เสียงฝีเท้าเล็กๆ เดินเข้ามาใกล้เตียงอย่างแผ่วเบา เด็กชายตัวน้อยถือถ้วยยาสมุนไพรที่อุ่นพอดีไว้แน่น ก่อนจะหยุดยืนจ้องใบหน้าซีดเซียวของซาดีที่ยังแกล้งหลับอยู่
"ท่านพี่...ตื่นได้แล้วขอรับ"เสียงเล็กๆ เอ่ยเรียกเบาๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้างเตียง
ไม่มีเสียงตอบกลับจากซาดี นอกจากเสียงหายใจถี่แผ่วเหมือนจะยังไม่รู้สึกตัว แต่คูโรซรู้ดี ว่าคนตรงหน้านั้นไม่ได้หลับสนิทจริงๆ
“...ถ้าไม่กิน ข้าจะไม่คุยด้วยทั้งวันเลยนะขอรับ!”เขาขมวดคิ้ว ทำเสียงขู่ที่ไม่น่ากลัวเลยสักนิด
นิ้วเล็กๆ ยื่นไปแตะแขนเบาๆ แล้วเขย่าขึ้นลงเล็กน้อย
"แล้วถ้าข้าไม่คุย ท่านจะเหงาแน่ๆ ข้ารู้!"พูดจบก็พ่นลมหายใจแรงอย่างเอาเรื่อง พร้อมยกถ้วยยาขึ้นตรงหน้า
ครู่หนึ่ง เปลือกตาของซาดีก็กระตุกเล็กน้อย ก่อนชายหนุ่มจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วลืมตาขึ้นมาช้าๆ
"...เสียงเจ้าดังจนข้านอนไม่หลับแล้ว"
“แปลว่าได้ผล!”คูโรซยิ้มกว้างราวกับชนะศึก แล้วยื่นถ้วยยาให้ตรงหน้าอีกครั้ง
ซาดีมองเด็กตรงหน้าเงียบๆ ก่อนจะยอมรับถ้วยยามาจากมือเล็กนั้นอย่างไม่เต็มใจนัก
“ถ้าขมล่ะก็ ข้าจะบ่นนะ”
“บ่นได้ แต่ต้องกินนะขอรับ!”
คูโรซทำหน้าเข้มขรึมแบบเด็กจริงจัง พลางยื่นถ้วยยาไปตรงหน้า
“อีกอย่าง...มียาที่ไหนไม่ขมกันล่ะ? เหมือนสำนวนที่เขาว่ากัน หวานเป็นลม ขมเป็นยา เข้าใจไหมขอรับ?”
“เจ้าจะพูดเป็นบทกวีไปถึงไหน...”ซาดีถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหยิบถ้วยยาขึ้นมาอย่างช้าๆ
คูโรซยิ้มกว้างเหมือนผู้ชนะ
“เห็นมั้ยล่ะ! ข้ารู้ว่าท่านพี่ไม่ใช่คนใจแข็งจริงๆ หรอก!”
“ข้าไม่ได้ใจแข็งสักหน่อย แค่…รู้ว่าเจ้าจะไม่ปล่อยให้ข้าพักผ่อนเลยต่างหาก”ซาดีอมยิ้มเล็กๆ ถึงแม้จะพยายามปิดบัง
คูโรซยักไหล่อย่างไม่สนใจคำพูดนั้น
“นั่นแหละ คือหน้าที่ของข้านะขอรับ...คอยดูแลท่านพี่”
ซาดีมองเด็กน้อยคนนั้นด้วยแววตาที่นุ่มลง
“ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย…”แม้ปากจะว่าแต่ในใจกลับรู้สึกอุ่นวาบอย่างบอกไม่ถูก
"ถึงข้าเป็นเด็กบ้า แต่ข้าก็อยู่ดูแลท่านนะขอรับ"
คูโรซพูดด้วยน้ำเสียงสดใส แต่แววตาจริงจังเหมือนให้คำมั่นสัญญา
ซาดีมองเด็กชายด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด
"เด็กบ้า...เจ้าเอาแต่ใจเหมือนเดิม"
เขาพูดอย่างปากแข็ง แต่ไม่ปัดมือเด็กออกเมื่อคูโรซยื่นมือมาจับมือเขาไว้
"ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านพี่อ่อนแอแน่นอน"
คูโรซยิ้มกว้างก่อนจะโน้มตัวไปใกล้
"จำไว้ด้วยนะขอรับ!"
ซาดีถอนหายใจยาว พร้อมกับยิ้มบางๆ อย่างที่เขาไม่เคยแสดงให้ใครเห็นง่ายๆ
"เด็กบ้า...แต่ข้าก็โชคดีที่มีเจ้า"
"พูดคำว่าเด็กบ้าหลายรอบเหลือเกินขอรับ..."คูโรซทำหน้างอแงเล็กน้อย ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ซาดี"ท่านยิ้มให้ข้าดูอีกได้หรือไม่?"
ซาดีเหลือบตามองอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ในดวงตากลับซ่อนความอ่อนโยนไว้
เขากระตุกมุมปากขึ้นอย่างแผ่วเบา
"จะเอายังไงก็เอาเถอะ..."แล้วก็ยิ้มให้คูโรซอย่างอบอุ่นจริงใจ แววตานั้นอ่อนโยนและมั่นคงราวกับบอกว่า"ข้าจะอยู่ตรงนี้เสมอ..."
คูโรซยิ้มกว้างจนตาเป็นประกาย"ขอบใจขอรับ! แบบนี้ข้าจะได้มีแรงฝึกต่อแล้ว!"
"ชิ..."ซาดีทำเสียงหมั่นไส้เบาๆ แต่ก็ยิ้มมุมปาก"เด็กบ้าเอ้ย...จะจริงจังไปไหนกันนัก"
คูโรซหัวเราะคิก
"ข้าไม่ใช่เด็กบ้าแล้วนะขอรับ ข้าแค่เป็นเด็กที่อยากดูแลท่านมากกว่าใคร!"
ซาดีถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ"เอาเถอะ...ถ้าเจ้าทุ่มเทขนาดนี้ ข้าก็คงต้องยอม"
.
.
.
ซาดีหายดีแล้ว หลังจากวันที่ต้องฝ่าฟันกับไข้และความอ่อนล้าอย่างหนักหน่วง
ร่างกายที่เคยทรุดโทรมกลับฟื้นฟูขึ้นช้า ๆ แต่มั่นคง
คูโรซวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มสดใสเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"ท่านพี่! ข้าดีใจจริง ๆ ที่ท่านหายดีแล้วขอรับ!"
ซาดีหันมายิ้มบาง ๆ แต่เสียงตอบกลับกลับแหบพร่าด้วยความปากแข็ง
"ดีแล้วหรือ? เจ้าก็ดูจะตื่นเต้นเกินเหตุ"
คูโรซมองตามสายตาที่ซ่อนความจริงใจไว้ในแววตา
"ก็ข้าไม่อยากเห็นท่านพี่อ่อนแอสิขอรับ"
"ข้าก็ไม่อยากให้เจ้ากังวล...แต่ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงข้าหนักหนาเลย"ซาดีพูดเสียงเบาลง
คูโรซทำหน้านิ่งไม่กลัวเสียงแข็งของซาดี
"งั้นวันนี้ข้าจะช่วยฝึกท่านพี่เต็มที่เลยนะขอรับ!"
ซาดีถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางบ่นเบา ๆ"เจ้าทำเหมือนข้าเด็กนัก..."
"แฮะๆ...คือว่านะท่านพี่ซาดี พรุ้งนี้ที่หมู่บ้านจะเริ่มจัดงานเทศกาลแสงบุบผาล่ะขอรับ"คูโรซพูดพลางมองใบหน้าด้านข้างของซาดี
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า"ซาดีตอบเสียงเรียบ ทั้งที่รู้ดีว่าเด็กน้อยอยากชวน
แต่ในแววตากลับมีแสงบางเบาไหววูบ... เหมือนจะยอมตั้งแต่แรกแล้ว
คูโรซเม้มปากเล็กน้อยก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ “เกี่ยวสิขอรับ ก็ข้าอยากไปกับท่านนี่นา~”
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอย่างคนจนใจ
“เจ้าจะลากข้าไปเดินตากลมให้เป็นหวัดอีกใช่ไหม...”
“ครั้งนี้ไม่มีฝนนะขอรับ ข้าสัญญา!”
เสียงของคูโรซสดใสราวกับลมฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะพัดผ่านเข้ามา
"ถ้าอย่างงั้นเจ้าก็รีบเข้านอนซะ ถ้าอยากจะไปช่วยชาวบ้านจัดงานพรุ่งนี้ จะได้ไม่ทำให้ข้าลำบาก"
.
.
.
เช้าวันใหม่มาพร้อมกับอากาศสดชื่นและแสงอาทิตย์ที่อาบไล้ผ่านยอดไม้ ชาวบ้านต่างเริ่มทยอยกันออกมาจากบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มือถือเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ สำหรับเตรียมงานเทศกาลแสงบุบผา
“ช้าจังเลยนะขอรับท่านพี่!” เขาเอ่ยอย่างล้อเลียนเมื่อเห็นซาดีเดินมาด้วยสีหน้าเหมือนคนง่วงนอน
สองพี่น้องช่วยกันขนโคมไฟ กระเช้าดอกไม้ และผ้าประดับสีสันสดใสไปยังจุดต่าง ๆ ของลานจัดงาน คูโรซยิ้มแป้นทักทายชาวบ้านทุกคน ส่วนซาดีก็ได้แต่พยักหน้าสั้น ๆ อย่างขัดเขิน แต่ก็ไม่ปฏิเสธคำขอให้ช่วยยกของหรือจัดมุมตกแต่ง
คูโรซในชุดเรียบง่ายแต่ดูคล่องตัว ก้าวเท้าเร็ว ๆ ไปยังลานกลางหมู่บ้าน ก่อนจะหันกลับไปมองหาใครบางคนที่เดินตามมาเงียบ ๆ
“หึ ข้าแค่ไม่รีบเหมือนเจ้าก็เท่านั้น” ซาดีตอบเสียงเรียบ แต่ก็มาร่วมวงด้วยโดยไม่บ่นอะไรเพิ่ม
แม้จะเงียบขรึม แต่ทุกการกระทำของซาดีในวันนี้ก็ดูจะมีความใส่ใจมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา...
“โอ๊ะ ปกติท่านซาดีขยันขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?”
เสียงแซวจากใครบางคนทำให้มือของซาดีที่กำลังผูกริบบิ้นหยุดชะงัก วาดิม[1] หนึ่งในหนุ่มชาวบ้านที่มักช่างจ้อกว่าคนอื่น หัวเราะเบา ๆ พลางยกกล่องของตกแต่งเข้ามาวางใกล้ ๆ
ซาดีเงยหน้าขึ้นช้า ๆ สายตามีประกายหนาวเย็นแฝงอยู่แวบหนึ่ง “ข้าก็แค่ไม่อยากให้เด็กบางคนหน้าแหกเพราะบอกใคร ๆ ว่าจะมาช่วยงานน่ะ”
คำพูดนั้นชัดเจนว่าไม่ได้หมายถึงวาดิม แต่ก็ทำให้เจ้าตัวชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน
คูโรซที่ยืนอยู่ไม่ไกลกลั้นขำไว้ไม่อยู่ “ท่านพี่ซาดีขอรับ อย่าเพิ่งแว้งกัดใครตอนเช้าสิขอรับ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะกลัวหมด”
“ใครจะไปแว้ง...” ซาดีบ่นงึมงำ พลางเบือนหน้าหนี เหมือนพยายามกลบเกลื่อนท่าทีเขินอายของตัวเอง
แต่อย่างน้อย...วันนี้เขาก็ยังอยู่ที่นี่ ทำงานไปเคียงข้างใครบางคนที่อยากจะเห็นรอยยิ้มของเขา
จู่ ๆ เสียงของระบบที่ถูกลืมเลือนก็ดังขึ้นอย่างน้อยอกน้อยใจ
[ระบบ: ท่านซาดี... ข้าเงียบไปไม่นาน ท่านก็ลืมข้าเสียแล้วหรือ?]
เสียงอิเล็กทรอนิกส์เบา ๆ ดังขึ้นในหัวของซาดีอย่างเฉียบพลัน ขณะที่เขากำลังยื่นดอกไม้ประดับให้คูโรซติดบนซุ้มไม้ไผ่
ซาดีขมวดคิ้ว ก่อนถอนหายใจเบา ๆ “…ยังไม่ตายก็วุ่นแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าคงอัปเดตตัวเองอยู่”
[ระบบ: ข้าไม่ใช่แอปปลุกนอนนะท่านซาดี ข้าเป็นระบบสนับสนุนการฝึกฝน! ระบบที่...ท่านเคยบอกว่า ‘พึ่งพาได้ที่สุด’]
เสียงระบบพูดพร้อมเสียงแจ้งเตือนเบา ๆ ราวกับตัดพ้อ
คูโรซมองหน้าซาดีอย่างแปลกใจ “ท่านพี่...คุยกับใครอยู่เหรอขอรับ?”
ซาดีหลบตาเล็กน้อย “ไม่มีอะไร แค่ระบบไร้สาระที่เริ่มขี้งอน”
[ระบบ: ฮือ…ข้าเคยคิดว่าเราเป็นคู่หู]
“หยุดโหยหาความสัมพันธ์แบบแปลก ๆ ได้แล้วข้าไปพูดตอนไหนว่าเจ้าคือคู่หู” ซาดีพึมพำราวกับรำคาญ แต่หางเสียงกลับแฝงความเอ็นดูเอาไว้
[ระบบ:ให้ตายสิท่านยังเย็นชาไม่เปลี่ยนเลยนะขอรับ]
'จะว่าไปวิธีการพูดของเจ้าเปลี่ยนไปนะ'
[ระบบ: หึ…แน่นอนสิขอรับ ท่านไม่เห็นหรือ ว่าข้าอัปเกรดมาแล้ว! เวอร์ชันใหม่นุ่มนวล อ่อนโยน และมีเสน่ห์มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย]
ซาดีเลิกคิ้วเล็กน้อย พลางถอนหายใจเบา ๆ
'เจ้าฟังดูเหมือนเด็กที่พยายามเอาใจผู้ใหญ่...แต่ก็ด่าผู้ใหญ่ในใจไปด้วย'
[ระบบ: ข้าเรียนรู้จากท่านไงล่ะขอรับ~] เสียงระบบตอบมาอย่างร่าเริง พร้อมแสดงไอคอนหัวใจลอยขึ้นในมุมสายตา
ซาดีขมวดคิ้วทันที
'เจ้าหยุดใช้ลูกเล่นน่ารำคาญพวกนี้สักที…' เขาหยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำ "…แม้มันจะคลายเหงาได้บ้างก็เถอะ"
ระบบเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเบาลงกว่าปกติ
[ระบบ: ไม่ว่าท่านจะบอกว่าไม่ต้องการ แต่ข้าก็จะอยู่ตรงนี้เสมอ…เพื่อซัพพอร์ตท่าน]
ประโยคนี้ทำให้ซาดียิ้มบางๆและทำงานของตนต่อไป
คูโรซที่นั่งอยู่ข้างๆมองซาดี เขาอาจไม่พูดอะไร...แต่สายตาของคูโรซไม่เคยละไปแม้สักวินาที
ทุกก้าวที่ซาดีก้าวเดิน ล้วนมีดวงตาคู่หนึ่งติดตามอยู่ในความเงียบแม้แต่การพูดเพียงคนเดียวเมื่อครู่
เสียงที่เขาได้ยินนั้นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจที่ตนเองไม่ใช่คนแรกและคนเดียวที่ได้รับความเอ็นดู เพียงเพราะเห็นท่านพี่จะกำลังพูดกับใครบางคนที่ตนมองไม่เห็นจึงเริ่มออดอ้อนซาดีทันทีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“แสดงความเอ็นดูแบบนั้นให้ใครก็ได้หรือขอรับ...”
“อย่างข้าน่ะ...ต้องพยายามแค่ไหนถึงจะได้รอยยิ้มแบบเดียวกัน”
“เห็นไหม ข้าเองก็เป็นเด็กดีนะ แถมยังอยู่ข้างท่านตลอดด้วย”คูโรซพูดรัวเร็วจนซาดีสับสน ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรเจ้าตัวก็พูดขึ้นมาอีก
“ถ้าไม่ได้เป็นคนโปรด...ข้าอาจจะงอนจนไม่ช่วยงานอีกเลยก็ได้นะขอรับ” คูโรซฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์
“แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย ท่านพี่...หรือข้าต้องเจ็บไข้ก่อนถึงจะได้รับความเอ็นดู?”
“ข้าว่า...ท่านพี่ควรจะเอาใจข้าบ้างเป็นค่าปลอบใจที่ข้าอดทนดูท่านยิ้มให้คนอื่นอยู่ข้างเดียว”
"???"ในหัวสมองของซาดีตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถาม
‘ข้ายิ้ม...ให้ระบบ?’
เขาหันขวับไปมองคูโรซที่ยังคงมองตนอยู่เหมือนรอคำตอบบางอย่าง
“ข้าเพียงแค่...ยิ้มตอบเจ้าระบบในใจเองนะ...”
เขาพึมพำอย่างแผ่วเบา แต่คูโรซก็ได้ยินอยู่ดี
“งั้น...เจ้าระบบนั่นคงสำคัญมากเลยสินะขอรับ ถึงได้ทำให้ท่านยิ้มออกขนาดนั้น”เสียงของคูโรซเจือแววประชดเล็ก ๆ แต่ในแววตามีบางสิ่งที่ต่างออกไปบางสิ่งที่ซาดียังไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดี
“เจ้า...นี่มัน...”
ซาดีหน้าร้อนวาบ แต่ก็รีบเบือนหน้าหนีทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“เจ้าอยากได้อะไรล่ะ ถึงได้พูดอ้อมโลกแบบนี้”
คูโรซยิ้มอย่างผู้ชนะเล็ก ๆ แล้วเอนตัวพิงไหล่ซาดีเบา ๆ
“แค่อยากให้ท่านยิ้มให้ข้าบ้างเท่านั้นเองขอรับ”
ซาดีถอนหายใจ แล้วว่าต่อเสียงแผ่ว
“เจ้านี่มัน...บ้าบอจริงๆ”
คูโรซยังคงไม่ขยับออกจากไหล่ของเขา กลับเบียดตัวเข้ามาใกล้อีกนิดราวกับต้องการคำตอบมากกว่าคำแก้ตัว
“ก็ข้าไม่รู้ว่าเจ้าระบบนั่นมันคือใครนี่ขอรับ...”เสียงที่พูดออกมาฟังดูเง้างอนกว่าที่ตั้งใจ
“แต่ไม่ว่าใคร...ข้าแค่ไม่ชอบเวลาที่ท่านยิ้มให้คนอื่นมากกว่าข้า”
ซาดีนิ่งงันนานทีเดียว ก่อนจะเผลอยิ้มบาง ๆ ทั้งที่ไม่ตั้งใจ แต่พอรู้ตัวก็รีบเก็บสีหน้ากลับมาเรียบเฉย
“เจ้ามันเด็ก...”
เขาพึมพำพลางเบือนหน้าหนี แต่ดวงตากลับหลบไม่พ้นจากดวงตาคู่นั้นที่ยังจ้องเขาอยู่ไม่วางตา
"จะว่าข้าเด็กบ้ารึ?"เขาพึมพำพลางเบือนหน้าหนี แต่ดวงตากลับหลบไม่พ้นจากดวงตาคู่นั้นที่ยังจ้องเขาอยู่ไม่วางตา
ซาดีชะงัก เหมือนกำลังเลือกคำตอบที่ ‘ไม่กระทบศักดิ์ศรีตัวเอง’ มากเกินไป
ก่อนจะยักไหล่เบา ๆ แล้วพึมพำ
“ถ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว...”
คูโรซเบ้ปากเล็กน้อย แสร้งทำท่าเหมือนงอน
ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้กว่าเดิมอีกนิด
“ข้าเด็กก็จริง...แต่ก็เป็นเด็กที่รักท่านที่สุดนะขอรับ”
“เด็กบ้า…อย่ามาพูดอะไรแบบนี้มั่วซั่ว”
“แต่หน้าท่านแดงแล้วนะขอรับ”คูโรซยิ้มตาเป็นประกาย ทะลุเกราะหน้านิ่งของซาดีได้สำเร็จอีกหนึ่งดอก
ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กอายุสี่ขวบมันจะเต๊าะเก่งขนาดนี้โว้ยย!ทำไมเจ้าถึงเข้าใจความรู้สึกคนอื่นได้ขนาดนี้กันนะ...เด็กสี่ขวบคนอื่นพูดกันแบบนี้ด้วยรึ?
เขาขมวดคิ้วแต่ก็ไล่มันออกจากหัว...เพราะเจ้าตัวนั่นยังคงยิ้มให้เขาอยู่
เอาเถอะคิดไปก็ไม่ได้อะไร หากถามตรงๆมีหรือที่เจ้าตัวจะตอบ
...----------------...
...❤️ขอบคุณที่อ่านจนจบ❤️...
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments