะมึนพวยพุ่งขึ้นรวบรวมกลางอากาศ ก่อนจะก่อตัวเป็นรูปดาบยาวสีดำสนิทที่ดูเหมือนจะสั่นไหวอยู่ตลอดเวลาคมดาบบางเฉียบราวกับสามารถกรีดอากาศได้เพียงแค่สะบัดเบา ๆ—ทว่าขณะเดียวกันก็ส่งกลิ่นอายแห่งความหายนะที่ทำให้แม้แต่สัตว์อสูรยังต้องหวั่นเกรง

 

“ดาบนี้ไม่ได้มีชื่อหรูหราอะไรหรอก...”

 

ฮิโตริหมุนดาบไปรอบตัวสองสามครั้งด้วยท่าทางสบาย ๆ เหมือนแค่กำลังเล่นของเล่นในมือ

 

“แต่เรียกมันว่า ดาบที่เท่จนคนอ่านต้องอ้าปากค้าง ก็แล้วกัน!”

 

เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเขาดังขึ้นกลางสมรภูมิที่ควรจะตึงเครียด

 

“ตลกไม่ออกแล้วมั้งเจ้ามังกร”

 

มังกรเดราอุสคำรามอย่างเดือดดาล มันพุ่งเข้ามาพร้อมเปลวเพลิงดำที่ระเบิดจากปาก ราวกับจะเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ไปในเสี้ยววินาที

แต่ว่า—

ฮิโตริกระโดดหลบอย่างงดงาม คล้ายการเต้นรำกลางพายุแห่งหายนะพร้อมกันนั้น เขาแปะสติ๊กเกอร์สีสดใสลายตลก ๆ ที่มีตัวอักษร งับพลาด! ไว้ตรงกลางหน้าผากของมังกรอย่างหน้าตาเฉย

 

“เฮ้~ ไม่โดนอะ ไม่โดนอะ~ เอาใหม่ไหมเพ่~?”

 

น้ำเสียงกวนประสาทระดับทำให้แม้แต่สวรรค์ก็อยากฟาดสายฟ้าใส่มังกรเดราอุสกู่คำรามอย่างบ้าคลั่ง พ่นเปลวไฟสีเลือดรัวใส่เขาเป็นสายฝนพิฆาต

แต่ฮิโตริ...

กลิ้งหลบหมุนตัวกลางอากาศอย่างง่ายดายราวกับนักเต้น

ยังมีหน้าหันมากล่าวเยาะเย้ยด้วยรอยยิ้มระยิบระยับ

 

“พลาดอีกแล้ว! ถ้าผมเป็นครูสอบเวท คงให้ศูนย์ไปเลยนะเนี่ย~”

 

เสียงหยันนั้นยิ่งเติมเชื้อไฟให้ความโกรธของเดราอุสถึงขีดสุด

ทว่า ทันใดนั้น...

พรึ่บ!

ฮิโตริหายวับไปจากสายตาของมังกรในพริบตา เหลือไว้เพียงเงาจาง ๆ กลางหมอกเวท

เสียงกระซิบเย็นเฉียบดังกระซิบจากข้างหูของสัตว์ร้าย

 

“เฮ้~ ข้างหลังนาย”

 

ก่อนที่—

ตึงงงงง!!!

ดาบเวทดำทะมึนกระแทกเข้ากับเกล็ดแข็งของมังกรอย่างจัง เสียงแตกร้าวของเกล็ดดังก้องสะเทือนไปทั่วหุบเขาแรงปะทะมหาศาลผลักร่างมหึมาของเดราอุสให้เซถอยหลังไปหลายก้าว ตะเกียกตะกายด้วยกรงเล็บทั้งสี่อย่างงุนงง

ฮิโตริยืนกอดอกบนหัวของมันอย่างภาคภูมิ ใบหน้ายิ้มกวน ๆ ยิ่งกว่าเดิม

 

“โอ้ววว~ ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจแรงขนาดนั้น”

 

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะประกาศเสียงดัง

 

“ชั้นชื่อฮิโตริ ผู้สืบทอดจิตวิญญาณอัศวินสาปผู้เท่โคตร ๆ และกวนตีนขั้นเทพ—จำชื่อฉันไว้ให้ดีนะเฟร้ย!”

 

เสียงประกาศนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมกับสายลมแรงที่พัดหมอกเวทกระจายออกไปราวกับเป็นเวทีการเปิดตัวของเขาเอง

ที่ด้านล่างเอลฟิราน่า ที่พิงอยู่กับซากหินหัก มองขึ้นไปด้วยสีหน้าเหนื่อยใจแต่ก็อดยิ้มบาง ๆ ไม่ได้

 

“หมอนี่...บ้าเอ๊ย... จะลีลาไปถึงไหน”

 

เสียงหัวเราะเบา ๆ หลุดจากปากเธอ ราวกับความตึงเครียดเมื่อครู่ถูกบรรเทาลงอย่างน่าอัศจรรย์

แต่ความสงบสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน...

ทันทีที่เสียงของฮิโตริจบลง มังกรเดราอุสคำรามลั่นร่างของมันเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ดวงตาเปล่งแสงสีเลือดเข้มขึ้นอีกระดับ ลมหายใจของมันพ่นไอพิษออกมาหนาทึบยิ่งกว่าก่อนหน้า

กล้ามเนื้อใต้เกล็ดแข็งขยายตัวอย่างรวดเร็วกรงเล็บยืดยาวขึ้นเป็นสองเท่า ปีกสีดำปนม่วงกระพือจนเกิดลมพายุ

มันกำลังเข้าสู่สภาวะ... โหมดคลั่ง!!

 

“เฮ้ย... เดี๋ยว ๆๆๆๆ!!”

ฮิโตริร้องเสียงหลง รีบกระโดดถอยหลังพลางทำหน้าตื่นสุดชีวิต

 

“ฉันว่ากวนไม่แรงขนาดที่ต้องโดนเอาคืนขนาดนี้เลยนะเฮ้ยยย!!!”

 

เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเอลฟิราน่ายังคงดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามของสัตว์ร้าย

แต่ในดวงตาของเธอ...

กลับสะท้อนแสงแห่งความศรัทธาอันมั่นคงที่มีต่อชายหนุ่มผู้กำลังเผชิญหน้ากับความตายด้วยรอยยิ้มกวน ๆ คนนั้น

 

ลมหายใจมังกรเริ่มรวบรวมพลังอีกครั้ง

เสียงคำรามต่ำสะท้อนก้องกังวานไปทั่วหุบเขา ทั้งอากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือนจากคลื่นเวทมหาศาลที่บิดเบี้ยวขึ้นอย่างน่ากลัวไม่ใช่แค่ลำแสงทำลายล้างธรรมดาอีกต่อไป—แต่มันกลายเป็น ระเบิดเวท ขนาดใหญ่ ที่แผ่คลื่นกระแทกเวทมนตร์ออกมาเตรียมกวาดล้างทุกสิ่งให้หายไปจากแผ่นดินนี้!

ฮิโตริยืนนิ่งไปเสี้ยววินาที ก่อนจะโพล่งเสียงหลง

 

“ตายแน่ ๆๆๆ ถ้าโดนเนี่ย!!”

 

สีหน้าเขาซีดแทบจะกลายเป็นกระดาษ แต่ยังคงตั้งท่าจะพุ่งหลบอย่างสุดชีวิต

แต่ก่อนที่พลังเวทนั้นจะถูกปล่อยออกมา—

 

“หลบไปสิยะ!”

 

เสียงของเอลฟิราน่าแหวกอากาศมาอย่างเฉียบพลันพร้อมกับร่างของเธอพุ่งขึ้นมาราวกับลูกศรสีฟ้า

พลังเวทมหาศาลระเบิดออกจากร่างเธอ จนลมหมุนวนรอบตัวกลายเป็นเกลียวสายฟ้าสีน้ำเงินอ่อน

เธอไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาทีในขณะที่มังกรกำลังจะระเบิดพลัง—

เธอสะบัดคทาอย่างเฉียบขาด ตะโกนลั่น

 

“เวทกักพลัง—[วงแหวนตรึงธาตุ!]”

 

เสียงร่ายเวทประสานกับเสียงฟ้าคำราม

วงแหวนเวทขนาดมหึมาก่อตัวขึ้นรอบลำคอมังกรเส้นสายอักขระโบราณเรืองแสงเจิดจ้า รัดตรึงมันแน่นจนพลังเวทที่กำลังระเบิดค้างอยู่กลางลำคอ!

เสียงกรีดร้องบ้าคลั่งของมังกรดังลั่นมันดิ้นทุรนทุราย พยายามปลดปล่อยพลังออกมาแต่ก็ไม่อาจขยับได้แม้แต่นิ้วเดียวในช่วงเสี้ยววินาทีสำคัญนั้น!

 

“ตอนนี้แหละ ฮิโตริ!!”

 

เสียงเอลฟิราน่ากระแทกใจอย่างแรง

ฮิโตริได้ยินดังนั้นก็กระตุกยิ้มมุมปาก

ดาบสีดำในมือดูดกลืนพลังเวทมืดเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมกลิ่นอายพลังอันตรายไหลเวียนออกมาจนทำให้แม้แต่พื้นดินก็แตกระแหงเพียงเขาย่างเท้าเหยียบ

เขาถีบพื้นพุ่งขึ้นสูงกลางอากาศอย่างกับลูกกระสุน

ดวงตาสีแดงเพลิงของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าเสียงตะโกนก้องประกาศกึกก้อง

 

“รับไปซะ!! ท่าไม้ตายที่ตั้งชื่อเองสด ๆ ร้อน ๆ—ดาบเดียวดับมังกร…!!!”

 

เสียงโฮ่กึกก้องดังลั่นกลางเวหา

ฉัวะ!!!

ดาบสีดำทะลวงกลางอกของมังกรได้อย่างแม่นยำ!

เกิดเสียงระเบิดขนาดใหญ่ที่สั่นสะเทือนป่าและท้องฟ้าฝุ่นควันกระจายไปทั่วบริเวณ แสงเวทสะท้อนบนหมอกหนาทึบราวกับพลุที่สาดกระจายเต็มท้องฟ้า

แรงปะทะมหาศาลผลักฮิโตริกระเด็นถอยออกมาเล็กน้อยแต่เขายังควบคุมตัวเองได้อย่างสวยงามและสะบัดเสื้อคลุมพริ้ว ๆ อย่างเท่ระเบิด

 

มังกรเดราอุสเซถอยไปหลายก้าวก่อนที่ร่างมหึมาจะโค่นล้มกระแทกพื้นด้วยเสียงดังสนั่นฟ้าผ่า

แล้วทุกอย่าง...เงียบงัน

เพียงเสียงหอบหายใจของฮิโตริ และสายลมเบา ๆ ที่พัดผ่านทุ่งโล่ง

 

“หืมมม~ จบแล้วล่ะมั้ง~”

 

เสียงฮิโตริดังขึ้นอย่างสบาย ๆ ราวกับคนเพิ่งสะบัดฝุ่นจากเสื้อหลังเสร็จงานบ้านเขาเดินออกจากม่านหมอกควันอย่างช้า ๆมือหนึ่งไถผมให้ยุ่งขึ้นอีกนิดเพื่อเพิ่มความเท่โดยไม่จำเป็น

เอลฟิราน่าลอยลงมาตามหลังเขาสีหน้าของเธอประทับใจปนหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน—เหมือนอยากด่า แต่ก็ขำจนต้องยอมแพ้

 

“นายมันน่าหมั่นไส้ชะมัด...”

 

เธอบ่นเบา ๆ แต่เมื่อเผลอเหลือบตามองไปที่ฮิโตริแก้มใส ๆ ของเธอก็เริ่มแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่

เธอเบือนหน้าหนีทันที พร้อมกระซิบเสียงเบา

 

“แต่ก็...เก่งดี”

 

ฮิโตริหันมามองเธอทันทียิ้มกวน ๆ แล้วจิ้มคำพูดเข้าเป้า

 

“หืม? หน้าแดงเหรอ~?”

 

“บ้า! ไม่มีซักหน่อย!!”

 

เอลฟิราน่าสวนกลับเสียงแข็ง ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินหนีไปอีกทาง

ฮิโตริยักไหล่อย่างขำ ๆ

 

“ชนะมังกรได้ แถมยังได้โชว์ของอีก... นี่มันโคตรเทพเลยเว้ย!”

 

ทันใดนั้น—

เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากด้านหลังเพื่อนร่วมทีมที่เพิ่งจัดการฝูงอสูรเงามืดระดับ B+ เสร็จ ต่างพากันวิ่งหน้าตื่นเข้ามา

 

“ฮิโตริ!! นายเป็นอะไรรึเปล่า!? ฉันสัมผัสได้ถึงพลังเวทมหาศาลมาจากในถ้ำ!”

 

เสียงทาเคชิดังขึ้นเป็นคนแรกเขารีบพุ่งเข้ามาดูด้วยความตื่นตระหนก

ทันทีที่เห็นว่าฮิโตริกับเอลฟิราน่ายืนใกล้กันแบบ แนบชิดจนผิดสังเกต ทาเคชิก็อึ้งไปสองวินาทีเต็ม

เอลฟิราน่าหน้าแดงก่ำ ก่อนจะรีบดันฮิโตริออกอย่างแรง

ผลัก!

 

ฮานะรีบพุ่งเข้ามาอีกคน สีหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใย

 

“ฮิโตริ! ฉันจะรักษาเองนะ! ไปทำอะไรมา ถึงได้บาดเจ็บขนาดนี้...”

 

เธอรีบรวบรวมพลังเวทรักษาขึ้นที่มือ แล้วแตะเบา ๆ ลงบนบาดแผลตามตัวเขาแสงเวทสีขาวนวลค่อย ๆ ซึมซาบเข้าไปในผิวหนัง

เอลฟิราน่าไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่หันหลังให้ และกอดอกหลบสายตาไปทางอื่น

บรรยากาศชั่วขณะนั้น ทั้งตลก ทั้งอบอุ่น ทั้งกระอักกระอ่วนในเวลาเดียวกัน

 

ขณะเดียวกัน

เรียว ได้เดินสำรวจเข้าไปในโพรงถ้ำที่ทอดยาวไปยังเบื้องลึก

และเขาก็พบ...

 

ประตูบานยักษ์

ประตูนั้นตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโถงกว้างใหญ่มืดสลัวมันสูงเกือบสิบเมตร กว้างพอให้มังกรตัวหนึ่งเดินผ่านได้

บนพื้นผิวประตูแกะสลักลวดลายโบราณอย่างวิจิตรอักขระเวทศักดิ์สิทธิ์เรืองแสงจาง ๆ เหมือนมีชีวิต ดาบสองเล่มไขว้กันอยู่เหนือหัวมังกรยักษ์

บรรยากาศรอบ ๆ ประตูเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลราวกับว่ามันกำลังปกป้องบางสิ่ง...หรือบางที อาจกำลังขังบางสิ่งที่ไม่ควรถูกปลุกตื่นขึ้นมาอีกเลย...

เรียวเบิกตากว้างหัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้

 

“นี่มัน...อะไรกันแน่...”

 

และโชคชะตาของพวกเขา—กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

 

“เดี๋ยวสิ… นั่นมัน...”

เอลฟิราน่าชะงักกึก ริมฝีปากขยับพึมพำอย่างไม่แน่ใจ ก่อนชี้ไปยังสิ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

 

“นี่มัน... ประตูแห่งเทวสถานอัศวินนิรันดร์...”

เสียงของเธออ่อนลง ราวกับเผลอหลุดเข้าไปในห้วงความฝัน

“ไม่เคยคิดเลยว่าจะอยู่ในถ้ำแห่งนี้...”

 

เพียงแค่ได้ยินชื่อ ฮิโตริถึงกับตะลึงงัน ความจริงที่ว่าเอลฟิราน่าเองยังรู้จักสถานที่ในตำนานนี้ บ่งบอกถึงความสำคัญเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก

 

ทาเคชิเขานั้นได้ถูกตั้งให้เป็นผู้นำของกลุ่มเขาจึงเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปใกล้ประตูหินมหึมา เขายื่นมือออกไปแตะพื้นผิวของมันเบา ๆ ราวกับไม่รู้เลยว่ากำลังทำสิ่งที่อันตรายเพียงใด

และทันใดนั้น...

 

พรึ่บ!!!

อักขระโบราณที่สลักอยู่บนบานประตูเรืองแสงขึ้นพร้อมกันทั้งหมด ราวกับคลื่นพลังที่แทรกซึมไปทั่วห้อง

 

“เดี๋ยว! นายทำอะไรลงไป!?”

เอลฟิราน่าตะโกนสุดเสียงด้วยความตกใจ

แต่ทาเคชิกลับหันมายักไหล่หน้าตาเฉย

“ก็แค่เอามือแตะเฉย ๆ น่า~”

 

ครืดดดด... โครรรร...!!!เสียงประตูโบราณค่อย ๆ แยกออกจากกันอย่างช้า ๆฝุ่นผงที่สะสมมานับพันปีฟุ้งกระจายไปทั่วกลิ่นอายเย็นยะเยือกและบางสิ่งที่เก่าแก่กว่ากาลเวลา...พัดถาโถมออกมา ราวกับจะผลักพวกเขาทั้งหมดให้ล้มลง

เบื้องหลังประตู...

 

คือห้องโถงขนาดมหึมาผนังทำจากหินสีเงินขาวที่ส่องสะท้อนแสงระยิบระยับราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนทุกอย่างเงียบสงัด เยือกเย็นราวกับเวลาในห้องแห่งนี้ หยุดเดินมาเนิ่นนานแล้ว

และตรงกลางห้อง...บนบัลลังก์หินสูงตระหง่าน

 

มีอัศวินในชุดเกราะทองคำนั่งนิ่งอยู่ราวรูปสลักจากยุคโบราณ ดาบยาวปักลงพื้นเบื้องหน้า มือทั้งสองข้างกุมด้ามดาบแน่นอย่างมั่นคง

แสงจากเกราะทองสะท้อนทั่วห้อง เสริมให้ร่างของเขาดูทั้งสง่างาม... และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

เอลฟิราน่าเอ่ยเสียงเบาราวกับไม่อยากรบกวนบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์นี้

 

“เขา... ยังมีชีวิตอยู่”

 

แม้ว่าอัศวินจะไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียวแต่พลังเวทโบราณและแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวยังคงแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

ฮิโตริหันกลับไปมองเพื่อน ๆ ด้วยสัญชาตญาณ...แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจเขากระตุกวูบ

 

พรึ่บ...!เพื่อน ๆ ของเขาทุกคน—ไม่เว้นแม้แต่ทาเคชิ—ทรุดตัวลงราวกับสายลมพัด ร่างหมดสติในทันที

 

“ทำไมพวกนายถึงหมดสติ... แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ!”

ฮิโตริกัดฟันแน่น พลันหันกลับมาเตรียมรับมือ

วินาทีนั้นเอง...

เสียงโลหะกระทบพื้นเบา ๆ ดังขึ้น

 

กริ๊งงง...

ราวกับเสียงระฆังแห่งความตายที่ดังเตือน

อัศวินทองค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆใต้หมวกเกราะสีทองที่ปิดบังใบหน้า—

 

มีเพียงแสงตาสีฟ้าเย็นเยียบส่องประกายขึ้นมาอย่างช้า ๆ ดั่งดวงดาวในราตรีที่ไร้แสงจันทร์

 

“ผู้กล้าที่แบกรับคำทำนายแห่งยุค... จงพิสูจน์ตน”

 

น้ำเสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วห้องโถง ราวกับสั่นสะเทือนทุกเสาหินและอากาศที่ไหลเวียนอยู่

 

ตึงงง!!!

เสียงดาบกระทบพื้นหินแรงกระแทกมหาศาลปะทุออกมาพร้อมกับคลื่นเวทมนตร์ที่สาดซัดใส่ทุกคน

เอลฟิราน่ากระโดดหลบฉิว เธอร่ายเวทกั้นในอากาศสองชั้น ก่อนที่สายฟ้าจะฟาดเปรี้ยงลงมายังจุดที่เธอยืนอยู่เมื่อครู่

ขณะเดียวกัน ฮิโตริพุ่งตรงเข้าหาอัศวินอย่างรวดเร็วคลื่นพลังสีดำแดงแผ่ออกมาจากร่างเขาอย่างรุนแรงจนพื้นแตกระแหง

 

“เดี๋ยวฉันจัดการด้านหลังให้!”

ฮิโตริตะโกนก้อง ขณะที่กระโจนขึ้นสูงหวังจะฟาดดาบเวทใส่ด้านหลังอัศวินทองคำ

แต่ว่า—

ฟุบ!

เพียงแค่ขยับนิดเดียวอัศวินทองหมุนตัวกลับมาฟาดส้นเท้าเข้าใส่ฮิโตริกลางอากาศอย่างไร้ความลังเล

 

โครมมม!!!

ร่างของฮิโตริปลิวกระเด็นไปชนเสาหินข้างห้องอย่างรุนแรง เสียงหินแตกร้าวสะท้อนก้องเขาทรุดตัวลงกับพื้น กระอักเลือดสีสดออกมาเป็นหยด ๆ

 

“เร็วเกินไป... พลังมันหนักชะมัด...”

เขาครางเบา ๆ พลางพยายามยันตัวลุกขึ้น

เอลฟิราน่ากัดริมฝีปากแน่น มือสองข้างประสานกัน ร่ายเวทต่อเนื่องวงเวทหลายชั้นทับซ้อนปรากฏขึ้นกลางอากาศ พลังเวทอันมหาศาลแผ่ออกมาจนพื้นห้องสั่นสะเทือน

แต่ว่า—

แม้เธอจะทุ่มสุดตัว ร่ายเวทที่ล้วนแต่เป็นไม้ตาย.…

 

เวทกั้นเวลาเวทโซ่ตรวนเวททำลายผนึก

ทุกอย่าง... กลับไม่มีผลแม้แต่น้อย

อัศวินทองยังคงก้าวย่างเข้ามาทีละก้าวด้วยจังหวะเยือกเย็นการฟันดาบของเขาไร้ที่ติ ราวกับสายน้ำไหล... ราวกับสายลมกรรโชก...ทุกการโจมตีสมบูรณ์แบบจนไม่สามารถหาช่องว่างได้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

เอลฟิราน่าเบิกตากว้าง ความตกใจสะท้อนอยู่ในแววตา

 

“เวทกั้นเวลาก็... ไม่ได้ผล?”

 

เสียงกระซิบที่แทบไม่หลุดออกมาจากลำคอของเธอ—น้ำเสียงของคนที่เริ่มเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่นั้น...

ไม่ใช่แค่อัศวินธรรมดา...

 

แต่มันคือการทดสอบของยุคสมัยคือด่านประตูที่เหล่าผู้ถูกเลือกต้องก้าวข้ามให้ได้ไม่เช่นนั้น—พวกเขาจะไม่มีวันได้ก้าวต่อไป

และการต่อสู้ในเทวสถานนิรันดร์แห่งนี้...

 

เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

ไม่นานนัก...เสียงระเบิดเวทอันโหดร้ายดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานศึกแรงกระแทกมหาศาลซัดร่างของทั้งฮิโตริและเอลฟิราน่า กระเด็นออกไปคนละทิศละทางอย่างไร้ทางต้านพื้นดินแตกระแหงเป็นทางยาวตามรอยที่พวกเขากระเด็นไป

เลือดสีแดงสดไหลรินจากแขนและขาของทั้งคู่ เปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นด้วยรอยฟาดของเวทพลังสูง

 

เอลฟิราน่าทรุดลงบนเข่าข้างหนึ่ง คทาเวทในมือสั่นระริกริมฝีปากที่ซีดเซียวเผยอหอบหายใจหนัก ๆ พลังเวทในตัวเธอ...ลดลงจนแทบจะเหลือเพียงเศษเสี้ยวสุดท้ายดวงตาสีฟ้าสว่างคู่นั้นแม้จะโรยแรง ทว่ายังคงเปล่งประกายมุ่งมั่นอย่างน่าเวทนา

ในขณะเดียวกัน...

 

ฮิโตริ ซึ่งล้มลงท่ามกลางซากปรักหักพังของลานศึก ก็กัดฟันกรอด พยายามฝืนร่างกายที่สั่นระริกจนแทบยืนไม่อยู่เขาเอามือยันพื้น ยกตัวขึ้นช้า ๆ ราวกับแบกรับน้ำหนักของโลกทั้งใบเอาไว้

เสียงหอบหายใจแหบพร่าดังชัดในความเงียบระหว่างการสู้รบดวงตาสีแดงเพลิงที่เคยเจิดจ้า... บัดนี้ฉายแววเหนื่อยล้าเจือปนเจ็บปวด

ฮิโตริเหลือบมองไปทางเอลฟิราน่า ใจเจ็บแปลบเมื่อเห็นเธอในสภาพนั้นหญิงสาวผู้เคยสง่างามราวราชินีแห่งแสง... บัดนี้ต้องนั่งทรุดเปื้อนเลือดอยู่กลางสนามรบ

 

และที่เบื้องหน้า—

อัศวินทองคู่ต่อสู้ที่ไร้รอยขีดข่วนแม้เพียงนิด ยังคงยืนหยัดสง่าใต้แสงสีเทาที่โรยตัวลงมา ไม่มีแม้แต่เสียงหอบ ไม่มีแม้แต่คราบเลือดสักหยดเปื้อนเกราะสีทองอร่ามนั้น

ความแตกต่างของพลัง...ช่างไกลเกินเอื้อมเหลือเกิน...

 

“...เอล...ฟิราน่า”ฮิโตริเอ่ยเรียกชื่อเธอเสียงเบาน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายปนเป—ห่วงใย ปวดร้าว และยอมรับความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น

เอลฟิราน่าเงยหน้าขึ้นช้า ๆแม้ใบหน้าเธอจะเปื้อนเลือดและเหงื่อ แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงเปล่งแสงแห่งการต่อสู้อย่างดื้อรั้นเธอกัดฟันแน่น รวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ยกคทาเวทขึ้นเพื่อเตรียมสู้ต่อ

 

“รีบพาทุกคนออกไปจากที่นี่... เดี๋ยวเราจะถ่วงเวลาไว้ให้เอง—”

 

แต่ยังไม่ทันจบประโยค...

 

“ไม่...”

ฮิโตริยิ้มจาง ๆ ตอบกลับเสียงเบา พร้อมเสียงหัวเราะอ่อนแรงที่เหมือนจะเย้ยตัวเองด้วยซ้ำ

 

“เธอ... ไปก่อนเถอะ”

 

เอลฟิราน่าสะดุ้งเฮือกดวงตาสีฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรง

 

“ไม่ได้! ฉันจะให้นายสู้คนเดียวไม่ได้หรอก!”

เสียงเธอสั่นระริก ราวกับหัวใจใกล้แตกสลาย

ฮิโตริสบตาเธอช้า ๆ ยิ้มอ่อน ๆ ทั้งที่ริมฝีปากเปื้อนเลือด

 

“ก็จริง... แต่ว่า...”

 

เขากลืนน้ำลายเหนียวหนืดในลำคอ กัดฟันแน่นเลือดสีแดงสดไหลออกจากมุมปากอีกครั้งทว่ามือข้างหนึ่งกลับยกขึ้น วาดอักขระเวทกลางอากาศอย่างมั่นคง

เส้นแสงสีแดงสลับดำผุดขึ้นกลางอากาศ หมุนวนกันเป็นอักขระโบราณที่เปล่งประกายแผ่วเบาใต้เท้าของเอลฟิราน่าและเพื่อนร่วมศึกทุกคน วงเวทสีเดียวกันค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างนุ่มนวล

 

“เวทเคลื่อนย้าย”

 

เสียงฮิโตริแผ่วเบา แต่แน่วแน่ไม่มีสิ่งใดสั่นคลอนการตัดสินใจของเขาได้อีกต่อไป

 

“เวทเคลื่อนย้ายใช้ไม่ได้กับเจ้าของเวทนี้ จะสามารถส่งพวกนายทุกคนออกไปจากที่นี่ได้”

 

เอลฟิราน่าเบิกตากว้างทันที

 

“เดี๋ยว! หยุดนะฮิโตริ! อย่าทำแบบนี้—!”

เธอพยายามฝืนร่างกาย พุ่งเข้าหาเขา แต่ร่างกายที่อ่อนแรงไม่ยอมเชื่อฟังอีกต่อไป

ฮิโตริมองเธออย่างอ่อนโยนยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้าย ราวกับจะฝากทุกสิ่งไว้ในรอยยิ้มนั้น

 

“ไว้พบกันใหม่นะ เอลฟิราน่า ฉันหวังว่าเราจะได้พบเจอกันอีก...”

 

เสียงของเขาแผ่วเบาแต่มันกรีดแทงหัวใจทุกคนที่ได้ยินอย่างไม่อาจลืมเลือน

ก่อนที่แสงเวทจะสว่างวาบขึ้นในเสี้ยววินาทีสุดท้ายเขากล่าวคำหนึ่งอย่างหนักแน่น

 

“เพราะชั้นน่ะ... ชีวิตของพวกนายมีค่ามากกว่าถ้าเสียฉันไปคนเดียว”

 

ชวืบบบ!!!

แสงเวทเคลื่อนย้ายพวยพุ่งขึ้นแรงระเบิดเวทนุ่มนวลแต่ทรงพลังพาร่างของเอลฟิราน่าและทุกคนหายวับไปจากเทวสถานในทันที ราวกับพวกเขาไม่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน

เหลือเพียงฮิโตริยืนเดี่ยวเดียวดายกลางลานศึกท่ามกลางความเงียบอันแหลมคม

เบื้องหน้าของเขา—อัศวินทองคำเงื้อมมืออาบแสงสีเลือดเบื้องหลังของเขา—มีเพียงเงาของคำมั่นสัญญาที่ไม่อาจถอยหลังกลับได้อีก

และการต่อสู้เพื่อถ่วงเวลา...ได้เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ

 

ร่างของเธอปรากฏอีกครั้งท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ส่องลอดกิ่งไม้ลงมาเบื้องหน้าสายลมเบา ๆ พัดพาใบไม้ให้ร่วงโปรยปราย เสมือนโลกทั้งใบกำลังโศกเศร้าไปกับเธอ

เอลฟิราน่าล้มลงกับพื้น มือทั้งสองกำหมัดแน่นจนสั่นดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าง น้ำตาเอ่อคลอจนพร่าเลือนภาพตรงหน้า ก่อนจะหยาดไหลออกมาไม่หยุด

 

“เจ้าฮิโตริบ้า... ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย...”

 

เสียงเธอเบาและสั่นเครือ ราวกับแทบจะขาดใจตามไปด้วย

เธอทุบพื้นด้วยกำปั้นเล็ก ๆ เสียงดัง ปักๆ ความรู้สึกอัดแน่นแนบแน่นในอก จนแทบระเบิดออกมาเป็นเศษเสี้ยว

ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหวั่นไหว...

ทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้มาตลอดว่าเขาเป็นคนแบบนี้คนที่พร้อมจะพุ่งเข้าหาอันตรายแทนคนอื่นโดยไม่คิดถึงตัวเองแม้แต่น้อยคนที่พร้อมจะยิ้มกว้าง ๆ ทั้งที่ตัวเองกำลังเจ็บจนแทบยืนไม่ไหว...

 

แต่ทำไมกันล่ะ ทำไมครั้งนี้... มันถึงได้เจ็บปวดนัก

เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า ความสัมพันธ์ที่ผูกพันมาตลอดนั้น...

...มันเป็นเพียงแค่มิตรภาพธรรมดา?...เป็นเพียงความห่วงใยระหว่างเพื่อนร่วมทาง?

หรือบางที...

บางทีมันอาจเป็นบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น—บางสิ่งที่เธอไม่กล้าเอื้อนเอ่ยออกมาจนถึงวินาทีนี้

น้ำตาไหลเงียบ ๆ อย่างไม่มีวันหยุดใต้แสงแดดอ่อน... เธอดูเปราะบางกว่าที่เคยเป็นมาในชีวิต

 

ในขณะเดียวกัน ที่กลางเทวสถานอันเงียบสงัดและกว้างใหญ่

ฮิโตริยืนนิ่งเพียงลำพัง

แสงสีทองจากเพดานสูงส่องลงมาประกายท่ามกลางหมอกควันบาง ๆแต่อีกด้านหนึ่ง... แสงสีดำสนิทจากพลังที่หลับใหลในตัวเขากำลังแผ่กระจายออกมาอย่างช้า ๆ อาบคลุมทั่วร่าง

เส้นผมของเขาปลิวสะบัดด้วยแรงลมเบา ๆดวงตาสีแดงเรืองแสงจ้องมองไปข้างหน้า

 

ตรงนั้น... คือ อัศวินทองคำศัตรูที่ไร้ซึ่งเมตตา ศัตรูที่ไม่มีช่องว่างให้แม้แต่จะหายใจผิดจังหวะเดียว

เสียงหัวเราะกวน ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากฮิโตริ แม้ว่าร่างกายเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผลแม้ว่าเลือดจะไหลชโลมตามแขนขา แม้ว่าเขาแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว...

แต่เขาก็ยังยิ้มอยู่เสมอ

 

“เอาล่ะ... เข้ามาได้เลย อัศวินทองคำ ชั้นจะปราบเเกเองไม่ว่ายังไงก็ตาม”

 

คำประกาศที่เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีคำพูดที่ไม่แม้แต่จะหวาดกลัวต่อโชคชะตา

แต่ทว่า...

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น—

มันเลวร้ายยิ่งกว่าฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดเสียอีก

ทันทีที่ฮิโตริก้าวเท้าออกไปข้างหน้า

 

ฉัวะ!!!

เสียงโลหะปักเนื้อดังขึ้นอย่างสยดสยอง

ดาบของอัศวินทองคำ เสียบทะลุเข้าที่ลำคอของเขาอย่างแม่นยำและเย็นชา

เลือดสีแดงเข้มพุ่งกระเซ็นออกมาเป็นสายร่างของฮิโตริกระตุกเฮือกด้วยแรงกระแทก ก่อนที่เขาจะทรุดลงคุกเข่าท่ามกลางสระเลือดของตัวเอง

โลกทั้งใบหมุนคว้าง

 

เสียงรอบข้างเริ่มเลือนหาย

ฮิโตริหลับตาลงอย่างเชื่องช้า

เสียงในใจเขาดังก้องเบา ๆ เหมือนเสียงกระซิบจากความมืดมิด

 

'นี่เรากำลังจะตายแล้วสินะ...'

 

'ชั้นขอโทษนะ เอลฟิราน่า... ที่ชั้นกลับไปหาไม่ได้...'

 

'ขอโทษนะทุกคน... ชั้นขอโทษที่ทิ้งพวกนายเอาไว้...'

 

'ขอโทษนะ...'

 

โลกทั้งใบค่อย ๆ ดับวูบลงอย่างนุ่มนวล

เขาสูญเสียความรู้สึกไปโดยไม่ทันได้เอ่ยคำลา...

 

...แต่แล้ว

เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง

สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขา กลับไม่ใช่แสงสีขาวของยมโลกไม่ใช่แม้แต่ความมืดแห่งความตาย

แต่เป็น—

 

ห้องหนึ่ง

ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราโอ่อ่า เพดานสูงประดับโคมไฟระย้า ผ้าม่านสีทองปลิวไหวอย่างแผ่วเบา

เตียงนุ่มสบายรองรับร่างกายของเขาอย่างอ่อนโยน ราวกับโอบกอดด้วยมือของเทพเจ้า

 

'...มันคือความฝันหรอ นี่เรายังไม่ตายงั้นหรอ...'

 

'แล้วนี่...ที่ไหนกันแน่... ห้องรักษาตัวของตาแก่ที่นั้นรึเปล่า?'

 

เขายังไม่ได้คำตอบ

ก่อนที่—

ฟู่ว...

เส้นผมสีส้มเข้มๆ ตกลงมาบดบังสายตาของเขาเล็กน้อยทำให้เขาต้องชะงักตัวในทันที

สายตาคมกริบของฮิโตริมองตามไปยังต้นเสียงที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงประตู

 

เขาเดินไปช้า ๆ ด้วยความลังเล ก่อนที่ประตูจะเปิดออกอย่างรวดเร็ว

เบื้องหน้าของเขา—

สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสะอาดสะอ้านยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงหน้า ใบหน้าซีดขาวตกตะลึงราวกับเห็นผี

 

“ท่านลูฟิน่า!!!”

 

เธอตะโกนสุดเสียง ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งจากไปแทบจะในทันที

เสียงร้องของสาวใช้ก้องสะท้อนไปทั่วโถงทางเดิน

 

“ท่านลูฟิน่าฟื้นแล้วค่ะ!!!”

 

ฮิโตริยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

 

'ลูฟิน่า...?'

 

'ลูฟิน่ามันเป็นใคร... แล้วทำไมถึงเรียกชั้นแบบนั้น...'

 

'ที่นี่มัน... ที่ไหนกันแน่...'

 

คำถามนับพันถาโถมเข้ามาในใจและที่สำคัญที่สุด—

—ตัวตนของเขา... ยังเป็นฮิโตริอยู่จริง ๆ หรือไม่?

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!