.
.
สนามประลองของสำนักหลิงเจวี๋ยในวันนี้ คึกคักจนแทบไม่มีที่ยืน
ศิษย์จากทั่วแคว้นตงหลิงรวมตัวกันเพื่อคัดเลือกอัจฉริยะสิบอันดับ ที่จะได้รับสิทธิ์เข้าแดนต้องห้ามบรรพกาล
เฟยหลงยืนเท้ากำแพง พัดในมือแกว่งเบา ๆ สายตาเหลือบมองคนรอบตัวอย่างไม่จริงจังนัก
“เจ้าชื่อเฟยหลงใช่ไหม?”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง
เฟยหลงหันไปมอง พบเด็กหนุ่มอายุราวสิบแปดปี รูปร่างผอม แต่ดวงตาเป็นประกาย
“ข้าชื่อ หลิวสิง ศิษย์สำนักชิงหั่วสายข่าว...เอ่อ ข้าชอบเก็บข้อมูลน่ะ!” เขารีบบอกยิ้ม ๆ
เฟยหลงเหล่มอง ไม่ตอบอะไร แต่ไม่ได้ขับไล่เช่นกัน
หลิวสิงลูบจมูกแหะ ๆ แล้วพูดต่ออย่างกระตือรือร้น
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากฟังหรอก แต่ประลองรอบนี้ เจ้าต้องเจอศิษย์จาก 5 สำนักใหญ่กับ 2 ลัทธิ แน่ๆ เผื่อจะมีประโยชน์น่ะนะ!”
🏯 5 สำนักใหญ่แห่งแคว้นตงหลิง
สำนักหลิงเจวี๋ย (สำนักเหินเวหาไร้สุด)
🔹 แนว: กระบี่บิน ความเร็ว
🔹 สีประจำสำนัก: ขาว-น้ำเงิน
🔹 จุดเด่น: เคลื่อนไหวเร็วเหนือสายตา กระบี่ไร้ร่องรอย
สำนักชิงหั่ว ( สำนักเพลิงคราม) (เป็นสำนักแหล่งรวมข่าวสารทั่วแคว้น)
🔹 แนว: พลังเพลิง, ไฟวิญญาณ
🔹 สีประจำสำนัก: น้ำเงินเข้ม-แดงเพลิง
🔹 จุดเด่น: เปลวเพลิงครามเผาวิญญาณ แม้โลหะยังละลายได้
สำนักศาลาร้อยบุปผา
🔹 แนว: พิษ, หยิน, กลิ่นสะกด
🔹 สีประจำสำนัก: ชมพู-ม่วง
🔹 จุดเด่น: พิษหอมสะกดใจ เทคนิคกล่อมสติศัตรู
สำนักเสวียนอู่
🔹 แนว: ป้องกัน, ค่ายกล
🔹 สีประจำสำนัก: เทา-ดำ
🔹 จุดเด่น: ค่ายกลสะท้อน พลังรับระดับสูง
สำนักไป๋เฉิน
🔹 แนว: วิญญาณ, คำสาป
🔹 สีประจำสำนัก: ขาวหม่น-ดำ
🔹 จุดเด่น: ใช้วิญญาณเร่ร่อน คำสาปลวงตายเงียบ
☯️ 2 ลัทธิทรงอิทธิพล:
ลัทธิเทียนอวี้ ( ลัทธิสวรรค์ปกปักษ์)
🔹 จุดเด่น: วิชาสายสว่าง เทพแท้ บัญชาฟ้า
🔹 ภายนอกเหมือนพุทธะ แต่ภายในซ่อนอำนาจทางการเมือง
🔹 ขึ้นชื่อว่า “บริสุทธิ์” แต่ใคร ๆ ก็ไม่กล้าเชื่อทั้งหมด
ลัทธิเยวี่ยอวิ๋น (ลัทธิจันทราเร้น)
🔹 จุดเด่น: วิชามืด วิญญาณลวง พิธีกรรมโบราณ
🔹 ศิษย์ต้องผ่านพิธีล้างจิต วิญญาณจะถูกเปิดจุดเร้นลับ
🔹 เป็นศัตรูคู่อาฆาตของเทียนอวี้มาแต่โบราณ
เฟยหลงพยักหน้าช้า ๆ ดวงตายังคงเฉยเมย
“เจ้ารู้มากนี่...”
หลิวสิงยิ้มแห้ง ๆ “ก็ชอบจับตาคนเก่งน่ะ...โดยเฉพาะคนหน้าตาดี”
เฟยหลงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มองอย่างไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายล้อเล่นหรือจริงจัง
ทันใดนั้น เสียงผู้อาวุโสดังขึ้นทั่วลานประลอง
“ขอเชิญอัจฉริยะแห่งแคว้นตงหลิง เข้าสู่เวทีประลอง!”
“สิบอันดับแรกจะได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนต้องห้ามบรรพกาล ซึ่งกำลังจะเปิด!”
“จงเผยศักยภาพของพวกเจ้าที่แท้จริงออกมา!”
เฟยหลงโยนพัดขึ้นกลางอากาศ ก่อนคว้าไว้ด้วยนิ้วสองนิ้ว รอยยิ้มปรากฏมุมปาก
“ถึงเวลา…เก็บคะแนนสนุก ๆ แล้วล่ะ”
อีกฟากหนึ่ง
หนิงเทียน นั่งเงียบกอดจอกสุรา
แม้อยู่ท่ามกลางคลื่นปราณ แต่กลิ่นอายของเขากลับตัดขาดจากสรรพสิ่ง
เสียงอาวุธปะทะ พลังปราณพุ่งกระจายไปทั่ว
กระบี่บิน เสียงกู่คำราม ค่ายกล และเวทย์มืดผสมปะทะกันอย่างดุเดือด
แต่ขณะนั้น
ชายคนหนึ่งเหยียดยิ้มพิงราวไม้ไม่ยอมขยับ
อีกคนถือจอกสุรา มองผืนฟ้าราวไม่มีสิ่งใดให้ใส่ใจ
แต่เมื่อเข้าสู่รอบสุดท้าย—
ท่ามกลางเวทีร้าว กองเลือด และกลิ่นปราณจางๆ
ผู้ที่ยังยืนอยู่ กลับรวมถึงสองเงาร่างที่ไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย...
เฟยหลง กับ หนิงเทียน
แสงจันทร์สาดผ่านม่านปราณ
บัวสวรรค์สั่นไหว
กระบี่ลู่เสียนเปล่งเสียงก้องเบา ๆ จากหลังเจ้าของ
ทั้งสอง...คือหนึ่งในผู้ที่โชคชะตาเลือกแล้ว
หลังการประลองอันดุเดือดจบลง
เหล่าอัจฉริยะร่วงโรยราวใบไม้ร่วง
บนลานประลองกว้าง
เสียงระฆังประกาศจบการประลองดังก้องไปทั่วลานหินของสำนักหลิงเจวี๋ย
ฝุ่นควันจากเวทีระเบิดพลังจางหาย ท่ามกลางสายตาหลายพันคู่ที่รอคอยอย่างตื่นเต้น
ผู้อาวุโสหลิงเจวี๋ยผู้หนึ่งลอยขึ้นกลางอากาศ
เสียงของเขาแผ่ผ่านจิตสำนึกไปทั่วสนาม
“ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งสิบ อัจฉริยะผู้ได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนต้องห้ามบรรพกาล...ได้แก่!”
เสียงประกาศเริ่มต้นขึ้นทีละชื่อ
ทุกคนเงียบสงัดราวโลกหยุดหมุน
“อันดับหนึ่ง: เฟยหลง — ไร้สังกัด”
เสียงโห่ร้องดังขึ้นทันทีตามมา
ชายหนุ่มผู้มีพัดลู่เสียนในมือยืนหาวกลางลานประลอง
“หืม ข้าแค่ขยับนิ้วนิดเดียวเองนะ...”
เขาพึมพำอย่างยียวน
“อันดับสอง: หนิงเทียน — ไร้สังกัด”
เสียงฮือฮาดังกว่าเดิม
หนิงเทียนยืนพิงเสาไม้เงียบ ๆ ไม่ตอบโต้
เพียงยกไหสุราขึ้นจิบด้วยสีหน้านิ่งเยือกเย็น
ดวงตาคมกริบแลบควันสุราบางเบา
จากนั้นชื่ออื่นก็ดังต่อเนื่อง
“อันดับสาม: ซูเม่ยฮวา — ศาลาร้อยบุปผา”
“อันดับสี่: หานอวี่ — สำนักไป๋เฉิน”
“อันดับห้า: ฉินซาน — สำนักเสวียนอู่”
“อันดับหก: โม่หลิง — สำนักหลิงเจวี๋ย”
“อันดับเจ็ด: ไป๋เจิน — ลัทธิเทียนอวี้”
“อันดับแปด: เยว่เหิน — ลัทธิเยวี่ยอวิ๋น”
“อันดับเก้า: หลานเหยียน — สำนักชิงหั่ว”
และเมื่อทุกคนคิดว่าชื่อหมดแล้ว...
“อันดับสิบ: หลิวสิง — สำนักชิงหั่ว”
“ห๊า! เจ้าหมอนั่น!?”
“สายข่าวนั่นเรอะ!?”
เสียงฮือฮาอีกระลอกดังขึ้นทันที
ชายผอมในชุดน้ำเงินเข้ม-แดงเพลิงยกมือโบกอย่างร่าเริงจากข้างเวที
“ฮ่าๆ! บอกแล้วไงว่าข้าก็มีฝีมือนะ!”
“ข้าอาจไม่โหดเท่าเฟยหลง…แต่ข้าเอาตัวรอดเก่ง!”
เฟยหลงหันไปมองแวบหนึ่งก่อนยิ้มเย็น ๆ
“โชคดีที่เจ้ามา ไม่งั้นข้าคงเบื่อจนหลับในแดนต้องห้ามแน่…”
เขาหันกลับมาเจอสายตาของหนิงเทียน
เฟยหลงยิ้ม กวน ๆสะบัดพัดเบา ๆ พัดหน้าตัวเอง
ก่อนยกคิ้วอย่างสนุกสนานใส่คนที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว
“เจ้าก็ยังหน้าหินเหมือนเดิมนะ หนิงเทียน”
“แต่คราวหน้า ถ้าจะแพ้ข้าอีก อย่าทำหน้าเหมือนโดนทิ้งละ”
หนิงเทียนยกไหสุรา ดื่มเฉย ๆ ก่อนพูดเสียงเบา
“ข้าดื่มเพื่อไม่ต้องตอบคำพูดโง่ๆ เช่นนั้น”
ทั้งสองสบตากันเพียงครู่ แต่บรรยากาศกลับแฝงแรงกดดันแปลกประหลาด
“ข้าเฝ้ารอดูว่าเจ้าจะตายตั้งแต่รอบสาม...แต่เอ้า เจ้ายังไม่ตาย?”
หนิงเทียนปรายตามองเล็กน้อย ไม่ตอบ
เฟยหลงหัวเราะหึเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปใกล้
พลัน...เขายื่นมือไป "ดีด" ปลายชายเสื้อของหนิงเทียนอย่างแรง
“เสื้อนี่ซักหรือยัง? หรือเจ้าคิดว่าการมีกลิ่นฝาดเป็นเสน่ห์?”
หนิงเทียนยกมือช้า ๆ ปัดมืออีกฝ่ายออก
แววตาเยือกเย็นฉายชัด แต่ก็ยังไม่พูดอะไร
เฟยหลงยิ่งรู้สึกสนุก
เขายืนพิงไหล่หนิงเทียน ทำหน้าขี้เล่นแล้วกระซิบเสียงดังพอให้ได้ยิน
“เจ้ารู้ไหม ข้าฝันเมื่อคืนว่าเดินขึ้นสวรรค์กับชายหน้าขรึมคนหนึ่ง”
“ข้าตกใจตื่นเลยนะ...เพราะข้าไม่ได้ถือพัด แต่ถือมือเจ้าแทน”
คนรอบข้างที่ได้ยินพากันอึ้ง
บางคนหลุดขำ
บางคนหันหน้าหนีเพราะกลั้นหัวเราะไม่อยู่
หนิงเทียนยืนนิ่งไปสองลมหายใจ
ก่อนจะตอบเบา ๆ
“ถ้าเจ้าพูดอีกคำเดียว…ข้าจะฝังเจ้าทั้งเป็น โดยไม่ใช้มือ”
เฟยหลงยกมือขึ้น
ทำท่าตกใจเวอร์วังแล้วหัวเราะร่า
“โอ้ เจ้าพูดจนได้! สำเร็จแล้ว! ข้าเรียกเสียงจากภูเขาน้ำแข็งได้!”
เขาตบมือราวกับชนะรางวัลใหญ่
ก่อนจะเดินวนรอบหนิงเทียนหนึ่งรอบแบบจงใจ
หนิงเทียนเริ่มก้าวเท้าออกห่าง
แต่เฟยหลงก็ยังตาม พลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“ข้าล้อเล่นนิดเดียว เจ้าน่ะถมหน้าใส่ข้าแบบนั้น...ข้าจะเผลอตกหลุมรักขึ้นมาจริง ๆ ไม่ได้นะ”
เสียงผู้อาวุโสขัดจังหวะบรรยากาศ
“...สองท่าน โปรดเตรียมตัว—ประตูแดนต้องห้ามกำลังจะเปิดขึ้น”
แสงจากบัวสวรรค์บนหลังหนิงเทียนเริ่มสั่นไหว
กระบี่ลู่เสียนของเฟยหลงเรืองแสงขึ้นเช่นกัน
ไม่มีใครในที่นั้นรู้จักสิ่งทั้งสอง
แต่ความรู้สึกแปลกประหลาดเริ่มก่อตัวในใจของอาวุโสบางคน
เฟยหลงหันไปกระซิบกับหนิงเทียนอีกครั้ง
“เอาเถอะ ข้าไม่ล้อเล่นแล้ว...อย่างน้อยก็จนกว่าเราจะเข้าไปข้างใน”
“ในแดนนั้น—เจ้าอย่าหลุดร้องไห้ตอนโดนปีศาจไล่กัดล่ะ ข้าไม่ปลอบนะ...แค่หัวเราะเบา ๆ พอ”
หนิงเทียนไม่ตอบอีกคนตามเคย
แต่แววตาวูบหนึ่งแฝงแสงเย็นชา…เจือความขำในมุมปากเพียงเสี้ยววินาที
สองเงาสองร่าง
หนึ่งร้อน หนึ่งเย็น
หนึ่งวาจาแหลมคม หนึ่งนิ่งดั่งเหมันต์
กำลังจะก้าวเข้าสู่แดนต้องห้ามด้วยกัน
ไม่ใช่ศัตรู
ไม่ใช่มิตร
แต่เป็น ‘คู่ร่วมชะตา’ ที่สวรรค์และมารมิอาจควบคุมได้อีกต่อไป
.
.
.
“ปึง!”
เสียงจากแกนผนึกกลางแท่นศิลาในลานประลองดังสนั่น
เสาหินทั้งสี่มุมเริ่มส่องแสงพราย
ม่านพลังรูปอักขระเก่าแก่ ลอยขึ้นรอบบริเวณ
กลิ่นอายโบราณพวยพุ่งราวกับเปิดประวัติศาสตร์ที่ถูกผนึกมาเนิ่นนาน
“แดนต้องห้ามบรรพกาล…เปิดแล้วจริง ๆ”
เสียงหนึ่งในผู้อาวุโสของหลิงเจวี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
แต่ลึกในดวงตา—มีความหวังและตื่นตาตื่นใจวาบผ่าน
“หวังว่า...ปีนี้ จะมีอะไรให้ข้าประหลาดใจบ้างนะ”
อัจฉริยะ ผู้ผ่านการประลอง
ยืนเรียงรายหน้าประตูที่กำลังเปิด
แสงสีเทาหมอกหมุนวนราวกระแสน้ำวน
กลิ่นเย็นยะเยือกกับเสียงลมหายใจบางสิ่งที่มองไม่เห็นดังมาจากอีกฟาก
เฟยหลงโยนพัดพับขึ้นสูงแล้วรับไว้ด้วยหลังมือ
“ไปกันเถอะ ข้ารอจะได้ดูของจริงในแดนนี้มามากพอแล้ว”
“ข้าหวังอย่างยิ่งว่าในนั้นจะมีปีศาจขนาดยี่สิบจั้งที่ข้าต้องต่อยจมเขี้ยวก่อนเข้าไปหาโอสถนะ”
เขาหันมามองหนิงเทียน
ผู้ที่ยังคงยืนนิ่ง มือกุมจอกสุราดังเดิม
เฟยหลงขยับตัวมาใกล้
แล้วยื่นหน้ามากระซิบเบา ๆ
“อย่าบอกนะ...ว่ากลัว?”
หนิงเทียนปรายตามอง
ก่อนเอ่ยเสียงเรียบเยือก
“กลัวเจ้าจะตายต่อหน้าข้ามากกว่า”
คนรอบข้างหลุดหัวเราะ
แม้แต่ศิษย์บางคนจากศาลาร้อยบุปผายังหลุดยิ้ม
เฟยหลงยิ้มกว้าง
แล้วกระชากแขนเสื้อของหนิงเทียนเบา ๆ อย่างแกล้ง ๆ
“พูดแบบนี้…แปลว่าเป็นห่วงข้าสินะ?”
หนิงเทียนชะงักไปหนึ่งลมหายใจ
ก่อนยกสุราขึ้นจิบโดยไม่พูดอะไรต่อ
ในที่สุด...
เสียง "กึก" ดังลั่น
ประตูพลังของแดนต้องห้าม—เปิดเต็มบาน
สิ่งที่อยู่ภายในปรากฏเป็น ม่านหมอกสีดำอมม่วง
คลื่นพลังแปลกประหลาดไหลย้อนออกมาปะทะใบหน้า
“เข้าไปซะเด็ก ๆ”
เสียงอาวุโสกล่าว
“ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไป—ชีวิตเจ้าขึ้นอยู่กับตัวเอง”
ทั้งสิบก้าวเข้าไปทีละคน
ศิษย์จากหลิงเจวี๋ย ชิงหั่ว ไป๋ฮว่า เสวียนอู่ และไป๋เฉิน ต่างมีสีหน้าจริงจัง
จนกระทั่ง…
เฟยหลงกับหนิงเทียน ยืนหน้าประตูเป็นสองคนสุดท้าย
เฟยหลงหันไปมองคู่ของตน
“เราสองคนเหมือนพระรองในตำราที่กำลังจะตีกันตอนจบ”
“แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน—ในนั้น ถ้าเจ้าทำตัวน่าเบื่อ ข้าจะเตะเจ้าลงเหวจริง ๆ”
หนิงเทียนปรายตามอง ก่อนตอบเรียบ
“หากมีเหวจริง...เจ้าจะลงไปก่อนข้าแน่”
ทั้งสองก้าวเข้าไปในม่านหมอก
ทันทีที่ฝ่าเข้าประตูพลัง
โลกทั้งใบเหมือนถูกดูดเข้ากระแสน้ำวน
เสียงเงียบ ทุกอย่างพลิกกลับด้าน
ดินแดนลึกลับแห่งแรกของแดนต้องห้ามบรรพกาล ปรากฏตรงหน้า
ต้นไม้ที่ลอยกลับหัว เมฆที่หยดลงพื้น
แผ่นหินลอยอักษรเก่าแก่กลางอากาศ
และ...ซากปรักหักพังของอารยธรรมที่ไม่มีอยู่ในภพล่างใด ๆ
“เรามาถึงแล้ว...”
หนิงเทียนกล่าวเบา ๆ
เฟยหลงหมุนพัดในมือ
“ที่นี่...มันเหมือนความฝันของใครบางคนที่กลายเป็นฝันร้ายเลยล่ะ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของทั้งสองคน
เสียงที่พวกเขาได้ยินนั้นกลับไม่มีใครได้ยินนอกจากพวกเขา
“เจ้าผู้ถือกระบี่แห่งโชคลาภ...”
“เจ้า...ผู้แบกบัวแห่งสวรรค์…”
ทั้งสองหันมองกันชั่วขณะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments