Evil 5 โอปปาติกะ
ในตอนนี้ตัวของตุลย์เหมือนได้อยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างแอลลี่กับอลิซ เพราะทั้งสองคนยังเถียงกันก็เพราะตุลย์ทั้งนั้น ตุลย์เขารู้สึกลำบากใจเหลือเกินที่ตัวเองกลายเป็นเหตุแบบนี้ แล้วก็ไม่มีทีท่าเลยว่าจะมีใครยอมใครระหว่างแอลลี่กับอลิซ สรุปแล้วตุลย์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าที่ทั้งสองคนกำลังเถียงอยู่นั้นทั้งสองคนต้องการอะไรกันแน่ “เราต้องทำยังไงพวกเธอถึงจะเลิกเถียงกัน” ตุลย์ได้บ่นกับตัวเองในใจ “ก็จับยัยหนูแวมไพร์กับยัยหนูแม่มดนั่นแต่งงานซะเลยสิพ่อหนุ่มเนื้อหอม” เสียงในใจของตุลย์ได้ดังขึ้นภายในใจของตุลย์ “ไม่ต้องยุ่ง” ตุลย์ได้ตอบเสียงในใจกลับไป “ปล่อยให้สาวน้อยรักข้างเดียวแบบนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลยนะแกอ่ะ” เสียงในใจของได้ดังขึ้นอีกครั้ง “ก็บอกว่าไม่ต้องยุ่งไงฟ๊ะ…ช่วยอยู่ให้มันเงียบ ๆ หน่อยจะได้มะ” ตุลย์ได้ตะหวาดเสียงในใจกลับไป “บังอาจกล้ามาตะหวาดฉันน่ะ…อย่าพลาดก็แล้วกันนะแก” เสียงในใจได้ตอบกลับตุลย์แบบที่ไม่เกรงกลัวตุลย์เลยแม้แต่น้อย “แกคิดจะทำอะไรกันแน่?” ตุลย์เขาได้ถามกับโอปปาติกะร่างปีศาจที่อยู่ในตัวของเขาอย่างข้องใจ “ถ้าบอกก็ไม่สนุกดิพ่อหนุ่ม…เอาเป็นว่าถ้าแกอยากรู้แกก็ดูเอาเองดิ!” เสียงภายในใจได้ตอบกลับตุลย์โดยทิ้งปมไว้ให้ตุลย์นั้นได้หวาดผวากับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อจากนี้ เมื่อตุลย์ฟังเสียงนั้นจบแล้วตุลย์เขาก็ได้เกิดความระแวงขึ้นมาว่าโอปปาติกะในร่างกายของเขามันต้องคิดทำอะไรชั่วร้ายขึ้นมาอย่างแน่นอน
จากนั้นเมื่อแอลลี่กับอลิซก็เถียงกันไปกันมา จู่ ๆ ทั้งสองคนก็ได้เข้ามากอดแขนของตุลย์คนละข้างพร้อมกับจ้องไปที่ใบหน้าของตุลย์และถามคำถามออกมาอย่างพร้อมเพียงกันเป็นคำถามเดียวว่า “เธอจะเลือกใคร?” เมื่อตุลย์ได้ฟังคำถามของทั้งสองคนแล้ว ตุลย์กลับยิ่งสงสัยในการกระของทำของทั้งสองคนยิ่งขึ้นไปอีก “พวกเธอหมายความว่ายังไงเหรอ?” ตุลย์เขาได้เอ่ยปากถามแอลลี่กับอลิซด้วยความสงสัย เพราะตอนนี้ตัวของตุลย์เองนั้นไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้เลย
เมื่อแอลลี่และอลิซได้ยินตุลย์ถามพวกเธอทั้งสองคนไปแบบนั้น ทั้งสองคนจึงได้ตอบกลับตุลย์ไปพร้อม ๆ กัน ด้วยคำพูดเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายกันอีกครั้ง “อีตาคนซื่อบื่อ!” หลังจากนั้นแอลลี่กับอลิซเธอก็ได้หัวเราะสนุกชอบใจกันยกใหญ่ จากสิ่งที่เกิดนั้นทำเอาตุลย์ถึงกับงงไปเลยว่าเมื่อกี้เถียงกันจนแทบจะตีกันตาย แล้วพอมาตอนนี้กลับหัวเราะสนุกชอบใจกันเป็นการใหญ่ ตุลย์รู้สึกไม่เข้าใจกับผู้หญิงสองคนนี้จริง ๆ ไม่เข้าใจการกระทำของทั้งสองคนเลยสักอย่าง
จากนั้นก็ได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้าในห้องและมาหยุดยืนอยู่หน้ากระดานดำของห้อง “ได้ข่าวว่าห้องเรียนนี้มีโอปปาติกะมาสิงอยู่นี่…ว่าแต่มันเป็นใครกันนะ!?” ชายคนนั้นได้พูดด้วยเสียงที่ดังไปทั่วห้องเรียน และแล้วก็เริ่มที่จะมีเสียงซุบซิบกันภายในห้อง ว่านั้นคือโอปปาติกะที่แข่งแกร่งมากเพราะคน ๆ นั้นได้เล่นงานพวกรุ่นพี่ที่เป็นโอปปาติกะด้วยกันตั้งแต่มาเข้าเรียนตั้งแต่วันแรก “ได้ข่าวว่าแกเป็นอสูรกายที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้าร่างสินะ!” ชายคนนั้นยังคงพูดเพื่อสังเกตท่าทีของทุกคนในห้องเรียนอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นแอลลี่เธอจึงได้ลุกขึ้นยืน “นายจะเป็นใครฉันไม่สนใจหรอกนะ…แต่ที่นี่คือห้องเรียนของราชินีแวมไพร์อย่างฉัน! ถ้าแกยังคิดจะก่อเรื่องมากกว่านี้เราได้เห็นดีกันแน่!” เมื่อแอลลี่เธอพูดจบชายคนนั้นก็ได้หัวเราะขึ้นมาเป็นการใหญ่ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า~ หน้าอย่างแกน่ะเหรอจะทำอะไรฉันได้ยัยแวมไพร์ชั้นต่ำ!” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับเปลี่ยนใบหน้าเป็นใบหน้าที่เยียดหยามและดูเหมือนพร้อมที่จะมีเรื่องกับแอลลี่ด้วย เมื่อแอลลี่เธอได้เห็นแบบนั้นเธอจะเริ่มเกิดความโกรธขึ้น “พอแค่นั้นจะดีกว่าล่ะมั้ง…ถ้านายชอบสู้กับคนแข็งแกร่ง! ภายในโรงเรียนนี้นายก็น่าจะรู้จักฉันนี่นะ” จู่ ๆ เสียงของชายคนหนึ่งก็ได้ดังมาจากประตูห้องเรียน
“เซอร์จอห์น เอส เฟอร์ดินานด์ ราชาแวมไพร์รุ่นปัจจุบันที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่แวมไพร์ในเวลานี้!” ชายผู้เป็นโอปปาติกะได้พูดขึ้น ในขณะที่อีกด้านจอห์นเองที่ยืนกอดอกหลังพิงกับประตูห้องอยู่ก็ได้พูดขึ้นด้วยท่าทีที่เรียบเฉย “แกคือโอปปาติกะคือที่เพิ่งมาเข้าเรียนแล้วก็ไปท้าตีกับโอปปาติกะที่แข่งแกร่งที่สุดในโรงเรียนนี้สินะ! แล้วผลที่ได้คือแกก็ชนะมาด้วย…อันที่จริงฉันไม่ได้สนใจเผ่าพันธุ์อื่นหรอกนะ แต่ผู้หญิงที่แกว่าเธอคือแวมไพร์ชั้นต่ำเธอคือคู่หมั้นของฉัน แกคงรู้อยู่แล้วสินะว่าฉันทำอะไรได้บ้าง…ทศวิกรานต์” จอห์นได้ตอบกลับชายคนนั้น
“นี่แกรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ…ไม่เบานี่หว่า! เอาเป็นว่าวันนี้ฉันเล่นสนุกแค่นี้ก่อนก็ได้ แต่…ไอโอปปาติกะขี้ขลาดที่เอาแต่ซ่อนตัว! ฉันได้รู้แล้วนะว่าแกตื่นขึ้นมาจากนิทราแล้วเทวะมันตรา ปีศาจที่ได้รับพรจากพระเจ้าเพื่อปกป้องมวลมนุษย์ จากนี้แกกับฉันได้เจอกันแน่!” หลังจากทศวิกรานต์พูดจบเขาก็ได้เดินออกจากห้องเรียนไป โดยที่ทิ้งความสงสัยไว้ให้กับนักเรียนทั้งห้อง
“ทำไมแกไม่เปลี่ยนร่างกับฉันห๊ะตุลย์…ฉันล่ะอยากจะออกไปฉีกมันให้เป็นชิ้น ๆ จริง!” เสียงในใจของตุลย์นั้นได้ดังขึ้นหลังจากที่ทศวิกรานต์ออกจากห้องไปแล้ว “ทำให้มันได้อะไรขึ้นมางั้นเหรอเทวะมันตรา!” ตุลย์เขาได้พูดกับเสียงในใจของตัวเอง “เรียกมันตราก็พอ…แต่แกเป็นเจ้าร่างคนแรกเลยนะที่เรียกชื่อฉันน่ะ” เทวะมันตราโอปปาติกะในร่างของตุลย์บัดนี้ชื่อของเขาก็ได้ถูกเรียกออกมา เทวะมันตราเขาได้บอกให้กับตุลย์ได้รับรู้ว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเรียกชื่อของเขามาก่อน “ทำไงได้ล่ะ…ก็เราเป็นคน ๆ เดียวกันแล้วนี่มันตรา!” ตุลย์ได้ตอบกลับเทวะมันตราไปแบบช่วยไม่ได้
“แกเป็นใครมาจากไหนฉันไม่สนหรอก…แต่ถ้าแกยังทำให้คู่หมั้นของฉันเดือดร้อนอีกล่ะก็! ฉันไม่เอาแกไว้แน่” หลังจากที่จอห์นพูดจบเขาก็ได้เดินจากไป “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!” อลิซเธอได้พูดขึ้นมาด้วยความสับสนปนโกรธ “เซอร์จอห์น เอส เฟอร์ดินานด์ เป็นคู่หมั้นที่เผ่าพันธุ์เราจัดไว้…แต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้รักเด็ดขาด ส่วนโอปปาติกะนั่นกำลังตามหาเทวะมันตราหนึ่งในโอปปาติกะที่ซ่อนอยู่ในร่างของใครสักคน พอฉันรู้จักสิ่งที่เรียกว่าโอปปาติกะฉันก็ไปหาข้อมูลทันที” แอลลี่เธอได้ตอบข้อสงสัยของอลิซ
แต่ดูเหมือนว่าคำตอบของแอลลี่นั้นจะไม่ได้ช่วยให้อลิซเธอโกรธน้อยลงเลย “ทั้งสองคน…เทวะมันตราก็อยู่กับพวกเราตรงนี้นี่แหละ!” ตุลย์เขาได้สารภาพกับแอลลี่และอลิซว่าโอปปาติกะที่สิงอยู่ภายในร่างของเขามันก็คือเทวะมันตราที่ถูกทศวิกรานต์ตามหาอยู่นั่นแหละ “นี่แอลลี่…เรื่องนี้เรารู้กันแค่สามคนพอนะเข้าใจมั้ย! ส่วนที่เหลือเดี๋ยวฉันเล่าให้เธอฟังเอง” อลิซเธอได้กำชับกับแอลลี่ว่าขอให้แอลลี่เก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
จากนั้นทั้งสามคนจึงได้ทำตัวเป็นปกติทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและนั่งเรียนกันต่อไป ตุลย์เขายังคงสงสัยอยู่ว่าทศวิกรานต์นั้นจะมาตามหาเทวะมันตราทำไม “เจ้านั่นน่ะมีฉายาว่าเจตภูตผู้ชนะสิบทิศไงล่ะ…ในบรรดาโอปปาติกะรูปแบบเจตภูตเหมือนกับฉัน เจ้านั่นคือหนึ่งตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด อันที่จริงพวกเราก็ไม่เคยสู้กันมาก่อน ก็เลยไม่รู้หรอกว่าใครเก่งกว่ากัน แต่เจ้านั่นมันอยากสู้กับฉันมาตลอด เพราะฉันเป็นคนฆ่าฉัตรกรานต์คนที่มันรักที่เป็นมนุษย์ตายไงล่ะ” เทวะมันตราได้เล่าถึงอดีตของตัวเองให้กับตุลย์ได้ฟัง
หลังจากที่ตุลย์นั้นฟังเรื่องราวจากเทวะมันตราจบแล้วตุลย์เขาจึงได้เกิดความสงสัยขึ้นมา “แล้วทำไมนายต้องไปฆ่าเขาด้วยล่ะ?” เมื่อตุลย์ถามเทวะมันตราไปกลับไม่ได้รับคำตอบอะไรจากเทวะมันตรากลับมาเลย นั่นจึงทำให้ตุลย์นั้นไม่เข้าใจเลยว่าเทวะมันตราทำเรื่องทั้งหมดนั้นไปด้วยเหตุผลอะไร ตุลย์เขาไม่รู้เลยว่าฉัตรกรานต์นี้มีความสัพันธ์ยังไงกับเทวะมันตราถึงต้องถูกเทวะมันตราฆ่าด้วย และที่สำคัญคือเขายังไม่รู้เหตุผลเลยว่าทำไมเทวะมันตราถึงได้มาสิงร่างของเขา
หลังจากที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นและจบไปนั้น มันได้ทิ้งคำถามเอาไว้ภายในใจของตุลย์นั้นเต็มไปหมด และคำตอบที่เขาต้องการนั้นต่อให้พยายามจะถามเทวะมันตรายังไงเทวะมันตราก็คงจะไม่ยอมตอบเขาอย่างแน่นอน แล้วตุลย์เขาก็ไม่ได้อยากที่จะไปต่อสู้กับทศวิกรานต์ด้วย แต่อันที่จริงแล้วตุลย์เขาก็ได้คิดเอาไว้เหมือนกันว่าถ้าทศวิกรานต์รู้ถึงตัวตนของเขาและทำร้ายคนสำคัญของเขาขึ้นมา ตุลย์เขาก็คงไม่มีทางเลือกไม่มีทางที่จะให้อภัยหรือปล่อยให้ทศวิกรานต์รอดไปได้อย่างแน่นอน
เมื่อถึงช่วงพักกลางวันสองสาวอย่างแอลลี่กับอลิซจึงได้ลากจูงแขนของตุลย์ออกไปหาที่ ๆ โล่ง ๆ สงบ ๆ แล้วไม่ใครที่จะมาได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันต่อจากนี้ด้วย ทั้งสามคนได้มาหยุดอยู่ต้นไม้ใหญ่บนเนินทุ่งหญ้าโล่ง ๆ “ตุลย์…เธอช่วยเรียกเทวะมันตราให้ออกมาคุยกับพวกเราหน่อยได้มั้ย?” อลิซเธอได้ขอร้องให้ตุลย์นั้นช่วยเรียกให้เทวะมันตราออกมาให้ที “บอกยัยเด็กแม่มดนั่นไปว่าฉันไม่ออกไป…แต่ฉันจะฟังทุกอย่างที่พวกแกคุยกันอยู่ตรงนี้แหละ” เทวะมันตราเขาตั้งใจที่จะคุยทุกอย่างโดยผ่านตัวของตุลย์ จากนั้นตุลย์จึงได้บอกกับสองสาวตามที่เทวะมันตราพูดไป
จากนั้นอลิซเธอจึงได้ถอนหายใจ “เราเองก็ศึกษาเรื่องเผ่าพันธุ์อื่นมาบ้าง…แต่เทวะมันตราคือหนึ่งในเจตภูตที่แข่งแกร่งที่สุดเพราะได้รับพรจากพระเจ้ามา แต่เขาต้องแลกกับพลังที่ได้มาด้วยการกลายเป็นปีศาจ แต่เราไม่คิดเลยว่าเทวะมันตราคนนั้นจะมาเป็นโอปปาติกะ แล้วที่สำคัญคือตอนนี้เขาคนนั้นก็อยู่ในร่างของเธอด้วย” อลิซเธอได้พูดกับตุลย์ด้วยท่าทีที่ดูเหมือนจะแอบเป็นห่วงตุลย์ไม่น้อย “แต่ฉันสนใจเจ้าทศ ๆ อะไรนั่นสักอย่างมากกว่า” แอลลี่เธอได้พูดขึ้นมากลางวง
“ทศวิกรานต์…ย่ะ!” อลิซเธอได้ตอบด้วยท่าทางเหมือนแซะตัวของแอลลี่ “ช่างฉันเถอะหน่า…ฉันไม่ได้อยากรู้จักมัน! แต่ฉันแค่อยากรู้เหตุที่มันมาหาเรื่องตุลย์ของฉันก่อนที่ฉันจะฉีกร่างมันก็แค่นั้นแหละ” แอลลี่เธอได้พูดออกตัวว่าเธอโมโหกับเรื่องนี้เอามาก ๆ “ทศวิกรานต์…มีความแค้นกับมันตราน่ะ! มันเป็นเรื่องในอดีตของทั้งสองคน เราเองก็อยากรู้อตีดมันตราเหมือนกัน” ตุลย์ได้บอกให้กับแอลลี่และอลิซได้รับรู้ว่าเหตุผลทั้งหมดมันคือความแค้น
หลังจากตุลย์พูดจบแล้วจากนั้นเขาก็ได้นิ่งไป แต่ดูเหมือนว่าแอลลี่เธอจะโกรธมาก แอลลี่โกรธที่ทศวิกรานต์นั้นจะมาทำร้ายตุลย์ของเธอ “นี่…อลิซ! ถ้าครั้งหน้ามันยังมาหาเรื่องตุลย์อีกฉันจะฉีกร่างมัน เธอจะเอาด้วยกับฉันมั้ย?” แอลลี่เธอได้ตั้งคำถามกับอลิซด้วยความโกรธ “เทวะมันตรา…ที่พวกเราโกรธมันไม่ใช่เพราะปกป้องเธอ แต่ที่พวกเราโกรธเพราะเราปกป้องตุลย์” อลิซเธอได้พูดขึ้นเพราะเธอรู้ว่าเทวะมันตรากำลังฟังทุกอย่างอยู่ในร่างของตุลย์ “นี่ตุลย์…ถ้านายไม่อยากใช้พลังของฉันโดยไม่จำเป็น นายก็ติดต่อไปหาเจ้าคฑาวุธให้เจ้านั้นบอกวิธีใช้พลังเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาซะ!” เทวะมันตราได้บอกกับตุลย์จากภายในใจ
เมื่อตุลย์ฟังจบเขาก็รู้สึกตกใจที่เทวะมันตรานั้นรู้จักพ่อของเขาด้วย “นี่นายรู้จักพ่อด้วยเหรอมันตรา?” ตุลย์ได้ถามเทวะมันตรากลับไป “พ่อแกเป็นพวกนักล่าพวกนอกรีด…พ่อแกมีพลังในการเคลื่อนไหวชั่วพริบตาและยังมีพลังจิตขั้นสูงอีกด้วย แล้วถ้าเจ้านั่นรู้ว่าเจตภูตในร่างแกคือฉัน เจ้านั่นมันคงไม่อยากให้แกใช้พลังของฉันโดยไม่จำแน่นอน” เทวะมันตราได้บอกความสามารถของคฑาวุธให้กับตุลย์นั้นได้รับรู้ “งั้นกลับห้องพักก่อนละกันค่อยบอกพ่อ” ตุลย์ได้บอกกับเทวะมันตรา
ในตอนนี้แอลลี่กับอลิซกำลังโกรธในสิ่งเดียวกันอยู่นั่นคือทศวิกรานต์ แต่ตุลย์กลับรู้สึกสงสัยตัวตนของจอห์นมากกว่า เพราะเมื่อจอห์นปรากฏตัวใคร ๆ ต่างก็กลัวจอห์นกันทั้งนั้น “จอห์นคนนั้นเป็นใครกันแน่เหรอแอลลี่?” ในที่สุดตุลย์นั้นก็ได้เอ่ยปากถามแอลลี่เพราะเขารู้สึกข้องใจจริง ๆ เมื่อแอลลี่ฟังคำถามของตุลย์จบแล้ว แอลลี่เธอก็ได้นิ่งเงียบไปเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าตอบคำถามของตุลย์ยังไง
“เซอร์จอห์น เอส เฟอร์ดินานด์ หนึ่งในแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ที่มีพละกำลังเหนือกว่าพวกไลแคน มีร่างกายที่ใกล้เคียงกับความเป็นอมตะ เพราะอาวุธทั่วไปไม่สามารถทำร้ายร่างกายมันได้ แถมเวทมนต์ที่ใช้ใส่เจ้าตัวโดยตรงก็จะไร้ผลด้วย แล้วถึงแม้ว่าพวกแวมไพร์จะไม่ค่อยถูกกับไฟ แต่จอห์นคนนั้นกลับมีพลังแห่งไฟที่เผาได้ทุกอย่าง” อลิซเธอได้อธิบายความสามารถของจอห์นให้กับตุลย์นั้นได้ฟัง “ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ…จอห์นน่ะถอดหัวใจได้! ถ้าหาหัวใจของเขาไม่เจอก็ไม่มีวันฆ่าเขาได้หรอก” แอลลี่เธอได้บอกถึงความลับที่ยิ่งของจอห์นให้กับตุลย์และอลิซได้ฟัง
“อย่าบอกนะว่าเธอเคยพยายามที่จะฆ่าคน ๆ นั้นมาแล้วน่ะ!” อลิซเธอได้อุทานออกมาด้วยความสงสัย “ใช่…เวลาที่เจ้านั่นมันเซ้าซี้ฉันจนฉันรำคาญ ฉันก็ตัดคอเจ้านั่นเพื่อระบายอารมณ์เป็นประจำน่ะ” แอลลี่เธอได้บอกให้กับตุลย์และอลิซนั้นได้รับรู้ “แต่ถ้าเป็นเทวะมันตรา…จะสู้เจ้าจอห์นนั่นได้รึเปล่านะ” อลิซเธอได้เกิดสงสัยขึ้นมา เพราะอลิซเธอก็รู้มาเหมือนกันว่าเทวะมันตราก็เป็นพวกที่ฆ่าไม่ตาย และเทวะมันตรายังมีพลังที่มากพอที่จะฆ่าเทพได้เลยด้วย
จากนั้นตุลย์เขาก็ได้คิดตามที่อลิซนั้นพูดออกมา “มันตรา…นายฟังอยู่ใช่หรือเปล่า?” ตุลย์ได้ถามเทวะมันตราที่อยู่ภายในร่างของเขา “เจ้าแวมไพร์ที่พวกแกพูดถึงน่ะมันได้รับพรแห่งไฟมาทั้ง ๆ ที่เป็นแวมไพร์ที่ก็ไม่น่าจะถูกกับพลังแห่งไฟอ่ะนะ แค่นี้เจ้านั้นก็อยู่เหนือทั้งแวมไพร์หรือผู้นำอีกหลาย ๆ เผ่าพันธุ์แล้ว แต่ฉันมีพรแห่งเทพถึงจะเอาชนะเจ้านั่นได้แต่มันก็ไม่ง่ายนักหรอกนะ เพราะเจ้านั้นมันก็ฆ่าไม่ตายเหมือนกับฉันนี่แหละ” เทวะมันตราที่ตอบคำถามที่ตุลย์นั้นกำลังสงสัยอยู่
เมื่อตุลย์นั้นได้ฟังที่เทวะมันตราบอกกับเขาแล้ว มันทำให้ตุลย์เขารับรู้ได้เลยว่า เซอร์จอห์น เอส เฟอร์ดินานด์ คนนี้ เป็นคนที่ตุลย์นั้นไม่ควรจะไปมีปัญหาด้วยเลย แต่ตัวของตุลย์เองก็อยากจะทำไรสักอย่างเพื่อแอลลี่เหมือนกัน เพราะตุลย์เริ่มมีความรู้ที่อยากจะปกป้องแอลลี่กับอลิซแล้ว แอลลี่กับอลิซที่ได้เห็นว่าตุลย์นั้นนิ่งเงียบไปนานจึงได้เกิดความสงสัยจนทั้งสองคนก็ได้มองหน้าตุลย์ “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า!?” แอลลี่และอลิซเธอได้ถามคำถามเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายกันอีกแล้ว
ในขณะที่ตุลย์นั้นยังไม่ทันจะตอบอะไรแอลลี่กับอลิซก็เริ่มเขม่นกันขึ้นมาเพราะห่วงตุลย์กันอีกแล้ว “เราไม่เป็นอะไรหรอก…เราแค่สงสัยอะไรนิดหน่อย!” ตุลย์เขาได้รีบพูดแทรกทั้งสองคนก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มเถียงกันอีก “เธอสงสัยเรื่องอะไรเหรอ?” แอลลี่เธอได้ตั้งคำถามกับตุลย์ด้วยความสงสัย “เราแค่สงสัยว่าถ้าเธอกัดเราแบบแพร่เชื้อแวมไพร์กับเรามันจะเกิดอะไรขึ้น” ตุลย์เขาได้ตั้งคำถามกับตัวของแอลลี่ “ไม่รู้สิ! แต่เราดูดเลือดเธอแล้วเรากลับรู้สึกว่าเหมือนเธอเพิ่มพลังให้เราเลยล่ะ” แอลลี่เธอได้บอกความรู้สึกหลังจากที่ดูดเลือดของตุลย์ไปแล้ว
“ห๊ะ! นี่เธอว่าไงนะ” อลิซเธอได้อุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะตัวของอลิซเองเธอก็ไม่คิดว่าเลือดของโอปปาติกะจะส่งผลอะไรนอกจากเป็นแค่อาหารเท่านั้น จากนั้นแอลลี่เธอจึงได้เข้ากัดคอของตุลย์เพื่อให้ตุลย์กับอลิซนั้นเห็นผลจากการดูดเลือดของตุลย์กับตาไปเลย หลังจากที่แอลลี่เธอกัดคอดูดเลือดของตุลย์เรียบร้อยแล้ว “อร่อยจัง!” แอลลี่เธอได้กระซิบบอกกับตุลย์ จากนั้นแอลลี่เธอก็ได้กระโดดขึ้นไปบนอากาศสุดแรงของเธอ
ภาพที่ตุลย์กับอลิซได้เห็นคือแอลลี่เธอกระโดดได้สูงเกินขีดจำกัดของแวมไพร์ไปไกลเลย จากนั้นแอลลี่เธอก็กลับลงมาสู่พื้นในพริบตา แต่แอลลี่เธอกลับลงมาถึงพื้นแบบว่าเบาบางราวกับปุยนุ่น อลิซที่ได้เห็นแบบนั้นเธอถึงกับเงียบและอึ้งกับสิ่งที่ได้เห็นเอามาก ๆ คำถามที่คาใจของอลิซมานานที่ว่าถ้าแอลลี่ดูดเลือดของตุลย์แล้วจะเป็นยังไงเธอได้เห็นกับตาแล้ว “นี่คือผลที่ได้จากการดูดเลือดของตุลย์จริง ๆ น่ะเหรอ!” อลิซเธอได้ถามแอลลี่ด้วยความตกตะลึงและด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก “ใช่…นี่แหล่ะผลที่ได้การกินเลือดของตุลย์” แอลลี่เธอได้ตอบกลับอลิซพร้อมบอกตุลย์ด้วย
“เราขอสงสัยอีกอย่างได้มั้ยแอลลี่…ทำไมเธอถึงไม่ดูดเลือดของอลิซล่ะ! ทั้งที่อลิซก็เป็นมนุษย์?” ตุลย์เขาได้ถามแอลลี่ด้วยความสงสัย “เพราะเลือดของพ่อมดแม่เป็นของแสลงของพวกแวมไพร์น่ะสิ” อลิซเธอได้บอกกับตุลย์ “แวมไพร์อย่างเราถ้าไปกินเลือดพวกพ่อมดแม่เราจะเหมือนเป็นคนป่วยทันที…แล้วกว่าที่พวกเราจะกลับมาหายเป็นปกติได้อาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรืออาจเป็นเดือนน่ะ!” แอลลี่เธอได้บอกความลับของแวมไพร์ให้กับตุลย์นั้นได้ฟัง
เมื่อตุลย์ฟังที่แอลลี่พูดจบแล้วเขาก็ยังรู้สึกไม่เข้าใจอยู่ดี “มนุษย์ที่มาเป็นจอมเวทย์น่ะ เลือดมันจะเปลี่ยนไปน่ะ…เพราะเลือดก็จะเป็นส่วนหนึ่งของเวทมนตร์ด้วย แล้วเวทย์ที่มนุษย์ใช้กับเวทย์ที่แวมไพร์ใช้มันก็เป็นคนละรูปแบบกัน แต่ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันก็แค่นั้นเอง” อลิซเธอได้อธิบายความสงสัยของตุลย์ให้กับตุลย์นั้นได้ฟัง “เลือดเปลี่ยนไปงั้นเหรอ!” ตุลย์ได้ย้อนคำพูดของอลิซด้วยความสงสัย เพราะตัวของตุลย์นั้นก็ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่อลิซพูดอยู่ดี
“มนุษย์ที่เป็นจอมเวทย์ร่างกายจะปลดล็อคสิ่งที่เรียกว่า Blood Circle มันจะทำให้เลือดของเรานั้นใช้ในพิธีกรรมเวทย์มนตร์ของมนุษย์ได้ แต่ไม่สามารถใช้กับพิธีกรรมเวทมนตร์ของเผ่าพันอื่นได้ นอกจากนั้นเลือดของเราก็จะกลายเป็นของแสลงของเผ่าอื่นไปในทันทีน่ะ” อลิซเธออธิบายเรื่อเลือดของเธอให้กับตุลย์นั้นได้ฟัง “เพราะแบบนี้เองสินะ! แอลลี่ถึงไม่ดูดเลือดเธอใช่มั้ยอลิซ?” ตุลย์ได้ถามอลิซกลับไป “ใช่…และเลือดของพ่อมดแม่มดอย่างเรายังมีกลิ่นเฉพาะที่ทำให้เผ่าพันธุ์อื่นแยกออกในทันทีที่เห็นเลยด้วย” อลิซเธอได้ตอบกลับตุลย์เพื่อให้ตุลย์นั้นได้หายสงสัย
จากทั้งหมดที่แอลลี่และอลิซที่พยายามที่จะอธิบายให้ตุลย์ได้ฟัง สุดท้ายแล้วตัวของตุลย์เขาก็เข้าใจได้แค่เพียงบางส่วนเท่านั้น “เลือดของมนุษย์ที่เป็นจอมเวทย์มันก็คือพิษสำหรับเผ่าพันธุ์อื่นดี ๆ นี่เองอ่ะ พูดแบบนี้จะเข้าใจได้ง่ายกว่ามะ!” เทวะมันตราได้บอกกับตุลย์ให้ตุลย์นั้นเข้าใจทุกอย่างได้ง่ายขึ้น เมื่อตุลย์ได้ฟังที่เทวะมันตราบอกกับเขาแล้ว มันจึงทำให้ตุลย์เข้าใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม “อ่อ…แล้วอีกอย่างนะ! มายะกำลังเฝ้ามองแกอยู่ด้วย” เทวะมันตราได้พูดต่อจากเดิม “มายะคือใคร?” ตุลย์เขาได้ถามเทวะมันตรากลับไปด้วยความสงสัย “มายะก็แม่ของแกไง…มายะคือภาพลวงตาของแม่ของแกที่สร้างขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่านี่คือภาพลวงตา นี่แหละคือความสามารถของแม่แกไง!” เทวะมันตราได้บอกความสามารถของเพ็ญภัฏให้กับตุลย์นั้นได้รับรู้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments