เเก้ไขจากตอนที่3มังกรถูกปรับลงให้อยู่เพียงเเค่ระดับA++
เสียงลมหายใจของมังกรกึกก้องดั่งฟ้าคำราม พายุพัดกระหน่ำไปทั่วถ้ำ มวลอากาศร้อนลวกใบหน้าจนแสบผิว เศษหินและฝุ่นทรายลอยละลิ่วปะทะใบหน้า ฮิโตริยืนหลบหลังเอลฟิราน่าด้วยร่างกายแข็งทื่อ กลืนน้ำลายเหนียวข้นอย่างยากเย็น ดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
'จบแล้วแน่ ๆ...'
เขาคิดในใจ มองพลังทำลายล้างเบื้องหน้าราวกับกำลังมองยมทูตมาเยือน
แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น—แสงสีเงินเจิดจ้า ก็ระเบิดออกจากร่างเอลฟิราน่า วงเวทขนาดมหึมาเบ่งบานกลางอากาศ ลวดลายสลักซับซ้อนราวกับเขาวงกตแห่งพระเจ้า หมุนวนรอบตัวเธอด้วยแรงเวทมหาศาล
ตูมมมม!!
ลมหายใจของมังกรพุ่งซัดกระแทกเข้าวงเวทอย่างบ้าคลั่ง พื้นถ้ำสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินจะถล่ม แต่คลื่นพลังนั่น... กลับถูกปัดทิ้งเหมือนฝุ่นผงกระแทกกำแพงศักดิ์สิทธิ์
ฮิโตริที่เหลือบมองจากข้างหลัง อ้าปากค้าง ใบหน้าขาวซีดเหมือนเลือดไหลหนีจากร่าง
“อะ...อะไรวะเนี่ย... นี่มันคน หรือกำแพงเหล็กกันแน่วะ...”
เสียงพึมพำหลุดออกมาอย่างเผลอตัว มือที่กำหินไว้แน่นจนข้อขาวซีด
เอลฟิราน่าเหลือบตามองเขานิดหนึ่ง ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อยอย่างขบขัน ก่อนหันกลับไปประจันหน้ากับสัตว์ร้ายเบื้องหน้า ดวงตาสีฟ้าเรืองแสงดุจอัญมณีสะท้อนสายฟ้า
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ~”
น้ำเสียงเธอนุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่งอย่างประหลาด
แล้วเธอก็เอ่ยอย่างเรียบง่าย ทว่ากระแทกหัวใจฮิโตริราวกับสายฟ้าฟาด
“ฉันน่ะนะ... ไม่ได้เป็นแค่จอมเวทกิ๊กก๊อกหรอกนะ”
เอลฟิราน่าเหยียดแขนออก วงเวทขนาดยักษ์ผุดขึ้นใต้ฝ่าเท้า แรงกดดันมหาศาลแผ่ออกมาจนพื้นแตกร้าว อากาศโดยรอบบิดเบี้ยวเหมือนกำลังถูกบีบอัด
“ฉันคือ ท่านมหาจอมเวทย์เอลฟิราน่า...!”
เสียงของเธอกึกก้องสะท้อนก้องไปทั่วถ้ำ มังกรเดราอุสที่กำลังคำรามคำรนถึงกับชะงัก ร่างใหญ่ยักษ์ของมันกระตุกเบา ๆ ดวงตาแดงฉานเบิกกว้างขึ้นเพียงเสี้ยววินาที
ฮิโตริมองเธออย่างทึ่งสุดขีด หัวใจเต้นระรัวจนเหมือนจะระเบิด
ในใจของเขามีแต่คำเดียวที่ดังลั่น...
“แม่งเอ๊ย... โคตรเท่เลยว่ะ...”
ฮิโตริที่ยืนอยู่ข้างหลังยังอึ้งไม่หาย ราวกับสมองไม่อาจประมวลผลสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ลมหายใจของมังกรที่เคยสามารถทำลายภูเขาได้ทั้งลูก กลับถูกหญิงสาวตรงหน้าใช้เพียงเวทป้องกันง่าย ๆ หยุดเอาไว้ได้อย่างสบาย ๆ — มันเหนือความคาดหมายเกินไป ราวกับกำลังมองปาฏิหาริยจุติต่อหน้า
เอลฟิราน่ากระชับคทาแน่น ร่างเล็กที่เหมือนจะปลิวไปกับแรงลมเมื่อครู่ บัดนี้กลับมั่นคงแข็งแกร่งดั่งขุนเขา ดวงตาเปล่งแสงสีฟ้าเรืองรอง ราวกับสะท้อนแสงดวงดาวในรัตติกาล
“ต่อไป… ตาฉันบ้างล่ะ”
เสียงของเธอแฝงไปด้วยอำนาจที่แม้แต่มังกรยังต้องสะดุ้ง
“เวทควบคุมมิติ – สายโซ่ผูกพันแห่งอาร์เคน!”
ถ้อยคำร่ายเวทดังขึ้นพร้อมกับพลังที่ไหลทะลักออกจากตัวเธอพื้นดินรอบตัวมังกรเดราอุสแตกกระจาย เสียงหินยุบตัวกึกก้อง สายโซ่เวทมนตร์สีม่วงน้ำเงินนับไม่ถ้วน พุ่งพรวดขึ้นมาจากความว่างเปล่า ราวกับสัตว์ร้ายที่แฝงตัวอยู่ใต้ดินมาเนิ่นนาน
โซ่เหล่านั้นรัดร่างของเดราอุสอย่างไม่ปรานี รัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ แม้มันจะดิ้นพล่าน บิดร่าง หวังฉีกโซ่เหล่านั้นออกด้วยพละกำลังมหาศาล แต่เปล่าเลย—ยิ่งดิ้น สายโซ่ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเหมือนกับกำลังดูดกลืนพลังเวทของมันไปทีละน้อย
พลังเวทในร่างมังกรเริ่มปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่งเสียงคำรามของมันเปลี่ยนจากเกรี้ยวกราดเป็นโหยหวน ขยับไม่ได้ บินหนีไม่ได้ แม้แต่จะต้านทานก็เริ่มจะไร้ความหมาย
เอลฟิราน่าไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าเธอเหยียดมือออกไปด้านหน้า ประกายเวทสีเงินระเบิดออกจากร่าง คล้ายกับพลุไฟที่สว่างวาบกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนพื้นดินแทบสั่นสะเทือนเพราะแรงกดดันที่แผ่ออกมา
“เวทเจาะทะลวงระดับสูง – อาร์คเลเซอร์เบลด!”
วงเวทสามชั้นซ้อนกันเป็นเกลียวปรากฏกลางอากาศ ราวกับดวงตาแห่งพระเจ้าที่จ้องลงมายังโลกมนุษย์จากกลางฝ่ามือของเธอ ลำแสงคมกริบราวดาบแห่งสวรรค์พุ่งออกมา กรีดอากาศด้วยเสียงหวีดหวิวรุนแรง
เอลฟิราน่ากระแทกมือไปข้างหน้าเต็มแรง
ฟ้าวววววววววว!!!
ดาบแสงนั้นพุ่งฉับไวด้วยความเร็วที่ตามองแทบไม่ทัน ฟาดเข้าใส่หัวไหล่มังกรเดราอุสอย่างแม่นยำราวกับตั้งใจมานับพันครั้ง
เปรี้ยงงงงง!!!
เสียงแผลฉกรรจ์ที่ผ่าเป็นแนวทแยงดังสะท้านถ้ำเลือดสีทองของมังกรพุ่งกระจายออกเป็นประกายระยิบระยับกลางอากาศ ราวกับหยดน้ำตาแห่งพระอาทิตย์ที่ร่วงหล่น
ร่างยักษ์ของเดราอุสทรุดฮวบลงกับพื้น หินแตกกระจายจากแรงตกกระแทก มันคำรามกึกก้องด้วยความเจ็บปวด ดวงตาสีแดงฉานเริ่มพร่ามัวลงทีละนิด
เอลฟิราน่ายืนหอบหายใจเบา ๆ ไหล่สั่นนิดหน่อย แต่ดวงตาไม่แสดงความอ่อนแอแม้แต่นิดเธอมองมังกรที่นอนจมพื้นตรงหน้า ก่อนหลุบตามองมันอย่างเย็นชา ประหนึ่งว่า...มังกรระดับ A++ ก็เป็นเพียงแค่ศัตรูตัวหนึ่งในชีวิตที่ต้องก้าวข้ามไปเท่านั้น
“เจ้าจะยอมสยบ หรือให้ฉันต้องตัดหัวอีกข้าง?”
เสียงของเธอสงบนิ่ง เรียบเฉย แต่กลับกดดันมากเสียจนฮิโตริที่ยืนห่างออกมายังรู้สึกขนลุกซู่
เดราอุสคำรามแผ่วเบา แล้วในที่สุด—ร่างกายอันมหึมาของมันก็เริ่มสลายตัวเป็นหมอกเวทบาง ๆ ลอยกระจายหายไปในอากาศ ทิ้งไว้เพียงเศษเกล็ดสีทองระยิบระยับ และคริสตัลเวทขนาดใหญ่ที่ลอยนิ่งกลางอากาศ
บรรยากาศเงียบงันลงอย่างน่าอัศจรรย์
ฮิโตริที่แอบหลบอยู่ด้านหลัง ถลาร่างออกมาอย่างช้า ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง อ้าปากพะงาบ ๆ อย่างหาคำพูดไม่เจอ มือกุมหัวเหมือนคนเพิ่งรอดตายมาแบบไม่รู้ตัว
“โอ้ว... ฉันไม่รู้เลยว่าเธอเป็นมหาจอมเวทย์... หรือเทพธิดากันแน่…”
เขาพูดเสียงเบาหวิว แต่ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความจริงใจ
เอลฟิราน่าหันมามองเขาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์เล็ก ๆ มุมปากโค้งขึ้นนิด ๆ อย่างมีเสน่ห์
“ก็แค่คนธรรมดา... ที่เก่งกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย”
น้ำเสียงเธอทั้งถ่อมตัวและยั่วเย้าในเวลาเดียวกัน
“นิดหน่อยเรอะ!?!!?”
หลังจากมังกรเดราอุสถูกสยบสายลมในป่าก็เริ่มสงบลง กลิ่นไอของเวทมนตร์ที่ปกคลุมถ้ำอย่างหนาหนักเมื่อครู่ ค่อย ๆ จางหายไปตามกระแสลม เหลือไว้เพียงเสียงหายใจของทั้งสองคนที่ยังถี่และหนักจากการต่อสู้สุดขั้ว
ฮิโตริเดินเข้าไปใกล้เอลฟิราน่า ที่ยังคงยืนอยู่กลางวงเวทซึ่งส่องแสงจาง ๆ อย่างสง่างาม และเกินเอื้อมภาพของเธอที่ยืนอยู่ท่ามกลางเศษคริสตัลเวทสะท้อนกับแสงจาง ๆ นั้น ดูเหมือนเทพธิดาในตำนานที่เพิ่งปราบปีศาจร้ายลงได้
เขาหยุดยืนตรงหน้าเธอ แล้วยื่นกระบอกเวทที่บรรจุน้ำสะอาดส่งให้โดยไม่พูดอะไร
เอลฟิราน่ารับมันไป ดื่มช้า ๆ ก่อนจะหันมามองเขาสายตานิ่งสงบ ไม่มีร่องรอยแห่งความเย่อหยิ่ง หากแต่ซ่อนความอบอุ่นที่ทำให้หัวใจของฮิโตริเต้นผิดจังหวะ
“...แล้วแบบนี้ ยังจะยืนข้างหลังฉันอีกไหม?”
น้ำเสียงของเธอไม่ได้ดุ ไม่ได้บังคับ แต่กลับทรงพลังยิ่งกว่าคำสั่งใด ๆมันเป็นคำถามที่เสียดแทงถึงใจเขาโดยตรง
ฮิโตริมองเธอเงียบ ๆ ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างที่สำคัญที่สุดในชีวิต...
เสียงเวทมนตร์ยังคงกระหึ่มทั่วอากาศ
เศษซากของอสูรเงามืดที่เพิ่งถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ด้วยไฟเวทสีทองแดงของเอลฟิราน่า ยังคงลอยละล่องอยู่กลางหมอกเวทที่อ่อนแสงลงฮิโตริยืนหอบหายใจข้างเธอ ใบหน้าเปื้อนเหงื่อและรอยยิ้มอ่อนล้า แต่แววตายังทอแสงแห่งความตื่นเต้นไม่เสื่อมคลาย
ดูเหมือนว่าทั้งสองจะได้ช่วงพักหายใจสั้น ๆ ในที่สุด—แต่แล้ว...
“กรรร์ร…”
เสียงคำรามต่ำ ๆ ดังขึ้นจากเบื้องหลัง ราวกับเสียงปีศาจที่ตื่นขึ้นจากห้วงนรกแรงสั่นสะเทือนกระเพื่อมผ่านพื้นดินไปยังปลายเท้าของพวกเขา รุนแรงพอจะทำให้ก้อนหินเล็ก ๆ กระเด็นกระดอน
ทั้งสองหันขวับกลับไปทันที
และสิ่งที่พวกเขาเห็น... ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น
มังกรเดราอุส—ที่ทั้งคู่คิดว่าถูกสังหารไปแล้ว—บัดนี้ร่างของมันฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง!
ทว่า…มันไม่ใช่เดราอุสตัวเดิมอีกต่อไป
เกล็ดสีทองที่เคยเปล่งประกายงดงาม บัดนี้กลายเป็นสีม่วงเข้มราวกับเปื้อนคำสาป ดวงตาที่เคยฉายแสงแห่งพลังอันบริสุทธิ์ กลับเรืองโรจน์เป็นแสงสีแดงเข้มดุจเปลวไฟนรก
ทุกลมหายใจของมันก่อให้เกิดไอพิษสีดำลอยกระจายออกมาจากปากเพียงแค่สัมผัส... พืชพรรณแถวนั้นก็เหี่ยวเฉาตายทันที
“ลมหายใจมังกรมรณะ... เฟสที่สองงั้นเหรอ!?”
เอลฟิราน่ากัดฟันแน่น ดวงตาของเธอสั่นไหวชั่ววูบด้วยความตกใจ
เธอยกคทาขึ้นหมายจะร่ายเวทสกัดมันทันที แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป—เร็วจนแม้แต่มหาจอมเวทย์อย่างเธอก็ตามไม่ทัน
มังกรเดราอุสพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วที่ผิดธรรมชาติเพียงเสี้ยววินาที มันตวัดกรงเล็บขนาดมหึมาฟาดใส่ร่างเอลฟิราน่า!
ตูม!!!
เสียงกระแทกดังกึกก้อง ราวกับอุกกาบาตถล่มร่างบางของเธอลอยละลิ่วกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเต็มแรงจนหักโค่นลงมาทั้งต้น เสียงไม้แหลกสะท้อนก้องไปทั่วหุบเขา
เอลฟิราน่าร่วงลงกระแทกพื้นในสภาพเปื้อนเลือด—รอยเลือดสีแดงไหลซึมออกจากมุมปากเล็กน้อย สีหน้าซีดเผือดแต่ดวงตายังทอแสงแห่งการต่อสู้ไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย
“เอลฟิราน่า!!!”
ฮิโตริตะโกนเสียงหลง รีบวิ่งพรวดเข้าไปประคองร่างเธอขึ้นมาอย่างไม่ลังเล
แขนของเธอสั่นระริกริมฝีปากขยับเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปนเสียใจ
“ข-ขอโทษ... ฉันประมาทเกินไป... ดันมั่นใจเกินเหตุ...”
คำพูดนั้นไม่ได้ออกจากปากของจอมเวทย์ผู้ไร้เทียมทานอีกต่อไป หากแต่เป็นเสียงของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง ที่เผลอละเลยความระวังเพราะความมั่นใจเกินควร
ฮิโตริกัดฟันแน่น หัวใจพลุ่งพล่านด้วยความโกรธและเสียใจในคราวเดียวกัน
เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน หันไปเผชิญหน้ากับมังกรเดราอุสที่ยังคงส่งเสียงคำรามก้องกังวาน กรงเล็บเปื้อนเลือดยกขึ้นเตรียมจะโจมตีซ้ำ
แม้เขาจะรู้ดีว่าตนเองอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน...แม้จะรู้ดีว่าความแตกต่างระหว่างพลังทั้งสองนั้นห่างไกลกันราวฟ้ากับเหว...
แต่เขาจะไม่หนีอีกต่อไป
เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอยืนเดียวดายอีกแล้ว
“งั้นคราวนี้... ฉันจะเป็นคนยืนข้างหน้าเธอเอง”
น้ำเสียงของฮิโตริหนักแน่นกว่าครั้งไหน ๆดวงตาของเขาฉายแววแน่วแน่ ดุจเปลวไฟที่แม้จะเล็ก แต่ไม่มีวันดับลงง่ายๆ
“อัศวินสาป... คาร์เดน... ช่วยยืมมือหน่อยนะ”
ทันใดนั้น—
สายลมรอบตัวฮิโตริพัดกระจายด้วยแรงมหาศาล คลื่นพลังสีดำแดงเริ่มก่อตัวรอบร่างของเขาพื้นดินแตกระแหงเล็ก ๆ ใต้ฝ่าเท้า ราวกับไม่อาจรองรับพลังที่กำลังตื่นขึ้นได้อีกต่อไป
เส้นสายเวทสีดำแดงวาบไล่ไปตามแขนและขาของเขา
.
รัศมีพลังที่หลับใหลนานนับปีบัดนี้ได้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
ฮิโตริยกดาบเวทขึ้นมา ท่ามกลางแสงเวทที่หมุนวนคล้ายพายุดำสายตาเขามองมังกรเดราอุสอย่างไม่หวั่นเกรงแม้แต่นิดเดียว
และการต่อสู้ครั้งใหม่...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments