"พวกมึง..." ผมพูดออกไปทั้งเสียงเบาและสั่น ไม่ใช่แค่ตกใจ... แต่คือความรู้สึกว่ายังฝันอยู่
ทันใดนั้น...
"อุ๊ป— ฮ่า ๆ ๆ ๆๆ!" เสียงหัวเราะระเบิดออกจากปากของปุณณ์ จนตัวงอเหมือนเขาเห็นอะไรที่ตลกเป็นบ้า
"มึงไม่เปลี่ยนเลยว่ะ" นเรศพูดขึ้นบ้าง เขายิ้มอ่อนโยน ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ยังคงขี้กังวลเหมือนเดิมเลยนะ... กวิน"
คำพูดนั้นไม่ได้เยาะเย้ย แต่มันเหมือนการทักทายของเพื่อนเก่า... ในขณะที่ผมยังถูกมัดติดกับเก้าอี้
"ไอ้สัส!" วสุธรสบถขึ้น ก่อนจะฟาดมือลงบนหัวของปุณณ์เบาๆ
"อย่ามัวแต่ขำ แกะเชือกให้มันก่อนเหอะ"
"เออ ๆ รู้แล้วน่า~" ปุณณ์หัวเราะอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้ามา มือที่เคยเล่นเกมส่งงานกับผมในวัยมหา’ลัย ตอนนี้กำลังแก้มัดให้ผมในสถานที่แปลกประหลาดนี้
เชือกคลายลงช้า ๆ มือ เท้า หลัง และไหล่ที่ชาเริ่มกลับมารับรู้ความเจ็บ
"พวกมึง... นี่มันอะไรกันแน่..." ผมถามเสียงแผ่ว แม้จะหลุดจากเชือก แต่ความกลัวก็ยังไม่จาง
ปุณณ์ยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะยักไหล่ "ก็แค่พาเพื่อนเก่ามาร่วมงานไง~"
นเรศพยักหน้าช้า ๆ สายตาเขาดูอบอุ่น แต่กลับมีเงาแปลก ๆ ในแววตา "นาย... จำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม? เกี่ยวกับพ่อของนาย กับ ‘Deadline’..."
ผมขมวดคิ้วแน่น หัวใจเริ่มเต้นแรง "เกี่ยวอะไรกับป๊ากูอีกวะ!? มึงพูดเหมือนพ่อกูยังมีชีวิตอยู่!"
"ไม่ใช่แบบนั้น" วีรพัฒน์ที่เงียบมานานพูดขึ้นครั้งแรก เสียงของเขานิ่งและหนักแน่น "แต่พ่อของนาย... คือคนวางระบบนี้ขึ้นมา"
ผมนิ่งไปชั่วครู่ พยายามประมวลคำพูดนั้นในหัว "มะ... มึงหมายความว่าอะไร ‘วางระบบ’ นี่มันอะไรกันแน่?"
"Deadline Demon" วสุธรพูดขึ้นมาอีกครั้ง เขานั่งพิงโต๊ะไม้เก่า ๆ ที่อยู่มุมห้อง
"ระบบที่ควบคุมความคิดของผู้คน ความสงบสุขของโลกที่มึงเห็นอยู่ทุกวันนี้... ไม่ใช่ของจริง มันถูกจัดฉากขึ้น"
"ไม่มีใครมีอิสระในการคิด ไม่มีใครได้ตั้งคำถาม ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎ" นเรศเสริม
"และพ่อของมึงคือคนที่ออกแบบมัน"
ผมช็อก… ไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย พ่อที่ผมจำได้เป็นเพียงข้าราชการธรรมดา ทำงานหนัก ไม่ค่อยกลับบ้าน และเสียชีวิตอย่างเงียบ ๆ ตอนผมยังเรียนไม่จบมหา’ลัย
แต่นี่มันอะไรกัน?
"นี่มึงจะบอกว่าป๊ากูเป็นคนสร้าง ‘โลกนี้’ ขึ้นมา? แล้วพวกมึง... เป็นอะไรกันแน่!?"
วีรพัฒน์ยืนไขว้แขนอยู่ตรงมุมห้อง เขามองผมด้วยสายตาที่ไม่สามารถอ่านออกได้ "เราคือคนที่ถูกเลือกมาให้สืบทอดระบบนี้"
ปุณณ์ยักคิ้วพลางพูดขำ ๆ "บางคนเรียกเราว่า 'Executor' บางคนเรียกเราว่า 'ภารโรง' ของความคิดเสรี... แต่เรียกยังไงก็ไม่สำคัญหรอก"
"ที่สำคัญคือ... ตอนนี้มึงก็เป็นหนึ่งในพวกเราแล้ว" วสุธรพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป เป็นจริงจังกว่าครั้งไหน ๆ
ผมหัวเราะในลำคออย่างไม่เชื่อ "ไม่ตลกนะเว้ย พวกมึงจับกูมา ลักพาตัวกู ทำร้ายกู แล้วอยู่ ๆ จะให้กูมาเข้าร่วมงั้นเหรอ!?"
"ใช่" วีรพัฒน์ตอบตรง ๆ
"เพราะนาย... มีสายเลือดของคนเริ่มต้น และเราต้องการนายเพื่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า"
"จะเกิดอะไรขึ้น...?"
นเรศเดินเข้ามาใกล้ผม หยุดตรงหน้า แล้วโน้มตัวลงเล็กน้อย
"จะเกิดการล่มสลายของระบบที่พ่อมึงสร้างขึ้น... และมีแค่พวกเราเท่านั้นที่จะตัดสินได้ว่า โลกใบใหม่จะเป็นแบบไหน"
ผมนั่งนิ่ง รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่บางสิ่งที่ใหญ่เกินกว่าจะเข้าใจ โลกที่ผมเคยคิดว่าปลอดภัย… อาจเป็นเพียงฉากที่หลอกลวง เพื่อนที่ผมเคยไว้ใจ… อาจไม่ได้จากไปไหนเลย แค่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเงามืดเท่านั้น
และตอนนี้… ผมอยู่ตรงกลางของมันทั้งหมด
"ไม่ใช่แบบนั้น แล้วมันแบบไหนล่ะ กูไม่เข้าใจ พวกมึงจะสื่ออะไรกันแน่!?" ผมตะโกนออกมา เสียงเต็มไปด้วยความสับสน
ก่อนที่ใครในกลุ่มจะตอบ เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นจากมุมมืดของห้อง
"งั้นกูจะพูดให้มึงฟังเอง"
เสียงนั้น... ไม่คุ้นเคยในวันนี้ แต่คุ้นในอดีตอย่างเจ็บแสบ ชายคนหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมาจากเงามืด เผยให้เห็นใบหน้าที่ผมจำได้ขึ้นใจ
เขาเป็นคนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอที่นี่... หรือที่ไหนอีกเลย
"เมื่อ 10 ปีก่อน มีคนคนหนึ่งแหกกฎ ตั้งคำถามกับรัฐบาลว่า 'จริง ๆ แล้วพวกคุณซ่อนอะไรไว้กันแน่”
เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ เยือกเย็น ราวกับเล่านิทานในคืนฝันร้าย
"พอเขาถามแบบนั้น... พวกมันก็สั่งเก็บเขาทันที คนของรัฐบาลถูกส่งมา แต่ไม่มีใครรอด กลายเป็นการต่อสู้ครั้งแรกในเงามืดที่ไม่มีใครพูดถึง"
เขาหยุด หรี่ตามองหน้าผม
"ชายคนนั้นถูกขนานนามว่า 'ปีศาจแห่ง Deadline Demon Hunter' และเขาก็คือ... ปรีชา ปัชวีรการ"
หัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อเขาพูดจบ
"หรือก็คือ... พ่อของมึงไงล่ะ กวิน"
ผมเบิกตากว้าง พูดออกมาแทบไม่เป็นคำ
"คะ... คิง...?"
ชายตรงหน้ายิ้มบาง ๆ
"ดีใจที่มึงยังจำกูได้ คู่อริของมึงไงล่ะ... กวิน"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments