“ความลับของพี่…คือที่ที่หนูอยากอยู่ตลอดไป”
คำพูดนั้นย้อนวนอยู่ในหัวอี้เจินหลานขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องทำงานตัวเองในเย็นวันหนึ่ง ฝนเพิ่งตกใหม่ๆ กลิ่นชื้นของหิน กระจก และดินใต้คอนกรีตคลุ้งขึ้นมาพร้อมกับอากาศเย็นที่แทรกเข้ามาทางรอยเปิดของหน้าต่าง
เธอเหนื่อย
ทั้งจากการประชุมและการที่ต้อง “รักษาระยะ” ตลอดทั้งวัน
มันเหนื่อยยิ่งกว่าออกคำสั่ง…เพราะสิ่งที่ต้องกดไว้ไม่ใช่แค่คนอื่น แต่มันคือ “ตัวเอง”
เสื้อสูทถูกพาดไว้ที่เก้าอี้ เธอปลดกระดุมสองเม็ดบนสุดของเชิ้ตสีขาว สูดลมหายใจยาว ก่อนจะหมุนตัวตั้งใจจะเปิดคอมพิวเตอร์
แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิด…คือ “คนที่ไม่ควรอยู่ตรงนี้” กลับยืนอยู่ตรงหน้าต่างในเงามืด
ซูเหยียน—ยืนพิงกระจกสูง มองแสงเมืองเบื้องล่าง ราวกับโลกนี้ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว
“เธอเข้ามาได้ยังไง?”
เสียงของเจินหลานนิ่ง แต่มีรอยแปลกใจผสมอยู่
เด็กสาวหันมาช้าๆ
แสงจากตึกสูงภายนอกสะท้อนดวงตาของเธอเป็นสีอำพันอ่อน
“พี่ลืมปิดระบบล็อก…หรือบางทีอาจตั้งใจลืมก็ได้นะคะ”
อี้เจินหลานไม่ได้ตอบ เธอกลับเดินเข้ามาใกล้
“เธออยากอะไรจากฉันกันแน่…?”
“แค่อยากอยู่ใกล้…แค่นั้นไม่ได้เหรอคะ?”
น้ำเสียงนั้นไม่ได้อ้อนวอน
แต่มันแนบเนียนเหมือนมีดที่แหลมคมและมีไออุ่นของนิ้วมืออยู่ที่ด้าม
ซูเหยียนเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว จนอีกไม่ถึงเมตร
“พี่รู้ไหมคะ ห้องนี้มีอะไรแปลกอย่างนึง”
“มันคือ ‘ที่หลบ’ ของพี่…ไม่ใช่ ‘ที่ทำงาน’”
เจินหลานเบี่ยงหน้าเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะไม่เข้าใจ แต่เพราะเธอไม่อยากให้เห็นแววตาสั่นไหวในตอนนั้น
“ห้องนี้ไม่มีกล้อง ไม่มีระบบบันทึกเสียง ไม่มีใครกล้าขอเข้ามา…นอกจากหนู”
เด็กสาวขยับเข้าไปใกล้ช้าๆ กลิ่นหอมอ่อนจากน้ำหอมลอยมากระทบประสาทรับรู้
มันไม่ใช่กลิ่นแรงแบบที่ผู้หญิงแต่งตัวจัดจะใช้
แต่มันคือกลิ่นที่ทำให้คิดถึงห้องหนังสือ กลิ่นอุ่นของกระดาษ กลิ่นผิวหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ
“หนูบุกมาถึงที่แบบนี้…พี่จะไล่มั้ยคะ?”
“ควรจะไล่”
“แต่พี่ไม่พูด”
เงียบ
เงียบเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน
และในความเงียบ
ซูเหยียนเดินไปวางฝ่ามือลงบนอกเสื้อเชิ้ตของประธานหญิง…ตรงหัวใจที่เต้นแรง
“คืนนี้…ขอแค่คืนนี้”
“ให้หนูอยู่ใน ‘พื้นที่ที่ไม่มีใครกล้าเข้า’ ของพี่…ได้มั้ย”
อี้เจินหลานหลับตา
เธอไม่ใช่คนอ่อนแอ
แต่การที่เธอไม่ตอบ ไม่ต่อต้าน ไม่หนี—มันคือคำว่า ‘ยอม’ ที่เธอไม่มีวันพูดออกมา
—
นาทีถัดมา
เธออยู่ในห้องพักส่วนตัว ด้านหลังห้องทำงาน
ฝนเริ่มตกอีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิม ฟ้าครามเบื้องนอกแปรเปลี่ยนเป็นเทาเข้ม
ซูเหยียนอยู่ในเสื้อเชิ้ตของเธออีกครั้ง
ผมเปียกบางส่วนจากฝนถูกซับด้วยผ้าขนหนูในมือของเจินหลานอย่างเบาๆ
ไม่มีคำพูด
ไม่มีการล้อเล่น
มีเพียงสายตา ที่ยิ่งเงียบยิ่งชัดเจน
“หนูจะไม่ถามนะคะ…ว่าพี่รู้สึกยังไง”
“เพราะทุกครั้งที่พี่มองหนู มันชัดกว่าอะไรทั้งหมด”
เจินหลานหยุดเช็ดผม มองดวงหน้าเด็กคนนั้นใกล้ๆ
ใบหน้าที่ใครๆ มองว่าอ่อนเยาว์ แต่สำหรับเธอกลับเปี่ยมไปด้วยอำนาจแปลกประหลาด
เธอควบคุมทีมงานนับพันได้
แต่ไม่สามารถหยุดมือตัวเอง…ไม่ให้สัมผัสแก้มเนียนนั่น
“เธอทำให้ฉันอ่อนแอ”
“หนูอยากเป็นที่พักของพี่ค่ะ…”
“แค่พี่ไม่ผลักหนูออก หนูก็จะไม่ไปไหนเลย”
ประโยคนั้นทำให้บางอย่างในอกเจินหลานสั่น
ไม่ใช่ความหวั่นไหวแบบเด็ก
แต่มันคือความอบอุ่นที่…กลัวจะกลายเป็น ความเจ็บ ในวันหนึ่ง
—
พวกเธอจูบกัน
ไม่ใช่จูบแบบเร่าร้อน
แต่เป็นจูบแบบที่ “ไม่กล้าพูดคำว่ารัก”
เป็นจูบของคนที่ยอมให้กันเงียบๆ โดยไม่รู้ว่าจะมีพรุ่งนี้อีกมั้ย
ฝ่ามือของซูเหยียนลูบผ่านเอวของหญิงสาวอย่างเบาๆ
เธอไม่เร่ง ไม่รุกแบบโจ่งแจ้ง
แต่ร่างกายกลับใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนน้ำที่ซึมผ่านกำแพง
ไม่ต้องทลาย แต่ทำลายได้มากกว่า
เจินหลานไม่ได้ห้าม
แม้จะพยายามบอกตัวเองซ้ำๆ ว่า “อย่าเผลอไปอีก”
แต่ทุกสัมผัสกลับราวกับปลดโซ่ตรวนที่เธอแบกมานานนับสิบปี
“ฉัน…เหนื่อยเหลือเกิน…”
เสียงในใจที่ไม่มีใครเคยได้ยิน
ซูเหยียนเห็นความเปราะบางนั้น
และเธอก็ไม่พูดอะไร
เธอเพียงสวมกอดอีกฝ่ายไว้แน่นๆ ใต้ผ้าห่มสีเทาเข้ม
ในอ้อมกอดที่ไม่เร่งเร้า ไม่สัญญา ไม่พูดคำว่า ‘แฟน’
แต่เธอกระซิบเบาๆ ข้างใบหูว่า
“คืนนี้หนูจะเงียบ…และอยู่ตรงนี้ให้พี่ฝันดี”
ไม่มีการร่วมรัก
ไม่มีร่างกายใดถูกเปิดเผยเกินไป
มีเพียงความใกล้ ที่แนบแน่นกว่าร่างกาย
เจินหลานหลับไปในอ้อมกอดนั้น
เหมือนคนที่ไม่เคยได้รับการพักผ่อนเลยตลอดชีวิต
—
และในความมืด
ซูเหยียนลืมตา
มือหนึ่งยังลูบแผ่นหลังของคนในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบา
“พี่น่ะ…ไม่ได้รู้เลย ว่าใครกันแน่ที่ควบคุมเรื่องนี้”
เธอยิ้มเบาๆ
ดวงตานิ่ง…ไม่ใช่ดวงตาของนักศึกษาธรรมดาอีกต่อไป
เช้าวันถัดมา ฝนหยุดตกไปแล้ว แต่กลิ่นความชื้นยังไม่จางหายไปจากอากาศ ลมอ่อนๆ พัดใบไม้ไหวอยู่ริมระเบียงกระจกของชั้น 49 ที่ซึ่งประธานหญิงมักเปิดออกเพียงช่วงสาย ก่อนแดดจะแรงเกินไป แสงแดดสีอ่อนลอดผ่านกระจกเข้ามากระทบพื้นหินอ่อนและขอบพรมเนื้อนุ่ม อี้เจินหลานยังคงอยู่ในห้องนั้น ดวงตาเรียวนิ่งมองเอกสารตรงหน้า แต่ไม่มีสักบรรทัดที่เธออ่านเข้าใจเลยจริง ๆ เธอไม่ได้ปฏิเสธว่าเธอเหนื่อยจากงาน — นั่นคือข้ออ้างที่ปลอดภัย แต่สิ่งที่เธอเหนื่อยจริง ๆ คือการต้องวางระยะห่างกับคนคนหนึ่งที่กำลังค่อย ๆ ละลายเส้นนั้นลงทุกวันโดยที่เธอไม่ได้พูดว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” แค่เพียงไม่ได้ผลักไส แล้วปล่อยให้มันเกิดขึ้นเองเรื่อย ๆ
เธอหลับตาลง กลั้นหายใจไว้ชั่วขณะ ภาพจากคืนก่อนยังวนอยู่ในหัว กลิ่นกาย กลิ่นสบู่ กลิ่นหอมจาง ๆ บนเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายใส่ไว้ — ร่างในอ้อมแขนที่อบอุ่นเกินกว่าจะอธิบาย มือนั้นที่วางบนหน้าอกเธออย่างเงียบ ๆ ใบหน้าซุกอยู่ตรงซอกคอโดยไม่เอ่ยคำว่ารัก แต่สื่อทั้งหมดผ่านความเงียบ แล้วเธอก็หลับไปในอ้อมกอดนั้น ทั้งที่ไม่เคยยอมหลับต่อหน้าคนอื่นเลยสักครั้งในชีวิต
เสียงเคาะประตูทำลายบรรยากาศนั้นทันที เธอลืมตาขึ้น
“ประธานคะ เลขามาแจ้งว่ากลุ่มนักศึกษาฝึกงานพร้อมเข้าอบรมเช้านี้แล้วค่ะ มีการจัดบรรยายรวมที่ชั้น 47”
อี้เจินหลานเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนหยิบสูทขึ้นมาสวมช้า ๆ เธอเดินไปยังกระจกสูงข้างห้อง จัดปกเสื้อให้เรียบเฉียบ แล้วสบตาตัวเองในเงาสะท้อน — ผู้หญิงที่ควรจะสงบนิ่ง เยือกเย็น และเป็นเจ้าของทุกการควบคุม
เธอไม่มีสิทธิ์อ่อนแอ ไม่มีสิทธิ์ลังเล และไม่มีสิทธิ์ “มีความลับ” กับใคร
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือ — เธอมีความลับอยู่ในบริษัทตัวเอง
และความลับนั้น…กำลังเดินอยู่ในชุดนักศึกษาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ไม่มีใครล่วงรู้
…
ที่ชั้น 47 ห้องอบรมขนาดกลางซึ่งสามารถจุคนได้ประมาณ 30–40 คน เริ่มมีเสียงพูดคุยเบา ๆ จากกลุ่มนักศึกษาฝึกงานที่นั่งรออาจารย์ภายใน ก่อนวิทยากรจะมาเปิดเซสชันช่วงเช้า ข้างหน้ามีป้ายกระดานดิจิทัลแสดงหัวข้อ “กระบวนการบริหารองค์กรและการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์”
แต่ในบรรดานักศึกษาทั้งหมด มีอยู่คนหนึ่งที่นั่งนิ่งกว่าคนอื่น มือข้างหนึ่งเปิดสมุดจด ส่วนอีกข้างจับปากกาดำไว้แน่น ชุดนักศึกษาของเธอสะอาดเรียบ ผมรวบไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่สายตาไม่เคยเหลือบไปมองเพื่อนฝึกงานคนไหนเลย
เธอมองไปที่ประตู
เพราะเธอรู้ว่าอีกไม่เกินห้านาที — คนที่เธออยากเห็นหน้าที่สุดจะปรากฏตัว
และเมื่อเสียงรองเท้าส้นแหลมแตะกับพื้นทางเดินดังขึ้นจากด้านนอก ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบโดยอัตโนมัติ ประตูเปิดออกพร้อมร่างในชุดสูทสีดำตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด เส้นผมดำสนิทยาวระดับกลางหลังถูกรวบเรียบ ดวงตาคมเรียบนิ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับออร่าที่ทำให้ทุกคนในห้องเผลอกลั้นหายใจ
อี้เจินหลานเดินเข้ามาเงียบ ๆ สายตาเธอกวาดผ่านทุกคนเหมือนเช็คความเรียบร้อย
แต่เธอก็รู้ดี — ว่าดวงตาคู่หนึ่งมองเธออยู่ก่อนแล้ว
และเมื่อเธอสบตานั้นเพียงวินาทีเดียว บางอย่างในอกก็เหมือนจะเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย
ซูเหยียนไม่หลบตา เธอยิ้มบางๆ เพียงเสี้ยววินาที ก่อนโน้มหน้าลงเล็กน้อยราวกับเคารพ
ไม่มีใครในห้องรู้ว่ามันไม่ใช่การแสดงความเคารพธรรมดา
แต่เป็นคำทักทายจากใครบางคนที่ “ได้กอดเธอมาแล้วเมื่อคืนนี้”
“ยินดีที่ได้พบพวกคุณทุกคน ฉันคืออี้เจินหลาน ประธานบริหารกลุ่มบริษัทลู่ซิ่ว และวันนี้จะเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับการบริหารระดับสูง”
เสียงของเธอยังคงมั่นคงและเรียบนิ่งทุกคำ
ทุกคนตั้งใจฟัง
ยกเว้นซูเหยียน ที่ตั้งใจมอง
ทุกคำพูดที่หลุดจากริมฝีปากนั้น ทุกการสบตาสั้น ๆ ทุกท่าทางการเดินหน้าเวที — เธอจดจำไว้หมดราวกับบันทึกลงในร่างกาย
เธอไม่ได้ตกหลุมรักอี้เจินหลานในฐานะ “ผู้หญิงคนหนึ่ง”
แต่ตกหลุมรักในฐานะ “จักรวาล” หนึ่งที่เธออยากครอบครอง
ทั้งแรงกดดัน ความเย็นชา ความเก็บกด และทุกเศษเสี้ยวที่ไม่มีใครเคยได้เห็นนอกจากเธอ
…
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป บรรยายจบแล้ว นักศึกษาทยอยลุกขึ้นยืน
ซูเหยียนรอจนคนสุดท้ายเดินออกไป
ก่อนจะลุกจากที่นั่ง เดินเข้าไปยังมุมหนึ่งของเวที และกระซิบเบา ๆ ข้างหูอีกฝ่ายขณะหยิบเอกสารจากโต๊ะ
“วันนี้พี่เก่งมากเลยค่ะ…ทั้งที่เมื่อคืนหลับในอ้อมแขนหนูแท้ ๆ”
อี้เจินหลานหันขวับ ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจเล็กน้อย แต่เธอรีบเก็บมันไว้ในพริบตา
“อย่าทำแบบนี้ในที่สาธารณะ”
“แต่พี่ทำแบบนั้นในห้องส่วนตัวเมื่อคืนนี้นะคะ…”
“หนูเงียบแล้ว พี่เองก็อย่าเผลอเผยตัวสิ”
เจินหลานกำหมัดแน่น ไม่มีใครเคยพูดแบบนี้กับเธอมาก่อน
ไม่มีใครกล้าหยอกเธอในจุดที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกมา
แต่เด็กคนนี้ทำได้ — และยิ่งไปกว่านั้น…เธอไม่มีแรงจะหยุดมันได้เลย
…
คืนนั้น
ในห้องพักชั้นบนสุดของตึกใหญ่ เจินหลานยืนมองออกนอกหน้าต่างยาวนาน มือถือของเธอมีข้อความใหม่จากเบอร์ที่ไม่มีชื่อขึ้น:
“คืนนี้ไม่เข้าไปนะคะ พี่ควรพักบ้าง หนูเองก็ไม่ใจร้ายทุกคืนหรอก :)”
เธอมองจอ แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
ไม่ใช่หัวเราะเพราะตลก
แต่เพราะ “เข้าใจแล้วว่า…ถูกครอบครองทั้งใจตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว”
เธอเก็บมือถือไว้ในลิ้นชักอย่างเงียบๆ แล้วปิดไฟ
แสงสุดท้ายของวันดับลง
แต่ความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครล่วงรู้ — กลับเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในความเงียบงัน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments