กระซิบแห่งอดีตในสายลม

ลมพัดหวีดหวิวกรีดผ่านซากอาคารร้าง พายุหมุนวนพัดพาเศษใบมีดและเศษหินกระจายไปทั่วพื้นหินแตกร้าว ท้องฟ้ามืดครึ้มถูกบดบังด้วยกลุ่มเมฆหนาหม่น—ราวกับแสงอาทิตย์ถูกลืมเลือนไปจากดินแดนนี้

หลังจากการต่อสู้เมื่อครู่ ทั้งเขาและ Kaiyo ต่างได้รับบาดแผล แม้จะไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็คงไม่ฉลาดหากยังคงเดินไปโดยไร้ที่พักฟื้นตัว ดังนั้นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คงไม่พ้นการหาฐานที่มั่นสำหรับการพักพื้น

"ดูจากสภาพเราทั้งคู่แล้ว คงต้องรีบหาที่หลบภัยก่อนแล้วล่ะ" Dokuritsu เอ่ยเสียงเรียบ มองไปยังพื้นที่รอบตัว

"เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้ามีใครโผล่มาอีกเราคงซวยกันทั้งคู่" Kaiyo ยกขวดน้ำขึ้นดื่มพลางพยักหน้า

ทั้งสองเริ่มสำรวจพื้นที่โดยรอบ เมืองแห่งสายลมอัปยศกว้างใหญ่กว่าที่คิด พื้นที่บางส่วนถูกฝังอยู่ใต้ซากอาคารพังทลาย โครงสร้างหลายแห่งยังตั้งตระหง่านอยู่ แม้จะทรุดโทรม แต่ก็น่าจะใช้เป็นที่หลบภัยได้ พวกเขาเดินผ่านตรอกแคบๆ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารที่พังครึ่งหนึ่ง เศษซากความรุ่งเรืองในอดีตหลงเหลืออยู่เพียงเถาวัลย์ที่พันรัดกำแพงแตกร้าว

ในขณะที่ Dokuritsu กำลังกวาดสายตาสำรวจสิ่งรอบข้าง กระทั่งมีแสงสว่างของหน้าต่างระบบแสดงขึ้นมาด้านหน้าของเขา

[ภารกิจสำเร็จ]

ชื่อภารกิจ: กระซิบแห่งอดีตในสายลม

รางวัล: เสบียงพื้นฐาน x3, น้ำยารักษา x1

ภารกิจถัดไป : จะได้รับในอีก 30 นาทีข้างหน้า

Dokuritsu จ้องมองหน้าต่างระบบที่ลอยอยู่ตรงหน้า แสงสีฟ้าของมันสะท้อนในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขา เสบียงพื้นฐานสามชุด และน้ำยารักษาหนึ่งขวด… มันไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็มากพอจะเพิ่มโอกาสรอดของเขาไปได้อีกสักหน่อย

ขายกมือขึ้นเปิด [ช่องเก็บของ] ดูของที่มีอยู่ตอนนี้—เสบียงยังเหลืออีกนิดหน่อยจากก่อนหน้านี้ แต่น้ำยารักษาที่ Kaiyo ให้มาก่อนหน้านี้ช่วยเขาไว้ได้ไม่น้อย สำหรับตัวเขาเองที่ไม่ค่อยชอบการติดหนี้บุญคุณใครก็คงต้องตอบแทนอะไรบางอย่าง เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหยิบเสบียงหนึ่งชุดแล้วโยนไปให้ Kaiyo

Kaiyo รับมันไว้อย่างคล่องแคล่ว คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย “หืม? นายให้ฉันเหรอ?”

Dokuritsu ยังคงสีหน้าเรียบเฉย “นายให้น้ำยาฉันไปก่อนหน้านี้” เขาพูดเสียงเรียบ “ฉันคืนมันให้”

Kaiyo ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “เข้าใจง่ายดีแฮะ” เขาเก็บเสบียงเข้าช่องเก็บของของตัวเองพลางยักไหล่ “แบบนี้แปลว่าหลังจากนี้เราต่างไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วสินะ?”

Dokuritsu พยักหน้าเล็กน้อย “ก็ประมาณนั้นแหละ”

“นายเป็นคนแปลกดีแฮะ” Kaiyo จ้องเขานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก

Dokuritsuขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าไง?”

“ก็นายเหมือนพวกเย็นชา แต่จริงๆ แล้วนายก็แค่เป็นคนที่รักษาคำพูด” Kaiyo เอ่ยพลางหมุนข้อมือเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปหา Dokuritsu “แต่ถ้าจะร่วมทางกันล่ะก็ เราไม่ควรต้องมานั่งคิดว่าติดค้างอะไรกันอยู่ตลอดเวลา”

Dokuritsuมองมือที่ยื่นมาตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้ามอง Kaiyo ที่ยังคงยิ้มอยู่อย่างเป็นกันเอง

“ลดกำแพงของนายลงหน่อยก็ได้มั้ง อย่างน้อยๆในตอนนี้เราก็ทีมเดีบวกันนะ” Kaiyo กล่าวต่อ

Dokuritsu ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือเขาเพียงครู่เดียวแล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ได้ตั้งกำแพง แค่บางทีนายก็พูดมากไป”

“ค้าบ ค้าบ พ่อหนุ่มเย็นชา” Kaiyo กล่าวก่อนที่จะหัวเราะออกมา

Dokuritsuส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่พูดอะไร Kaiyo เดินตามพลางเริ่มชวนพูดคุยเรื่องอื่นต่อเล็กน้อย แม้Dokuritsuจะไม่ค่อยสนใจก็ตาม

ในขณะที่ออกสำรวจอยู่ดวงตาของ Dokuritsu สอดส่องไปทั่วบริเวณ เขาสัมผัสได้ว่าพื้นที่นี้มีบางอย่างผิดปกติ—ราวกับเงามืดของอดีตยังคงสิงสถิตอยู่ที่นี่ ในขณะที่ Kaiyo เดินสำรวจไปพลางพลิกเศษแผ่นหินเก่าๆ ที่กองกระจัดกระจายอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะพบเจออะไรบางอย่าง

"เฮ้ ดูนี่สิ" เขาชี้ไปยังรอยแกะสลักบนแผ่นหิน

Dokuritsu ก้าวเข้าไปใกล้ จ้องมองอักษรโบราณที่เลือนราง จารึกบนแผ่นหินมีถ้อยคำบางส่วนที่ยังพออ่านออก "เลือดของผู้ทรยศจะถูกกลืนไปกับสายลมชั่วนิรันดร์"

"นี่มันหมายถึงอะไรกันแน่..." Kaiyo ขมวดคิ้ว

ขณะที่พวกเขาสำรวจไปเรื่อยๆ จู่ๆ สายลมที่เคยโหมกระหน่ำก็พลันเงียบลงอย่างผิดปกติ บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปทันที ทุกอย่างเงียบงันจนผิดธรรมชาติ

Dokuritsu และ Kaiyo ชะงักฝีเท้าพร้อมกัน สัญชาตญาณเตือนพวกเขาว่ามีบางสิ่งกำลังเฝ้ามอง

แล้วมันก็ปรากฏตัวออกมา

ร่างสูงใหญ่ย่างก้าวออกจากเงามืด มันดูคล้ายมนุษย์...แต่ไม่ใช่ ดวงตาสีดำสนิท ไร้แววชีวิต ผิวหนังซีดเผือดเป็นรอยแตกราวกับถูกกัดกร่อนจากสายลมที่โหมกระหน่ำมานับศตวรรษ ร่างกายของมันอัปลักษณ์แข็งกระด้างและเต็มไปด้วยบาดแผลเก่าที่ฝังลึก แต่มันยังคงยืนอยู่...ถือดาบเล่มหนึ่งไว้ในมือ

ดาบของมัน...ดูไม่เหมือนอาวุธของมอนสเตอร์ทั่วไป ใบมีดสีดำหม่น มีรอยแตกร้าวเป็นเส้นสายคล้ายกับผ่านการต่อสู้มาอย่างยาวนาน ราวกับมันเคยเป็นของใครบางคนที่มีความสำคัญ

Kaiyo ขมวดคิ้ว “...ไม่เหมือนมอนสเตอร์ที่เราเคยเจอมาเลย”

Dokuritsu ไม่พูดอะไร เขาเพียงแต่จ้องไปที่ร่างนั้น รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แตกต่างจากศัตรูตัวอื่นที่เขาเคยพบ

มอนสเตอร์ตัวนี้ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งมีชีวิตไร้สติที่เกิดจากพายุแห่งความทรยศ...ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ยังเหลือรอดจากอดีต

สายลมเริ่มพัดขึ้นอีกครั้ง...พัดผ่านพวกเขาราวกับเสียงกระซิบของอดีตที่กำลังจะถูกเปิดเผยอีกครั้งหนึ่ง

Kaiyo กลืนน้ำลายพลางขยับตัวเข้ามาใกล้ Dokuritsu เล็กน้อย ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่มอนสเตอร์ร่างสูงใหญ่ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง "เราจะทำยังไงดี? มันดูแข็งแกร่งกว่าอะไรที่เราเคยเจอมาก่อน" น้ำเสียงของเขาไม่ได้เต็มไปด้วยความกลัว แต่มีความกังวลที่ปิดไม่มิด

Dokuritsu ยังคงมองมันด้วยสายตาเยือกเย็น "เราต้องหนีก่อน" เขากล่าวเสียงเรียบ

“เห็นด้วย สภาพเราในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะสู้กับมัน แต่ดาบที่มันถืออยู่ถ้าเราได้มาก็คงมีประโยชน์ไม่น้อยเลยล่ะ” Kaiyo กล่าวเสริม

Dokuritsu ไม่ตอบอะไร แต่สายตาของเขาหรี่ลงขณะจ้องไปที่ดาบของมอนสเตอร์ตัวนั้น มันไม่ใช่อาวุธธรรมดา—มีบางอย่างเกี่ยวกับมันที่ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด ราวกับว่าดาบเล่มนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ดาบธรรมดา

Kaiyo ยกมือขึ้นลูบท้ายทอย "งั้นเราควรหาที่พักก่อน นายโอเคไหมถ้าเราจะกลับมาที่นี่อีกที?"

Dokuritsu เปิดหน้าต่างแผนที่ขึ้นมา สายตาไล่ไปตามเส้นทางที่พวกเขาเดินผ่านมา ก่อนจะใช้นิ้วแตะหน้าจอโปร่งแสง กำหนดจุดพิกัดลงในแผนที่ "[ตำแหน่งถูกบันทึกแล้ว]" ข้อความระบบแจ้งเตือน

"ถ้ากลับมา เราต้องพร้อมกว่านี้ ทั้งด้านร่างกายและวิธีการสู้กับมัน" Dokuritsu กล่าวพลางปิดหน้าต่างแผนที่

ทั้งสองคนเร่งฝีเท้าออกจากพื้นที่นั้น ปล่อยให้มอนสเตอร์ร่างอัปลักษณ์ยังคงยืนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางสายลม ราวกับเฝ้ารออะไรบางอย่าง... หรืออาจกำลังรอให้พวกเขากลับมาอีกครั้งฃ

ท้องฟ้าหม่นหมองถูกบดบังด้วยเมฆหนา ลมยังคงพัดหวิวผ่านซากอาคารร้าง แต่เมื่อ Dokuritsu และ Kaiyo เดินลึกเข้าไปในเขตเมืองที่ถูกทิ้งร้าง ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เริ่มปรากฏขึ้น

พื้นดินที่เคยเต็มไปด้วยเศษซากอารยธรรมและโครงสร้างพังทลายค่อยๆ เปลี่ยนไป แทนที่ด้วยเถาวัลย์สีเขียวที่เลื้อยพันอยู่ตามซากหินแตก ลมที่เคยพัดกรรโชกทั่วเมืองแห่งสายลมอัปยศเริ่มสงบลงอย่างผิดแปลก อุณหภูมิรอบตัวลดลงเล็กน้อย ความเย็นของร่มเงาต้นไม้ค่อยๆ ปกคลุมร่างของพวกเขา เมื่อเงยหน้ามองไปเบื้องหน้า ลำต้นของต้นไม้สูงใหญ่ก็ตั้งตระหง่าน ซ้อนทับกับซากเมืองเก่าที่ธรรมชาติเริ่มเข้ายึดครอง

Kaiyo มองไปรอบๆ อย่างพินิจพิเคราะห์ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าที่นี่เคยเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้"

Dokuritsu มองขึ้นไปตามแนวต้นไม้สูง ร่มเงาของมันบดบังแสงอาทิตย์จนพื้นที่รอบตัวดูมืดสลัว อากาศในป่าเย็นกว่าด้านนอกมาก ความแตกต่างนี้ชัดเจนจนเขารู้สึกได้ แม้ป่าจะดูเขียวชอุ่ม แต่บางสิ่งในอากาศทำให้เขารู้สึกผิดแปลก

"บางทีที่นี่อาจเคยเป็นสวนมาก่อน" Kaiyo เสนอความคิดขณะใช้มือแตะต้นไม้ต้นหนึ่ง "ดูเหมือนต้นไม้พวกนี้จะเติบโตมาทับซากของอะไรบางอย่าง"

Dokuritsu สังเกตเห็นเช่นกัน ตรงพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยมอสและใบไม้ร่วง มีเศษอิฐโผล่พ้นขึ้นมาเป็นช่วงๆ บางจุดยังสามารถมองเห็นแนวของทางเดินเก่าที่ถูกธรรมชาติเข้ายึดครอง

พวกเขาเดินลึกเข้าไปอีก ป่าดูเงียบกว่าที่ควรจะเป็น ไม่มีเสียงของมอนสเตอร์ ไม่มีเสียงกรีดร้องของสายลมที่คอยคร่ำครวญเหมือนส่วนอื่นของเมือง ที่นี่สงบเงียบเกินไป

"ลมในที่นี่...บางเกินไป" Dokuritsu เอ่ยขึ้นหลังจากเดินสำรวจมาได้สักพัก

Kaiyo หยุดเดิน หรี่ตาลงก่อนจะพยักหน้า "ก็จริงนะ ถ้าเทียบกับข้างนอกแล้ว ที่นี่แทบไม่มีลมเลย ทั้งที่เมืองนี้เต็มไปด้วยพายุ... ที่นี่เป็นเขตเดียวที่เงียบสงบ"

Dokuritsu ไม่ตอบ แต่ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ ทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงแตกต่างจากที่อื่น? หรือบางทีอาจมีอะไรบางอย่างที่พวกเขายังมองไม่เห็น

พวกเขาเดินต่อไปตามเส้นทางที่เริ่มตีบตันด้วยต้นไม้รกทึบ จนกระทั่งทั้งคู่สะดุดตากับบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่า

เป็นกระท่อมไม้เก่าหลังหนึ่ง

ตัวกระท่อมทำจากไม้เก่าแก่ ไม่มีร่องรอยของการถูกทำลายหรือถูกมอนสเตอร์เข้าจู่โจม หน้าต่างถูกปิดสนิท ประตูไม้ที่ซีดเซียวเล็กน้อยยังคงตั้งมั่นอยู่ ราวกับเจ้าของเดิมอาจเพิ่งจากไปไม่นาน หรือบางที... อาจไม่มีใครเคยเข้าไปแตะต้องมันเลย

"นายคิดเหมือนกันใช่ไหม ว่ามันแปลกไปหน่อย?" Kaiyo ขมวดคิ้ว

Dokuritsu พยักหน้า แต่ก็ยังไม่พูดอะไร เขาเดินเข้าไปใกล้พลางใช้มือแตะประตูเบาๆ ก่อนจะผลักมันออก เสียงบานพับเก่าลั่นเอี๊ยดเบาๆ เผยให้เห็นภายในกระท่อม

ข้างในไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่โต๊ะไม้ตัวหนึ่ง เก้าอี้สองสามตัว และเตาผิงเก่าที่เต็มไปด้วยขี้เถ้า มีฝุ่นจับหนาแน่นบ่งบอกว่ามันไม่ได้ถูกใช้งานมานานแล้ว

"ไม่มีร่องรอยของผู้เล่นหรือมอนสเตอร์..." Kaiyo พูดขณะกวาดตามองรอบๆ "หรือบางทีที่นี่อาจจะถูกทิ้งร้างนานจนไม่มีใครสนใจ?"

Dokuritsu สำรวจมุมห้องโดยละเอียด พื้นไม้ยังแข็งแรง ไม่มีรอยแตกหรือร่องรอยของการต่อสู้

“มันเงียบเกินไป” Dokuritsu กล่าวเสียงเรียบ "แต่บางทีมันก็น่าจะใช้เป็นที่พักได้"

"ก็ดีแหะ อย่างน้อยเราจะได้มีที่ตั้งหลักสักที" Kaiyo ถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย

"แต่นายไม่สงสัยเหรอว่าทำไมมันถึงไม่มีมอนสเตอร์อยู่แถวนี้เลย?" Dokuritsu เอ่ยขึ้น

Kaiyo หยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะยักไหล่ "จะว่าไปก็แปลกอยู่เหมือนกัน... แต่ถ้ามันเงียบแบบนี้ ฉันว่าเราน่าจะใช้มันเป็นฐานหลักได้นะ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการไปเสี่ยงหาที่อื่น อีกอย่างฉันก็ล้ากันมากแล้วถ้าจะต้องเดินไปอีกคงหมดแรงแน่ๆ"

"เราจะใช้ที่นี่เป็นฐาน" Dokuritsu ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

Kaiyo กอดอกพลางกวาดตามองรอบๆ กระท่อมก่อนจะพูดขึ้น “งั้นก่อนที่เราจะพักกันจริงๆ ฉันว่าน่าจะลองจัดพื้นที่สักหน่อย นายคงไม่อยากนอนโดยที่ช่องหน้าต่างทุกบานยังเปิดโล่งแบบนี้ใช่ไหม?”

Dokuritsu เหลือบมองไปรอบๆ ตอนนี้กระท่อมยังอยู่ในสภาพที่ต้องซ่อมแซมบ้าง หน้าต่างหลายบานเปิดอ้า แม้จะไม่มีลมพัดแรงเหมือนในเมือง แต่ก็ยังเป็นช่องทางที่อาจทำให้มอนสเตอร์แอบเข้ามาได้

Kaiyo เดินไปสำรวจมุมหนึ่งของห้อง ก่อนจะหยิบแผ่นไม้เก่าที่วางพิงผนังขึ้นมา “ถ้าเราปิดหน้าต่างพวกนี้ด้วยแผ่นไม้ พวกเราน่าจะลดแรงลมที่อาจเข้ามาในตอนกลางคืนได้ และที่สำคัญมันจะช่วยให้เรามองจากข้างในได้โดยที่ข้างนอกมองเข้ามาไม่ได้”

“ฟังดูดี” Dokuritsu พยักหน้าเล็กน้อย

Kaiyo วางแผ่นไม้ลงแล้วเดินไปเปิดตู้เก่าๆ ที่อยู่มุมห้อง ข้างในมีเชือกเส้นยาว ฝุ่นจับจนแทบดูไม่ออกว่าเคยถูกใช้มาก่อน “โอเค อันนี้ใช้ได้” เขาหยิบเชือกขึ้นมา “เราจะใช้มันมัดแผ่นไม้กับขอบหน้าต่าง ไม่ต้องแน่นมาก เอาไว้พอที่เราจะเลื่อนออกได้ถ้าจำเป็น”

Dokuritsu ไม่ได้คัดค้าน เขาช่วยหยิบแผ่นไม้จากกองที่อยู่ในห้องมาให้ Kaiyo จากนั้นทั้งสองก็เริ่มปิดหน้าต่างไปทีละจุด ทำให้กระท่อมดูเหมือนเป็นสถานที่ปิดที่ปลอดภัยขึ้น

เมื่อทำการปิดหน้าต่างเสร็จเรียบร้อย Dokuritsu ก็กวาดสายตามองรอบห้อง พื้นกระท่อมยังมีเศษฝุ่นและเศษไม้วางระเกะระกะ โต๊ะเก่าๆ อยู่กลางห้อง และยังมีลังไม้ที่ไม่ได้ใช้งานหลายลัง “เราควรเคลียร์พื้นที่ตรงนี้หน่อย”

Kaiyoช่วยเก็บของอื่นๆ ออกไปเช่นกัน เขาจัดเรียงของที่ยังใช้ได้ไว้ข้างหนึ่ง ส่วนสิ่งที่ผุพังและเป็นขยะก็โยนออกไปนอกกระท่อม

หลังจากใช้เวลาจัดระเบียบกระท่อมอยู่พักหนึ่ง สถานที่นี้ก็ดูพร้อมจะเป็นฐานที่มั่นมากขึ้น ไม่มีเศษของที่เกะกะ พื้นที่ตรงกลางโล่งขึ้นมากพอจะใช้เป็นจุดพักผ่อนได้

Kaiyoทิ้งตัวลงนั่งบนลังไม้ก่อนจะยืดเส้นยืดสาย “โอเค แบบนี้ก็ดูดีขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกเหมือนเรากำลังนอนอยู่ในรังหนู”

Dokuritsu นั่งลงอีกมุมของห้อง “ถ้าจะใช้ที่นี่เป็นฐาน เราต้องมีแผนเผื่อกรณีฉุกเฉิน”

Kaiyo พยักหน้า “เห็นด้วย เราต้องกำหนดจุดเข้าออกที่ปลอดภัย แล้วก็ควรหาของเพิ่ม อย่างเสบียงหรือพวกอาวุธสำรอง แต่ว่าวันนี้ก็พักผ่อนกันก่อนเถอะ เริ่มพรุ่งนี้ก็ไม่สาย”

“เห็นด้วยนะ แต่อย่างน้อยก็ควรมีกับดักไว้ป้องกันไว้บ้างก็ดี” Dokuritsu กล่าวพร้อมกับหยิบเศษไม้ขึ้นมา “มาช่วยหน่อยสิ จะได้เสร็จไวขึ้น”

“ค้าบๆ มาแล้วๆ” Kaiyo กล่าวก่อนที่จะเข้าไปช่วยDokuritsuจัดเตรียมกับดักไว้รอบๆกระท่อม แม้ว่ามันจะได้มีประสิทธิภาพมากน้อยแต่มันก็พอช่วยได้บ้าง

Kaiyo เอนหลังพิงลังไม้ที่เขานั่งอยู่ด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะเหลือบมองไปทาง Dokuritsu ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แสงไฟจากกองเทียนเล็กๆ ที่พวกเขาจุดไว้ส่องให้เห็นใบหน้าของเขาที่นิ่งเงียบดังเช่นเคย

“ถ้านายชนะเกมนี้…” Kaiyo เอ่ยขึ้น ละสายตาจากเพดานแล้วหันกลับมามอง Dokuritsu ตรงๆ “นายอยากเปลี่ยนแปลงโลกยังไง?”

Dokuritsu ชะงักไปเล็กน้อย สายตาหรี่ลงราวกับกำลังไตร่ตรองคำถามนั้นอย่างจริงจัง ทว่าผ่านไปหลายวินาที เขากลับไม่ได้ให้คำตอบใดๆ

“ฉันไม่รู้” เขาตอบในที่สุด เสียงของเขาราบเรียบ แต่มันแฝงไปด้วยบางอย่าง—ความว่างเปล่าที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ

Kaiyo มองเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วเอนตัวพิงลังไม้ “ก็พอเข้าใจได้นะ นายดูเป็นพวกที่ไม่ค่อยคิดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว”

Dokuritsu ไม่ปฏิเสธ เขาเองก็รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ความทรงจำของเขาว่างเปล่า เป้าหมายเดียวที่เขามีในตอนนี้คือเอาชีวิตรอด และหาคำตอบให้กับสิ่งที่เขาสงสัย แต่ถ้าถามว่าอยากเปลี่ยนแปลงโลกยังไง… เขาไม่มีคำตอบให้เลย

Dokuritsu เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “แล้วนายล่ะ?” เขาหันไปมอง Kaiyo ที่ยังเอนหลังพิงลังไม้ ใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มจางๆ ติดอยู่ “ถ้านายชนะเกมนี้ นายอยากเปลี่ยนแปลงโลกยังไง?”

Kaiyo ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะขยับตัวมานั่งตัวตรงมากขึ้น “ถ้าถามฉันเหรอ?” แววตาของเขาจริงจังขึ้น “ฉันอยากสร้างโลกที่ไม่ใช่แค่คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด แต่เป็นโลกที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน”

“โลกที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียม?” Dokuritsu หรี่ตาเล็กน้อย

Kaiyo พยักหน้า “ใช่ นายก็เห็นแล้วนี่ว่าเกมนี้เป็นยังไง คนที่อ่อนแอมีแต่ถูกกำจัด ไม่มีพื้นที่ให้พวกเขาได้สู้เพื่ออนาคตของตัวเองเลย ฉันอยากสร้างโลกที่แม้แต่คนที่ไม่มีพลังมากมาย ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”

Dokuritsu เหลือบตามอง Kaiyo ที่กำลังปรับท่านั่งให้สบายขึ้น เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆ

“นายนอนไปก่อน ฉันจะเฝ้าให้”

“หืม? นายแน่ใจเหรอ?” Kaiyo ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันมามองเขา

“ฉันยังไหวอยู่ นายเองก็สู้อย่างหนักมาทั้งวันแล้ว พักเถอะ” Dokuritsu พยักหน้า

Kaiyoมองเขานิ่งๆ ก่อนจะยิ้มออกมา “ฮ่ะๆ แปลกคนดีแฮะ ”

Dokuritsu ไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่พิงกำแพง

Kaiyo ยักไหล่ก่อนจะเอนตัวลงนอน “ก็ได้ๆ งั้นฉันฝากนายด้วยละกัน… แต่ถ้ามีอะไรผิดปกติ ปลุกฉันทันทีนะ”

Dokuritsu พยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมห้อง มีเพียงเสียงลมอ่อนๆ ที่ลอดผ่านรอยแยกของกำแพงและเสียงลมหายใจของ Kaiyo ที่เริ่มสม่ำเสมอ

เขานั่งเงียบๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง แม้ว่าเมืองแห่งนี้จะดูเงียบสงบเกินไป แต่มันกลับทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าเบื้องหลังความเงียบนั้นอาจมีบางสิ่งซ่อนอยู่

สายลมยังคงพัดผ่าน เงาสลัวของต้นไม้โยกไหวไปตามจังหวะราตรี

คืนนี้จะสงบไปจนถึงเช้าหรือเปล่า...

ฮอต

Comments

Kovács Natália

Kovács Natália

แอดเขียนเก่งมาก! ไม่อยากหยุดอ่านเลย 😁👍

2025-05-17

1

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!