Series 4
เรื่องราวบทใหม่ของรุ้งดาว
“กลับมาแล้วเหรอเจ้” แชมป์ที่กำลังนั่งรอนิทานอยู่ที่โซฟากลางบ้านก็ได้ทักนิทานที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน “อ้าว…นี่แกมานานยังรึเนี่ย” นิทานที่ตกใจเล็กน้อยก็ได้ถามแชมป์กลับไป เมื่อนิทานถามจบนิทานจึงเดินเข้ามาหาแชมป์ จากนั้นนิทานก็ค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ แชมป์ “เรื่องพ่อแกอีกแล้วล่ะสิ…ใช่มั้ย” นิทานถามออกไปโดยที่เหมือนจะรู้อยู่แล้ว “ก็ประมาณนั้นแหละเจ้…เจ้จำที่ผมเล่าให้เจ้ฟังได้ป่ะล่ะ” แชมป์ได้ถามนิทานด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างจะเครียด ๆ นิทานก็ได้นั่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกวาดแขนออกไปด้านหลังแชมป์และกอดคอของแชมป์ก่อนจะดึงเข้าหาตัวเอง “เรื่องบ้าน…ภนินันท์เหรอ” นิทานลองเดาอยู่ในใจและจึงถามแชมป์ออกไป
ด้านแชมป์เองก็นิ่ง ๆ ไปชั่วครู่ก่อนที่แชมป์จะเริ่มพูดต่อ “นั่นก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมคิดอยู่ตอนนี้เหมือนกันนะเจ้” นิทานที่ได้ฟังแล้วก็มีท่าทีงง ๆ เล็กน้อยก่อนที่จะถามแชมป์ต่อไป “ยังมีเรื่องอื่นอีกเหรอ” แชมป์ที่ฟังนิทานถามจบแล้วแชมป์ก็ได้เอนตัวไปทางด้านหน้าและเอาศอกชั้นเข่ามือทั้งสองข้างประกบเข้าหากันและยกขึ้นมาไว้ตรงช่วงปาก พร้อมทำหน้าที่จริงจังและดูซีเรียสเอามาก ๆ
นิทานเลยตบไหล่แชมป์เบา ๆ พร้อมกับพูดไปด้วย “ไหนแกลองเล่ามาซิ…ฉันรับฟังแกได้ทุกเรื่องอ่ะ” เมื่อนิทานถามจบนิทานก็ทำหน้าอารมณ์ประมาณว่าจะฟังสิ่งที่แชมป์กำลังจะพูดต่อจากนี้เอามาก ๆ “ฮึ๊ ๆ ๆ” นิทานยังคงทำท่าทางอยากฟังแชมป์ต่อไป
ตัวแชมป์เองรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพี่สาวคนนี้นั้นห่วงเขาเอามาก ๆ “เจ้…ผมได้กับภนินันท์คนน้องแบบไม่ได้ตั้งใจอ่ะ” เมื่อนิทานฟังจบนิทานถึงสะดุ้งตกใจแรงมาก “เฮ้ย…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” นิทานอุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างแรงมาก แต่แชมป์ก็ยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม นิทานที่ค่อย ๆ เริ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้วเลยเริ่มกลับมานั่งนิ่ง ๆ ข้าง ๆ แชมป์เหมือนเดิม
“เจ้ตกใจเสร็จแล้วใช่มั้ยผมจะได้เล่าต่อ” แชมป์ถามกับนิทานที่เริ่มจะตั้งสติได้แล้ว นิทานจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตอบแชมป์ “ไหนเล่ามาต่อซิ…ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” แชมป์เลยทำท่าทางที่จะเริ่มเล่าเรื่องที่ยังคงค้างเอาไว้อยู่
“เมื่อวานก่อนมันรู้สึกเซ็ง ๆ ไอธีมเลยชวนไปปาร์ตี้บ้านเพื่อนมัน…แต่ไปถึงก็เจอภนินันท์คนน้องอยู่ในปาร์ตี้นั้นด้วย พอเริ่มจะเมาแล้วต่างคนต่างข้องใจเรื่องที่ผู้ใหญ่พยายามมาบงการชีวิตเลยขอเคลียร์ใจกันหน่อย ตอนแรกเราก็มีปากเสียงกันอยู่แหละ…ทะเลาะกันไปกันมาก็เหมือนเลือดจะขึ้นหน้ากัน ก็เลยท้ากันไปท้ากันมาสุดท้ายไปจบที่เตียง” แชมป์เล่าด้วยท่าทางที่ดูซีเรียสและหน้าตาที่นิ่ง ๆ แต่แฝงไปด้วยความคิดเต็มไปหมด
นิทานที่ฟังแชมป์เล่าจนจบแล้วก็ได้คิดตามอยู่เวลาหนึ่ง นิทานเลยตั้งคำถามกับแชมป์ต่อ “แล้วหลังจากนั้นเรื่องเป็นยังไงต่ออ่ะ” แชมป์ค่อย ๆ เริ่มหันมามองหน้าของนิทานก่อนที่แชมป์จะพูดต่อ “ยัยนั่นก็เล่าเรื่องนี้ให้พี่ตัวเองฟัง…ยัยภนินันท์คนพี่ถึงกับโกรธผมเป็นฝืนเป็นไฟเลย แถมขู่ผมกลับมาด้วยว่าจะรับผิดชอบดี ๆ หรือจะให้ฟ้องผู้ใหญ่” นิทานที่ฟังจบแล้วก็ได้พูดต่อ “แต่แกเพิ่งหมั้นกับยัยหนูเมเปิ้ลไปเองนะ” แชมป์จึงถอนหายใจก่อนจะตอบนิทาน “ก็ใช่ไงเจ้…นั่นแหล่ะปัญหา” แชมป์ทำท่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “แต่ถึงเรื่องมันจะแย่…แต่อย่างน้อยไอเอิร์ธก็รอดจากเรื่องนี้นะเจ้” นิทานเลยทำหน้าเหมือนจะโกรธแชมป์ก่อนที่จะตะคอกใส่แชมป์ “แล้วการที่แกต้องมาแบกรับทุกอย่างคนเดียวมันคุ้มกันมั้ยไอน้องบ้า” นิทานพูดจบนิทานเลยพยายามจะสงบสติอารมณ์อีกครั้งก่อนที่จะเอามือมาจับที่ไหล่แชมป์เพื่อปลอบ “เอาล่ะ…ในเมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้วและฉันก็เป็นพี่แกด้วย เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับพี่มิวนิคให้เอง” แชมป์ก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ “แต่ผมไม่อยากทำเจ้เดือดร้อน…และที่เล่าให้ฟังก็เพียงแค่อยากจะระบายก็แค่นั้นแหละ” เมื่อแชมป์พูดจบแชมป์ยังทำท่าทางนิ่ง ๆ และเรียบเฉยเหมือนเดิม
เมื่อแชมป์ระบายเรื่องของตัวเองให้นิทานฟังจนจบแล้ว แชมป์ก็เบี่ยงประเด็นเพื่อไม่ให้นิทานกลับมาสนใจเรื่องแชมป์อีก “เรื่องคนที่เจ้ตามหาอ่ะ…ผมไปหาข้อมูลมาให้แล้วนะ”นิทานที่ฟังจบก็มีท่าทางที่ดูตื่นเต้นก่อนจะเขย่าตัวแชมป์และพูดไปด้วย “รู้เรื่องของดาวเพิ่มมั้ย ๆ ๆ” แชมป์ที่โดนนิทานเขย่าตัวด้วยท่าทีตื่นเต้นและเหมือนจะไม่สนอะไรแล้วแชมป์เลยตะหวาดนิทานกลับไป “เจ้…จะฟังมั้ย ถ้าจะฟังก็หยุดเขย่า” เหมือนนิทานจะดีใจจนลืมไป
“นี่เขาลือกันนะไม่รู้ว่าจริงมั้ย…คนเขาลือกันว่าหลังเธอเสียพ่อแม่เธอก็เสียสติเข้าโรงพยาบาลบ้า” นิทานที่ฟังจบก็บ่นออกมาเบา ๆ “PTSD เหรอ” แชมป์จึงตอบกลับนิทาน “ถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงใช่แหละ…แต่ก็แอบหงุดหงิดอยู่เหมือนกันนะที่ได้ยินคำว่าโรงพยาบาลบ้าอ่ะ” นิทานเลยตบไหล่แชมป์ “เอาหน่าคนธรรมดาเขาก็เข้าใจแบบนั้นแหละอย่าคิดมาก”
นิทานที่ฟังจบก็คิดต่อและก็คิดก่อนที่จะสะกิดแชมป์ “หาชื่อจริงนามสกุลจริงดาวมาให้หน่อยพอจะทำได้มั้ย…และเดี๋ยวฉันจะลองเอาไปให้พ่อช่วยค้นในฐานข้อมูล ถ้าดาวเข้าโรงพยาบาลจริงก็คงเจอตัวแน่นอน” แชมป์เลยตบขานิทานเบา ๆก่อนจะตอบนิทานและพร้อมกับลุกขึ้นยืน “ไม่รับปากนะ…แต่จะลองดู งั้นผมไปอาบน้ำละ…เจ้ก็ไปได้ละพรุ่งนี้เจ้ทำงานไม่ใช่เหรอ”เมื่อแชมป์พูดจบแชมป์ก็ได้เดินจากไป แล้วก็ปล่อยนิทานไว้แบบนั้น
เช้าวันต่อมา
ณ สถาบันจิตเวชศาสตร์
นิทานเธอได้มาทำงานที่สถาบันจิตเวชศาสตร์ตามปกติ แต่วันนี้เธอกลับพกสิ่งที่คุยกับแชมป์เมื่อคืนมาในหัวสมองของเธอด้วย แล้ววันนี้หมอนิทานก็เตรียมตัวเพื่อที่จะมาเจอรุ้งดาวอีกครั้ง แต่ตอนนี้หมอนิทานกำลังลงตรวจกับอาจารย์หมอ
ในขณะที่อีกด้านตอนนี้รุ้งดาวเธอเริ่มมีอาการที่จะหันมองไปที่ประตูบ้างแล้วเหมือนเธอกำลังคอยการมาของใครสักคนอยู่ตอนนี้รุ้งดาวเธอเริ่มมีอาการที่จะวอกแวกบ้างแล้ว ทั้งที่ตลอด 8 ปี ที่เธอมาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่เคยจะเป็นแบบนี้ ตอนนี้หมอนิทานกำลังสร้างอิทธิพลต่อใจของเธอแล้ว เพียงแต่เพราะเธอเคยได้ทิ้งทุกความรู้สึกไปแล้วก่อนหน้านี้ นี่จึงเหมือนความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นกับเธอ
เมื่อหมอนิทานลงตรวจกับอาจารย์หมอเสร็จแล้วมันก็ถึงเวลาแล้วที่หมอนิทานจะได้มาเจอกับรุ้งดาวสักที หมอนิทานได้สลัดความเป็นหมอออกไปแล้วตั้งใจที่จะไปหารุ้งดาวด้วยความเป็นนิทาน ไม่ใช่หมอนิทาน เพราะตอนนี้หมอนิทานรู้แล้วว่าเธอจะต้องใช้ตัวตนของเธอในการรักษา ไม่ใช่คุณหมอนิทาน
ในที่สุดการรอของรุ้งดาวก็เป็นผลเมื่อเธอได้ยินเสียงประตูที่กำลังเปิดเข้ามา “สวัสดีรุ้งดาว…เรามาหาแล้วนะ” รุ้งดาวที่ได้เห็นหมอนิทาน เธอก็ได้แต่นั่งมองตามหมอนิทานด้วยท่าทางว้าววอนอาทรหา ราวกับว่าเธอได้เจอกับคนที่เธอรอคอยมานานแสนนาน “หมอนิ” รุ้งดาวเรียกชื่อหมอนิทานเบา ๆ “เรียกนิเฉย ๆ เถอะ” หมอนิทานตอบรุ้งดาว “งั้นเรียกเราดาวนะ” หมอนิทานยิ้มอย่างจริงใจและอบอุ่น “ได้สิดาว” หมอนิทานเอ่ย
ตอนนี้ทั้งรุ้งดาวและหมอนิทานกำลังจะเข้าใกล้ความเป็นไปได้อีกก้าวที่จะก้าวไปยังก้าวต่อ ๆ ไป ทุกอย่างที่เกี่ยวกับรุ้งดาวดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่มีหมอนิทานเข้ามา และหมอนิทานก็ตั้งใจไว้แล้วว่าก่อนการประเมินสภาพจิตใจของรุ้งดาวครั้งต่อไปจะมาถึง หมอนิทานจะต้องทำให้รุ้งดาวดีขึ้นกว่าเดิมให้ได้
“เราออกไปเดินเล่นกันมั้ยดาว…วันนี้เรามาเดินกันให้รอบโรงพยาบาลกันไปเลย” เหมือนว่าหมอนิทานกำลังเชิญชวนให้รุ้งดาวไปเจอกับโลกใบอื่น “ไปสิ…แต่นิต้องจูงมือเราไปนะ…ห้ามปล่อย” รุ้งดาวถามหมอนิทาน “เราจะไม่ปล่อยมือดาวแน่นอน” หมอนิทานพูดพร้อมกับยื่นมือส่งออกไปหารุ้งดาว
รุ้งดาวได้เริ่มค่อย ๆ ยื่นมือที่บอบบางออกไปจับมือที่เนียนนุ่มของหมอนิทาน ตอนนี้รุ้งดาวเริ่มที่จะมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นแค่เฉพาะกับหมอนิทานเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่สำหรับคนอื่น ๆ รุ้งดาวก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ตอนนี้ทั้งหมอและพยาบาลที่ดูแลรุ้งดาวอยู่จึงต้องฝากความหวังไว้กับหมอนิทาน
ตอนนี้หมอนิทานและรุ้งดาวก็ค่อย ๆ เดินเล่นไปด้วยกัน ในโลกของรุ้งดาวตอนนี้เหมือนจะโฟกัสอยู่เพียงหมอนิทานคนเดียวเท่านั้น ส่วนหมอนิทานที่เริ่มจะเข้าถึงจิตใจของรุ้งดาวได้แล้ว หมอนิทานก็เริ่มที่จะมีความหวังในการรักษารุ้งดาวมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้โฟกัสของหมอนิทานก็เริ่มอยู่ที่รุ้งดาวเช่นกัน
เมื่อทั้งสองคนเดินวนจนรอบโรงพยาบาลแล้วมาหยุดอยู่ที่สวนของโรงพยาบาล หมอนิทานจึงชวนรุ้งดาวไปนั่งที่สวนของโรงพยาบาล เมื่อทั้งสองคนได้มานั่งที่ม้านั่งในสวนแล้วหมอนิทานก็ได้ใช้ตัวตนของตัวเองเข้าหารุ้งดาวมากขึ้น “ดาว…วันนี้เรามาพูดถึงของที่เธอชอบกันมั้ย” หมอนิทานถามรุ้งดาวพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจให้กับรุ้งดาว “เราชอบดูดาวตอนกลางคืนเพราะคน ๆ หนึ่งอ่ะ” รุ้งดาวได้ตอบหมอนิทานขึ้นมาแบบลอย ๆ
หมอนิทานที่ฟังรุ้งดาวพูดแล้วก็ได้แกล้งทำเป็นตัดพ้อกับรุ้งดาว “เรารู้สึกอิจฉาคน ๆ นั้นจังเลยนะ” รุ้งดาวที่ฟังแล้วก็ได้จับมือหมอนิทานแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อยก่อนที่รุ้งดาวจะพูดต่อ “แต่ตอนนี้เราก็ชอบมองฟ้าตอนกลางวันเหมือนกันเพราะนินะ” รุ้งดาวพูดจบเธอก็ยิ้มอ่อน ๆ ให้กับหมอนิทาน
รุ้งดาวหันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเธอได้มองไปพร้อมกับยิ้มอ่อน ๆ ดูเหมือนเธอจะมีความสุขเล็กน้อย หมอนิทานที่ยังคงเฝ้ามองรุ้งดาวอยู่ก็ได้มีความสุขอยู่ในใจเล็ก ๆ เหมือนกัน ตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้เริ่มก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจระหว่างกันและกัน
“บี๊บ ~”
เสียงข้อแจ้งเตือนข้อความโทรศัพท์ได้ดังขึ้น เป็นเสียงที่เตือนขึ้นมาจากโทรศัพท์ของหมอนิทาน หมอนิทานเธอจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มันเป็นข้อความจากคุณพยาบาลเพื่อให้สัญญาณกับหมอนิทานว่า ณ ตอนนี้ได้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว หมอนิทานเธอจึงตอบกลับข้อความของคุณพยาบาล “ค่ะ” แต่คุณพยาบาลได้ตอบข้อความกลับมาถามว่าหมอนิทาน ว่าหมอนิทานอยู่ที่ไหน เดี๋ยวจะนำอาหารและยาไปให้ หมอนิทานจึงตอบกลับคุณพยาบาลไปว่าเธออยู่ที่สวน
สักพักคุณพยาบาลก็ได้เดินเข้าหาหมอนิทานและรุ้งดาวพร้อมกับถาดอาหาร “คุณหมอนิคะ…อาหารมาแล้วค่ะ” หมอนิทานที่เห็นคุณพยาบาลมาถึงแล้วก็ได้เข้าไปรับถาดอาหาต่อจากคุณพยาบาล “เดี๋ยวที่เหลือนิจัดการเองค่ะ” หมอนิทานรับถาดอาหารแล้วจึงเดินกลับมาหารุ้งดาวพร้อมกับถาดอาหาร “ดาว…เรามากินข้าวกันเถอะ”
เมื่อรุ้งดาวเห็นหมอนิทานมาพร้อมกับถาดอาหารเธอก็ได้อ้อนหมอนิทานด้วยการอ้าปากรอให้หมอนิทานป้อน หมอนิทานที่ตั้งใจไว้ว่าจะป้อนของให้รุ้งดาวอยู่แล้วจังหวะจึงลงตัว “ทำไมวันนี้ว่าง่ายจัง…ทีเมื่อวานต้องตื้ออยู่ตั้งนาน” หมอนิทานถามรุ้งดาว “ก็วันนี้นิใจดี…เราเลยไม่ดื้อ” รุ้งดาวยังคงอ้อนหมอนิทานต่อไป “อ้าว…งั้นก่อนหน้านี้เราก็ใจร้ายสิ” หมอนิทานถามรุ้งดาว
“เปล่านะ ๆ แค่วันนี้นิใจมากกว่าเมื่อวาน” รุ้งดาวเธอทำท่าทางปฏิเสธพร้อมกับตอบหมอนิทานไปด้วย “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ~ เราล้อเล่นหรอกหน่า…กินข้าวกันเถอะ” หมอนิทานเธอหยอกรุ้งดาวเล่นอาจเป็นเพราะจังหวะนี้รุ้งดาวน่าแกล้งก็ว่าได้ รุ้งดาวเธอได้ทำแก้มป่องก่อนจะพูดออกมาด้วยอารมณ์งอน ๆ นิด ๆ “นิขี้แกล้ง” หมอนิทานที่เห็นท่าทีแบบนั้นของรุ้งดาวแล้วก็ถึงกับอมยิ้มด้วยความเอ็นดูขึ้นมาทันที
หมอนิทานเธอได้ตักข้าวมารอป้อนรุ้งดาว แต่รุ้งดาวเธอทำเป็นแกล้งงอนหมอนิทาน “โอ๋ ๆ ๆ ~ กินข้าวนะคนดี” หมอนิทานเธอง้อเพื่อให้รุ้งดาวทานข้าวและสุดท้ายรุ้งดาวเธอก็ยอมรับข้าวเข้าปากไปแต่โดยดี แต่เมื่อหมอนิทานจะป้อนคำต่อไปรุ้งดาวเธอกลับดึงช้อนออกไปจากมือของหมอนิทาน จังหวะนั้นหมอนิทานก็แอบตกใจนิด ๆ แต่หมอนิทานไม่ต้องเสียเวลาสงสัยเลย เพราะรุ้งดาวเธอตักข้าวของเธอมาป้อนหมอนิทาน
“ถ้านิไม่กินเราจะไม่กินนะ” พอรุ้งดาวเธอออกปากมาแบบนั้นหมอนิทานเธอต้องยอมรับไปแต่โดยดี ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งสองคนผลักกันป้อนกันไปมา ข้าวของคนไข้กลายเป็นข้าวของทั้งสองคนไปแล้ว พอรุ้งดาวเธอทำแบบนี้ในใจของหมอนิทานลึก ๆ ก็แอบคิดถึงตอนเด็กบนโต๊ะอาหารที่บ้านของเธอกับดาว แต่บรรยากาศของหมอนิทานกับรุ้งดาวตอนนี้กลายเป็นความสนุกกลายเป็นความสุขของทั้งสองคนไปแล้ว สิ่งนี้กำลังจะเป็นความสุขของนิทานและสิ่งนี้ก็กำลังจะเยียวยาจิตใจของรุ้งดาวด้วยเช่นกัน
ภาพจากทั้งสองคนห่างออกไปก็ได้มีใครคนหนึ่งกำลังมองหมอนิทานและรุ้งดาวอยู่ ด้วยสายตาที่บงบอกถึงความโกรธที่มันซุมอยู่จนเต็มอก และคน ๆ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยเธอคือหมอเอม เพราะตัวหมอเอมนั้นเธออยากจะเป็นความสุขในชีวิตของหมอนิทานมาตลอด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Fenny
เขียนต่อไปนะ แอด คนรอคอยนิยายและกำลังใจอยู่เสมอ 🤗
2025-06-11
1