5

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ในโถงชั้น 49 แทบกลืนหายไปกับลมกลางคืน

ซูเหยียนยืนอยู่หน้าประตูห้องประธาน

เธอลังเลอยู่เพียงเสี้ยวนาที

ก่อนจะยื่นมือไปเคาะประตูเบา ๆ — ครั้งเดียว

ไม่มีเสียงตอบรับ

แต่เธอรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในนั้น

ประตูไม่ได้ล็อก

เธอผลักมันเปิดเข้าไปช้า ๆ

แล้วพบว่าทุกอย่าง…ยังเหมือนเดิม

ไฟหัวเตียงเปิดไว้ดวงเดียว

เจินหลานนั่งอยู่ตรงโซฟา ในมือมีแก้วไวน์

ร่างในชุดเดิมจากงานเลี้ยงยังไม่เปลี่ยน

ดวงตาคมที่เคยมองใครได้อย่างมั่นคง…ตอนนี้กลับดูอ่อนแรงเกินกว่าที่เธอเคยเห็น

เธอไม่พูด

เพียงเดินเข้าไป

แล้วนั่งลงตรงปลายโซฟาอีกฝั่ง โดยเว้นระยะระหว่างกันไว้หนึ่งช่วงแขน

ห้องเงียบเกินไป

ไวน์ในแก้วยังไม่พร่อง

และเจินหลานก็ยังไม่หันมามอง

ซูเหยียนนั่งเงียบอยู่เกือบหนึ่งนาที

ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“เมื่อกี้หนูเดินเล่นริมแม่น้ำมาค่ะ”

ไม่มีคำตอบ

แต่เธอก็พูดต่อ

“แล้วก็คิดหลายอย่าง…ตั้งแต่พี่เดินผ่านหนูในงาน ไม่มอง ไม่พูด เหมือนเราไม่รู้จักกันเลย”

“…”

“ตอนแรกมันเจ็บมากค่ะ หนูไม่เข้าใจเลยว่าถ้าพี่รักหนูจริง…ทำไมต้องปกปิดแบบนั้น”

เจินหลานหันมาช้า ๆ

ดวงตาแดงเล็กน้อย แต่ไม่มีน้ำตา

ซูเหยียนสบตาเธอ

เสียงเธอไม่สั่น ไม่เงียบ แต่สงบ และตรงไปตรงมา

“แต่ระหว่างที่หนูเดินอยู่…มันเหมือนมีเสียงหนึ่งในหัว บอกว่า ‘พี่ก็เจ็บไม่แพ้กัน’”

“พี่เป็นผู้หญิง เป็นประธาน เป็นคนที่มีสายตาทั้งวงการมองอยู่ตลอด”

“หนูเข้าใจ…มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

เธอหันไปสบตาอีกฝ่ายตรง ๆ

ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะขอบแก้วไวน์ในมือเจินหลาน

แล้วดึงมันออกเบา ๆ วางไว้ที่โต๊ะ

“พี่ไม่ต้องตอบอะไรตอนนี้ก็ได้ค่ะ”

“แค่ฟังหนูก็พอ”

เจินหลานนิ่ง

เธอกำมือแน่นไว้กับเข่าตัวเอง

ซูเหยียนยิ้มบาง ๆ

มือเธอเอื้อมไปกุมมือนั้นเบา ๆ จากด้านข้าง

“หนูไม่ได้กลับมาเพราะพี่สั่ง”

“แต่หนูกลับมาเพราะ…หนูอยากอยู่ตรงนี้เอง”

เสียงของเธอไม่สั่น

กลับกัน มันแน่วแน่อย่างที่เจินหลานไม่เคยได้ยินจากเธอมาก่อน

“พี่จะเก็บหนูไว้เป็นความลับไปอีกนานแค่ไหนก็ได้”

“แค่ช่วยอย่าปล่อยให้หนูรู้สึกว่า…พี่ไม่เลือกหนูเลยในที่แจ้ง”

เจินหลานหลับตา

และในวินาทีนั้น

ฝ่ามือของเธอ…สั่น

ไม่ใช่เพราะความกลัว

แต่เพราะรู้ว่าเธอเกือบจะเสียเด็กคนนี้ไปจริง ๆ

เธอลืมตาขึ้น

วางแก้วไวน์ลง

แล้วลุกขึ้นช้า ๆ ก่อนจะนั่งลงข้างซูเหยียน — ใกล้จนหัวไหล่แตะกัน

“ซูเหยียน”

น้ำเสียงของเธอสั่นเพียงเล็กน้อย แต่ฟังแล้วลึกมาก

“ขอโทษนะ…”

หญิงสาวเงยหน้ามองเธอ

ในแววตาไม่มีคำว่า ‘ต่อว่า’

มีเพียงความเข้าใจ

เจินหลานโน้มตัวลง

โอบอีกฝ่ายแน่น ๆ ราวกับกลัวว่าเธอจะละลายหายไปกับความเงียบของค่ำคืนนี้

“ฉันคิดว่าฉันทำเพื่อเธอ เพื่อปกป้องเธอ”

“แต่ในความเป็นจริง…ฉันแค่กลัว”

เธอเงียบไปอึดใจหนึ่ง

ก่อนจะกระซิบข้างหูอีกฝ่าย

“แต่คืนนี้…ฉันรู้แล้วว่า

การปล่อยให้เธออยู่ในความลับ คือวิธีที่โหดร้ายที่สุดที่ฉันเคยทำ”

ซูเหยียนไม่พูด

แค่ขยับตัว

หันไปโอบคออีกฝ่ายไว้แน่น

“หนูไม่ต้องการคำสัญญาอะไรเลยค่ะพี่”

“แค่พี่อย่าปล่อยมือหนูอีกก็พอ”

พวกเธอนั่งกอดกันเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น

นานหลายนาที

โดยไม่มีใครพูดอะไรต่อ

เพราะบางครั้ง

คำพูดก็ไม่จำเป็น

เมื่อ ‘ใจ’ เข้าใจกันแล้ว

ตีหนึ่งครึ่ง

เจินหลานพาซูเหยียนเข้านอนด้วยตัวเอง

เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฝ่ายนั้น จัดหมอน และปิดไฟด้วยมือตัวเอง

ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างแก้ม

“คืนนี้…จะไม่มีบทลงโทษใด ๆ”

“เพราะคืนนี้เธอชนะแล้ว”

ซูเหยียนขยับตัวเข้าหา

กอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง

แล้วกระซิบตอบในความมืด:

“หนูไม่ได้อยากชนะค่ะพี่”

“หนูแค่อยากอยู่กับพี่…โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทิ้งอีก”

เจินหลานหลับตาแน่น

ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของเด็กคนนั้นไว้

ไม่มีเสียง

ไม่มีสัญญา

มีเพียงอ้อมแขนที่กอดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ — ราวกับจะพูดว่า

“เธอจะไม่มีวันถูกทิ้งอีกต่อไป”

รุ่งสางของวันอังคาร

แสงอาทิตย์ลอดผ้าม่านสีครีมเข้ามาบางเบา

อี้เจินหลานตื่นขึ้นก่อนอีกฝ่ายตามเคย

แต่ต่างจากทุกเช้า

วันนี้…เธอยังไม่ขยับออกจากเตียง ไม่เอื้อมไปหยิบมือถือ ไม่ลุกไปล้างหน้า

เธอแค่นอนนิ่ง ๆ

ฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเด็กหญิงในอ้อมกอด

ซูเหยียนนอนซุกอยู่ข้างกาย แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนหน้าท้องของเจินหลาน

ใบหน้าเรียบสงบของเธอดูอ่อนเยาว์กว่าตอนที่ตั้งใจซ่อนทุกอารมณ์ไว้ในห้องประชุม

แต่ในขณะเดียวกัน…ก็แฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่สะกิดในใจ

เจินหลานไม่ได้หวงแหนแค่สัมผัสของเธอ

แต่หวงแม้แต่ “ความเงียบ” นี้ ที่ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครได้เห็น

เธอเคยคิดว่าแค่รักษาไว้ในพื้นที่ลับก็เพียงพอ

แต่เมื่อคืน…น้ำเสียงของซูเหยียน

แววตาคู่นั้น…

ทำให้เธอเริ่มไม่แน่ใจว่า ความรักที่ปกปิดไว้ มันเป็นการ “รักษาไว้” หรือกำลัง “ผลักออกไป” กันแน่

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

เสียงของซูเหยียนดังขึ้นในความเงียบ

แม้จะไม่ลืมตา แต่เจินหลานก็รู้ว่าอีกฝ่ายตื่นนานแล้ว

“พี่…”

เสียงนั้นเรียบ ไม่เบา ไม่ดังเกินไป

แต่เจินหลานก็รู้ทันทีว่า…อีกฝ่ายคิดมาแล้ว

เธอหันหน้าไป

สบตากับดวงตาดำสนิทที่มองตรงมา

“เมื่อคืนหนูคิดหลายเรื่องเลยค่ะ”

“บางอย่างอาจฟังดูงี่เง่า…แต่หนูขอพูดได้ไหม”

เจินหลานพยักหน้า

เธอไม่ตอบ แต่จับมืออีกฝ่ายไว้แน่นขึ้นเล็กน้อย

ซูเหยียนสูดหายใจเบา ๆ

ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสงบกว่าทุกครั้ง

“ถ้าสักวันหนึ่ง…พี่เจอผู้หญิงที่พี่ถูกใจจริง ๆ ข้างนอก”

“แล้วรู้สึกว่ากับเขา…มันง่ายกว่ากับหนู มันเบา มันไม่ต้องหลบซ่อน”

“…”

“หนูยินดีให้พี่ไปหาผู้หญิงคนนั้นได้เลยนะคะ”

“ไปเจอ ไปใช้เวลาด้วย…จะถึงขั้น ‘เล่นสนุก’ กันก็ได้”

เสียงของเธอไม่สั่น

ไม่ใช่เพราะไม่เจ็บ

แต่เพราะ “เธอเตรียมใจไว้แล้ว”

เจินหลานขยับตัวขึ้นนั่งทันที

ดวงตาเรียบนิ่งของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยแรงปะทะทางอารมณ์

“ซูเหยียน…”

แต่เด็กคนนั้นนั่งตามขึ้นมาเช่นกัน

นั่งหันหน้าเข้าหาเธอ

แล้วจับข้อมือของประธานไว้แน่นแนบตัก

“ขอแค่อย่างเดียวค่ะพี่…”

“หนูขอร้อง…”

น้ำเสียงเริ่มสั่นเบา ๆ ในประโยคถัดไป

“อย่าทิ้งหนู”

“อย่ารักคนอื่นแทนหนู”

“อย่าให้หนูกลายเป็นแค่ความทรงจำของใครคนหนึ่งที่พี่เคยรักแล้วเปลี่ยนใจทีหลัง…”

เจินหลานรู้สึกเหมือนถูกต่อยเข้าที่กลางอก

คำพูดของอีกฝ่ายไม่ใช่แค่การยอม — มันคือการ “เจ็บโดยสมัครใจ” เพื่อขอแค่ยังได้อยู่ในชีวิตของคนที่เธอรัก

เธอไม่เคยรู้เลยว่า

เด็กผู้หญิงที่เธอเคยคิดว่า “อ่อนแอแต่เก่งเก็บอาการ”

กลับรักเธอจนยอมให้เจ็บมากขนาดนี้

“เธอคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นเหรอ…”

เจินหลานถามเบา ๆ

“เธอคิดว่าฉันจะมีผู้หญิงอื่น แล้วยังปล่อยให้เธออยู่ข้างฉันต่อ?”

ซูเหยียนไม่ตอบ

เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ

และหลุบตาลง

“หนูไม่รู้ค่ะ…”

“พี่เป็นคนที่มั่นคงและเด็ดขาด หนูรู้”

“แต่คนเราทุกคน…ก็มีวันเปลี่ยนได้ทั้งนั้น”

เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

สบตากับประธานของเธออย่างมั่นคง

“เพราะงั้นหนูถึงไม่ขอให้พี่สัญญา”

“หนูแค่ขอให้พี่รู้ว่า…หนูยังอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน”

“แม้พี่จะเลือกให้หนูเป็นความลับต่อไป หรือเลือกใครอีกคนที่เปิดเผยได้มากกว่า”

“หนูแค่ขอ…อย่ารักใครมากกว่าหนูก็พอ”

ห้องเงียบไปนานหลายวินาที

แม้แต่เสียงลมหายใจก็แผ่วจนแทบจับไม่ได้

เจินหลานลุกขึ้นช้า ๆ

เดินไปที่ริมหน้าต่าง

มองออกไปนอกตึกที่ยังไม่เปิดไฟทั่ว

มือของเธอกำแน่น

แต่หัวใจของเธอ…สั่นระริก

มันไม่ใช่ความโกรธ

มันไม่ใช่ความเสียใจ

แต่มันคือ…ความกลัวที่ถูกตีแสกหน้า

ว่าผู้หญิงคนหนึ่ง…สามารถยอมเจ็บให้เธอ

เพื่อขอแค่ ‘มีตัวตน’ อยู่ในชีวิตเธอต่อไป

“เธอคิดว่าฉันไม่รักเธอมากพอใช่ไหม”

เจินหลานพูดขึ้น

ยังหันหลังให้ ไม่มองหน้าอีกฝ่าย

ซูเหยียนเงียบ

“คิดว่าฉันรักเธอน้อยพอ…ที่จะมีคนอื่นได้ใช่ไหม”

“เปล่าค่ะ…”

“งั้นก็จำเอาไว้ให้ดี…”

เจินหลานหันกลับมา

เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าอีกฝ่าย

“ฉันไม่เล่นกับใคร และไม่เคยสนใจใครนอกจากเธอ”

“ไม่ใช่เพราะเธอขอไว้ — แต่เพราะฉันไม่อยาก”

เธอเอื้อมมือไปแตะแก้มของซูเหยียน

ปลายนิ้วเย็นเฉียบเพราะลมเช้า

แต่คำพูดของเธอกลับร้อนวาบ

“ถ้ามีใครเข้ามาใกล้ฉัน…”

“ฉันจะนึกถึงสีหน้าเธอเวลาหันหลังกลับจากงานเลี้ยงคืนนั้น”

“แล้วฉันจะไม่ยอมให้เธอรู้สึกแบบนั้นอีกเลย”

เธอก้มหน้าลง

ริมฝีปากแตะแก้มของอีกฝ่ายช้า ๆ

แล้วกระซิบใกล้ข้างหู

“เพราะเธอไม่ใช่ของลับ”

“แต่เธอเป็นของรัก…ที่ฉันยังไม่กล้าบอกใคร”

ซูเหยียนเงียบ

น้ำในตาเอ่อขึ้น แต่เธอก็ยิ้มทั้งน้ำตา

“หนูไม่ได้อยากได้คำสัญญา”

“แต่คำพูดแบบนี้…หนูอยากได้ที่สุดเลยค่ะ”

แสงแดดลอดผ้าม่านเข้ามาเต็มที่

อุ่นเล็กน้อย

พอจะทำให้เตียงนุ่ม ๆ กลางห้อง…ดูเหมือนบ้านขึ้นมาอีกหน่อย

เช้านั้น พวกเธอไม่ได้ลงไปทำงานตามเวลา

ไม่ได้รับโทรศัพท์

ไม่ได้เช็กอีเมล

มีแค่โลกสองคน

และคำพูดที่เงียบงัน

แต่ชัดเจนพอจะกอดหัวใจกันไว้แน่นยิ่งกว่าคำสัญญาใด ๆ

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 5

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!