แสงไฟสีแดงที่เคยกะพริบบนปลอกคอหายไปในพริบตาเดียว
และเสียง "ติ๊ก... ติ๊ก..." ที่ดังในหัวของพวกเขามาตลอดหลายปี
ในตอนแรก ไม่มีใครพูดอะไร...
ทุกคนเงียบงัน ราวกับเวลาในเหมืองหยุดเดิน
มีเพียงเสียงเครื่องจักรที่ยังหมุน เสียงเตือนภัยห่าง ๆ และเสียงหินที่ยังร่วงกราว ๆ จากเพดานเหมืองที่ใกล้ถล่ม
เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่ง ชูมือแตะเบา ๆ ที่ปลอกคอบนคอของตนเอง...
มันไม่สั่น ไม่มีเสียง ไม่มีแสง
"พ่อ..."
เธอหันไปเรียกเสียงเบา
ชายวัยกลางคนข้างเธอเบิกตากว้าง รีบคว้าปลอกคอตนเองด้วยมือสั่น
เขาลองกด ลองบิด... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาหยิบก้อนหินเล็ก ๆ มาเคาะลงบนปลอกคอ เสียงโลหะดัง แก๊ง... แต่มันไม่ระเบิด ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเสียงคำรามจากระบบควบคุม
"...มันหยุดแล้ว..."
"...มันหยุดทำงานจริง ๆ..."
"มันตายแล้วววววว!!!"
เสียงกรีดร้องหนึ่งพุ่งขึ้นจากฝูงชน
เหมือนเป็นประกายไฟ จุดไฟในทุ่งฟางแห้ง
“ปลอกคอมันดับแล้ว!!”
“เราถอดมันได้แล้ว!!”
“อิสระ!! เราเป็นอิสระแล้ว!!”
เสียงร้องตะโกนโหมขึ้นในทุกทางแยกของเหมือง
ทาสหลายร้อยคนต่างรีบวิ่งเข้าหากัน บางคนล้ม บางคนผลักไหล่กัน วิ่งไปดูเพื่อน คนในครอบครัว
เสียงร้องไห้ระงม บางคนหัวเราะ บางคนตะโกนสุดเสียง
ชายแก่คนหนึ่งใช้มือเปล่าถอดปลอกคอของภรรยาออกอย่างช้า ๆ
เมื่อมันหลุดลงพื้น โลหะกระทบหินดัง กริ๊ก
เขาสะอื้น และโผกอดเธอแน่น จูบหน้าผากเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม่คนหนึ่งกรีดร้องด้วยความดีใจ อุ้มลูกเล็กที่ไม่มีปลอกคออีกต่อไป
เด็กชายหัวเราะทั้งน้ำตา
"แม่ เรา... ไม่ใช่ทาสแล้วใช่ไหม…"
กลุ่มวัยรุ่นหลายคนรีบช่วยกันหาคีม งัดปลอกคอของกันและกัน
แม้จะเจ็บ แม้จะห้อเลือด แต่ไม่มีใครหยุด
ไม่มีใครกลัวเจ็บ เพราะ "อิสรภาพ" เจ็บแค่นี้ไม่มีค่าสำหรับพวดเขา
ในอีกฟากหนึ่งของถ้ำ
ผู้คุมบางคนเริ่มรู้ตัวว่าระบบปลอกคอถูกทำลาย
พวกมันกรีดร้องอย่างโกรธจัด ชูปืนขึ้นยิงขู่กลางอากาศ
“กลับไปที่คอก! กลับไปเดี๋ยวนี้!!”
แต่คราวนี้ ไม่มีใครก้มหัว ไม่มีใครคลานกลับไป
กลุ่มทาสชายร่างกำยำหลายสิบคนพุ่งเข้าหาพวกผู้คุม
กระชากปืน ขว้างก้อนหิน ใส่ด้วยความแค้นที่อัดแน่นมาหลายปี
หนึ่งในพวกเขากระชากปลอกคอที่ตัวเองถอดออก
ขว้างใส่หัวผู้คุมอย่างแรง
“เอานี่ไป ตราแห่งความอัปยศที่พวกแกยัดเยียดให้เรา!!!”
เสียงระเบิดยังดังห่าง ๆ เสียงหุ่นยนต์สู้กันยังดังลั่น
แต่ที่กลางเหมือง คือพลังของฝูงชนที่ตื่นขึ้น
ความกลัวค่อย ๆ กลายเป็นความกล้า
ความสับสนค่อย ๆ กลายเป็นแรงขับเคลื่อน
"พวกเราจะไม่กลับไปเป็นทาสอีกแล้ว!"
"สู้เพื่ออิสรภาพ!"
เสียงตะโกนเหล่านั้น แว่วสะท้อนอยู่ในถ้ำราวกับเปลวเพลิงไม่สิ้นสุด
สายลมพัดแรง เถ้าฝุ่นจากผืนดินแห้งแล้งปลิวคลุ้ง เงาร่างหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ห้าร่างในสีเงิน ขาว และฟ้าเงิน ยืนเรียงแถวตรงข้ามกับหุ่นสีดำสี่ตัวของกลุ่มโจรที่กำลังเคลื่อนที่เข้าประชิด
"ยืนยันเป้าหมาย พวกมันคือกลุ่ม Black Tusk"
เสียงเซย์ หัวหน้าทีมอาร์คแองเจิ้ลดังผ่านระบบสื่อสาร
"รับทราบ โหมดเตรียมรบ เปิดระบบล็อกเป้า" — คาน่าในหุ่น C-Class ชื่อ "วิงเฟรม-03" พูดตอบสั้นๆ
ทันใดนั้น หุ่นดำตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วมหาศาล แขนขวาแปรสภาพเป็นใบมีดหมุนความเร็วสูง
ฟึ่บ!
"หลบไป!" เสียงยูอิในหุ่น "รุน-057" คำราม หุ่นของเธอบุกทะลวงไปข้างหน้า
รุน-057 สไลด์ด้วยแรงขับจากเท้าพร้อมเปิดโล่พลังงาน หยุดคมมีดด้วยพลังปะทะ ก่อนสวนหมัดเข้าไปที่แกนหน้าอกของหุ่นศัตรู
ตูม!
หุ่นดำตัวนั้นระเบิดในพริบตา ฝุ่นควันปะทะทุกทิศ
"นั่นมันของปลอมชัดๆ"
อีกหุ่นศัตรูพยายามยิงสนับสนุน แต่ถูก โทริ-B2 ของเซย์ทะยานพุ่งจากท้องฟ้าลงมาปักกลางสนามรบ
"ความเร็วขนาดนี้... นี่มันไม่ใช่แค่คลาส B แล้ว!" หุ่นดำตัวที่สองเพิ่งจะเงยหน้าขึ้น โดนปืนกลหนักที่หัวโทริ-B2 รัวกระสุนพลังงานเข้าใส่
แช่กๆๆๆ! ปังงงง!
หุ่นดำตัวนั้นทรุดลงก่อนจะถูกดาบพลังงานจากโทริ-B2 แทงทะลุคอ
"สองตัวแล้ว" เซย์เอ่ยนิ่งๆ
ขณะนั้น หุ่นดำอีกสองตัวที่เหลือพยายามใช้กลยุทธ์วงล้อมบีบคั้นจากด้านข้าง แต่หุ่น C-Class ของอากิและเมย์ก็ขยับทัน
"ระเบิดเสียง!!" เมย์ตะโกน
หุ่นของเธอปล่อยคลื่นเสียงพิเศษทำให้ระบบเซ็นเซอร์ของศัตรูสั่นสะเทือน ก่อนที่อากิจะใช้หอกพลาสม่าปักทะลุเข้ากลางลำตัวของอีกฝ่าย
"เหลือตัวเดียว—"
ยังไม่ทันจะเคลื่อนตัว หุ่นดำตัวสุดท้ายก็เปิดช่องที่อก เตรียมยิงลำแสงพลังงานทำลายล้าง
วูบบบ!
ทว่า...โทริ-B2 พุ่งเข้ามาด้านหลังมันโดยไม่มีใครคาดคิด พร้อม ใช้ดาบพลังงาน แทงทะลุจากด้านหลัง
ตูมมมม!!
หุ่นดำตัวสุดท้ายระเบิดคากลางอากาศ เสียงสะเทือนดังก้องไปทั่วหุบเขา
เงียบ…
"เป้าหมายทั้งหมดถูกกำจัด" ยูอิกล่าวเสียงเย็น
ในโพรงเขาลึกที่ปกคลุมด้วยม่านตาข่ายพรางสัญญาณ คลื่นรบกวนความถี่สูง ทำให้เรือรบขนาดกลางลำหนึ่งของกลุ่มโจรสามารถซ่อนตัวอยู่ได้หลายวันโดยไม่มีใครตรวจจับ
แสงไฟสีแดงกระพริบเบา ๆ ภายในห้องควบคุม สายตาของ ไดลอส หัวหน้ากลุ่มโจรในชุดเกราะสนามดำหม่น หยุดลงที่จอมอนิเตอร์หลัก
ภาพจากโดรนสอดแนมแสดงให้เห็นฉากการสู้รบภายนอกอย่างชัดเจน หุ่นทั้งสี่ที่เขาส่งออกไป ถูกทำลายจนหมดสิ้น
"...แม่ง พวกมันมีคลาส B จริงด้วย"
เขากัดฟัน ก่อนจะหันไปตะโกนเสียงกร้าวใส่ลูกน้องในห้องสั่งการ
"ขับเรือรบขึ้น! ทิ้งฐานนี้ไปซะ! เดี๋ยวมันลากหางมายิงเราแน่!"
ลูกน้องรีบกดคันโยก เรือรบขนาดกลาง เคลื่อนตัวออกจากเงาเขาเงียบ ๆ แรงขับจากท้ายลำเริ่มปล่อยไอน้ำควอนตาเซลล์บาง ๆ ออกมา
...ทว่า การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยนั้น กลับเป็นจุดเปลี่ยน
ณ ด้านบนหน้าผาห่างไป 3 กิโลเมตร
ทหารหญิงคนหนึ่งในชุดลาดตระเวนเบา ซ่อนตัวอยู่พร้อมเครื่องมือตรวจจับพลังงานควอนตาเซลล์
“...สัญญาณมาแล้ว! สัญญาณพลังงาน Quanta Cell ระดับกลาง กำลังเคลื่อนตัวขึ้นจากจุดที่เราว่างเปล่าเมื่อ 3 นาทีที่แล้ว!”
เธอรีบกดส่งข้อมูลเข้า เครือข่ายรองผู้บัญชาการ
ในห้องบัญชาการ ของเรือรบที่พังเสียหาย ด้านใน มีเจ้าหน้าที่บางคนที่ยังอยู่ หน้าจอโฮโลกราฟิกเรืองแสงตลอดแนวผนัง
เอลิน่า หญิงสาวผมยาวสีฟ้าอ่อน ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ แต่มีร่องรอยของฝุ่นเต็มตัว เธอยืนกอดอกมองแผนที่กองบัญชาการ
“รายงานตำแหน่งเรือรบ?”
เธอถามเรียบ ๆ ขณะยังไม่หันมา
“ท่านรองครับ! หน่วยลาดตระเวน 03 ตรวจพบการเคลื่อนตัวของเรือรบโจร ขนาดกลาง รุ่น M-Type 3 จากบริเวณช่องเขาเบลดริดจ์ ตำแหน่ง ทิศตะวันตก ห่างจากนี้3.กิโลเมตร ครับ
แผนที่ 3 มิติฉายขึ้นกลางโต๊ะทันที แสดงจุดสีแดงกระพริบพร้อมทิศทางเคลื่อนที่
เอลิน่าขมวดคิ้ว
“…งี่เง่า นึกว่าจะซ่อนตัวได้ทั้งชีวิตเหรอ?”
เธอกดเปิดสายติดต่อด่วน
ส่งคำสั่งล้อมปีกตะวันตก 1 กองร้อย และเปิดช่องทางให้ ‘อาร์คแองเจิ้ล’ เข้าประกบจากด้านซ้าย”
เสียงสัญญาณเตือนภัยระดับ 3 ดังลอดทั่วภายในตัวเรือ
แสงสีส้มกระพริบเป็นจังหวะ ราวกับจังหวะหัวใจของยักษ์เหล็กที่กำลังจะตื่น
บน สะพานเรือรบ “แอสทารอน”
เธอยืนอยู่หน้ากระจกโค้งโปร่งใส มองเห็นทะเลเมฆข้างนอกกำลังปั่นป่วนด้วยแรงขับดันจากเรือ
หน้าจอโฮโลรอบตัวแสดงสภาพสนามรบเบื้องล่างแบบเรียลไทม์
"ระดับความเร็วของพวกโจรคงที่… พวกมันยังไม่รู้ว่าโดนจับตำแหน่งแล้ว"
เธอพูดเสียงเย็น ก่อนจะหันขวับไปสั่งลูกเรืออย่างเฉียบขาด
" เตรียม ‘โจปิเตอร์’ ให้พร้อมออกรบใน 90 วินาที"
ลูกเรือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับเสียงดัง
“รับทราบ! เปิดการทำงานระบบเก็บรักษาอาวุธ B-Class 03 – โจปิเตอร์!”
ในห้องเก็บหุ่นชั้นล่างสุดของเรือ
ประตูไทเทเนียมหนาหลายเมตรค่อย ๆ เปิดออก พร้อมเสียงอากาศอัดระเบิดออก
ร่างสูงกว่า 18 เมตรของ “JUPITER” (โจปิเตอร์) ปรากฏในเงาสีฟ้าเข้ม
หุ่นยนต์สีฟ้าน้ำทะเลเข้ม ทรงหนา หน้าตาเป็นเลนส์เดี่ยวกลมเรืองแสง ดวงตาสีแดงสว่างจ้าเพียงหนึ่งดวง
ที่แผ่นหลังติดปีกขนาดใหญ่ พร้อม หอบพลังงานยาวสีดำเข้ม ผิวมันเงาเหมือนศาสตราโบราณที่รอการปลดปล่อย
วงแหวนควบคุมเริ่มหมุน เสียงระบบปลุกการทำงานดังขึ้นทีละลำดับ:
"ระบบขับเคลื่อนโครงสร้าง – พร้อม"
"ระบบพลังงานควอนตาเซลล์ – พร้อม"
" เชื้อเพลิง 100%"
กลับมาที่สะพานเรือ
เอลิน่าหันไปหาทหารหญิงอีกคนที่ยืนรออยู่ใกล้ประตูพร้อมหมวกนักบินในมือ
“ส่งมันขึ้นดาดฟ้า พร้อมปล่อยตัวภายใน 90 วินาที”
“ รับทราบค่ะ รองผู้บัญชาการ!”
เสียงเครื่องยกกระหึ่มราวกับกึกก้องในอก
โจปิเตอร์ ถูกเลื่อนขึ้นมาบนแท่นพาหนะ พร้อมรางส่งออกดาดฟ้า
เอลิน่าก้าวเข้าในค็อกพิตและ พูดกับตัวเอง
“ถ้าจะจับพวกโจรให้ได้เร็วที่สุด… ก็ต้องให้พายุสีฟ้ากวาดล้างซะก่อน…”
ตาเดียวของโจปิเตอร์สว่างวาบ
เสียงโลหะกระทบกันดังก้องลั่นทั่วห้องปล่อยตัว
ประตูเหล็กไทเทเนียมที่หนากว่า1เมตรแยกออกช้า ๆ เผยให้เห็นท้องฟ้าสีเทาหม่นเบื้องนอก
ลมพัดแรงจนแผ่นพับเหล็กสั่นระริก
สายฟ้าระยะไกลแลบผ่านม่านเมฆ… ราวกับสวรรค์เองก็เตรียมต้อนรับการมาถึงของ “เทพสายฟ้าตาเดียว”
โจปิเตอร์ หุ่นรบคลาส B สีฟ้าน้ำทะเลเข้ม ก้าวออกมาที่ฐานที่ปล่อยตัวบนดาดฟ้าด้วยเสียงกระแทกของขาโลหะหนัก
รางเหล็กหนาพิเศษรองรับน้ำหนักกว่า 100 ตันได้อย่างมั่นคง
บริเวณหลังหุ่นมี “สายยึดโลหะยาวสีดำ2 เส้นที่ด้านหลัง” เชื่อมกับจุดต้านแรงดีดแบบพิเศษ
ตัวหุ่นโยงกับฐานล๊อกคล้ายสลิงยึดเครื่องบินขณะรอออกตัวจากเรือบรรทุกอากาศ
“ระบบล็อกความปลอดภัยติดตั้งแล้ว สายยึดพร้อม!”
“เช็คพลังงานควอนตาเซลล์ระดับ 2… ป้อนพลังงานเต็มร้อย!”
แสงไฟสีฟ้าจากไอพ่น5ตัว ที่หลังของโจปิเตอร์ ขยับขึ้นลงช้าๆ พร้อมกับถูกเร่งเต็มกำลัง
จากภายในค็อกพิต คำสั่งสุดท้ายก็ดังออกมาในคลื่นสื่อสารความถี่สูง
เสียงหญิงสาวดังกังวานด้วยความมั่นใจเด็ดขาด
“เอลิน่า เวอร์ดีอุส รองผู้บัญชาการกองเรือแอสทารอน”
“หน่วยเดี่ยวหมายเลข 07 – หุ่นรบ JUPITER”
“ขอใช้สิทธิปล่อยตัวฉุกเฉินลำดับสูงสุด... รหัสยืนยัน Delta-Seven-Aurelia!”
แสงสีแดงตรงช่องล็อกเปลี่ยนเป็นสีเขียวในพริบตา
สายล๊อกถูกปลดพร้อมเสียง “ฉึก!”
โจปิเตอร์กรีดฟ้าทะยานออกจากดาดฟ้าในเสี้ยววินาที
พลังงานจากขาและโครงหลักเร่งขึ้นจนเกิดเส้นแสงสีฟ้าปะทะอากาศ
แรงดีดพุ่งทะลุชั้นเมฆจนตัวหุ่นกลายเป็นประกายวาบบนท้องฟ้า
ภายในค็อกพิต
เอลิน่าจับคันควบคุมแน่น ดวงตาเธอเปล่งแสงแห่งสมาธิ
เสียงสัญญาณเตือนยังคงกรีดร้องก้องสะท้อนทั่วเหมืองใต้ดิน
ไฟฉุกเฉินสีแดงกระพริบรัวราวกับเลือดในดวงตาของปีศาจ
ประตูห้องควบคุมเปิดผาง
ไคลน์ ทะลุออกมาจากควันระเบิดด้วยใบหน้าที่เปื้อนเขม่า และสายตาแน่วแน่
พร้อมกับปืนกลเบา 3 กระบอก 2 สะพายหลัง หนึ่งถือไว้ในมือ
กลิ่นโลหะไหม้จากระบบระเบิด EMP ยังคลุ้งอยู่ทั่วเสื้อผ้า
หัวใจเต้นระรัวเหมือนจะระเบิดตามไปทุกเมื่อ แต่ขาเขายังวิ่งลงมาจากชั้น16 ผ่านยามเขาทำได้แค่แอบและรพวกยามวิ่งผ่านไป
เพราะความโกลาหลของทาสที่เป็นอิสระ
เหล่าทาสนับร้อยที่เพิ่งถูกปลดปลอกคอ ต่างพากันตะโกน ร้องไห้ วิ่งหนี หรือพุ่งเข้าหาอาวุธ
บางคนกอดกัน
บางคนยืนงงไม่รู้จะไปทางไหน
แต่ไคลน์ไม่มีเวลาให้หยุดดู
ก่อนจะพุ่งฝ่าฝูงชนวิ่งตรงไปยังทางเดินเหล็กด้านตะวันตกของเหมือง
ทาสบางคนหันมามองเขาในขณะไคลน์กระโจนข้ามกล่องเสบียง
บางคนยื่นมือมาหาเขา
แต่เขาทำได้เพียงสบตา และปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจด้วยตัวเอง
ตึง!
ครืน...ปัง!
เสียงเสาเหล็กถล่มใกล้ ๆ
เศษซากและฝุ่นปลิวฟุ้ง ไคลน์เบี่ยงตัวหลบอย่างหวุดหวิด
จากนั้นก็พุ่งต่อไปโดยไม่ลังเล
แสงไฟวาบหนึ่งสาดผ่าน
และเขาเห็น โรงเก็บหุ่นอยู่ไม่ไกลแล้ว
ราวกับสายเลือดกลับมาไหลอีกครั้ง
ไคลน์กัดฟันแน่น
กระชับปืนในมือ วิ่งเข้าใกล้ประตูโลหะหนาหนักของโรงเก็บที่ปิดสนิท
เขาไม่รู้ว่าภายในมีใครยังรอด
แต่ใจเขาเชื่อว่า เรนกับไอรินจะไม่เป็นอะไร
และเท้าของเขายืนยันคำตอบนั้นด้วยการเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น
ภายในโถงทางเข้าก่อนถึงโรงเก็บหุ่น
แสงไฟฉุกเฉินสีแดงสลับขาวกะพริบรัว
เสียงประกาศฉุกเฉินยังดังก้อง
กลิ่นควัน กลิ่นฝุ่น และเสียงฝีเท้าของผู้หลบหนีประสานกันราวกับการล่มสลายของทั้งอารยธรรม
ตึง…!
ไคลน์ พุ่งเลี้ยวมุมเข้ามาในทางเดินสุดท้ายประตูโรงเก็บเก่าอยู่ตรงหน้าแล้ว เหลืออีกไม่กี่เมตร
แต่ไม่ทันที่เขาจะเรียกชื่อเพื่อน…
เพล้งงง!
เสียงแหลมจากเหล็กกระทบกับพื้นเหล็กดังขึ้น!
ร่างไคลน์เซไปทางขวา
เมื่อเหล็กเส้นยาวพุ่งปะทะเข้ากับไหล่ซ้ายของเขา!
“ใครวะ!?”
เสียงตะโกนของโคลน์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงหอบหายใจแรง ด้วยความโกรธ
ไคลน์ทรุดลงเล็กน้อย กัดฟันแน่น ก่อนเงยหน้าขึ้นทันที
“ไคลน์หรอ?"
เรน หนุ่มผมสั้นยุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นดำ
เขาชะงักทันที เหงื่อไหลพราก
“บ้าชิบ…! ฉันนึกว่าเป็นพวกยาม!”
ไอรีนในอีกฟากหนึ่งของห้อง หลบหลังลังพัสดุ บีบคอขวดแก๊สฉุกเฉินไว้แน่น
เธอผ่อนลมหายใจด้วยสีหน้าโล่งอก
ไคลน์ยกมือทั้งสอง ยื่นอาวุธให้
“ไม่มีเวลาพูดมาก อ้าวรับนี่ไป!”
ปืนกลเบาขนาดสั้น 2 กระบอก ถูกยัดใส่มือเรนและไอรีน
พร้อมกับ วิทยุสื่อสารขนาดจิ๋ว อีกสองเครื่อง
เขาหันไปทางแผงควบคุมประตูที่ปิดตาย
รูดบัตรผ่านสีเหลืองอำพันเข้าไปทันที
ติ๊ด... กึ่ก… กรรรร…!
ประตูโลหะหนาหนักค่อย ๆ ขยับขึ้น
เผยให้เห็นภายในโรงเก็บเก่าที่ถูกปล่อยร้าง ด้านหลังสุดของโรงเก็บหุ่นเบลฟอร์ซV3 และ ลูเมีย อยู่ด้านใน
อุปกรณ์ยังวางกระจัดกระจายเหมือนไม่มีใครเข้าไปนาน
“ฉันจะไปเอา แคปโดเซอร์ K-7 ที่โรงเก็บฝั่งเหนือ”
“พวกนาย…ไปที่อุโมงค์ด้านหลัง ที่เคยถูกทิ้งร้าง”
ไคลน์หันมามองเรนและไอรีนตรง ๆ ด้วยแววตาแน่วแน่
“จำได้นะ? อุโมงค์เก่าเบอร์ 9…ฝั่งที่เคยถล่มนั่นแหละ เส้นทางหนีอยู่ที่นั่น”
เรนพยักหน้าแน่น
ไอรีนบีบมือเขาเบา ๆ ก่อนพูดเสียงสั่น
“ระวังตัวด้วย ไคลน์…”
ไอรีนพูดด้วยน้ำเสียงลังเล
ไคลน์ไม่พูดอะไรอีก
แค่สบตา แล้วยกปืนขึ้นพาดหลัง กำมือแน่น แล้วหันหลังวิ่งออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของฐาน
เสียงฝีเท้าของเขา กลืนหายไปในเสียงสัญญาณเตือนและเสียงโกลาหลของการกบฏที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ปลายหอกของหุ่น จูปีเตอร์ เสียบเข้ากับเกราะของเรือรบของโจรจนลำเรือสั่นสะเทือน
ตูมมม!!
เปลวเพลิงลุกไหม้จากด้านท้ายเรือ
ห้องควบคุมเริ่มเอียง ระบบอาวุธขัดข้อง
จอมอนิเตอร์ในสะพานเรือแสดงคำว่า “ระบบเสียหาย 78%” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เอลิน่า เวอร์ดีอุส เหลือบมองตัวเลขบน HUD ก่อนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“เบี่ยงขวา ยิงกดดันอีกครั้ง! เป้าหมายคือห้องเครื่องหลัก ทำให้พวกมันหนีไม่ได้!”
โทริ-B2 พุ่งเข้าโจมตีจากด้านบน ปล่อยคานพลังงานใส่หัวเรือ
ขณะที่ รุน-057 ลากอาวุธเจาะเข้าไปยังจุดเปราะด้านข้าง
หุ่นคลาส C อีกสามเครื่องของอาร์คแองเจิ้ลกระจายตัว ปิดเส้นทางหลบหนี
ในอีกฟากหนึ่งของเรือ
ประตูโรงเก็บหุ่นแง้มออก เสียงฝีเท้าหนักกระแทกกับพื้นเหล็ก
ชายผมแดงตัวสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นก้าวเข้ามา
“พวกมันจะคิดว่าแค่นี้จบเกมแล้วงั้นเรอะ…”
เขาคือ ไดลอส หัวหน้ากลุ่มโจรนรกเหล็ก
ฝ่ามือกระแทกแผงควบคุมโรงเก็บ หุ่นรบขนาดใหญ่สีดำแดงถูกเลื่อนขึ้นจากแท่น
โซกาเรโอ หุ่นคลาส B ทรงพลังสูง
โครงสร้างเน้นเกราะหนัก ลำตัวกว้าง แขนข้างซ้ายเป็นโล่ขนานใหญ่ และละอีกข้างมีขวาน ยักษ์และที่เด่นที่สุดขคือส่วนหัว หัวสิงโตตัวผู้ ที่ทำจากโลหะสีดำ
ด้านหลังมีแบ็คบูสเตอร์สำหรับพุ่งทะลวงระยะประชิด
“โซกาเรโอ... แกยังจำวิธีฆ่าศัตรูที่เหนือกว่าด้วยไฟโทสะได้ไหม?”
เขากระโดดเข้าไปในห้องนักบิน ระบบเครื่องยนต์เริ่มทำงาน
หน้าจอส่องแสงสีแดงฉาน ข้อมูลสภาพเรือรบวิกฤตวิ่งอยู่ทุกมุมจอ
ไดลอส กัดฟันแน่นพร้อมกำหมัดที่คันบังคับ
“พวกผู้หญิงนั่นจะต้องจำชื่อข้าไว้! ไดลอสแห่งเหล็กนรก!!”
ระบบล็อคอิน: ยืนยันตัวผู้ขับขี่ ไดลอส โซกาเรโอ พร้อมปฏิบัติการ
เสียงคำรามของเครื่องยนต์โซกาเรโอกระแทกอากาศ
พื้นเหล็กของโรงเก็บสั่นสะเทือน ร่างมหึมาเริ่มขยับ
ฝูงหุ่นโจรที่เหลืออยู่เปิดทางให้ ผู้นำของพวกมันออกไปสู้เป็นครั้งสุดท้าย
บนท้องฟ้า เอลิน่าเหลือบเห็นสัญญาณพลังงานใหม่พุ่งทะลุขึ้นจากเรือรบที่กำลังพัง
เรดาร์บน HUD แจ้งเตือน: "SIGNATURE B-RANK DETECTED – CLOSE COMBAT TYPE"
เธอหรี่ตา มองเห็นเงาร่างขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาพร้อมเปลวควันดำ
หุ่นโซกาเรโอกระแทกพื้นดาดฟ้าของเรือที่กำลังเอียง
ฝ่าเท้าเหล็กจมลงกับเกราะ เรียกเสียงโลหะกรีดร้อง
ไดลอส เปิดไมค์ตะโกนออกมาเสียงแหบ
“ใครก็ตามที่ขวางกูจะตาย!! แกจะเป็นรายแรก!”
เสียงฝีเท้าวิ่งอย่างเร่งรีบสะท้อนก้องในอุโมงค์เหล็ก
ไฟฉุกเฉินสีแดงกระพริบต่อเนื่อง คล้ายเตือนให้รู้ว่าทุกวินาทีคือความเป็นความตาย
ไคลน์มุ่งหน้ามายังโรงเก็บหุ่นขุดเจาะ แคปโดเซอร์ K-7
มือเขากำปืนกลเบาแน่น ข้างหลังคือเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงร้องจากเหล่าทาสที่เริ่มก่อกบฏ
“อีกไม่ถึงร้อยเมตร… ต้องไปให้ถึง…”
แต่ทันใดนั้น
“หยุดตรงนั้น!”
เสียงตะโกนกร้าวจากยามสองนายที่ยืนด้านหลังเขา ไคลน์หัดกลับไปมอง
ทั้งคู่สวมชุดเกราะเบา ติดปืนอัตโนมัติในมือ พร้อมจะยิงทุกเมื่อ
“แกมันทาส! ฆ่ามันซะ"
ปัง!ปัง!ปังๆๆๆๆๆ!
ไคลน์ไม่มีเวลาให้คิด
เขากระโดดหลบเข้าแนวท่อเหล็ก พร้อมชูปืนกลเบาขึ้นเหนี่ยวไก
ปัง! ปัง! ปังๆๆๆๆๆ!
ลูกกระสุนพุ่งออกไปเป็นชุด กระทบกับเกราะและพื้นเหล็กจนเกิดเสียงสนั่น
หนึ่งในยามล้มลงไปชั่วครู่ แต่อีกคนยังยิงตอบสวนกลับมา
เพร้ง! เพร้ง! ปัง!
เศษโลหะกระเด็นกระดอนข้างหัวไคลน์ เขาฝืนใจย้ายตำแหน่ง วิ่งเปลี่ยนมุมยิงอีกครั้ง
แกร๊ก...
“กระสุนจะหมดแล้ว…”
เสียงอันแห้งผากจากไกปืนบอกชัด ถึงปืนกลเบาที่กระสุนเพิ่งจะหมดแม็ก
ยามคนหนึ่งแสยะยิ้ม ก้าวออกมาจากหลังเสาคอนกรีต
“จบแล้ว ไอ้เวร!”
แต่ไคลน์ไม่ได้หวั่น
เขาชัก ปืนพกพกติดตัว ออกมาในเสี้ยววินาที
เงื้อขึ้นยิงอย่างรวดเร็ว
ปัง!
กระสุนนัดแรกเจาะเข้าต้นคอของยามคนที่สอง เขาทรุดลงกับพื้น
เลือดไหลนองพื้นเหล็ก กลิ่นไหม้ของดินปืนคละคลุ้ง
ไคลน์ยืนหอบอยู่ท่ามกลางความเงียบที่กลับมาอีกครั้งก่องจะเดินไปหายาม ที่ถูกเขายิงคนแรก
มือเขายังสั่นเล็กน้อย แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
อย่าฆ่าฉันเลย ....ฉันยังมีลูกมีเมี..
ปัง!
“ เรื่องของมึง"
เขาวิ่งต่อไปที่โรงเก็บ ที่อยู่ไม่ไกล
ควัก คีย์การ์ดระดับ B เสียบลงในร่อง
ติ๊ด… ตู๊ดดด... ก๊อกกกกกกก!
ประตูเหล็กขนาดมหึมาเลื่อนเปิดออก
เบื้องหน้ามีหุ่น ขุดเจาะรุ่นเก่ามากมาย เมื่อเดินไปด้านหลังโรงเก็บจะเจอ แคปโดเซอร์ K-7 ยักษ์เหล็กที่เคยเป็นเพียงเครื่องมือขุดหิน
แต่วันนี้… มันจะกลายเป็นอาวุธเพื่อทำลายโซ่ตรวน
โปรดติดตามตอนต่อไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Ning Dhiroh
ฉันติดใจเรื่องนี้มาก แอดครับช่วยอัพเร็วๆ
2025-07-17
0