My Stories เรื่องราว โชคชะตา ความรัก

My Stories เรื่องราว โชคชะตา ความรัก

ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของดวงดาว Part 1

Stories 1 จุดเริ่มต้นของดวงดาว

          “ท้องฟ้านั่นสวยงามจังนะว่ามั้ย”

               มือที่เล็กและบอบบางนิ้วทั้งสามที่ชี้เข้าหาตัวและนิ้วชี้ที่ชี้ไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้านั้นชี้ไปยังทางท้องฟ้าที่กว้างใหญ่และห่างไกล “ท้องฟ้ายามค่ำคืนนี่มันก็สวยจริง ๆ นั่นแหละ” เสียงที่เล็กและนิ่มนวลราวกับปุยนุ่นที่ตอบกลับมา เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงทั้งสองคน

                 จุดเริ่มต้นมันเริ่มที่ดาว สาวน้อยที่ผมยาวสลวยที่พลิ้วไสวไปตามแรงลมที่พัดไสวไปมา เธอมีแววตาที่เศร้าราวกับว่าโลกใบนี้มันไร้ซึ่งแล้วทุกความสุขใด ๆ ใบหน้าที่ขาวใสอมชมพูแต่กลับเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบไปทั้งสองแก้ม จากใบหน้าเรียวเล็กที่คงดูน่ารักเมื่อยามยิ้มบัดนี้หน้าตามีเพียงแต่น้ำตาพร้อมกับใบหน้าอันสุดเศร้าจนความน่ารักนั้นมันได้หายไปหมด เหมือนน้ำตาที่ไหลนั้นมันจะไหลลงมาเพื่อล้างความน่ารักบนใบหน้าเธอไปจนหมด

         “นี่เธออ่ะ…จะนั่งร้องไห้จนให้น้ำตามันท่วมโลกเลยรึไง”

              เสียงที่เล็ก ๆ ใส ๆ ที่แหวกทุกภวังค์ความเศร้าความเสียใจของดาวให้แตกกระเจิงราวกับโดนฟ้าผ่าลงที่กลางหัวในบัดดล “เราจะเสียใจหรือเราจะร้องไห้มันก็เรื่องเรา…แล้วทำไมเธอถึงเข้ามาทักเราอ่ะ เธอจะปล่อยเราไว้คนเดียวแบบที่ไม่ต้องมาสนใจเราก็ได้นี่” ดาวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สะอึกสะอื้นน้ำเสียงที่ขัดแย้งที่ไม่รู้ว่าสรุปจะร้องไห้ดีหรือจะพูดดี จนคำพูดมันแทบจะไม่เป็นคำพูดจนเหมือนแทบจะฟังไม่รู้เรื่องของดาวก็ได้ทำให้นิทานสาวน้อยที่มาขัดขวางทุกความเศร้าของดาวก็เริ่มจะมีอาการหงุดหงิดเล็ก ๆ จนทำให้นิทานสาวน้อยผู้มองโลกในแง่ดีถึงกับต้องถามออกไป “เธอจะมานั่งเศร้านั่งร้องไห้ทำไมเยอะแยะ…เด็กวัยเรามันมีเรื่องให้ต้องเศร้าขนาดนั้นเลยรึไง” ดาวที่ฟังจบได้หยุดสะอึกสะอื้นแล้วหันหน้ามองนิทานด้วยอารมณ์ที่เหมือนจะโกรธในคำพูดที่ดูไร้เดียงสาของนิทาน “ถ้าเธอโดนคนแกล้งตลอดเวลาแบบเราเธอก็คงจะเข้าใจเองแหละ”

                  นิทานที่ฟังคำพูดเชิงน้อยใจของดาวแล้วนั้นก็ได้เริ่มเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ดาวได้เจอมานั้นมันคืออะไร “เธอคงจะถูกแกล้งทุกวันเลยสินะ…ตอนแรกเราก็มองโลกในแง่ดีนะ แต่สุดท้ายเมื่อเราเริ่มรู้ตัวว่าการจะถูกแกล้งเหมือนกับที่เธอเจออยู่ตอนนี้มันไม่โอเค เราก็เลยสู้กลับหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าแกล้งเราอีกเลย ถ้าเธอไม่อยากถูกแกล้งเธอก็ต้องสู้” ดาวที่ฟังคำพูดของนิทานจบก็ได้แต่ทำคอตกพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ หงอย ๆ “ก็เราสู้คนไม่เป็นเหมือนกับเธอนี่…เราเองก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ” 

                   เมื่อนิทานฟังจบนิทานจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูใจเย็น “มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะสู้คนเป็นมั้ย…แค่เรารู้ตัวว่าเราต้องสู้กับอะไร ถ้าล้มก็แค่ลุกขึ้นใหม่และไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ให้ได้ก็แค่นั้น” ดาวที่ฟังจบดาวก็นั่งครุ่นคิดไปพร้อมกับน้ำตามันยังไหลต่อเนื่องราวกับสายลำธารที่หลั่งไหลไม่มีหยุด “ลืมไปเลยอ่ะ…เราชื่อนิทานนะ” นิทานได้แนะนำตัวกับดาว

                    ดาวที่กำลังครุ่นคิดก็ได้หลุดออกจากภวังค์ของห้วงความคิดของตัวเองทันที “ระ ระ ระเราชื่อดาวนะ” ดาวตอบกลับนิทาน “งั้นตั้งแต่วันนี้ไปพวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ…พรุ่งนี้ตอนเย็นเรามาเจอกันอีกนะ” นิทานตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสที่ทำให้โลกที่ดูเหมือนจะมืดลงของดาวได้ส่องสว่างเจิดจรัสราวกับแสงแรกของตะวันยามเช้า แล้วนิทานก็ได้เดินจากไปค่อย ๆ ลับสายตาจากดาวไปเรื่อย ๆ 

                    ในตอนนี้ดาวที่มองตามนิทานก็เหมือนกับจะได้รับแสงแห่งความหวังเล็ก ๆ จากนิทาน และดาวก็ได้บ่นเล็ก ๆ กับตัวเอง “เธอเป็นคนที่แปลกจริง ๆ เลยนะ…ส่องสว่างจนทำเอาเราแสบตาไปหมดเลยนะนิทาน”

                      ดาวก็ได้กลับมาจนถึงบ้านพร้อมกับมีแต่เรื่องของนิทานอยู่ในหัวเต็มไปหมด ราวกับว่านิทานเป็นผู้ที่มาปฏิวัติทุก ๆ ความคิดที่อยู่ในหัวของดาว และในหัวของดาวตอนนี้มีแต่ภาพจำของนิทานเต็มหัวไปหมด ดาวก็ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลยว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่

วันต่อมา ณ สนามเด็กเล่นที่เดิม

                         และแล้วดวงตะวันยามเย็นก็มาถึง และแล้วมันก็ได้ถึงเวลาตามนัดของเสียงที่ว่า “พรุ่งนี้ตอนเย็นเรามาเจอกันอีกนะ” ดาวก็มาตามเสียงนั้นที่เรียกหาตลอดทั้งวัน เวลาเดิม ม้านั่งตัวเดิม “แล้วเราจะตามเสียงในหัวมาทำไมกันนะ” ดาวก็ได้แต่นั่งบ่นกับตัวเองไปเรื่อย ๆ ถึงเสียงพูดอาจจะเบาบางราวปุยนุ่น แต่เสียงในใจและเสียงในหัวมันดังจนกลบเสียงรอบข้างในโลกใบนี้ไปหมดแล้ว “เธอมาตามที่เรานัดจริง ๆ ด้วย” เสียงที่ก้องอยู่ในหัวของดาวตอนนี้มันได้กระเจิงไปหมดแล้ว เมื่อเสียงที่เหมือนกับเสียงในหัวได้ดังขึ้นแต่เปลี่ยนประโยคพูดไปแค่นั้นเอง

               นิทานที่โผล่มากระซิบข้าง ๆ หูของดาวจากด้านหลังของดาว ก็ได้ทำให้ดาวถึงกับตกใจดิ้นแรงจนตกจากม้านั่งและลงไปกองอยู่กับพื้น นิทานก็ได้หัวเราะโดยนำนิ้วทั้งห้าเรียงชิดมาปิดที่ปากแบบบอบบางพร้อมกับพูดไปด้วย “ดาว…นี่เธอตกใจเราขนาดนั้นเลยเหรอ” 

                 นิทานค่อย ๆ หยุดหัวเราะและค่อย ๆ เริ่มยิ้มอ่อนดูมีออร่าและพูดต่อ “เราดีใจจังเลยอ่ะที่เธอตามนัดของเรานะดาว” นิทานเดินอ้อมออกจากหลังม้านั่งมายืนตรงหน้าดาวพร้อมกับยื่นมือไปหาดาวและยิ้มอย่างอ่อนโยน ดาวค่อย ๆ ยื่นมือออกไปจับมือนิทานมือที่นุ่มนิ่มสัมผัสที่อบอุ่นจากมือนั้นก็ได้แผ่ซ่านมาที่มือของดาวจนทำให้ดาวตกไปอยู่ในห้วงแห่งภวังค์อีกครั้ง และนิทานก็ได้ดึงมือของดาวขึ้นมาและร่างกายของดาวที่นั่งอยู่ก็ค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นมาตามแรงดึงของนิทาน 

                   จนเมื่อดาวยืนขึ้นมาสายตาของทั้งสองก็ได้ประสานสบตากัน ทั้งสองได้จ้องตากันและกันตาที่กลมใสเป็นประกายราวกับสะกดให้ไม่มีสิ่งรอบข้างใด ๆ ราวกับว่าโลกใบนี้ไม่มีใครมีเพียงดาวและนิทานแค่สองคนเท่านั้น นิทานได้ออกจากภวังค์และเรียกดาว “ดาว ดาว ดาว” ดาวได้หลุดออกจากภวังค์แบบงง ๆ ไปว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ เพราะทั้งชีวิตดาวที่เกิดมาจนตอนนี้อายุ 10 ขวบแล้ว ดาวก็ไม่เคยเกิดอาการนี้หรือเป็นแบบนี้มาก่อนเลย มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ๆ และไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ตกอยู่ในภวังค์แบบนี้มาก่อนเลย นี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่ดาวมีความรู้สึกแบบนี้นับตั้งแต่การปรากฎตัวมาของนิทาน 

                     ทางด้านของนิทานเองถึงแม้ว่านิทานจะอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย สดใส น่ารัก และตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่เคยมีอาการตกในอยู่ภวังค์แบบนี้มาก่อนเหมือนกันกับดาว มันจึงทำให้นิทานมีอาการที่ไปไม่เป็นอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ทั้งดาวและนิทานต่างก็ก่อเกิดความรู้สึกเดียวกันในแบบที่ไม่ได้นัดหมายกันราวกับเป็นความสุดบังเอิญที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ตอนนี้โลกอันสุดเศร้าทั้งหมดของดาวกำลังจะพังทลายลงไปเพียงเพราะการมาของนิทาน “แล้วที่มาเจอกับเราวันนี้เธอจะพาเราไปไหนและทำอะไรเหรอนิทาน” 

                      ดาวถามนิทานหลังจากที่หลุดออกจากห้วงแห่งภวังค์ “เริ่มจากเข้าใจเธอและทำให้เธอพร้อมเปิดรับ เปิดใจ และยิ้มได้ทุกเมื่อก่อนดีกว่า…เพราะถ้าทำแบบนั้นได้แล้วเราจะทำให้เธอยิ้มและหัวเราะกี่ครั้งก็ได้” นิทานพูดจบก็เอามือแตะที่คางเบา ๆ และทำหน้าเหมือนครุ่นคิดเล็ก ๆ และก็พูดต่อ “งั้นเอาตามนี้แล้วกันนะ” หลังจากนิทานพูดจบนิทานก็ได้ยิ้มกว้างอย่างดีอกดีใจที่ได้มารู้จักกับดาว นิทานจึงได้พูดต่อ “เนี่ย…ยิ้มแบบที่เรายิ้มเมื่อกี้นี้อ่ะดาว เธอเองก็ลองยิ้มแบบนี้ดูบ้างสิ” หลังจากนิทานพูดจบนิทานก็ได้ยิ้มอย่างเปิดกว้างอีกครั้ง

               ตอนนี้ดาวไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจการกระทำของนิทานได้เลย ว่าความต้องการของนิทานคืออะไรกันแน่ เพราะดาวไม่เคยเจอคนแบบนี้ในชีวิตมาก่อนเลยตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งอายุ 10 ขวบแล้ว ก็ไม่เคยเจอมาก่อนเลย ทุกอย่างเกี่ยวกับนิทานในสายตาของดาวมันมีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด ในที่สุดความสงสัยของดาวมันก็ได้พลั้งพลูออกมาเป็นคำพูด “เราถามจริง ๆ นะ…นี่เธอต้องการอะไรจากเรากันแน่” นิทานที่ได้ยินคำถามของดาวก็ถึงกับต้องส่ายหัวแล้วถอนหายใจ

“เฮยยย~”

                   “เธอนี่น่ะ…ชาตินี้เธออาจจะไม่คิดเชื่อใจใครอีก แต่เธอเชื่อใจเราเถอะว่าเราอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ ถ้าเธอไม่คิดจะเปิดใจรับใครก็เปิดรับเราสักคนนะดาว…ยัยขี้แง” เมื่อดาวฟังจบดาวก็หันมามองหน้านิทานอย่างไว้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวทันที “เราไม่ใช่ยัยขี้แงนะ”

                     นิทานที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอมยิ้มก่อนจะหัวเราะลั่นพร้อมกับพูดไปด้วย “ฮ่าๆๆ เรานึกว่าเธอเอาแต่นั่งเศร้าร้องไห้เป็นอย่างเดียวซะอีก ทำสีหน้าอารมณ์อื่นก็เป็นนี่นะ…นี่แหล่ะที่เราต้องการ ฮ่าๆๆๆ” ดาวจึงถามนิทานกลับไปด้วยความที่มีอารมณ์เริ่มหัวร้อนนิด ๆ “เรื่องของเรามันน่าขำขนาดนั้นเลยรึไง” นิทานจึงได้หยุดขำพร้อมกับทำใจสงบ ๆ ก่อนจะตอบดาวไปอย่างใจเย็น ๆ ว่า “เราไม่ได้ขำเพราะเยาะเย้ยเธอหรอกนะ…แต่เราขำเพราะเราดีใจที่อย่างน้อยที่เธอเองก็มีอารมณ์อื่นเพิ่มขึ้นมาเหมือนคนอื่นน่ะ มันก็เพราะเธอเริ่มจะเปิดใจรับเราแล้วไง”

 

                      ดาวก็ได้ถามนิทาน “นี่เราเป็นเพื่อนกันแล้วจริง ๆ เหรอ” นิทานยิ้มกว้างอย่างจริงใจก่อนที่จะตอบกลับดาว “ใช่สิ…จากนี้และตลอดไปเลย” เวลาที่ล่วงเลยผ่านไปทั้งนิทานกับดาวก็ได้มาเจอกันที่สนามเด็กเล่นทุกวัน เป็นเวลาสามสัปดาห์แล้วที่ทั้งคู่ได้เจอกันนับตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกัน 

3 สัปดาห์ผ่านไป

                     จนกระทั่งได้เกิดจุดพลิกผันขึ้น เมื่อแม่ของดาวได้บอกกับดาวว่าเราจะต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่กรุงเทพฯกันนะลูก ในวันนี้ดาวจะมาเจอนิทานเพื่อจะบอกถึงเรื่องที่ดาวจะต้องย้ายบ้านจากโคราชไปอยู่ที่กรุงเทพฯ 

              ตอนนี้ดาวรู้สึกเสียใจกับการที่ได้มีเพื่อนคนแรกและคนเดียวแต่สุดท้ายแล้วต้องจากกันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าวันนี้มันจะเป็นวันศุกร์แต่สำหรับดาวมันดูไม่มีความสุขเหมือนชื่อวันศุกร์เลย มันเป็นวันศุกร์ที่มีแต่ความเศร้าเต็มไปหมด ความสับสนของดาวที่เกิดขึ้นเพราะการได้พานพบและการที่จะต้องลาจากกับนิทาน 

              ความรู้สึกมันพัวพันกันจนตอนนี้ดาวไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกตอนนี้ยังไง จะห้ามไม่ให้ตัวเองไม่เสียใจได้ยังไง จะบอกทุกความรู้สึกที่มีกับนิทานยังไง ตอนนี้ดาวได้รู้ตัวแล้วว่าตัวเองผูกพันธ์กับนิทานมากแค่ไหนเพราะเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันกับนิทานเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ความสุขเท่านั้นที่ดาวจะนึกถึงได้

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!