อาการป่วยของพุดตานดีขึ้นมากจนแทบจะหายเป็นปกติแล้ว แต่แม่นายศรีกับหลวงปรีชาก็ยังคงเป็นห่วง สั่งให้เขาพักผ่อนอยู่แต่ในเรือน ไม่อนุญาตให้ออกไปไหนไกลนัก พุดตานที่ปกติเป็นคนอยู่ไม่สุขก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับการต้องเก็บตัวอยู่ในเรือนใหญ่
เช้าวันนั้น พุดตานเดินทอดน่องไปตามระเบียงเรือนใหญ่ โดยมีไอ้ทองเดินตามอยู่ไม่ห่าง สายตาสำรวจไปทั่วบริเวณบ้านที่กว้างขวางและเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ พลางคิดถึงชีวิตในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยกิจกรรมหลากหลาย อยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถฟีด อ่านข่าวสาร หรือดูยูทูบแก้เบื่อใจจะขาด แต่ก็ทำได้เพียงยืนมองลำน้ำที่อยู่หลังบ้านอย่างเหม่อลอย
ขณะที่กำลังยืนพิงราวระเบียงมองดูเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พลันก็ได้ยินเสียงร้องเล็กๆ แหลมๆ ดังมาจากพุ่มไม้ข้างๆ ศาลาริมน้ำ
"แม้วววว... แม้วววว..."
เสียงเล็กมาก ฟังดูอ่อนแรง
"เสียงอะไรน่ะทอง" พุดตานหันไปถาม
ทองเงี่ยหูฟัง "เหมือนเสียงลูกแมวนะขอรับ"
พุดตานตาลุกวาว เขายังไม่เคยเห็นแมวไทยโบราณตัวเป็นๆ เลย! "ไปดูกันเถอะ!"
พุดตานจ้ำอ้าวลงบันไดเรือนไปทางศาลาริมน้ำทันที โดยมีไอ้ทองเดินตามมาอย่างรวดเร็ว
เสียงร้องของลูกแมวดังมาจากใต้พุ่มไม้ใหญ่ริมตลิ่ง พุดตานกับทองช่วยกันแหวกกิ่งไม้เข้าไปดู ก็พบกับลูกแมวตัวเล็กจิ๋ว สีดำสนิททั้งตัว กำลังเปียกปอน เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหนาวและความกลัว พยายามตะกายขึ้นมาจากแอ่งน้ำตื้นๆ ข้างตลิ่งแต่ก็ขึ้นไม่ได้
"โธ่เอ๊ย! ตกลงไปได้ยังไงเนี่ย!" พุดตานร้องเสียงหลง ความน่ารักปนน่าสงสารของลูกแมวทำให้หัวใจคนรักสัตว์แบบเขาทำงานทันที
เขาไม่รอช้า รีบย่อตัวลงหวังจะเอื้อมมือไปอุ้มลูกแมวขึ้นมา
"คุณหนูระวังขอรับ!" ทองร้องห้าม แต่ไม่ทัน พุดตานก้าวเท้าไปใกล้เกินไป พื้นดินริมตลิ่งที่เปียกน้ำทำให้ลื่น พุดตานเสียหลักเกือบจะตกลงไปในแอ่งน้ำตามลูกแมว แต่ทองคว้าแขนไว้ได้ทัน
"โอ๊ย! เกือบไปแล้ว" พุดตานตกใจ หน้าซีดเล็กน้อย แต่สายตาก็ยังจับจ้องไปที่ลูกแมวตัวน้อย
"ทองว่าทองลงไปอุ้มให้ดีกว่าขอรับ" ทองพูดอย่างเป็นห่วง
แต่ก่อนที่ทองจะได้ลงไปช่วย เสียงที่คุ้นเคยและน่าเกรงขามก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
"ทำอะไรกันอยู่ พุดตาน!"
พุดตานกับทองหันขวับไปมอง ก็พบกับท่านขุนเดชที่ยืนมองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาคมกริบคู่นั้นกลับฉายแววตำหนิเล็กน้อย ท่านขุนเดชมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ท่านขุนอินทร์ก็ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้ายิ้มๆ
"ท่านขุนเดช! ท่านพี่อินทร์!" พุดตานร้องเรียก พลางยืนตัวตรงอย่างรวดเร็ว
ท่านขุนเดชเดินเข้ามาใกล้ มองสภาพพุดตานที่เกือบจะลื่นตกน้ำ มองไปยังลูกแมวตัวดำที่กำลังร้องเสียงแหลม
"จะลงไปช่วยลูกแมวหรือ" ท่านขุนเดชถามเสียงเรียบ
"ขอรับ ท่านขุน" พุดตานตอบ รู้สึกประหม่าภายใต้สายตาจ้องมองของท่านขุนเดช "มันตกลงไปขอรับ"
ท่านขุนเดชไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับก้าวเดินเข้าไปใกล้ริมตลิ่งแทน ท่านยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มองประเมินสถานการณ์ ก่อนจะย่อตัวลง เอื้อมมือแข็งแรงลงไปอย่างช้าๆ ไม่ได้รีบร้อนเหมือนพุดตาน
มือใหญ่ของท่านขุนเดชค่อยๆ ตักลูกแมวตัวน้อยที่สั่นเทาขึ้นมาอย่างเบามือ ลูกแมวสีดำเปียกปอน ถูกวางลงบนฝ่ามือที่แข็งแรงและอบอุ่นของท่านขุนเดช ดูตัวเล็กจิ๋วไปถนัดตา
"ขอบ... ขอบคุณขอรับ ท่านขุน" พุดตานพูดเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกทึ่งในความสงบนิ่งและความเด็ดขาดของท่านขุนเดช ขนาดช่วยแมวยังดูสง่างามเลย!
ท่านขุนเดชไม่ได้ตอบคำ แต่หันมาทางพุดตาน แล้วส่งลูกแมวที่อยู่ในมือให้
พุดตานรีบยื่นมือออกไปรับ ลูกแมวตัวน้อยเปียกและเย็นเฉียบเมื่อสัมผัสกับผิว เขาอุ้มลูกแมวไว้แนบอก สัมผัสได้ถึงหัวใจดวงเล็กๆ ที่เต้นรัว
"ตัวเย็นเชียว" พุดตานพึมพำด้วยความสงสาร
ท่านขุนเดชยืนมองพุดตานที่กำลังดูแลลูกแมวตัวน้อยอยู่เงียบๆ สายตาของท่านทอดมองมาที่พุดตานอย่างเนิ่นนาน แววตาที่เคยดูสงบนิ่ง ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างประหลาดเมื่อมองมาที่ภาพตรงหน้า
"พาไปเช็ดตัวให้แห้งเสียเถิด" ท่านขุนเดชพูดเสียงนุ่มกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
"ขอรับ!" พุดตานรีบตอบ หันไปบอกไอ้ทอง "ทอง! ไปเตรียมน้ำอุ่นกับผ้าสะอาดหน่อยสิ!"
"ขอรับคุณหนู" ไอ้ทองรีบรับคำแล้ววิ่งนำหน้ากลับเรือนไปอย่างรวดเร็ว
พุดตานหันมาจะขอบคุณท่านขุนเดชอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อเห็นว่าท่านขุนเดชยังคงยืนมองเขาอยู่ไม่ไปไหน ดวงตาคมกริบยังคงจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา
"ระวังตัวให้มากกว่านี้หน่อย พุดตาน" ท่านขุนเดชพูดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงของท่านฟังดูห่วงใยอย่างชัดเจน "เกือบจะตกลงไปเสียแล้ว"
"ขอรับ... ผมจะระวังให้มากกว่านี้ขอรับ" พุดตานตอบ รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโดนดุ หรือเพราะสายตาของท่านขุนเดชกันแน่
"ท่านขุนเดชมาธุระอะไรหรือขอรับ" พุดตานลองเปลี่ยนเรื่องถาม
"มาหาพี่ชายเจ้านั่นแหละ" ท่านขุนเดชตอบ ก่อนจะหันไปทางท่านขุนอินทร์ที่ยืนยิ้มอยู่ "มาดูสหายที่เป็นห่วงน้องชายจนแทบจะลงไปช่วยเสียเอง"
ท่านขุนอินทร์หัวเราะ "แหม ข้าก็แค่มาดูเฉยๆ หรอกว่ะ ไอ้พุดน่ะซนจะตาย ให้มันดูแลตัวเองบ้าง"
"ถ้าซนจนเกือบจะตกลงน้ำแบบนี้ คงจะดูแลตัวเองไม่ได้กระมัง" ท่านขุนเดชพูด พลางมองมาที่พุดตานอีกครั้ง แววตาของท่านยังคงเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ก็แฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้พุดตานรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
พุดตานได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี เขารู้สึกได้ถึงความ 'เป็นเจ้าของ' บางอย่างที่ท่านขุนเดชมีต่อเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง!
หลังจากนั้น ท่านขุนเดชกับท่านขุนอินทร์ก็เดินกลับขึ้นเรือนไปคุยธุระกัน ปล่อยให้พุดตานอยู่กับลูกแมวน้อย
พุดตานรีบกลับไปหาไอ้ทองที่เตรียมน้ำอุ่นกับผ้าไว้ให้แล้ว เขาค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดให้ลูกแมวอย่างเบามือ ยายเฟื่องเอาชามใส่นมแพะอุ่นๆ มาให้ ลูกแมวน้อยดูดนมอย่างหิวกระหาย
"ตัวเล็กน่าสงสารจริงๆ เลยนะขอรับคุณหนู" ทองพูดด้วยความเอ็นดู
"อือ... ดีนะที่เราเจอเสียก่อน" พุดตานลูบหัวลูกแมวน้อยเบาๆ "ต่อไปนี้เจ้ามาอยู่กับข้านะ จะไม่มีใครรังแกเจ้าแล้ว"
เขาตัดสินใจว่าจะเลี้ยงลูกแมวตัวนี้ไว้ จะอ้างว่าเจอมันในสวน แล้วขอท่านแม่นายกับคุณหลวงเลี้ยง ถึงจะเป็นแมวดำที่บางคนถือว่านำโชคร้าย แต่สำหรับเขา มันคือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่น่ารักและต้องการความช่วยเหลือ
เมื่อพาลูกแมวมาให้แม่นายศรีและหลวงปรีชาดู ทั้งสองท่านก็อดสงสารไม่ได้ ถึงแม้ตอนแรกจะดูลังเลเล็กน้อยเพราะเป็นแมวจรจัด แต่เมื่อเห็นสายตาออดอ้อนของพุดตานและลูกแมวที่ดูน่าเวทนา ก็ใจอ่อนยอมให้เลี้ยงไว้จนได้ โดยมียายเฟื่อง อีทับ และไอ้จัน อาสาช่วยดูแลอย่างเต็มที่
ไอ้ทองหาตะกร้ามาหนึ่งใบ รองด้วยผ้าให้นุ่มๆ จัดเป็นที่นอนให้ลูกแมว พุดตานตั้งชื่อมันว่า 'เจ้าถ่าน' เพราะสีดำสนิทเหมือนถ่าน
คืนนั้น พุดตานนอนกอดเจ้าถ่านตัวน้อยที่อุ่นขึ้นแล้วอย่างมีความสุข เจ้าถ่านซุกตัวเข้าหาเขาอย่างไว้ใจ เสียงหายใจเล็กๆ ของมันทำให้เขารู้สึกไม่เหงาอีกต่อไปในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้
แต่เมื่อหลับตาลง ภาพของท่านขุนเดชก็ผุดขึ้นมาในหัว... ใบหน้าคมคาย ดวงตาคมกริบ และมือใหญ่ที่อุ้มเจ้าถ่านอย่างอ่อนโยน
ความรู้สึกแปลกๆ ที่มีต่อท่านขุนเดชกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเจ้าถ่านตัวน้อยที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเขาในอโยธยาแห่งนี้
พุดตานถอนหายใจยาว... ชีวิตในยุคนี้มันช่าง... วุ่นวายใจจริงๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป.....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 11
Comments