อสูรเงากิงรัน

ตัดฉากมาที่ลานฝึกกลางป่า – แสงแดดช่วงบ่ายลอดผ่านเรือนยอดไม้ แสงสลัวพาดผ่านใบไม้ราวกับม่านเงาธรรมชาติ รอบลานเต็มไปด้วยนักเวทและนักรบฝึกหัดนับสิบคนที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ พื้นหญ้าถูกเหยียบย่ำจนเป็นทางแข็งจากการฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อลัน หัวหน้ากิลด์ผู้มากประสบการณ์ ยืนกอดอกอยู่หน้ากลุ่มด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาคมกริบกวาดมองทุกคนอย่างรอบคอบเสียงของเขาหนักแน่น ดังชัดเหนือเสียงจ้อกแจ้กของพวกนักฝึก

 

“เอาล่ะ! เป้าหมายของวันนี้คือ อสูรเงากิงรัน ขนาดกลาง ระดับ B+ ที่อยู่ในเขตภูเขาใกล้รอยแยกเวท”

 

ทันใดนั้น เสียงบ่นจากกลุ่มผู้กล้าก็ดังขึ้นทันที เป็นเสียงเซ็ง ๆ ที่อดไม่ได้

 

“เฮ้อ... ระดับ B+ อีกแล้วเหรอ...”

“คราวก่อนก็กระอักเลือดไปสามวันนะ...”

“แต่นี่เป็นการทดสอบพัฒนาขั้นพิเศษนี่นา~”

 

อลันไม่สนเสียงบ่น เขาเดินวนไปหน้ากลุ่ม แล้วพูดเสียงเรียบแต่เด็ดขาด

 

“ทีมหลักจะเป็นกลุ่มปิดล้อม รับหน้าที่จัดการโดยตรง ส่วนทีมรองจะเป็น ตัวล่อ ทำให้มันเผยจุดอ่อน”

 

กลุ่มคนเริ่มเงียบลง สีหน้าเคร่งเครียดปะปนกับความวิตกท่ามกลางนั้น ฮิโตริ ยืนพิงต้นไม้หาวหวอด ๆ ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย

 

“ใครโชคร้ายโดนจับไปล่ออสูรเนี่ย... ขอแสดงความเสียใจด้วยล่วงหน้า”

 

ทันใดนั้น อลันหันขวับมาทางเขา นิ้วเรียวยกชี้อย่างแม่นยำ

 

“ฮิโตริ กับ เอลฟิราน่า!”

 

ฮิโตริสะดุ้งสุดตัว สีหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกแทบทันที

 

“ห๊าาา!? เดี๋ยว!? ผมเนี่ยนะ!?”

 

ทางด้าน เอลฟิราน่า ที่ยืนพิงต้นไม้อีกฝั่ง หันหน้าหนีทันทีด้วยความไม่พอใจแบบชัดเจน

 

“ทำไมฉันต้องมาจับคู่กับนายด้วย ไม่ยุติธรรมเลย...”

 

อลันยิ้มเหี้ยม ๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนเจอเหยื่อสนุก ๆ

 

“เพราะเห็นว่าพวกเธอประสานงานกันได้ดีมาก... โดยเฉพาะตอนทะเลาะ”

 

เสียงกระซิบดังแว่วจากกลุ่มข้างหลัง

 

“เฮ้ๆ ชั้นไม่รู้มาก่อนเลยว่าฮิโตริมันไปสนิทกับท่านจอมเวทนั้นตอนไหน”

“แต่ชั้นก็ว่าเคมีของสองคนนี่มันเข้ากันมากยังไงก็ไม่รู้ว่ะ”

 

ทาเคชิ ที่ยืนกอดอกข้างหลังยกนิ้วโป้งให้แบบสะใจสุด ๆ เขายิ้มแสบ ๆ

 

“ทำได้ดีมากเพื่อน คนอย่างเอ็งเนี้ยแหละ เหมาะสมกับการเป็นตัวล่อ”

 

ฮิโตริถอนหายใจเฮือกใหญ่ แสดงสีหน้าราวกับหมดแรงจะด่า

 

“ชิ... ก็ได้ ๆ ฉันจะเป็นตัวล่อให้”

 

ตัดฉากสู่ป่าเงามืดหมอกจาง ๆ ปกคลุมแนวต้นไม้สูง บรรยากาศเงียบจนได้ยินเสียงแมลงกลางคืน เสียงคำรามลึก ๆ ของบางสิ่งจากในรอยแยกเวทเริ่มดังขึ้นทีละนิด ราวกับเตือนว่าความตายกำลังเคลื่อนตัวออกมา

ฮิโตริ วิ่งกระโดดจากกิ่งไม้หนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว เงาไม้พาดผ่านตัวเขาไปเรื่อย ๆ แสงจันทร์ข้างแรมทอดเงาจางเหนือศีรษะ

 

“เอาล่ะ จะวางแผนล่ออสูรให้มันอ่อนแรงยังไงละเนี่ย... ฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับโลกนี้เลยนะเฟ้ย”

น้ำเสียงเขาดูขำขัน แต่สายตากลับมองไปรอบ ๆ อย่างจริงจัง

เอลฟิราน่า ที่วิ่งตามหลังมา หยุดยืนบนกิ่งไม้ข้างกัน ผมที่มัดหางม้าสะบัดเบา ๆ กับสายลม เธอพูดเสียงเรียบแต่แฝงความหงุดหงิด

 

“หึ ครั้งนี้ฉันจะยอมเป็นคนวางแผนให้... น่าหงุดหงิดจริง ๆ”

 

ฮิโตริมองเธอพร้อมยิ้มบาง

 

“โอ้... โหมดจริงจังแล้วเหรอ~ เท่จังเลย~”

 

เอลฟิราน่าหรี่ตามองเขานิด ๆ

 

“...ปากดีแบบนี้ ระวังโดนตบกลางอากาศนะ”

 

ทั้งสองยืนเคียงกันใต้เงาจันทร์...หนึ่งคนขี้เล่น อีกคนจริงจังแต่คืนนี้ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันเผชิญหน้ากับอสูรร้าย—แม้จะยังทะเลาะกันทุกครั้งที่สบตาก็ตาม.

 

ตัดฉากมาที่ชายขอบป่าลึก — ลมเย็นพัดผ่านแนวไม้สูง เงาไม้พลิ้วไหวราวกับลมหายใจของบางสิ่งกำลังตื่นขึ้น เสียงฝีเท้าของกลุ่มผู้กล้าดังก้องเหนือผืนดินที่เปียกชื้น ทุกคนยืนอยู่หน้าพื้นที่ต้องห้าม…เขตของ อสูรเงากิงรัน

ทาเคชิ ยืนอยู่หน้าสุด พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังดังก้องเหนือความเงียบสงัด

 

“เอาล่ะพวก เรามาถึงเขตของอสูรเงากิงรันแล้ว ครั้งนี้เราจะไม่พลาดเหมือนคราวก่อน ทุกคนต้องทำตามแผนให้เป๊ะ จำไว้ให้ขึ้นใจ—การทำงานเป็นทีม สำคัญที่สุด”

 

แต่ในขณะที่คำพูดปลุกใจยังคงดำเนินอยู่ เสียงหาวเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลังฮิโตริ เริ่มเดินออกมาช้า ๆ อย่างไม่แคร์ แววตาเบื่อหน่ายชัดเจน

 

“เอ้อออ พูดเรื่องเดิมอีกละ เหนื่อยจะฟังแล้วเนี่ย”

 

ทันใดนั้น เอลฟิราน่า ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คว้าคอเสื้อเขากลับมาอย่างแรง

 

“คิดจะไปไหนหะ”

 

จังหวะเดียวกัน เรียว นักรบอีกคนที่ยืนใกล้ ๆ เหลือบตามาเห็นฮิโตริเขาก็ไม่รอช้า พูดออกมาเสียงดังแบบไม่มีเยื่อใย

 

“ไหน ๆ เอ็งก็ไม่อยากฟังแผนแล้ว งั้นเอ็งก็ไปล่อมันมาเลยละกัน... เดี๋ยวนี้ ไป๊!”

 

ฮิโตริ เบิกตากว้าง สีหน้าตกใจแทบสุดขีด

 

“หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!?”

 

ตัดฉากมาที่ — รังของอสูรเงาในม่านหมอกต้นไม้สูงเสียดฟ้ารอบตัวถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ กลิ่นอับชื้นของความตายลอยอบอวล บรรยากาศเงียบจนน่าขนลุก

ฮิโตริ ยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมแผดเสียงลั่น

 

“ยะฮู้ววววว~ ดูนี่ ๆ! เห็นไหม? เห็นไหม๊~ อสูรงับ ๆ มาหาหน่อยเร็ววว~”

 

ด้านข้าง เอลฟิราน่า ยืนกอดอก มองเขาด้วยสีหน้าทนไม่ไหว

 

“ฉันไม่อยากจะจับคู่กับนายจริง ๆ ... หน้านายก็ไม่น่าคบอยู่แล้วด้วยซ้ำ”

 

ฮิโตริหันมายักคิ้วขำ ๆ

“แหม~ ถ้าพูดจากใจจริงก็รับนี่ไปหน่อยสิ”

ว่าแล้วเขาก็โยน ไส้เดือนดินตัวโต ใส่มือเธอทันที

เอลฟิราน่า หน้าเปลี่ยนจากขาวเป็นซีด ทันทีที่สัมผัสสิ่งนั้น

 

“กรี๊ดดดดดด!!! เอาออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ขยะแขยงงงงง!!”

 

ฮิโตริหัวเราะแทบทรุดกับพื้น

 

“ฮ่าๆๆๆๆ นี่แหละผลตอบแทนของการกัดฉันเมื่อกี้~”

 

แต่ในจังหวะนั้นเอง —เสียงคำรามต่ำลึกสะเทือนป่า ตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนเบา ๆเงาดำขนาดมหึมาโผล่ขึ้นจากหมอก เสียงหายใจหนัก ๆ ดังก้องรอบตัว

 

“อสูรกิงรัน...”

มันใหญ่กว่าที่ใครคาดไว้ — หนังมันสีดำเหมือนยางมันวาว ตาแดงเรืองแสงราวกับเปลวไฟในเงามืด

ฮิโตริ เบิกตากว้างสุดชีวิต

 

“ชิบ—ชิบหายแล้ว! หนีกันเถอะ!!”

 

อสูรพุ่งเข้าใส่ทั้งคู่ด้วยความเร็วแบบสัตว์นักล่า

ทันใดนั้น เอลฟิราน่า ก้าวเข้าขวางไว้ ดวงตาเปล่งแสงเวท

 

“ฉันจะลงมือจัดการเจ้านี่เอง!”

 

แต่ก่อนที่เธอจะเรียกเวทได้เต็มที่ ฮิโตริคว้ามือเธอแน่นแล้วตะโกน

 

“ไม่ไหวหรอก! วิ่งไปล่อมันให้ถึงกลุ่มหลักก่อนเถอะ!”

 

เขาพาวิ่งออกจากรังทันทีโดยไม่รอคำตอบเอลฟิราน่า เบิกตากว้าง ใบหน้าแดงด้วยความตกใจและหงุดหงิด

 

“อย่ามาจับมือฉันตามใจชอบนะ! ตาบ้า!!”

 

ทั้งคู่วิ่งลัดเลาะผ่านพุ่มไม้และหุบเขา ก่อนจะพุ่งไปทางที่กลุ่มของ ทาเคชิ รออยู่

ทาเคชิ เหลือบมาเห็นอสูรไล่หลังมา

 

“ทุกคน ฮิโตริล่อมันมาทางนี้แล้ว!! เตรียมพร้อมเข้าสู้ได้เลย!! ครั้งนี้เราต้องไม่พลาด!”

 

กลุ่มผู้กล้าเรียกอาวุธออกมาในทันที เสียงเวทมนตร์เริ่มร่ายวน สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยสมาธิแผนการต่อสู้อันซับซ้อนเริ่มต้นขึ้นทีละขั้น

แต่อยู่ดี ๆ — ฮิโตริไม่หยุด เขายังวิ่งต่อไป ลึกเข้าไปในเขตอันตรายทาเคชิ ชะงัก

 

“เดี๋ยว! ฮิโตริ นายจะไปทางไหนวะเนี่ย!?”

 

เอลฟิราน่า หันไปมองทาเคชิ ดวงตาเต็มไปด้วยความต้องการความช่วยเหลือ

 

“ช่วยฉันด้วยยยย ท่านผู้กล้า!!!”

 

ฮิโตริ พาเธอพุ่งเข้าไปในถ้ำลึกที่อยู่ใกล้กับเขตภูเขา

 

“เรารอดมาแล้วนะ... เฮ้อ...”

เขาทิ้งตัวหอบเหนื่อยลงกับพื้น

เอลฟิราน่า ยืนหอบไม่ต่างกัน ก่อนจะหันมามองฮิโตริด้วยแววตาดุดันเธอคว้าหน้าเขาด้วยสองมือ — แล้วดึงแก้มทั้งสองข้างเต็มแรง

 

“จะบ้าเหรอ ใครให้ลากมาหนีแบบนี้กัน หาาาาาา!?”

 

ฮิโตริ หน้าเบี้ยว พูดเสียงยานคาง

 

“ก็ถูกแล้วไง~ ถ้าอยู่ต่อพวกเราก็โดนมันเขมือบแล้วนะ~”

 

เสียงทะเลาะดังก้องอยู่ในถ้ำ...ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดภายนอก ทั้งคู่กลับยังไม่วายปะทะฝีปากกันเหมือนเดิม.

แต่แล้ว...

 

ตึง... ตึง... ตึง...เสียงฝีเท้าหนักแน่นและถี่รัวดังมาจากด้านข้าง เสียงสะเทือนสะท้อนจากผนังถ้ำจนดินแทบสะเทือน

เงาขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นจากด้านหลังม่านหมอกอีกครั้ง — ร่างของ อสูรเงากิงรันระดับอาวุโสขนาดของมันใหญ่กว่าอสูรกิงรันตัวก่อนหลายเท่า ดวงตาเรืองแสงสีแดงฉานจ้องตรงมาที่พวกเขาอย่างกระหาย

 

เอลฟิราน่า ไม่รอช้า เธอก้าวไปข้างหน้า คทาในมือส่องแสงสีฟ้าเจิดจ้า เธอร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ดวงตาเต็มไปด้วยสมาธิ

“Thunder Cross!!”

 

เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นทั่วทั้งถ้ำ — เส้นสายฟ้าสีฟ้าขาวฟาดลงจากเพดานถ้ำเหมือนกงจักรตัดผ่านร่างอสูรแรงระเบิดผลักร่างมันกระเด็นไปด้านข้าง เป๊ะ! เข้าสู่ เขตกับดักเวท ที่พวกเขาเตรียมเอาไว้พอดี

 

ฮิโตริเห็นจังหวะ รีบยกมือขึ้นเรียกพลังมืดออกมา

“ความมืดกลืนกิน!!”

 

จากมือของเขา พลังมืดสีดำไหลออกมาราวกับหมอกที่มีชีวิต มันพุ่งตรงเข้าใส่อสูรด้วยความเร็วและแรงมหาศาลแต่เมื่อกระทบกับร่างอสูร พลังนั้นกลับกลืนกินได้เพียงบางส่วน — แทบไม่ระคายผิวของมันเลย

ฮิโตริ ชะงัก รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ประโยชน์ไปชั่วขณะ

 

“เวรล่ะ...โจมตีไม่เข้าเลย?”

 

ในขณะที่เอลฟิราน่ายังคงร่ายเวทต่อเนื่อง และการโจมตีของเธอกลับสร้างบาดแผลให้กับอสูรได้จริง

เธอหันมาจะรุกต่อ — แต่ไม่ทันได้ก้าว ฮิโตริก็วิ่งมาคว้ามือเธออีกครั้ง แล้วพูดเสียงจริงจัง

 

“อสูรตัวนี้มันเกินกว่าที่เราจะรับมือได้ รีบหนีก่อน!!”

 

ตัดฉาก – ด้านในของถ้ำลึกแสงจากเปลวไฟเวทมนตร์ที่ลอยอยู่บนผนังให้แสงสลัว ๆ เงาของสองคนทอดยาวไปตามพื้นหิน

ฮิโตริ นั่งเอนหลังกับโขดหิน กำลังยืดตัวแบบสบาย ๆ ด้วยสีหน้าที่โล่งอกเหมือนได้หลุดพ้นจากความตาย

 

“ฟู่... รอดไปที”

 

ข้าง ๆ เขา เอลฟิราน่า นั่งลงอย่างหงุดหงิด เธอหยิบคทาขึ้นมาทำความสะอาดด้วยความโมโหที่ระบายไม่ออกปากเธอบ่นเบา ๆ พร้อมใบหน้าบูดบึ้ง

 

“งือออออ~ ใจร้ายที่สุดเลย ไม่ปล่อยให้ฉันได้แสดงฝีมือเลยด้วยซ้ำ...”

 

ฮิโตริหัวเราะเบา ๆ แต่แล้วก็ค่อย ๆ หันไปมองเธออย่างจริงจัง

น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นสงบและเต็มไปด้วยความสงสัย

 

“ว่าแต่... เอลฟิราน่า เธอมาจากโลกไหนเหรอ?”

 

เธอชะงักไปเล็กน้อย

 

“...หมายถึงเหมือนนายกับพวกเพื่อนของนายน่ะเหรอ?”

 

ฮิโตริพยักหน้า

 

“ใช่... พวกเราทั้งห้องถูกอัญเชิญมาจากโลกอื่น โผล่มาที่นี่โดยไม่รู้ตัวเลย แต่เธอ... เธอดูไม่ตกใจเลยสักนิด”

 

เอลฟิราน่า วางคทาลงบนตักอย่างแผ่วเบา แววตาเธอเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยนิด ๆเสียงเธออ่อนลงกว่าทุกครั้ง

 

“...ฉันไม่ได้มาจากโลกอื่นหรอก ฮิโตริคุง ฉันเกิดที่นี่ โตที่นี่ อยู่ในโลกนี้มาตลอด”

 

ฮิโตริ เงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาเขาเริ่มเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

“หา...? งั้นที่เธอใช้เวทระดับนั้นได้ตั้งแต่แรก...”

 

เธอยิ้มบาง ๆ แต่ไม่มีความภาคภูมิใจในรอยยิ้มนั้นเลย

 

“เพราะฉัน... ถูกฝึกให้เป็นนักล่าเวท ตั้งแต่ยังเด็ก”

 

เสียงเธอเย็นขึ้น

 

“ฉันไม่มีพรจากพระเจ้า ไม่มีพลังอัญเชิญ ไม่มีระบบเลเวล ฉันมีแค่ฝีมือ... ที่ได้มาจากเลือด เหงื่อ และความตายจริง ๆ”

 

ฮิโตริเงียบลงไปอย่างลึกซึ้ง คำพูดนั้นมันจุกอยู่ในอก

...แล้วเขาก็ยิ้มออกมาเบา ๆ

 

“แบบนี้... เธอเท่กว่าอีกว่ะ”

 

เอลฟิราน่า หน้าแดงขึ้นมาทันที หันหน้าหนีเล็กน้อย

 

“มะ... ไม่จำเป็นต้องชมแบบนั้นก็ได้!”

 

ฮิโตริ ยิ้มกวน ๆ ดึงใบไม้แห้งมาโยนเล่น

 

“ไม่ได้ชมเฉย ๆ นะ... ฉันอิจฉาเธอด้วยซ้ำ”

 

“พวกเราถูกส่งมาแบบงง ๆ มีพลังเทพเว่อ ๆ แต่ไม่มีใครเข้าใจโลกนี้จริง ๆเลย...”

 

เขาหันไปมองเธออีกครั้งอย่างจริงใจ

 

“แต่เธอคือ คนของที่นี่ จริง ๆ... และนั่นคือสิ่งที่พวกเราจะไม่มีวันเป็นได้”

 

เสียงลมหายใจของทั้งสองผสานกับเสียงหยดน้ำในถ้ำ ความเงียบห่อหุ้มไว้ด้วยคำพูดที่ยังค้างคาใจทั้งคู่...แววตาทั้งสองสบกันอยู่ครู่หนึ่ง — เงียบงัน แต่รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป

เอลฟิราน่าเงียบไปเล็กน้อย ดวงตาของเธอจับจ้องอยู่ที่พื้นหินตรงหน้า คำพูดของฮิโตริเมื่อครู่ยังคงดังก้องในใจเธอแล้วเธอก็เอ่ยถามออกมาเสียงแผ่ว...

 

“...แล้วทำไมถึงไม่หาทางกลับล่ะ?”

 

ฮิโตริ หันมามองเธอทันที แววตาเขาเปลี่ยนเป็นสงบและลึกซึ้งขึ้นเขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงทุ้มนุ่ม

 

“กลับงั้นเหรอ... อืม ยังไม่รู้สิ”

 

เขายิ้มบาง ๆ ไม่ได้ยิ้มล้อเลียนหรือเย้าหยอกเหมือนเคย แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจสายตาเขาเงยขึ้นมองเพดานถ้ำเบื้องบนที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ตามหินย้อย สะท้อนแสงเวทจาง ๆ เป็นประกายราวดวงดาว

 

“เพราะตอนนี้ ฉันเริ่มรู้สึกว่า... โลกนี้น่าสนใจกว่าโลกเดิมเยอะเลย”

 

เขาหันกลับมายิ้มให้เธอ ไม่พูดอะไรต่อ... แต่แววตานั้นสื่อความหมายมากเกินพอ

เอลฟิราน่า สะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีจนแก้มเป็นสีชมพูจัดเธอรีบหันหน้าหนีไปอีกทางเหมือนจะกลบความเขินด้วยท่าทีหงุดหงิด

แต่สุดท้าย... เธอก็ยังพูดเสียงเบา ปลายเสียงสั่นเล็กน้อยราวกับใจเต้นแรง

 

“...ปากดีแบบนี้ ระวังฉันจะเริ่มชินกับมันนะ”

 

บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองเงียบลงไปอีกครั้งแสงไฟเวทสลัว ๆ รอบถ้ำพลิ้วไหวอย่างสงบ... จนกระทั่ง...

 

“เอาล่ะ... แล้วจะจัดการกับสิ่งที่อยู่ข้างหลังเธอยังไงดีล่ะ?”

 

เสียงของ ฮิโตริ เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง ดวงตาเขาจ้องมองบางอย่างที่อยู่ข้างหลังของเอลฟิราน่า

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปตามสายตาของเขา

และทันใดนั้น...

 

“โครม!!”

เสียงลมหายใจร้อนผ่าวพุ่งกระทบพื้นถ้ำ เกิดเป็นไอน้ำระอุรอบตัว

เงาสีดำยักษ์ปรากฏขึ้นจากความมืด ร่างของ มังกรสีดำขนาดมหึมา ยืนเด่นตระหง่านเกล็ดของมันดำสนิทและมันวาวราวกับโลหะ ดวงตาสีทองเรืองแสงจ้องมองทั้งสองราวกับนักล่าที่กำลังประเมินเหยื่อเพียงแค่แรงลมหายใจของมัน ก็ทำให้พื้นถ้ำสั่นสะเทือน

บนหน้าผากของมันมีอักขระเวทลึกลับเรืองแสงสีแดง สัญลักษณ์ของ “มังกรระดับ SS+” ผู้ครองถ้ำลึกนี้

เอลฟิราน่า ถอยหลังโดยอัตโนมัติ ความตกใจฉายชัดบนใบหน้า

 

“...มะ... มะ มังกรระดับ A++?”

 

ฮิโตริก้าวมาข้างหน้า ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังเต็มที่รอยยิ้มล้อเลียนก่อนหน้านี้หายไปสิ้น เหลือไว้เพียงสีหน้าของนักรบที่พร้อมจะเผชิญหน้าความตาย

 

“ชิบหายละครั้งนี้... หนีไม่ได้แน่ ๆ”

 

เปลวเวทสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นในมือของเขาช้า ๆ

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!