...วันงานเลี้ยงชมบุปผามาถึง......
...ตำหนักของผมวุ่นวายตั้งแต่เช้าตรู่ นวลและบ่าวคนอื่นๆ ช่วยกันจับผมแต่งองค์ทรงเครื่องราวกับจะส่งตัวเข้าประกวดนางนพมาศ ผมได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้พวกนางจัดการกับใบหน้าและทรงผม สลับกับการกลอกตามองบนในใจ...
..."นี่มันแป้งหรือปูนซีเมนต์วะเนี่ย? โบกเข้าไปได้!"...
...ผมคิดอย่างหัวเสีย...
..."แล้วไอ้ที่ปักอยู่บนหัวข้านี่มันกรงนกหรือไง หนักชะมัด! แค่เตรียมตัวไปกินน้ำชามันต้องอลังการเบอร์นี้เลยเหรอ!"...
...แต่เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง...ก็ต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจนักว่า...ไอ้กรณ์ในร่างเพชรน้ำหนึ่งคนนี้มันสวยฉิบหายจริงๆ ชุดผ้าไหมสีชมพูอ่อนขับผิวให้ผุดผ่อง เครื่องประดับทองคำทำให้ดูสูงศักดิ์ ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างประณีตนั้นงดงามจนน่าโมโห...
..."เอาวะ...คิดซะว่านี่เป็นชุดเกราะออกรบก็แล้วกัน"...
...ผมพึมพำกับตัวเอง...
...เมื่อผมเดินทางไปถึงสวนหลวง สถานที่จัดงานเลี้ยง ทุกสายตาก็จับจ้องมาเป็นจุดเดียว เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบทิศทาง มีทั้งแววตาอยากรู้อยากเห็น สงสาร และเย้ยหยันปะปนกันไป ผมสูดหายใจลึกๆ แล้วก้าวเดินเข้าไปอย่างมั่นคง...พยายามไม่ให้สะดุดผ้าซิ่นตัวเอง...
...ณ ศาลากลางสวน พระสนมจันทราและองค์หญิงดารานั่งเป็นประธานอยู่ ทั้งสองส่งยิ้มหวานมาให้ผม แต่แววตานั้นเย็นเยียบราวน้ำแข็ง...
..."มาแล้วรึ เพชรน้ำหนึ่ง"...
...พระสนมจันทราเอ่ยขึ้น...
..."หายดีแล้วสินะ สีหน้าดูสดใสขึ้นมากเลย"...
..."ขอบพระทัยที่เป็นห่วงเพคะ"...
...ผมยอบกายลงอย่างงดงามที่สุดเท่าที่จะทำได้...
...หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี องค์หญิงดาราก็เริ่มเปิดฉากทันที...
..."ในเมื่อวันนี้เรามาชื่นชมความงามของเหล่าบุปผาในสวนหลวง น่าจะดีไม่น้อยหากมีบทกวีเพราะๆ คลอไปด้วยจริงไหมเพคะเสด็จแม่"...
...นางหันมาทางผมพร้อมรอยยิ้มเยาะ...
..."พี่หญิงเพชรน้ำหนึ่งเพิ่งฟื้นไข้ คงจะมีมุมมองต่อความงามของดอกไม้ที่ลึกซึ้งกว่าใครๆ ลองแต่งกลอนสดให้พวกเราฟังเป็นขวัญตาสักบทเป็นไรไปเพคะ?"...
...มาแล้ว! ผมคิดในใจ ทั้งสวนเงียบกริบ ทุกคนรอจับผิดผม นวลที่ยืนอยู่ข้างหลังกำมือแน่นด้วยความกังวล...
...ผมแสร้งทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ชัดเจน...
..."บุปผาหนึ่งดอกแย้ม... วายุแผ่วพรูเรื่องราว... ชีพสั้นพลันงดงาม"...
...ผมไม่ได้แต่งกลอนแปดพยางค์ที่สวยหรูตามแบบแผน แต่ใช้โครงสร้างแบบกลอนไฮกุของญี่ปุ่นที่ผมเคยอ่านเจอ มันสั้น กระชับ และมีความหมายลึกซึ้งในแบบของมันเอง...
...ทั้งศาลาตกอยู่ในความเงียบงันยิ่งกว่าเดิม ไม่มีใครปรบมือ ไม่มีใครวิจารณ์ ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันคืออะไร มันดีหรือไม่ดี แต่มัน...แตกต่าง และทำให้แผนการที่จะหาเรื่องว่าผมแต่งกลอนไม่เป็นต้องพังทลายลง...
...องค์หญิงดาราหน้าตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด...
..."ช่าง...สั้นกระชับดีเหลือเกินนะพี่หญิง!"...
...นางกัดฟันพูด ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง...
..."เช่นนั้น...เรื่องการดนตรีเล่า? พี่หญิงคงจะเล่นจะเข้ได้คล่องแคล่วกระมัง?"...
..."น่าเสียดายเพคะ"...
...ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาพลางทำหน้าเศร้า...
..."มือของข้ายังอ่อนแรงจากอาการป่วย หมอหลวงจึงสั่งห้ามไม่ให้ข้าออกแรงใดๆ ในช่วงนี้"...
...เป็นข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบและไม่มีใครเถียงได้ องค์หญิงดาราได้แต่กำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ...
...พระสนมจันทราที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปตามแผนจึงเอ่ยขึ้นเอง...
..."เอาเถิดๆ เพชรน้ำหนึ่งเพิ่งหายป่วย อย่าไปรบกวนนางเลย เรามาดื่มชากันดีกว่า"...
...บ่าวไพร่เริ่มรินชาให้ทุกคน ผมจ้องมองการเคลื่อนไหวขององค์หญิงดาราที่กำลังสาธิตการชงชาอย่างชดช้อย และเมื่อนางกำลังจะยกถ้วยชาขึ้น ผมก็เอ่ยขัดขึ้นมาเบาๆ...
..."องค์หญิงดาราทรงสง่างามยิ่งเพคะ"...
...ทุกคนหันมามองผมอีกครั้ง...
..."ข้าเคยอ่านเจอในตำราเก่าแก่...เขาว่ากันว่าการใช้นิ้วนางประคองใต้ถ้วยชาแทนนิ้วก้อย จะเป็นการแสดงความเคารพต่อจิตวิญญาณของใบชาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น...แต่ธรรมเนียมสมัยนี้อาจจะเปลี่ยนไปแล้วกระมังเพคะ"...

...ผมพูดจบก็ยกชาของตัวเองขึ้นดื่มหน้าตาเฉย ทิ้งให้องค์หญิงดาราที่กำลังชะงักค้างด้วยท่าทางประคองถ้วยชาแบบเดิม กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความอับอายและโกรธา ผมไม่ได้บอกว่านางทำผิด แค่บอกว่ามีวิธีที่ดีกว่า...มันเป็นการตบหน้ากลางงานเลี้ยงที่นุ่มนวลแต่เจ็บแสบที่สุด...
...หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องผมอีก ผมนั่งจิบชาเงียบๆ จนจบงาน ก่อนจะขอตัวกลับ ทิ้งไห้แม่ลูกคู่นั้นมองตามด้วยสายตาอาฆาตแค้น...
...ขณะที่เดินออกจากสวน ผมรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองผมอยู่ ผมหันไปตามสัญชาตญาณ และสบตากับหญิงสาวนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไกลๆ นางอยู่ในชุดองครักษ์หญิง รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาคมกริบ เมื่อเห็นผมมอง นางก็เพียงแค่โค้งศีรษะให้เล็กน้อยแล้วเดินจากไป...
..."ใครกันหรือ?"...
...ผมถามนวลเบาๆ...
..."น่าจะเป็นคุณอัปสร...หัวหน้าองครักษ์หญิงที่เพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่เพคะ"...
...ผมพยักหน้ารับรู้แล้วหันหลังเดินต่อ...รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเพชรน้ำหนึ่งอีกครั้ง...
..."ยกที่หนึ่ง...ข้าชนะ"...
...ผมคิดในใจ...
..."ตาต่อไปเป็นของพวกท่านแล้วนะ...คุณพระสนม"...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 16
Comments