Love That Shouldn'T Be Loved รักที่ไม่ควรจะรัก
ผมนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องนอน สะท้อนอยู่ตรงหน้าคือภาพของเด็กหนุ่มในชุดสูทเข้ารูป สีเทาเข้มที่ดูหรูหราจนรู้สึกเกร็งเมื่อต้องใส่มัน มันไม่ใช่แค่ราคาแพง แต่มันเหมือนเครื่องแต่งกายของคนอีกโลกหนึ่ง โลกที่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะก้าวเข้ามาอยู่ได้จริง ๆ
ผมก้มลงมองมือของตัวเองที่วางอยู่บนตัก มือที่ครั้งหนึ่งเคยหยาบกระด้างจากการล้างจาน ทำความสะอาดโรงเรียนประจำเด็กกำพร้า หรือแม้แต่ต้องใช้ขุดดินหาหัวมันกับผักริมรั้วเพื่อประทังชีวิต
แต่ตอนนี้...ปลายนิ้วของผมสะอาดสะอ้าน เล็บถูกตัดเรียบ ผิวถูกดูแลจนเรียบเนียนเหมือนกับว่าผมไม่เคยผ่านอะไรพวกนั้นมาเลย
ผมหายใจช้า ๆ แล้วเงยหน้ามองตัวเองในกระจกอีกครั้ง
ดวงตาคู่นั้นยังเป็นผมอยู่ไหมนะ? หรือผมได้กลายเป็นใครอีกคนไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
จากเด็กกำพร้าคนนึง...กับชีวิตฉันเปลี่ยนไปตลอดกาล
ผมพูดในใจ พูดกับตัวเองในเงาสะท้อนนั่น
พูดเหมือนคนที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรดีใจ หรือควรกลัว
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมยังจำวันแรกที่ได้มาอยู่บ้านหลังนี้ได้ดี วันนั้นฝนตกหนัก ผมตัวเปียกปอน ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูรั้วเหล็กสูงที่ดูใหญ่เกินไปสำหรับเด็กตัวเล็กๆ อย่างผม
แม่บุญธรรมเดินออกมารับผมด้วยร่มคันหนึ่ง เธอไม่ได้ยิ้มกว้าง แต่สายตาของเธอนุ่มนวล และผมจำได้ว่ามันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึก...ปลอดภัย
เสียงเคาะประตูสองครั้งตัดผมออกจากภวังค์ตามด้วยเสียงที่แสนคุ้นเคย
“แต่งตัวเสร็จหรือยังนที แขกเริ่มมากันเยอะแล้วนะ”
เสียงของเธออ่อนโยนเหมือนวันแรกที่ผมได้ยินแม่บุญธรรมของผมหญิงผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และเจ้าของชีวิตผมในหลายๆ ทาง
“ครับนายแม่”
ผมตอบเบาๆ พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
ผมลุกขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปเปิดประตูแม่ยืนอยู่ตรงนั้น ในชุดราตรียาวสีงาช้าง ผมถูกเกล้าอย่างเรียบหรู ต่างหูเพชรระยิบระยับกับรอยยิ้มบาง ๆ ที่ส่งมาให้ผม
“หล่อมากเลยนที” เธอกล่าวพร้อมกับยื่นมือมาจัดปกเสื้อให้ผมนิดหน่อย
ผมยิ้มตอบเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรเพราะถ้าพูด อาจจะเผลอพูดอะไรที่ไม่สมกับ บทบาท ของผมในวันนี้
ผมเดินเคียงข้างแม่ลงบันไดหินอ่อน เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นเรียบเนียนดังกึกก้องในหัวผมอย่างประหลาดไม่รู้ทำไม...มันฟังดูเหมือนเสียงที่บอกว่า เธอไม่ใช่เจ้าของสถานที่นี้ แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ผมก็ยังเดินต่อไปเพราะคืนนี้ผมไม่มีสิทธิ์จะเดินหนี
คืนนี้คือ วันของผม วันเกิดครบรอบ 18 ปี
แม่บอกว่าอยากให้มันเป็นค่ำคืนที่ผมจะไม่มีวันลืมแต่ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าผมจะจดจำมันเพราะความสุข หรือเพราะความหนักอึ้งในอกกันแน่
......................
เสียงดนตรีคลอเบา ๆ ลอยออกมาจากโถงกลางบ้านโคมไฟระย้าแขวนอยู่กลางเพดาน สาดแสงนวลลงมากระทบกับชุดราตรีและสูทของแขกที่มาร่วมงาน พวกเขาทุกคนล้วนดูดีเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือรวมภาพงานสังคมชั้นสูง
ผมเดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ โดยมีแม่จับแขนไว้เบา ๆ
ทุกสายตาหันมาที่เรา บางคนยิ้มให้ บางคนพยักหน้ารับอย่างสุภาพ บางคน...มองด้วยแววตาประเมิน
ผมเรียนรู้สายตาแบบนั้นเร็วมาก หลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานมันคือสายตาของคนที่อยากรู้ว่าผมเป็นใคร มาจากไหน และสำคัญกับแม่บุญธรรมผมแค่ไหน
แม่แนะนำผมกับแขกหลายคน นักธุรกิจชื่อดัง
เจ้าของแบรนด์หรูๆ นักการเมืองท้องถิ่น และบุตรหลานของพวกเขา ทุกคนดูดีและพูดจาน่าฟัง แต่ผมรู้ดี...ว่าผมกับพวกเขาไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน
ผมเคยเป็นเด็กที่ไม่มีแม้แต่บัตรประชาชน เด็กที่ถูกลืมในรายชื่อรับบริจาค เด็กที่ต้องอดข้าวเพราะไม่พอสำหรับทุกคนในบ้านพักเด็กกำพร้า
และคืนนี้ ผมกลายเป็นคนที่มีงานวันเกิดหรูหรา มีเค้กสามชั้น มีแชมเปญแพง ๆ เสิร์ฟในถาดเงินแต่มันกลับรู้สึกเหมือนผมแค่ สวมบทบาท ไม่ใช่เจ้าของสิ่งเหล่านี้จริง ๆ
......................
ผมนั่งอยู่ริมระเบียงหลังจากงานเริ่มไปได้สักพักถือแก้วน้ำผลไม้ในมือ มองแสงไฟในสวนที่ประดับประดาไว้สวยงาม
ลมเย็นพัดผ่านแก้มเบา ๆ กลิ่นดอกไม้จากมุมสวนลอยมาตามลม
คืนนี้มันดูสวย เหมือนความฝันแต่ผมกลับรู้สึกโดดเดี่ยว...เหมือนตอนที่เคยนอนอยู่ในห้องรวมที่บ้านเด็กกำพร้า ไม่มีใครพูดด้วย ไม่มีใครรอผมกลับบ้าน
วันนี้ฉันมีทุกอย่างแล้วนี่นา
ผมคิด แต่ไม่รู้ทำไม ในใจยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง
ผมอยากถามใครสักคน ว่า
ถ้าผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนายแม่ถ้าวันหนึ่งนายแม่เลิกอยากดูแลผม ผมจะยังมีคุณค่าในสายตาใครอีกไหม?
......................
ผมหันกลับไปมองแสงไฟในห้องผู้คนยังคงพูดคุย หัวเราะกัน เสียงดนตรียังดังคลอ
แต่ผมยังเป็นผม
เด็กกำพร้าคนนั้น ที่แค่บังเอิญโชคดีจนได้มีชีวิตใหม่
และตอนนี้…ผมกำลังเดินอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างความฝันกับความจริง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments