เสียงฝีเท้าเบา ๆ ในโถงชั้น 49 แทบกลืนหายไปกับลมกลางคืน
ซูเหยียนยืนอยู่หน้าประตูห้องประธาน
เธอลังเลอยู่เพียงเสี้ยวนาที
ก่อนจะยื่นมือไปเคาะประตูเบา ๆ — ครั้งเดียว
ไม่มีเสียงตอบรับ
แต่เธอรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในนั้น
ประตูไม่ได้ล็อก
เธอผลักมันเปิดเข้าไปช้า ๆ
แล้วพบว่าทุกอย่าง…ยังเหมือนเดิม
ไฟหัวเตียงเปิดไว้ดวงเดียว
เจินหลานนั่งอยู่ตรงโซฟา ในมือมีแก้วไวน์
ร่างในชุดเดิมจากงานเลี้ยงยังไม่เปลี่ยน
ดวงตาคมที่เคยมองใครได้อย่างมั่นคง…ตอนนี้กลับดูอ่อนแรงเกินกว่าที่เธอเคยเห็น
เธอไม่พูด
เพียงเดินเข้าไป
แล้วนั่งลงตรงปลายโซฟาอีกฝั่ง โดยเว้นระยะระหว่างกันไว้หนึ่งช่วงแขน
ห้องเงียบเกินไป
ไวน์ในแก้วยังไม่พร่อง
และเจินหลานก็ยังไม่หันมามอง
ซูเหยียนนั่งเงียบอยู่เกือบหนึ่งนาที
ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“เมื่อกี้หนูเดินเล่นริมแม่น้ำมาค่ะ”
ไม่มีคำตอบ
แต่เธอก็พูดต่อ
“แล้วก็คิดหลายอย่าง…ตั้งแต่พี่เดินผ่านหนูในงาน ไม่มอง ไม่พูด เหมือนเราไม่รู้จักกันเลย”
“…”
“ตอนแรกมันเจ็บมากค่ะ หนูไม่เข้าใจเลยว่าถ้าพี่รักหนูจริง…ทำไมต้องปกปิดแบบนั้น”
เจินหลานหันมาช้า ๆ
ดวงตาแดงเล็กน้อย แต่ไม่มีน้ำตา
ซูเหยียนสบตาเธอ
เสียงเธอไม่สั่น ไม่เงียบ แต่สงบ และตรงไปตรงมา
“แต่ระหว่างที่หนูเดินอยู่…มันเหมือนมีเสียงหนึ่งในหัว บอกว่า ‘พี่ก็เจ็บไม่แพ้กัน’”
“พี่เป็นผู้หญิง เป็นประธาน เป็นคนที่มีสายตาทั้งวงการมองอยู่ตลอด”
“หนูเข้าใจ…มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
เธอหันไปสบตาอีกฝ่ายตรง ๆ
ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะขอบแก้วไวน์ในมือเจินหลาน
แล้วดึงมันออกเบา ๆ วางไว้ที่โต๊ะ
“พี่ไม่ต้องตอบอะไรตอนนี้ก็ได้ค่ะ”
“แค่ฟังหนูก็พอ”
เจินหลานนิ่ง
เธอกำมือแน่นไว้กับเข่าตัวเอง
ซูเหยียนยิ้มบาง ๆ
มือเธอเอื้อมไปกุมมือนั้นเบา ๆ จากด้านข้าง
“หนูไม่ได้กลับมาเพราะพี่สั่ง”
“แต่หนูกลับมาเพราะ…หนูอยากอยู่ตรงนี้เอง”
เสียงของเธอไม่สั่น
กลับกัน มันแน่วแน่อย่างที่เจินหลานไม่เคยได้ยินจากเธอมาก่อน
“พี่จะเก็บหนูไว้เป็นความลับไปอีกนานแค่ไหนก็ได้”
“แค่ช่วยอย่าปล่อยให้หนูรู้สึกว่า…พี่ไม่เลือกหนูเลยในที่แจ้ง”
เจินหลานหลับตา
และในวินาทีนั้น
ฝ่ามือของเธอ…สั่น
ไม่ใช่เพราะความกลัว
แต่เพราะรู้ว่าเธอเกือบจะเสียเด็กคนนี้ไปจริง ๆ
เธอลืมตาขึ้น
วางแก้วไวน์ลง
แล้วลุกขึ้นช้า ๆ ก่อนจะนั่งลงข้างซูเหยียน — ใกล้จนหัวไหล่แตะกัน
“ซูเหยียน”
น้ำเสียงของเธอสั่นเพียงเล็กน้อย แต่ฟังแล้วลึกมาก
“ขอโทษนะ…”
หญิงสาวเงยหน้ามองเธอ
ในแววตาไม่มีคำว่า ‘ต่อว่า’
มีเพียงความเข้าใจ
เจินหลานโน้มตัวลง
โอบอีกฝ่ายแน่น ๆ ราวกับกลัวว่าเธอจะละลายหายไปกับความเงียบของค่ำคืนนี้
“ฉันคิดว่าฉันทำเพื่อเธอ เพื่อปกป้องเธอ”
“แต่ในความเป็นจริง…ฉันแค่กลัว”
เธอเงียบไปอึดใจหนึ่ง
ก่อนจะกระซิบข้างหูอีกฝ่าย
“แต่คืนนี้…ฉันรู้แล้วว่า
การปล่อยให้เธออยู่ในความลับ คือวิธีที่โหดร้ายที่สุดที่ฉันเคยทำ”
ซูเหยียนไม่พูด
แค่ขยับตัว
หันไปโอบคออีกฝ่ายไว้แน่น
“หนูไม่ต้องการคำสัญญาอะไรเลยค่ะพี่”
“แค่พี่อย่าปล่อยมือหนูอีกก็พอ”
…
พวกเธอนั่งกอดกันเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น
นานหลายนาที
โดยไม่มีใครพูดอะไรต่อ
เพราะบางครั้ง
คำพูดก็ไม่จำเป็น
เมื่อ ‘ใจ’ เข้าใจกันแล้ว
…
ตีหนึ่งครึ่ง
เจินหลานพาซูเหยียนเข้านอนด้วยตัวเอง
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฝ่ายนั้น จัดหมอน และปิดไฟด้วยมือตัวเอง
ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างแก้ม
“คืนนี้…จะไม่มีบทลงโทษใด ๆ”
“เพราะคืนนี้เธอชนะแล้ว”
…
ซูเหยียนขยับตัวเข้าหา
กอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง
แล้วกระซิบตอบในความมืด:
“หนูไม่ได้อยากชนะค่ะพี่”
“หนูแค่อยากอยู่กับพี่…โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทิ้งอีก”
เจินหลานหลับตาแน่น
ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของเด็กคนนั้นไว้
ไม่มีเสียง
ไม่มีสัญญา
มีเพียงอ้อมแขนที่กอดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ — ราวกับจะพูดว่า
“เธอจะไม่มีวันถูกทิ้งอีกต่อไป”
รุ่งสางของวันอังคาร
แสงอาทิตย์ลอดผ้าม่านสีครีมเข้ามาบางเบา
อี้เจินหลานตื่นขึ้นก่อนอีกฝ่ายตามเคย
แต่ต่างจากทุกเช้า
วันนี้…เธอยังไม่ขยับออกจากเตียง ไม่เอื้อมไปหยิบมือถือ ไม่ลุกไปล้างหน้า
เธอแค่นอนนิ่ง ๆ
ฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเด็กหญิงในอ้อมกอด
ซูเหยียนนอนซุกอยู่ข้างกาย แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนหน้าท้องของเจินหลาน
ใบหน้าเรียบสงบของเธอดูอ่อนเยาว์กว่าตอนที่ตั้งใจซ่อนทุกอารมณ์ไว้ในห้องประชุม
แต่ในขณะเดียวกัน…ก็แฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่สะกิดในใจ
เจินหลานไม่ได้หวงแหนแค่สัมผัสของเธอ
แต่หวงแม้แต่ “ความเงียบ” นี้ ที่ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครได้เห็น
เธอเคยคิดว่าแค่รักษาไว้ในพื้นที่ลับก็เพียงพอ
แต่เมื่อคืน…น้ำเสียงของซูเหยียน
แววตาคู่นั้น…
ทำให้เธอเริ่มไม่แน่ใจว่า ความรักที่ปกปิดไว้ มันเป็นการ “รักษาไว้” หรือกำลัง “ผลักออกไป” กันแน่
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เสียงของซูเหยียนดังขึ้นในความเงียบ
แม้จะไม่ลืมตา แต่เจินหลานก็รู้ว่าอีกฝ่ายตื่นนานแล้ว
“พี่…”
เสียงนั้นเรียบ ไม่เบา ไม่ดังเกินไป
แต่เจินหลานก็รู้ทันทีว่า…อีกฝ่ายคิดมาแล้ว
เธอหันหน้าไป
สบตากับดวงตาดำสนิทที่มองตรงมา
“เมื่อคืนหนูคิดหลายเรื่องเลยค่ะ”
“บางอย่างอาจฟังดูงี่เง่า…แต่หนูขอพูดได้ไหม”
เจินหลานพยักหน้า
เธอไม่ตอบ แต่จับมืออีกฝ่ายไว้แน่นขึ้นเล็กน้อย
ซูเหยียนสูดหายใจเบา ๆ
ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสงบกว่าทุกครั้ง
“ถ้าสักวันหนึ่ง…พี่เจอผู้หญิงที่พี่ถูกใจจริง ๆ ข้างนอก”
“แล้วรู้สึกว่ากับเขา…มันง่ายกว่ากับหนู มันเบา มันไม่ต้องหลบซ่อน”
“…”
“หนูยินดีให้พี่ไปหาผู้หญิงคนนั้นได้เลยนะคะ”
“ไปเจอ ไปใช้เวลาด้วย…จะถึงขั้น ‘เล่นสนุก’ กันก็ได้”
เสียงของเธอไม่สั่น
ไม่ใช่เพราะไม่เจ็บ
แต่เพราะ “เธอเตรียมใจไว้แล้ว”
เจินหลานขยับตัวขึ้นนั่งทันที
ดวงตาเรียบนิ่งของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยแรงปะทะทางอารมณ์
“ซูเหยียน…”
แต่เด็กคนนั้นนั่งตามขึ้นมาเช่นกัน
นั่งหันหน้าเข้าหาเธอ
แล้วจับข้อมือของประธานไว้แน่นแนบตัก
“ขอแค่อย่างเดียวค่ะพี่…”
“หนูขอร้อง…”
น้ำเสียงเริ่มสั่นเบา ๆ ในประโยคถัดไป
“อย่าทิ้งหนู”
“อย่ารักคนอื่นแทนหนู”
“อย่าให้หนูกลายเป็นแค่ความทรงจำของใครคนหนึ่งที่พี่เคยรักแล้วเปลี่ยนใจทีหลัง…”
เจินหลานรู้สึกเหมือนถูกต่อยเข้าที่กลางอก
คำพูดของอีกฝ่ายไม่ใช่แค่การยอม — มันคือการ “เจ็บโดยสมัครใจ” เพื่อขอแค่ยังได้อยู่ในชีวิตของคนที่เธอรัก
เธอไม่เคยรู้เลยว่า
เด็กผู้หญิงที่เธอเคยคิดว่า “อ่อนแอแต่เก่งเก็บอาการ”
กลับรักเธอจนยอมให้เจ็บมากขนาดนี้
“เธอคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นเหรอ…”
เจินหลานถามเบา ๆ
“เธอคิดว่าฉันจะมีผู้หญิงอื่น แล้วยังปล่อยให้เธออยู่ข้างฉันต่อ?”
ซูเหยียนไม่ตอบ
เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ
และหลุบตาลง
“หนูไม่รู้ค่ะ…”
“พี่เป็นคนที่มั่นคงและเด็ดขาด หนูรู้”
“แต่คนเราทุกคน…ก็มีวันเปลี่ยนได้ทั้งนั้น”
เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
สบตากับประธานของเธออย่างมั่นคง
“เพราะงั้นหนูถึงไม่ขอให้พี่สัญญา”
“หนูแค่ขอให้พี่รู้ว่า…หนูยังอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน”
“แม้พี่จะเลือกให้หนูเป็นความลับต่อไป หรือเลือกใครอีกคนที่เปิดเผยได้มากกว่า”
“หนูแค่ขอ…อย่ารักใครมากกว่าหนูก็พอ”
…
ห้องเงียบไปนานหลายวินาที
แม้แต่เสียงลมหายใจก็แผ่วจนแทบจับไม่ได้
เจินหลานลุกขึ้นช้า ๆ
เดินไปที่ริมหน้าต่าง
มองออกไปนอกตึกที่ยังไม่เปิดไฟทั่ว
มือของเธอกำแน่น
แต่หัวใจของเธอ…สั่นระริก
มันไม่ใช่ความโกรธ
มันไม่ใช่ความเสียใจ
แต่มันคือ…ความกลัวที่ถูกตีแสกหน้า
ว่าผู้หญิงคนหนึ่ง…สามารถยอมเจ็บให้เธอ
เพื่อขอแค่ ‘มีตัวตน’ อยู่ในชีวิตเธอต่อไป
…
“เธอคิดว่าฉันไม่รักเธอมากพอใช่ไหม”
เจินหลานพูดขึ้น
ยังหันหลังให้ ไม่มองหน้าอีกฝ่าย
ซูเหยียนเงียบ
“คิดว่าฉันรักเธอน้อยพอ…ที่จะมีคนอื่นได้ใช่ไหม”
“เปล่าค่ะ…”
“งั้นก็จำเอาไว้ให้ดี…”
เจินหลานหันกลับมา
เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าอีกฝ่าย
“ฉันไม่เล่นกับใคร และไม่เคยสนใจใครนอกจากเธอ”
“ไม่ใช่เพราะเธอขอไว้ — แต่เพราะฉันไม่อยาก”
เธอเอื้อมมือไปแตะแก้มของซูเหยียน
ปลายนิ้วเย็นเฉียบเพราะลมเช้า
แต่คำพูดของเธอกลับร้อนวาบ
“ถ้ามีใครเข้ามาใกล้ฉัน…”
“ฉันจะนึกถึงสีหน้าเธอเวลาหันหลังกลับจากงานเลี้ยงคืนนั้น”
“แล้วฉันจะไม่ยอมให้เธอรู้สึกแบบนั้นอีกเลย”
เธอก้มหน้าลง
ริมฝีปากแตะแก้มของอีกฝ่ายช้า ๆ
แล้วกระซิบใกล้ข้างหู
“เพราะเธอไม่ใช่ของลับ”
“แต่เธอเป็นของรัก…ที่ฉันยังไม่กล้าบอกใคร”
…
ซูเหยียนเงียบ
น้ำในตาเอ่อขึ้น แต่เธอก็ยิ้มทั้งน้ำตา
“หนูไม่ได้อยากได้คำสัญญา”
“แต่คำพูดแบบนี้…หนูอยากได้ที่สุดเลยค่ะ”
…
แสงแดดลอดผ้าม่านเข้ามาเต็มที่
อุ่นเล็กน้อย
พอจะทำให้เตียงนุ่ม ๆ กลางห้อง…ดูเหมือนบ้านขึ้นมาอีกหน่อย
เช้านั้น พวกเธอไม่ได้ลงไปทำงานตามเวลา
ไม่ได้รับโทรศัพท์
ไม่ได้เช็กอีเมล
มีแค่โลกสองคน
และคำพูดที่เงียบงัน
แต่ชัดเจนพอจะกอดหัวใจกันไว้แน่นยิ่งกว่าคำสัญญาใด ๆ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments