[Hope Lives] - ความหวังที่มีชีวิต
[บทที่ 1 ]
*ท่ามกลางสมรภูมิเดือดของสนามรบ*
//เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวทั่วทั้งแนวรบ เศษดิน เศษเหล็กกระเด็นขึ้นกลางอากาศ ร่างของทหารคนนั้น—ร่างกายเปรอะเปื้อนด้วยโคลนและเลือด—ยังคงวิ่งต่อไป ฝืนลมหายใจที่รัวถี่ แขนข้างหนึ่งกอดปืนแน่น อีกข้างกอดผ้าขาวที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อและเลือดอย่างระมัดระวัง
ในอ้อมแขนนั้น...เสียงร้องเบาๆ ดังลอดออกมา
“อื๊อ...”
//เด็กทารก...ใช่—ทารกตัวน้อยๆ ถูกห่อเอาไว้ในผ้าขาวนั่น...ดวงตาใสยังไม่เข้าใจโลกเบื้องหน้าว่าโหดร้ายเพียงใด
เสียงฝีเท้าศัตรูตามมาติดๆ...เสียงกระสุนแหวกอากาศเฉียดหัวไปนิดเดียว...
ปัง! ปัง!
//เขากัดฟันแน่น วิ่งพลางหอบหายใจแรง น้ำตาเอ่อคลอแต่ยังไม่ปล่อยให้ไหล...เพราะตอนนี้—เขาต้องรอด...ไม่ใช่เพื่อเขาเอง...แต่เพื่อลมหายใจเล็กๆ ในอ้อมแขนนี้...
“...อีกนิดเดียว...อดทนไว้...ลูกพ่อ..."
//เขากระโจนลงหลบหลังซากรถถังพังๆ เสียงร้องของเด็กดังขึ้นอีกนิด เสียงที่เหมือนตอกย้ำว่าความหวังเล็กๆ ยังมีอยู่กลางนรกของสนามรบนี้
ฟ้าครึ้ม ฝนเริ่มโปรยลงมา กลบเสียงปืนและเสียงกรีดร้องของความตายไว้ชั่วครู่
แต่สงครามยังไม่จบ...และการหนียังไม่สิ้นสุด...
//มือหยาบกร้านที่เต็มไปด้วยรอยแผลจากดินปืนและการเอาตัวรอด—สั่นเล็กน้อยขณะโอบกอดร่างเล็กนั่นไว้แน่น...ดวงตาของชายผู้นั้นแดงก่ำ น้ำตาปริ่มขอบตาแต่ยังคงฝืนไว้...เขาแนบใบหน้าลงบนผ้าขาวชื้นนั่น รู้สึกถึงไออุ่นเล็กจางๆ ที่ยังคงมีชีวิตอยู่
“...อย่าร้องนะเด็กดี...ได้โปรด...อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น...”
//เสียงหายใจของเขาขาดเป็นช่วง ๆ ราวกับปอดกำลังจะล้มเหลว—แต่เขายังกอดแน่น เหงื่อผสมเลือดไหลผ่านขมับ...กลิ่นคาวโลหิตกับกลิ่นฝนชื้นแฉะคลุ้งในอากาศ
เขาเอนหลังพิงซากรถถัง สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดราวกับจะกลืนความกลัวและความสิ้นหวังลงไปพร้อมกัน
//เด็กน้อยในผ้าเหมือนจะรับรู้ถึงความสั่นไหวของอกเขา...ร่างเล็กขยับนิด ๆ พร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ...
“แฮ่...อือ...”
//เสียงเล็กแค่นั้น—แต่ราวกับฟ้าผ่าใส่ใจคนเป็นพ่อ...
“...พ่ออยู่นี่...พ่อยังอยู่ตรงนี้นะ..."
//เขาก้มลงจูบหน้าผากของเด็กผ่านผ้าขาว...ก่อนจะสูดหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วตัดสินใจ...
เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง...แม้ขาจะสั่น...แม้เลือดจากแผลที่ต้นขาจะยังไหล...เขาก็จะเดินต่อ...
ไม่ใช่เพื่อชัยชนะของสงคราม...
แต่เพื่อชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่บอบบางที่สุดในอ้อมแขนของเขา...
//เสียงหวีดของกระสุนยังไม่หยุดพัก—มันพุ่งเฉียดหู เสียบต้นไม้ และเจาะพื้นดินเป็นหลุม...แต่เขาไม่หยุด! เขาไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองด้านหลัง...
ร่างของเขาเหมือนพายุฝ่าความตาย ตะเกียกตะกายข้ามเนินโคลน วิ่งตัดพุ่มไม้ ตะโกนด้วยเสียงอัดแน่นของความสิ้นหวัง
“เฮือก—!! แค่...อีกนิดเดียว...!”
//สายฝนยังคงกระหน่ำลงบนไหล่ของเขา กลบเสียงปืน กลบเสียงระเบิด—แต่ไม่อาจกลบเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวของพ่อคนหนึ่ง...และของเด็กทารกที่หอบอ้อมแขนเขาอยู่
ตรงหน้าเขา....ลำธาร! น้ำใสเย็นเชี่ยวไหลผ่านผาหิน เสียงน้ำดังชัดเจนท่ามกลางเสียงสงครามที่ไกลออกไปทีละก้าว
//เขากระโจนพุ่งเข้าไปทันที...น้ำเย็นกระเซ็นขึ้นถึงเอว—แต่เขาไม่หยุด...เดินลุย ฝ่ากระแสน้ำจนถึงอีกฝั่ง ขณะเสียงระเบิดดังตามหลังมาติดๆ!
ตูมมม!!!
เศษดินและสะเก็ดระเบิดกระเด็นเข้าใส่หลังเขา จนเซถลา ล้มกลิ้งไปพร้อมร่างเล็กในมือ...แต่เขายังคงใช้ร่างตัวเองรองรับไว้เต็มแรง
//เขากัดฟันแน่น เลือดจากแผ่นหลังไหลไม่หยุด...แต่แขนทั้งสองยังกอดเด็กน้อยไว้ไม่ยอมปล่อยแม้แต่นิดเดียว...
“แค่...ถึงนี่...พ่อก็จะไม่ปล่อยแล้ว...เข้าใจไหม...?”
//เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนสันเขาเบื้องหน้า—ที่นั่น...คือเขตป่าหลังแนวรบ—เขตปลอดภัย...
“...อดทนหน่อยนะ...ลูกพ่อ...”
แล้วเขาก็ฝืนขาอันสั่นระริกอีกครั้ง—เดินต่อไป...ในขณะที่โลกเบื้องหลังยังคงลุกเป็นไฟ...
........
ปัง!
...........
เสียงกระสุนนัดสุดท้าย...แหลมคม เย็นเยือก เจาะเข้าไปในกะโหลกด้านหลังของเขาราวกับโลกหยุดหมุนในชั่วขณะ
//ร่างของเขาชะงักกึก...ดวงตาที่เคยมีแสงของการดิ้นรน...พลันเบิกโพลง
//เลือดพุ่งเป็นสาย...ก่อนที่เขาจะล้มลงทั้งยืน—ร่างหนาหนักร่วงกระแทกพื้นดัง ตุบ—แต่แขนของเขา...
ยังไม่ปล่อย...
...เด็กทารกในผ้าขาวยังคงถูกโอบไว้ในอ้อมแขนแน่นหนา ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนจากแรงล้ม หรือสะเก็ดจากสงครามรอบข้าง...
//ร่างของผู้เป็นพ่อแน่นิ่งอยู่ตรงชายป่า...ใบหน้าฟุบลงกับพื้นชื้นเปียก เสียงฝนตกซ่าๆ ปะทะหลังเขาที่บัดนี้แหว่งวิ่นด้วยรูกระสุน...
...และในอ้อมแขนนั้น...
“งืมม...”
เด็กน้อยยังคงหายใจ...ดวงตาเล็กกระพริบปริบๆ สั่นกลัว...แต่ยังมีชีวิต
//เสียงกระสุนค่อยๆ ห่างออกไป...
เสียงฝนเริ่มกลบทุกสิ่ง...
เหลือเพียงเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ของชีวิตหนึ่ง...และศพที่ยังกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
…แม้ตายไปแล้ว...
แต่อ้อมแขนนั้นยังปกป้องเธอจนวินาทีสุดท้าย
....
//เสียงฝนซัดกระทบใบไม้เบื้องบน พรางเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาของทหารนายหนึ่งในชุดพรางเปียกปอนไปทั้งตัว...
เขาก้าวออกจากพุ่มไม้ช้าๆ ปืนในมือเล็งต่ำแต่มั่นคงสายตาเพ่งไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น…
...ศพของชายคนหนึ่ง...ในอ้อมแขนของเขา มีผ้าขาวห่อบางสิ่งเอาไว้แน่นหนา...แม้จะหมดลมหายใจไปแล้ว แต่แขนยังคงโอบมันไว้แน่นไม่ยอมคลาย
//ทหารคนนั้นขมวดคิ้ว หยุดอยู่ห่างไม่เกินสองเมตร ปลายนิ้ววางอยู่บนไกปืน...ก่อนจะสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งแล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไป
เสียงร้องเบาๆ ดังลอดจากในผ้าขาว...
“ฮึก...แฮ่...อื้อ...”
"...เดี๋ยว...เสียงนั่น..."
//เขารีบทรุดตัวลงช้าๆ เลื่อนปลายปืนออกจากศพ แล้วค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดผ้าขาวนั่น...
และทันทีที่เขาเห็น...
“...ทารก...?”
//ดวงตาเล็กๆ ของเด็กน้อยสบกับเขาโดยตรง—ไม่มีความเข้าใจ ไม่มีความกลัว—แค่ความบริสุทธิ์...ท่ามกลางนรกสงคราม...
ทหารคนนั้นชะงักไป...กลืนน้ำลายอึกใหญ่…แล้วหันมองไปยังร่างของชายผู้ล้มตาย
...แผลกลางกระหม่อม...ทะลุออกด้านหน้า...ไม่มีโอกาสได้รู้ด้วยซ้ำว่าเขาตายไปแล้ว...แต่แขนที่กอดลูกเอาไว้—ยังแน่นราวกับคำสัญญาสุดท้าย
"เขา...ปกป้องเด็กนี่...จนถึงวินาทีสุดท้าย..."
//ทหารคนนั้นค่อยๆ วางปืนลง ดึงผ้าขาวให้แน่นขึ้นอีกนิด แล้วอุ้มเด็กน้อยไว้แนบอกเบาๆ...
“...นายตายแล้ว...แต่นายก็ทำสำเร็จ...”
//เขาเงยหน้าขึ้นมองผืนฟ้าที่มืดครึ้ม...ก่อนจะก้มลงมองใบหน้าของเด็กอีกครั้ง...
“...ฉันจะรับช่วงต่อเอง...”
แล้วเขาก็ลุกขึ้น—อุ้มชีวิตน้อยๆ ไว้แน่น—ก่อนจะหันหลังให้ศพนั้น.....และเดินต่อ...ฝ่าฝน...เข้าสู่ป่าเงียบงัน...ที่อาจจะยังพอมีความหวังรออยู่ข้างหน้า...
//เสียงฝีเท้าแน่นหนักแต่มั่นคงของทหารคนนั้นฝ่าฝนและโคลนกลับไปยังแนวป่าเบื้องหลัง—ที่ซึ่งพรรคพวกของเขากำลังตั้งแนวป้องกัน รอการกลับมาของหน่วยลาดตระเวน...
แขนข้างหนึ่งอุ้มเด็กน้อยไว้แนบอก ขณะที่อีกมือถือปืนไว้ในท่าพร้อมใช้งาน แต่ดวงตาของเขายังคงเหลือบมองใบหน้าเล็กๆ ที่หลับตาพริ้มในผ้าขาวชื้น
“เจ้าตัวน้อย...เกิดมาท่ามกลางนรกแบบนี้...แต่ยังรอดมาได้...”
//เขากัดฟันแน่น หอบหายใจเป็นช่วง ๆ จากการเดินลุยน้ำฝนและภูมิประเทศที่โหดร้าย...แต่ยังไม่หยุด
เสียงวิทยุดังแทรกขึ้นจากกระเป๋าข้างเอว
[ศูนย์ถึงหน่วยสอง...รายงานตำแหน่งด่วน...]
เขาหยิบขึ้นมากดปุ่มสื่อสารเสียงแตกพร่า
“หน่วยสอง...กำลังกลับจุดนัดพบ...พบเด็กหนึ่งราย...และผู้เสียชีวิตหนึ่ง...”
[ยืนยันอีกครั้ง...เด็ก?]
“ยืนยัน—เด็กทารก…ถูกโอบไว้ในอ้อมแขนของศพทหารนิรนาม...”
//เสียงวิทยุเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะมีเสียงสั่งกลับมา
[รีบนำกลับฐาน—แพทย์รอรับอยู่ รหัสเคลียร์!]
เขาไม่ตอบอะไร นอกจากเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก...
//เสียงสายฝนยังคงดังลงบนผืนโลก...แต่เสียงฝีเท้าของเขา—กลับหนักแน่นขึ้นทุกย่างก้าว
เบื้องหน้า เริ่มเห็นเงาของกองทัพเบื้องหลังแนวไม้ ทหารอีกหลายนายหันมามองเขา
“เฮ้! กลับมาแล้ว!”
.....
“นั่น...อะไรอยู่ในแขนน่ะ?”
//เขาก้าวเข้าไปใกล้พวกเขา พร้อมกับสายตาที่จริงจังแต่แฝงความอ่อนโยน...
“ชีวิตหนึ่ง...ที่ใครบางคนยอมตายเพื่อรักษาไว้”
//พวกเขาต่างมองหน้าเขากับเด็กคนนั้นเงียบๆ ก่อนที่หนึ่งในแพทย์สนามจะรีบวิ่งเข้ามารับตัว
...และท่ามกลางความวุ่นวายเบื้องหลัง
เสียงหวีดกระสุน เสียงคำสั่ง เสียงการรักษาพยาบาล...
ร่างเล็กของเด็กคนนั้น...ก็ยังคงหายใจอยู่...
เพราะใครบางคนได้พาเธอข้ามผ่านขุมนรกมาได้อย่างปาฏิหาริย์.
//เสียงฝีเท้าของเขาเหยียบย่ำเข้ามากลางค่าย
ฝ่าฝน...ฝ่าโคลน...และฝ่าความตกตะลึงของผู้คนที่ยืนอยู่รอบแนวลวดหนาม
"นั่นเด็กจริงๆ เหรอวะ..."
"เฮ้ย ไอ้นั่นมันแบกเด็กมา..."
"ในสนามรบเนี่ยนะ...?"
พวกทหารที่เพิ่งกลับจากแนวหน้า บางคนกำลังล้างเลือดออกจากอาวุธ บางคนพันแผลตัวเองอยู่ แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินกลับมาพร้อมสิ่งเล็กๆ ในอ้อมแขน—ทุกเสียงค่อยๆ เงียบลง
//สายตาหลายสิบคู่จ้องมองไปยังร่างในอ้อมแขนของเขา
เด็กน้อยนอนหลับตาพริ้มอยู่ในผ้าขาวที่ชุ่มน้ำและกลิ่นเลือด แต่ยังคงขยับหน้าเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่า...เขายังมีชีวิต
"พระเจ้า..."
"นี่มันอะไรกัน...ไอ้หมอนั่นแบกเด็กฝ่ากระสุนกลับมาได้ยังไง..."
เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นรอบๆ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มากนัก ทุกคนเหมือนถูกตรึงไว้กับภาพตรงหน้า
//หนึ่งในนายทหารระดับสูงเดินออกมา ดวงตาจริงจังจ้องไปที่เด็ก แล้วเงยหน้าขึ้นมองชายผู้แบกเขากลับมา
"เล่ามา...เกิดอะไรขึ้น"
เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง...ก่อนจะพูดเสียงนิ่ง ชัดถ้อยชัดคำ
"ผมเจอศพทหารนิรนาม ร่างถูกยิงทะลุหัว...แต่แขนยังคงกอดเด็กคนนี้ไว้แน่น..."
เขาหยุด สูดลมหายใจแน่น ก่อนกล่าวต่อ
"เขาแบกลูกมาทั้งทาง...ฝ่ากระสุน ฝ่าระเบิด...เพื่อให้เด็กนี่มีโอกาสรอด"
//เงียบ...
เงียบทั้งค่าย
ไม่มีใครพูด ไม่มีใครขยับ ไม่มีแม้แต่เสียงฝนที่จะกลบความรู้สึกได้...
ทุกคนมองไปยังเด็กทารกคนนั้น...กับแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ความตกใจ...และความเคารพ
"เขา...คือฮีโร่" ใครคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ
"...ไม่ใช่เพื่อชาติ...แต่เพื่อชีวิตเล็กๆ หนึ่งชีวิต..."
และในค่ำคืนอันมืดมิดกลางสนามรบ
เสียงหัวใจของเด็กน้อย...ก็ยังคงเต้นต่อไป
—ในอ้อมแขนใหม่ที่สืบทอดเจตนารมณ์ของผู้ล่วงลับ. —
//ท่ามกลางวงล้อมของทหารที่ก้าวเข้ามาดูด้วยความอึ้งและระคนระวัง...สายตาหลายคู่เพ่งมองลงไปยังเด็กน้อยในอ้อมแขนของเขา ร่างเล็ก ๆ ที่นอนซบแน่นิ่งอยู่ใต้ผ้าขาวสะอาดซึ่งตอนนี้เปื้อนฝุ่น ฝน และเลือดจากสงคราม...
“มัน...เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงวะ?”
“เด็กคนนี้ชื่ออะไร...รู้มั้ย?”
“เกิดมายังไงในสนามรบแบบนี้?”
//เสียงคำถามดังขึ้นเบาๆ สลับกับเสียงหายใจขาดๆ ของทหารที่แบกเด็กมา เขาเงยหน้ามองเพื่อนร่วมรบ ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่รู้...ไม่รู้ชื่อ ไม่รู้เพศ ไม่รู้อะไรเลย...”
//เขาก้มลงมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ตอนนี้กระพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงงจากเสียงรอบตัว ราวกับรับรู้ว่าตัวเองกลายเป็นจุดสนใจแล้ว
หนึ่งในพยาบาลสนามเดินเข้ามาเบา ๆ คุกเข่าลงข้างเขา เอื้อมมือมาแตะผ้าขาวก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกอย่างระมัดระวัง
“เดี๋ยวนะ ขอฉันดูหน่อย...”
//ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ...ก่อนที่พยาบาลคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“...เป็นเด็กผู้หญิง”
เสียงฮือฮาเล็ก ๆ ดังขึ้นรอบวง
“เด็กผู้หญิงเรอะ...”
“กลางสนามรบเนี่ยนะ?”
“...โคตรปาฏิหาริย์”
//ทหารบางคนที่เคยถือปืนมือเปื้อนเลือด...กลับค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง ล้อมรอบเหมือนกลัวว่าเสียงลมหายใจของพวกเขาเองจะทำให้เด็กน้อยตกใจ
“นี่แหละ...สิ่งที่ยังเหลืออยู่จากมนุษยธรรม...ในโลกที่เต็มไปด้วยความตาย...” ใครบางคนพึมพำเบาๆ
//เด็กน้อยกะพริบตาอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองทุกคนด้วยดวงตากลมโตใสซื่อ...แล้วยิ้มบาง ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว
...และแค่เพียงรอยยิ้มเล็ก ๆ แบบนั้น—ก็ทำให้เหล่าทหารผู้กร้านผ่านความตาย...
แทบจะลืมไปเลยว่า...พวกเขาอยู่ในสงคราม.
//เสียงฝนเริ่มเบาลง...แต่เสียงหัวใจของเหล่าทหารที่ล้อมวงดูเด็กหญิงน้อยกลับดังกว่าทุกอย่าง—ดังก้องอยู่ในอก
บางคนถอดถุงมือออก หยิบขนมจากกระเป๋าเสื้อมาแกะอย่างเงอะงะ แล้วยื่นให้เด็ก
"กินได้มั้ยวะ?"
"เอ็งคิดว่าเด็กอายุแค่นี้จะแทะขนมอบกรอบได้รึ?"
"ก็...กูแค่อยากให้ไรสักอย่าง..."
//ชายคนนั้นยิ้มแหยๆ ขณะเก็บขนมกลับใส่กระเป๋า บางคนเอาเหรียญพกติดตัวออกมาวางไว้ข้างๆ ผ้าอย่างเงียบๆ—เหมือนมอบโชคเล็กๆ ให้ชีวิตใหม่
เสียงแว่วจากพยาบาลสนามดังขึ้นอีกครั้ง
"เธอไม่มีชื่อใช่ไหม?"
//ทุกคนเงียบ...
พยาบาลเงยหน้าขึ้นมองเหล่าทหารรอบตัว แล้วเอ่ยช้า ๆ
"...งั้นเราตั้งให้เธอกันมั้ย?"
"ตั้งชื่อ?"
"ใช่..."
"ชื่อที่ไม่มีสงครามอยู่ในนั้น..."
//มีคนหนึ่งขยับปากเหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วกลับนิ่งไป
...และทหารผู้แบกเด็กกลับมาก็เอ่ยเสียงแผ่วเบา...
“โซล...”
//หลายคนหันมามองเขา...สายตาฉงนปะปนกับความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก
“เพราะเธอ...เหมือน ‘จิตวิญญาณ’ สุดท้าย...ที่ยังบริสุทธิ์อยู่ในนรกนี่...”
เงียบอีกครั้ง...ก่อนจะมีใครบางคนยิ้ม มองหน้าเด็ก
“โซล...ดีว่ะ”
“ยัยหนูโซล...”
“เด็กเกิดใหม่จากนรกบนดิน...”
“ไม่สิ—ต้องเรียกว่านางฟ้าจากสมรภูมิ”
//เสียงหัวเราะแผ่วๆ หลุดจากปากใครบางคน—ไม่ใช่เย้ยหยัน...แต่เป็นเสียงหัวเราะแรกในรอบหลายวันของคนที่เอาชีวิตรอดจากนรกมา
เด็กหญิงโซลขยับตัวเล็กน้อยในอ้อมแขน...ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ดวงหน้ายังนุ่มนวล ไม่สะทกสะท้านต่อความวุ่นวายรอบตัว
...และไม่ว่าเธอจะจำอะไรไม่ได้เลย...
แต่เธอจะโตขึ้นโดยมีชายคนนั้นเป็นตำนาน
ตำนานของ "ผู้ที่กอดเธอไว้...แม้ในวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ"
และเหล่าทหารทั้งหลาย...จะไม่มีวันลืม
ว่าในวันที่โลกพังทลาย...
เด็กหญิงคนหนึ่งรอดมาได้
—และกลายเป็นความหวังเพียงหยดสุดท้าย...ของพวกเขาทุกคน.
//ท้องฟ้าค่อย ๆ เปิด...แสงแดดอ่อน ๆ ทะลุม่านเมฆลงมากระทบพื้นโคลน สะท้อนกับหยดน้ำฝนที่เกาะตามใบไม้ เป็นประกายวาววับ
ในวงล้อมของเหล่าทหาร...โซลยังคงหลับสนิท ใบหน้าเล็กซบลงตรงกลางอกของผู้ที่อุ้มเธอไว้ มือจิ๋วๆ ขยับนิดๆ เหมือนจะคว้าอะไรในความฝัน
"เธอคงไม่รู้หรอก..."
เสียงหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ ในหมู่พวกเขา
"...ว่าแค่การมีอยู่ของเธอ มันทำให้พวกเรารู้ว่าเรายังมีอะไรให้เชื่ออยู่บ้าง..."
ทหารคนหนึ่งที่เคยเย็นชา เอาแต่จ้องศพเพื่อนร่วมรบ...บัดนี้นั่งยองๆ ข้างโซล มองดูอย่างละเมียดละไม...น้ำตาปริ่มโดยไม่รู้ตัว
“ให้ตายสิ...มันรู้สึกเหมือนกูเห็นลูกตัวเองเป็นครั้งแรก...”
เสียงพึมพำเบาๆ นั้น...ไม่มีใครหัวเราะ ไม่มีใครแซว ทุกคนเข้าใจ
//นายทหารผู้มีอำนาจสูงสุดในค่ายเดินออกมาช้า ๆ หยุดยืนอยู่หน้าเด็กหญิง ท่ามกลางสายตานับสิบคู่
"ทุกคน..." เขาเอ่ยเสียงหนักแน่น
"จากวันนี้ไป เด็กคนนี้จะได้รับสถานะ ‘บุคคลคุ้มกันพิเศษ’ ภายใต้การดูแลของกองพันนี้"
"ไม่ใช่เพราะเธอเป็นสมบัติ...แต่เพราะเธอคือสิ่งที่หลงเหลือจากมนุษยชาติที่เรากำลังปกป้อง"
//ทุกคนขยับตัวตรงพร้อมกัน...เหมือนสัญชาตญาณตอบรับประกาศนั้นในทันที
"ผู้ที่เสียสละเพื่อเธอ จะไม่มีวันถูกลืม
และเธอ...จะไม่มีวันเดินอยู่คนเดียว"
...ลมหายใจของโซลยังคงสม่ำเสมอ...
เธอไม่รู้หรอกว่ารอบตัวเธอมีสายตาและหัวใจนับสิบ ที่พร้อมจะตายแทนเธออีกคนต่อคน
ใครบางคนห่มเสื้อคลุมให้ร่างเธอไว้เบาๆ
ใครบางคนเดินไปเก็บไม้สร้างเปลชั่วคราว
ใครบางคนเตรียมผ้าแห้ง ผ้าห่ม น้ำอุ่น...
พวกเขาคือทหาร...
แต่ในชั่วโมงนั้น—พวกเขาเป็นพ่อ เป็นพี่ เป็นครอบครัว
เป็นโลกใหม่ของโซล
และในความเงียบสงบหลังพายุสงคราม...
เสียงหนึ่งในหัวใจของพวกเขายังคงก้องกังวานไม่จางหาย—
"นี่อาจไม่ใช่จุดจบของสงคราม...
แต่มันคือจุดเริ่มต้นของความหวัง."
//แม้จะเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มและความอบอุ่นจากรอยยิ้มเล็ก ๆ ของโซล แต่เมื่อผ่านไปเพียงไม่กี่นาที...เสียงกระซิบเสียงแรกก็ดังขึ้น
“เอ่อ...ว่าแต่ว่า...”
“...เด็กทารกต้องกินนมใช่ปะ?”
“เออใช่! แล้วเราจะหา—”
“...นมจากไหนวะ?”
//ความเงียบกลืนกินทั้งวงอีกครั้ง...แต่นี่ไม่ใช่ความซาบซึ้ง—แต่เป็นความ “ตระหนัก”
ทุกคนหันมองหน้ากันช้าๆ เหมือนเพิ่งรู้ว่าเพิ่งเก็บ "ระเบิดเวลาเล็กจิ๋ว" มาไว้กลางค่าย
“กูไม่ใช่แม่วัวนะ!” ใครบางคนโพล่งขึ้น
“ก็ไม่มีใครเป็นมั้ยล่ะ!!” อีกคนเถียงเสียงหลง
พยาบาลสาวรีบโบกมือห้ามก่อนที่วงจะกลายเป็นมหกรรมเถียงไร้สาระ
“ใจเย็นๆ! ฉันมีขวดป้อนกับจุกนมสำรองอยู่ แต่นมผงน่ะ...”
“มันอยู่ในเสบียงกองกลาง ที่แนวรบด้านตะวันออก...”
"ซวยแล้ว..."
"แล้วไอ้แนวรบตะวันออกนั่น...ตอนนี้มันกำลังโดนปิดล้อมใช่มั้ยวะ?"
//เสียงถอนหายใจดังขึ้นรอบวง ราวกับทุกคนเพิ่งโดนลากกลับเข้าสู่ความจริงที่โหดร้ายของสนามรบ
ชายผู้แบกโซลกลับมา ยังคงอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน เขาพูดเสียงแผ่วแต่นิ่ง
"เด็กนี่สู้มากพอแล้ว...เราจะปล่อยให้เธอต้องอด...ไม่ได้"
"เราจะไม่ให้เธอต้องเสียใจกับการที่รอดชีวิตมา"
"จะลุยแนวรบก็ลุย...แค่เพื่อมื้อแรกของเธอ"
//ทุกคนมองเขา...ก่อนที่อีกหลายเสียงจะเริ่มพูดขึ้นพร้อมกัน
"ฉันไปด้วย"
"บอกทางมาเลย เดี๋ยวกูบุกเอานมมาเอง"
"ไปแค่หานม ทำไมมันดูโคตรยิ่งใหญ่แบบนี้วะ..."
"ก็เพราะมัน สำคัญที่สุด ไงล่ะ..."
เหล่าทหารผู้ผ่านสงคราม ผ่านความตาย ผ่านการฆ่าฟัน...
ตอนนี้กำลังเตรียมภารกิจที่เปลี่ยนไปจากทุกสิ่งที่พวกเขาเคยเจอ—
"ปฏิบัติการ: เก็บกู้เสบียงและนมผง"
//และสำหรับเด็กทารกตัวน้อยในอ้อมแขน...
เธอไม่มีวันรู้หรอกว่า
สงครามครั้งใหม่เพิ่งเริ่มต้น..เพราะเธอหิวนม
//เสียงฝีเท้าเริ่มเร่งจังหวะ ทหารกลุ่มหนึ่งเตรียมเสบียง ปืน กระสุน และเส้นทางบนแผนที่—แต่ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อบุกตีฐานข้าศึก ไม่ใช่เพื่อยึดคืนแนวป้องกัน...
แต่เพื่อ “ขวดนมผง” หนึ่งกระสอบ
เพื่อปากเล็กๆ ที่ยังไม่รู้จักแม้กระทั่งคำว่า “สงคราม”
ใกล้เต็นท์พยาบาล ชายผู้แบกโซลกลับมายังนั่งนิ่ง เด็กหญิงน้อยยังคงนอนอยู่ในอ้อมแขนเขา
พยาบาลกำลังต้มขวดน้ำร้อน เตรียมของเท่าที่มีได้ในภาวะขาดแคลน
“เราอุ่นน้ำไว้ก่อนเลยนะ เผื่อพวกนั้นเอานมกลับมาทัน...”
“เธออดได้นานแค่ไหนนะหนูน้อย...”
//เสียงลมหายใจของโซลเริ่มขาดเป็นช่วง ๆ ปากเล็กๆ ดูดอากาศเงียบๆ ด้วยความหิว
“...ฉันรู้...เธอหิวใช่มั้ย...”
เขากระซิบ พลางใช้นิ้วแตะหน้าผากนิ่มๆ ของเธอเบาๆ
“รออีกนิด...พวกเขากำลังจะกลับมา...เพื่อมื้อแรกของเธอ..”
ด้านแนวรบตะวันออก
เสียงปืนยังดังต่อเนื่อง—ทหารกลุ่มที่ได้รับภารกิจ “ปฏิบัติการ: ช่วยนมให้โซล” กำลังลอบฝ่าแนวข้าศึกในความมืด
“เห็นกล่องเสบียงนั่นมั้ย?”
“เห็น...ไอ้นมผงนั่นอยู่ในนั้น...”
“ยิงเปิดทาง แล้วลุยเลย!”
ปัง! ปัง! ตูมม!!
เสียงระเบิดดังสนั่นในจังหวะที่พวกเขาเผ่นเข้าหลังกล่องเสบียง
คนหนึ่งคว้าถุงนมผงขึ้นมาสูงสุดแขนตะโกนลั่น
“ได้มาแล้ววว!!”
“รีบเผ่นกลับก่อนที่ตูดจะกลายเป็นรู๊!!!”
เวลาผ่านไป 47 นาที
เต็นท์พยาบาลเริ่มแน่นขึ้น—เสียงเด็กน้อยเริ่มร้องแผ่ว ๆ ปากเล็กเริ่มสะอื้นเบาๆ...ขวดที่ต้มไว้ยังวางอยู่…แต่ว่างเปล่า
“ขออย่าให้พวกเขาช้าไปเลย...”
“โซล...อดทนอีกนิดเดียว...”
ตูมมม!!
เสียงรถลำเลียงพุ่งเข้ามาที่ฐานกลางค่าย พวกทหารคนอื่นๆ รีบวิ่งไปดู
“ของมาส่งแล้ว!”
“เปิดทาง—มีทารกรออยู่!!”
เสียงเฮดังขึ้นเป็นระลอกเหมือนชนะศึกใหญ่
ถุงนมถูกส่งต่อกันเหมือนธงชัยแห่งชีวิต—จากมือหนึ่งไปสู่อีกมือ...จนถึงเต็นท์พยาบาล
ขวดนมถูกริน ชง อุณหภูมิพอดี
ปลายจุกสัมผัสริมฝีปากเล็กๆ ที่สั่นน้อยๆ ก่อนจะดูดเบาๆ...
...เสียงดูดนมแผ่วๆ ดังขึ้นในเต็นท์
...และตอนนั้นเอง—ไม่มีเสียงอะไรอีกแล้ว
ไม่มีเสียงปืน
ไม่มีเสียงสงคราม
ไม่มีใครพูด
มีแค่รอยยิ้ม
กับน้ำตา
ที่ร่วงลงพร้อมกัน...ในวินาทีที่ทารกน้อยชื่อ "โซล"
ได้กินนมครั้งแรก...ในโลกที่เต็มไปด้วยความตาย
และเหล่าทหารรู้ทันที—
ว่าสิ่งที่พวกเขาทำ
ไม่ใช่แค่ “ภารกิจ”
แต่มันคือ การกอบกู้ “ชีวิต”
ชีวิตที่ไม่มีใครกล้าเชื่อ...ว่าจะมีหวัง.
//ขณะเสียงดูดนมแผ่ว ๆ ยังดังอยู่ในเต็นท์ ร่างเล็กในอ้อมแขนค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจ ริมฝีปากที่เคยแห้งแตะจุกนมอย่างกระหาย บัดนี้เริ่มดูดช้าลง ช้าลง...เหมือนร่างกายเล็ก ๆ ได้รับไออุ่นที่รอคอยมาทั้งชีวิต
“...หลับแล้ว...” พยาบาลกระซิบเบา ๆ พลางยิ้มบาง ๆ
ขวดในมือของเธอแทบไม่หลงเหลือน้ำนมแล้ว—แต่ไม่มีใครบ่นเลยสักคำ แม้แต่นมเพียงหยดเดียวก็ไม่เสียเปล่า
ชายผู้แบกโซลกลับมาเงียบไปครู่หนึ่ง เขานั่งลงข้างเปลชั่วคราวที่เพิ่งทำเสร็จ…ตาคู่นั้นมองเธอแน่นิ่ง ไม่ยิ้ม...แต่มันเต็มไปด้วยแสงที่ไม่เคยมีมาก่อน
“...นี่แหละ...ความเงียบสงบที่แท้จริง”
ภายนอกเต็นท์
เหล่าทหารที่เคยกร้านโลก หลายคนเคยเผชิญกับความตายจนด้านชา…
บางคนสูญเสียเพื่อน บางคนสูญเสียตัวตน แต่คืนนี้…
“ฉันไม่เคยคิดว่าจะร้องไห้เพราะเด็กคนหนึ่งกินนมได้...”
“เอาจริง...กูก็ไม่คิด”
“มันเหมือน...แม่งมีอะไรบางอย่างกลับมาหาเรา...”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังจากอีกมุม มีใครบางคนกำลังวาดใบหน้าโซลลงบนฝาผนังลังไม้ เสริมด้วยคำว่า
> "Hope Lives"
—ความหวังมีชีวิต
ณ เต็นท์บัญชาการ
นายพลของค่ายนั่งพิงโต๊ะ ขมวดคิ้วจ้องเอกสาร ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“...ย้ายเด็กไปศูนย์กลางไม่ได้ในเร็ววัน...”
“เส้นทางยังอันตรายเกินไป—ฐานนี้จะกลายเป็นบ้านของเธอชั่วคราว”
“ประกาศให้รู้ทั่วทั้งแนวรบ...เรามี ‘โซล’ อยู่กับเรา”
“และใครก็ตามที่กล้าแตะต้องเธอ...จะต้องฝ่ากำแพงของเหล่าทหารที่พร้อมตายเพื่อชีวิตเดียวนี้”
เวลาผ่านไปจนถึงค่ำคืน
ในเปลไม้ไผ่ที่เรียบง่าย โซลนอนหลับอย่างสงบ
พยาบาลคอยเช็ดหน้าให้เธออย่างแผ่วเบา
ข้างนอก เต็นท์ล้อมด้วยเหล่าทหารที่ผลัดเวรกันเฝ้า
บางคนหอบผ้าห่มมาเพิ่ม
บางคนเฝ้ามองด้วยความคิดถึงลูกที่จากไป
บางคน...แค่ต้องการเห็นเธอมีชีวิตไปถึงพรุ่งนี้
และในคืนนั้น...ไม่มีระเบิด ไม่มีเสียงปืน ไม่มีคำสั่งฆ่า ไม่มีคำสาปแช่ง
มีเพียงลมหายใจของเด็กน้อย และเสียงหัวใจของชายหญิงทั้งค่ายที่เต้นไปพร้อมกัน
"เธอไม่ได้เกิดมาเพื่อสู้..."
"แต่เธอ...ทำให้พวกเรา ‘หยุดสู้’ ได้เป็นครั้งแรก"
...บางทีสงครามอาจยังไม่จบ
แต่สำหรับคนในค่ายเล็ก ๆ นี้
คืนนี้—คือคืนแรกที่โลกมันเงียบลง
เพราะ "โซล"...
เด็กหญิงที่กินนมครั้งแรกในกลางสมรภูมิ.
-----------------------------------------------------------------------
[จบบทที่ 1]
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนิยายของพวกเรา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Izuku
ถูกใจในทุกช่วงเวลา
2025-07-11
1