เสียงฝนโปรยปรายเหนือกำแพงเมือง ทำให้ทั้งค่ายทหารต้องปิดประตูแน่นหนา คบเพลิงลุกโชนท่ามกลางลมเย็นของแดนเหนือ สะท้อนเงาร่างแม่ทัพหลินเยวี่ยที่ยืนเดี่ยวอยู่บนหอสังเกตการณ์ นัยน์ตาคู่นั้นทอดมองออกไปไกลราวกับค้นหาบางสิ่ง — หรือบางคน
“ท่านแม่ทัพ...”
เสียงทุ้มของจี้เฟิงดังขึ้นด้านหลัง พร้อมผ้าคลุมกันฝนที่เขานำมาคลุมให้นาง หลินเยวี่ยไม่แม้แต่จะหันกลับมา เพียงกล่าวเสียงเรียบ
“ขอบใจ ข้าจะลงไปแล้ว”
นางเดินลงบันไดโดยไม่รอเขา แผ่นหลังตั้งตรงของแม่ทัพหญิงดุดันคนนั้นไม่เคยงอให้ใคร ไม่ว่าในสนามรบ หรือในความรัก
หลังจากเหตุการณ์ที่นางต้องเผชิญหน้ากับเว่ยอันในราชสำนักเมื่อคืนวาน หลินเยวี่ยกลับมานั่งอยู่คนเดียวจนรุ่งสาง เพียงเงียบงันอย่างไร้คำพูด ความเย็นชาที่ห่อหุ้มตัวนางไม่ใช่เกราะ แต่เป็นกำแพงสูงที่ไม่มีใครเข้าถึง
แม่หลินเคยสอนเอาไว้ — “จงอย่ารักใคร เพราะรักคือจุดอ่อน”
ตอนนั้นหลินเยวี่ยยังเด็กนัก ไม่เข้าใจคำพูดนั้น แต่วันนี้...นางจำได้ขึ้นใจ
เช้าวันถัดมา บนโต๊ะวางแผนการรบ นายพลและขุนพลหลายคนรายล้อมอยู่โดยมีแม่ทัพหลินเป็นศูนย์กลาง
“ข้าได้รับข่าวว่าองค์ชายซูเหวินกำลังรวบรวมกำลังพลจากเมืองชายแดนด้านตะวันออก หวังจะตีเข้ากลางเมืองโดยใช้เส้นลำน้ำเล็ก” ขุนพลเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
หลินเยวี่ยพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหยิบแผนที่ขึ้นมา คลี่ลงบนโต๊ะแล้วใช้ปลายนิ้วแตะจุดต่าง ๆ อย่างแม่นยำ
“ให้จี้เฟิงนำกองทัพเคลื่อนกำลังล่วงหน้าไปซุ่มบนเชิงเขา ให้ทหารฝีมือดีคุมทางน้ำ ข้าจะนำกำลังหลักเข้าตีตอนกลางคืน หากเขาคิดจะลอบมา ข้าก็จะลอบกลับไปเช่นกัน”
“แล้วราชสำนักเล่า?” ขุนพลอีกคนเอ่ยขึ้น “องค์ชายจะใช้ราชโองการมาเป็นเกราะป้องกันตนเองแน่”
“ข้าไม่กลัวราชโองการ” เสียงของหลินเยวี่ยเรียบเย็น “เพราะความยุติธรรมไม่มีในราชสำนักอยู่แล้ว”
บรรยากาศภายในเงียบลงทันที ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรต่อจากประโยคนั้นอีก ทุกคนรู้ดีว่าหลินเยวี่ยเคยไว้ใจในราชสำนักขนาดไหน — จนกระทั่งต้องจ่ายด้วยหัวใจตนเอง
คืนนั้น ก่อนออกศึก หลินเยวี่ยยืนอยู่หน้าเรือนพักของเว่ยอัน — เรือนรับรองที่นางเคยจัดไว้ให้เขาเมื่อนานมาแล้ว
มือเรียวยกขึ้น แต่ไม่เคาะประตู นางยืนอยู่นาน จนสายตาเว่ยอันที่มองผ่านผ้าม่านบางก็สบกับนางพอดี
นางเอ่ยเพียงคำเดียว “ลาก่อน”
แล้วหันหลังให้ทันที
เว่ยอันเปิดประตูออกมา เสียงฝีเท้านางยังไม่หยุด เขาเอ่ยเบา ๆ ราวกับอยากรั้ง
“เยวี่ย... เจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือไม่”
“ข้าไม่โกรธ...” เสียงของหลินเยวี่ยไม่สั่น แต่ก็ไม่อบอุ่น “เพราะข้าไม่รู้จักเจ้าแล้ว”
หัวใจเว่ยอันเหมือนถูกบีบ มือที่กำแน่นของเขาสั่นเล็กน้อย
“แต่ข้ายังจำทุกอย่างได้...”
“ก็ดี อย่าลืมว่าครั้งหนึ่ง เจ้าคือดาบที่เสียบกลางอกข้า”
หลินเยวี่ยกล่าวจบ ก็เดินจากไป ทิ้งเว่ยอันให้ยืนอยู่กับความหนาวเหน็บของตนเอง
สนามรบคืนถัดมาช่างเงียบกริบ มีเพียงเสียงฝนซัดใบไม้และเสียงเท้าทหารที่เดินอย่างระมัดระวัง
จี้เฟิงซุ่มอยู่ในป่า มองสัญญาณมือของหลินเยวี่ยจากอีกฟาก แม้ไม่ได้พูดกัน แต่เขาเข้าใจแม่ทัพผู้นี้ทุกการเคลื่อนไหว
ในชั่วพริบตา เสียงแตรสงครามดังก้อง หลินเยวี่ยพุ่งตัวพร้อมดาบในมือ ราวกับอสูรร้ายจากตำนาน ดาบของนางวาดเป็นวงอาฆาตกลางพายุ หัวใจของศัตรูหลายร้อยหยุดเต้นโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องขอชีวิต
โอวหยางฮวาผู้เป็นขุนพลฝ่ายตรงข้ามมองเห็นหลินเยวี่ยจากไกล นางยิ้มเย้ย
“เจ้าจะเป็นแม่ทัพหญิงที่เก่งแค่ไหน แต่เจ้าก็ยังเป็นคนที่ถูกความรักทำลายอยู่ดี”
นางกล่าวพลางสั่งให้ทหารลอบล้อมเว่ยอันที่ถูกซ่อนอยู่ในป่า ด้วยหวังว่าเมื่อจับตัวเขาได้ หลินเยวี่ยจะต้องถอย
แต่หลินเยวี่ยไม่ถอย
นางเข้าตีหนักยิ่งกว่าเดิม ดวงตาไร้แววใด ๆ เมื่อมองเห็นเว่ยอันถูกจับ “นั่น...ไม่ใช่คนรักของข้า” นางบอกตนเองซ้ำ ๆ
กระทั่งในที่สุด กองทัพของศัตรูก็ล่าถอย ทิ้งโอวหยางฮวาไว้ในสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพ
“เจ้าจะไม่มีวันรักใครได้อีก” โอวหยางฮวาเอ่ยคำสุดท้ายก่อนหมดสติ
หลินเยวี่ยเพียงก้มมอง แล้วหันหลังกลับ
...----------------...
คืนนั้น เว่ยอันถูกปล่อยตัวกลับมายังค่าย เขาเดินเข้าไปหาแม่ทัพหลินที่กำลังทำแผลให้ตัวเองอยู่ในเต็นท์บัญชาการ
“เหตุใดเจ้าจึงยังช่วยข้า?” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ
“เพราะเจ้าคือภาระที่ข้าต้องแบก ไม่ใช่คนที่ข้ารักอีกต่อไป”
นางไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ
เว่ยอันอยากจะเอื้อมมือไปจับมือเธอ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า
หลินเยวี่ยเพียงกล่าวอย่างเยือกเย็น
“ความรัก... มันเคยเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าอ่อนแอ แต่ตอนนี้... มันไม่มีอีกแล้ว”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments