วันจันทร์เช้า โรงเรียนกลับมาคึกคักตามปกติ
แต่ไม่ใช่สำหรับผม…
ตั้งแต่ข่าวลือเรื่อง “เด็กข้างห้องของคิริน” เริ่มแพร่กระจาย
สายตาที่จับจ้องมาก็ยังไม่ลดลงเลยสักนิด
มีทั้งแบบอยากรู้อยากเห็น แบบอิจฉา และบางคนก็ไม่ปิดบังความรำคาญด้วยซ้ำ
ผมนั่งกินข้าวเที่ยงกับเตยตามปกติ แต่ก็ยังรู้สึกแปลกๆ
โดยเฉพาะตอนที่หันไปเห็น “มุก” เด็ก ม.6 สวยดังของโรงเรียน
ยืนคุยกับคิรินอยู่ใต้ต้นไม้ตรงสนามหญ้า
เธอส่งยิ้ม หัวเราะน้อยๆ แตะไหล่เขาเบาๆ
ส่วนเขาก็…ยิ้มกลับ
นั่นมันไม่ใช่เรื่องของผมหรอก
แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงรู้สึกหน่วงๆ ในอก
เย็นวันนั้น ผมกลับหอพร้อมความคิดวนเวียน
แต่พอเดินถึงชั้นสาม ปรากฏว่า…คิรินยืนรออยู่หน้าห้องผม
“รอผมเหรอ?”
“อือ” เขาพยักหน้า “วันนี้กลับช้ากว่าปกตินี่นา”
“แวะห้องสมุดมาน่ะ” ผมตอบ พลางไขกุญแจห้อง
“ฉันมีอะไรจะให้ดูหน่อย” คิรินพูดพลางเดินตามเข้ามา
เขาวางกระเป๋าลง แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดแอปรูป
“มุก…” เขาพูดชื่อเธอ ขณะที่ผมหยุดหายใจนิดๆ
“เธอสารภาพรักกับฉันวันนี้”
“แล้ว…นายตอบว่าไง?” ผมถามเสียงเบา ไม่กล้ามองตาเขา
“บอกปฏิเสธไปแล้ว”
ผมเงยหน้าขึ้นช้าๆ
คิรินจ้องหน้าผม แล้วพูดต่อเสียงนิ่ง
“ฉันไม่ชอบเธอแบบนั้น แล้วก็ไม่คิดจะคบกับใครเร็วๆ นี้ด้วย”
“…อืม ดีแล้วล่ะ” ผมตอบแค่นั้น แต่ไม่กล้าพูดมากกว่านี้
เพราะไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงโล่งใจขนาดนี้
คืนนั้น คิรินยังไม่กลับห้อง
เรานั่งดูซีรีส์อนิเมะตอนเดียวจบด้วยกันบนโซฟาในห้องผม
เขานั่งข้างๆ ใกล้เกินไปอีกแล้ว จนแขนแทบแตะกันตลอด
ตอนช่วงท้ายเรื่อง มีฉากพระเอกสารภาพรัก
ผมหันไปมองจอแบบนิ่งๆ แต่รู้สึกถึงสายตาของคิรินมองมาข้างๆ
“มีน” เขาเรียกเบาๆ
“หือ?”
“นาย…เคยชอบใครรึยัง?”
คำถามนี้ ทำให้ใจผมสะดุดไปเสี้ยววินาที
ผมนิ่งไป ก่อนจะตอบ
“ไม่แน่ใจว่าที่รู้สึก มันเรียกว่าชอบได้รึเปล่า”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“…”
ผมไม่ตอบคำถามนั้น เพราะผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
แต่คิรินกลับพูดต่อเสียงเบา
“ถ้าเข้าใจเมื่อไหร่…บอกฉันได้นะ”
ผมหันไปสบตาเขาในความมืดสลัวของห้อง
และนั่นเป็นครั้งแรก ที่ผมรู้ว่า…สายตาเขาไม่เคยเล่นๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
.
.
.
.
หลังจากวันนั้น…
ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อเหมือนปกติ
แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับไม่เหมือนเดิม
ผมกับคิรินไม่ได้ดูอนิเมะด้วยกันอีก
เขาไม่ได้แวะมานั่งกินข้าวในห้องผมเหมือนเคย
และผม…ก็ไม่ได้เดินไปโรงเรียนพร้อมเขาอีก
ไม่ใช่เพราะทะเลาะกัน
ไม่ใช่เพราะพูดอะไรผิด
แต่เพราะคิริน…เริ่มหายไป
วันอังคาร เขาไม่กลับหอจนดึก
ผมได้ยินเสียงเปิดประตูตอนเกือบห้าทุ่ม
แอบเงี่ยหูฟังอยู่หลังบานไม้
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปิดประตูออกไปถาม
วันพุธ เขาหายไปทั้งวันอีก
จนกระทั่งวันพฤหัส เตยก็เอาข่าวใหม่มาบอก
“มีน…แกเห็นคิรินกับมุกไหม?”
“เห็นอะไร?”
“เมื่อวานทั้งสองคนไปงานนิทรรศการด้วยกันนะ แถมเหมือนจะกลับด้วยกันด้วย”
ผมใจสั่นนิดหน่อย
แต่ก็ฝืนยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไร
คืนนั้น ผมทำข้าวกล่องเหมือนเคย
แต่สุดท้ายก็นั่งกินอยู่คนเดียวเงียบๆ ในห้องมืด
ผมไม่แน่ใจว่า…กำลังรู้สึกอะไร
ผิดหวัง? น้อยใจ? หรือแค่สับสน
มือถือสั่นเบาๆ
คิริน:
“ขอโทษที่หายไปหลายวัน พรุ่งนี้ว่างนะ นายอยู่มั้ย”
ผมอ่านข้อความนั้นซ้ำไปมาหลายรอบ
ก่อนจะพิมพ์ตอบไปว่า
“ว่าง”
แต่ไม่รู้เลยว่า…หัวใจตัวเองรู้สึก “ว่าง” กว่าคำตอบในแชทซะอีก
วันศุกร์ เขามาจริง
กลับมาตอนหัวค่ำแบบที่เคยเป็น
ผมเปิดประตูห้องก่อนเขาจะเคาะ
เขายืนอยู่ตรงนั้น ในมือมีขนมปังปิ้งห่อกระดาษ
รอยยิ้มดูเหนื่อยกว่าเดิมเล็กน้อย
“ขอโทษนะ ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อย”
ผมพยักหน้า ไม่ถามว่าทำอะไร หรือไปกับใคร
เรานั่งกินเงียบๆ บนโต๊ะเล็กๆ ที่เคยหัวเราะกันบ่อยๆ
เขาเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“ฉันไม่ได้ชอบมุกนะ”
“…อือ”
“แต่บางที…ฉันอาจจะทำให้เธอเข้าใจผิด โดยไม่ตั้งใจ”
“…อือ”
“แล้วนายล่ะ?” เขาหันมามองผม
“ช่วงนี้หลบหน้าฉันเหรอ?”
“เปล่า”
ผมตอบทันที ทั้งที่รู้ว่าโกหก
เขาจ้องตาผมนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“นายไม่จำเป็นต้องปิดบังฉันหรอกนะมีน”
เขาพูดช้าๆ แล้ววางมือบนโต๊ะใกล้มือผม
“ไม่ว่าความรู้สึกของนายจะเป็นอะไร…ฉันยอมรับมันได้เสมอ”
ผมนิ่งไปนานมาก
ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว
“…งั้นตอนนี้ฉันไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงน่ะ”
“ก็ดีแล้ว” เขายิ้มเบาๆ
“เพราะฉันรู้สึกแน่ๆ แล้วล่ะ”
หัวใจผมหยุดเต้นไปชั่วขณะ
แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ
แค่ลุกขึ้น หยิบกระเป๋า แล้วพูดคำสุดท้ายก่อนจะเปิดประตูห้อง
“แล้วฉันจะรอวันที่นายรู้คำตอบของตัวเองนะ”
ปัง—
เสียงประตูปิดลงอย่างนุ่มนวล
ทิ้งให้ผมนั่งอยู่กับความเงียบ
กับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง
.
.
.
.
วันจันทร์เช้า
ผมเดินเข้าห้องเรียนตามปกติ แต่บรรยากาศไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
“เฮ้ยมีน! แกลืมเหรอว่าวันนี้ไปทัศนศึกษานอกโรงเรียน!” เตยวิ่งเข้ามาสะกิด
ผมกระพริบตาปริบๆ มองใบงานที่ครูแจกเมื่อต้นเดือน
…จริงด้วย วันนี้พวกเราจะไป “พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้ง” ทั้งระดับชั้น
ผมถอนหายใจเบาๆ
คิดว่าจะเป็นวันที่ได้อยู่เงียบๆ ซะอีก
รถบัสจอดเรียงหน้าตึก
ผมนั่งคู่กับเตยเหมือนทุกครั้ง แต่ก่อนรถจะออก เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างหลัง
“มีน ขอนั่งด้วยได้ไหม?”
คิริน…
เตยยิ้มกว้างแล้วลุกทันที
“โอ้ยฉันไปนั่งกับเพื่อนอีกกลุ่มก็ได้ ฝากดูแลมีนด้วยนะคิริน!”
พูดจบเธอก็เผ่นไปทันที ปล่อยผมไว้กับสายตาทั้งรถที่เริ่มมองมาอีกแล้ว
คิรินนั่งลงข้างๆ
แต่ไม่ได้พูดอะไร
แค่นั่งนิ่งๆ ข้างกัน ตลอดทางหนึ่งชั่วโมง
พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งคือสถานที่โล่งกว้าง
มีทั้งประติมากรรมสูงใหญ่ กระจกสะท้อน เงาสะท้อนแสง
คนในกลุ่มทยอยถ่ายรูปเป็นกลุ่มๆ
ส่วนผมกับคิริน…เดินแยกออกมาเงียบๆ เหมือนอยู่ในโลกอีกใบ
“รู้ไหม” คิรินพูดขณะเดินผ่านรูปปั้นรูปร่างแปลกตา
“ฉันเคยมาแล้วตอนเด็กๆ แต่ไม่รู้สึกอะไรเลย ตอนนั้นมันเงียบเกินไป”
ผมพยักหน้ารับเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไร
“แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป”
เขาหยุดเดิน แล้วหันมามองผม
“เพราะฉันไม่ได้มา ‘คนเดียว’ ”
หัวใจผมเต้นแรงแบบไม่รู้ตัว
ผมเบือนหน้าหนีมองต้นไม้ริมทางแทน
“นาย…เคยรู้สึกไหม ว่าการอยู่กับใครบางคนแล้วโลกมันไม่เหมือนเดิม”
ผมกลืนน้ำลาย
แล้วตอบออกไปช้าๆ
“…กำลังรู้สึกอยู่นี่แหละ”
คิรินยิ้ม
ครั้งนี้ไม่ใช่รอยยิ้มของเจ้าชายผู้เยือกเย็น
แต่มันเหมือนเด็กคนหนึ่งที่โล่งใจมากๆ
ช่วงบ่าย นักเรียนทุกคนรวมกลุ่มถ่ายภาพหน้ากระจกเงาขนาดใหญ่ที่สะท้อนฟ้า
ครูปล่อยอิสระให้เดินเล่นก่อนกลับ
แต่เพราะบางจุดเป็นเขาวงกตกระจก นักเรียนบางคนเลยหลงทาง
รวมถึง…ผม
“มีน! อยู่นั่นไหม!?”
เสียงคิรินดังมาจากอีกฝั่ง
ผมรีบขานรับ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาใกล้ๆ
พรึ่บ!
คิรินโผล่มาตรงหน้ากระจก ก่อนจะยื่นมือมาดึงผมออกจากมุมเล็กๆ ที่เดินวนอยู่นาน
“หายไปไหนน่ะ ฉันนึกว่านายเป็นอะไรแล้ว…” เขาพูดเสียงหอบ
มือยังจับแขนผมแน่น
ผมรู้สึกถึงไออุ่นจากมือเขา
และจู่ๆ ความกลัวก็แทรกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เมื่อกี้…ฉันกลัวมากเลยนะ”
เสียงผมสั่นเบาๆ
ไม่ใช่เพราะหลงทาง แต่เพราะคิดว่าคิรินจะไม่หา…
คิรินมองหน้าผม ก่อนจะพูดช้าๆ
“ฉันบอกแล้ว ว่าจะไม่ทิ้งนายไว้คนเดียว”
แล้วมือที่จับแขนผมก็เปลี่ยนเป็น “กุมมือ” แทน
ไม่แรง ไม่อ่อน แต่มั่นคง
“งั้นก็…อย่าทำให้ฉันกลัวแบบนั้นอีกนะ”
เขายิ้มเบาๆ แล้วพยักหน้า
“สัญญา”
ตอนขากลับบนรถ
ผมนั่งข้างเขาเหมือนตอนขามา แต่คราวนี้ไม่มีกระแสอึดอัด
เขาเอนหัวพิงหน้าต่าง หลับตาลงช้าๆ
ขณะที่มือเขายัง “กุมมือ” ผมเอาไว้ตลอดทาง
และเป็นครั้งแรก…
ที่ผมไม่คิดจะดึงมือกลับเลย
.
.
.
.
ตั้งแต่วันทัศนศึกษากลับมา
ผมรู้สึกเหมือนโลกของผม…กำลังเปลี่ยนไปทีละนิด
ผมกับคิรินกลับมาคุยกันทุกวัน
เขายังแวะมานั่งเล่นในห้องผมเสมอ บางวันก็นั่งทำการบ้านเงียบๆ ด้วยกัน
บางคืน…ก็นั่งฟังเพลงผ่านลำโพงเล็กๆ แล้วก็เงียบแค่สองคน
แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ—
ผมไม่รู้สึก “อึดอัด” เหมือนแต่ก่อน
กลับกัน…การมีเขาอยู่ข้างๆ กลายเป็นความสบายใจแบบที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน
วันอังคารหลังเลิกเรียน
ผมเดินผ่านโรงยิมและบังเอิญได้ยินเสียงของคนคุ้นเคย
“เฮ้ย คิริน นายกับมีนเนี่ย…แฟนกันเปล่าวะ?”
ผมชะงักอยู่ข้างผนัง ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากในนั้น
เป็นเสียงคิริน
“ยังไม่ใช่หรอก”
“หืม? ยังไม่เหรอ? หรือว่านาย…ชอบเขาจริงๆ?”
“อืม” คำตอบที่ตามมาสั้นและแน่นมาก
“ฉันชอบมีนจริงๆ”
หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาทันที
เหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น
ผมรีบเดินเลี่ยงออกมาก่อนที่เขาจะรู้ว่าผมได้ยิน
ทั้งใบหน้าร้อนวูบ หูแดงไปถึงต้นคอ
และหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
คิริน…
ชอบผม?
ผมย้ำคำนั้นในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มันไม่ใช่เรื่องแปลก…ถ้าเป็นคนอื่นพูด
แต่นี่คือ “เขา”
คิรินที่ทุกคนมองว่าเพียบพร้อม เยือกเย็น และเข้าถึงยาก
เขาชอบผมจริงๆ เหรอ?
แล้ว…ผมล่ะ
รู้สึกกับเขายังไงกันแน่?
คืนนั้น ผมเปิดมือถือขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
ไปเจอรูปที่ถ่ายด้วยกันตอนทัศนศึกษา
ตอนที่เขายืนข้างๆ ยิ้มให้กล้อง มือผมยังถูกเขาจับไว้ไม่ปล่อย
ผมมองรูปนั้นอยู่นาน
แล้วก็รู้สึกได้ชัดเจนขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล
“…ชอบเหรอ?” ผมพึมพำเบาๆ
มันไม่ใช่แค่ความสบายใจ
ไม่ใช่แค่การอยู่ใกล้กันแล้วไม่อึดอัด
มันมากกว่านั้น…
และอาจมากพอจะเรียกว่า—
ความรู้สึกดีๆ ที่อยากรักษาไว้ให้นานที่สุด
วันพุธ คิรินเดินมาหาผมที่หน้าโรงเรียน
แต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้พูดอะไรก่อน
แค่ยื่นถุงขนมจากร้านที่ผมชอบมากที่สุดให้ แล้วเดินเคียงข้างเหมือนปกติ
ผมรับถุงมาเงียบๆ
ก่อนจะกลั้นหายใจ แล้วพูดออกไป
“ฉันได้ยิน…เรื่องที่นายพูดกับเพื่อนเมื่อวาน”
คิรินชะงักนิดหนึ่ง
แต่หันมามองผมแบบไม่ตกใจเลยสักนิด
“งั้นเหรอ”
“…มันจริงไหม?”
“จริง” เขาตอบทันที
“ฉันชอบนาย”
ไม่มีความลังเล ไม่มีเล่นคำ ไม่มีคำว่า “แค่เพื่อน” มาเบี่ยงเบน
เขาพูดตรงๆ แบบที่เขาเป็นเสมอ
ผมหยุดเดิน แล้วหันไปสบตาเขา
มือผมกำถุงขนมแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“งั้น…รออีกนิดได้ไหม”
คิรินยิ้ม
“ฉันรอได้เสมอ ถ้าเป็นนาย”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 11
Comments