ในโลกที่มีแค่เซนินอยู่ในห้องกักกันของ SCP เขากลับไม่ได้เป็นเพียงแค่ "วัตถุทดลอง" ที่เจ้าหน้าที่และนักวิจัยต่างๆ ทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุม เขายังคงเป็นมนุษย์ที่ต้องอยู่ในวงจรที่ไม่หยุดหย่อนและไม่มีทางหลุดพ้นจากมันได้
วันแล้ววันเล่าเขาถูกนำออกมาจากห้องเล็กๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ร่างกายที่ถูกบังคับให้เดินไปตามคำสั่ง ถูกล็อกไว้ในห้องกระจกที่มีมุมมืดเงียบสงัด ทุกอย่างเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ไม่หยุดทำงานในวิถีที่เขาไม่มีสิทธิ์เลือก
เขาไม่มีชื่อหรือหมายเลขที่คนอื่นจำได้เหมือนกับที่คนเหล่านั้นตั้งชื่อกัน—ในตอนนี้, เขาคือ SCP-8642
เซนิน พยายามจะบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เขาชินแล้วกับชีวิตที่ต้องอยู่ในความมืด ความเหงาและความกดดัน แต่ไม่รู้ทำไม... มันยิ่งทำให้ความรู้สึกเหงาห่างจากโลกนี้เข้าไปอีก
ทุกๆ วัน นักวิจัยจะเข้ามาเพื่อสอบถามเขา หรือแม้แต่ทำการทดสอบที่เขาไม่เคยเข้าใจ เป้าหมายของการทดลองนั้นคืออะไร เขาไม่อาจเดาได้ ในขณะที่เขาค่อยๆ หมดแรงที่จะตอบคำถามซ้ำๆ และที่สำคัญที่สุด... ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่วันนี้ก็เหมือนวันอื่นๆ นั่นแหละ
"เซนิน... คุณรู้สึกยังไงกับการทดลองล่าสุด?" นักวิจัยสาว คานะ มิสึกิ ถามขึ้น เมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้องทดลองที่มีกระจกบางๆ กั้นอยู่
“แปลกดีครับ การทดลองในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” เซนินตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ดวงตาของเขากวาดมองไปทั่วห้องทดลองที่แสนน่าเบื่อ เขารู้สึกถึงความหม่นหมองในใจ เขาตอบคำถามแบบนี้เป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว แต่ไม่มีคำตอบที่ทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปเลย
“คุณคิดว่ามันจะนำไปสู่การค้นพบอะไร?” คานะถามอีกครั้งขณะที่มือขวากำลังจดบันทึกลงในแฟ้ม
เซนินยิ้มเล็กน้อย นั่นคือรอยยิ้มที่ชวนให้นึกถึงความรู้สึกยียวนเสมอ “ก็...คุณคงอยากให้มันเปิดเผยอะไรบางอย่างนะ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจะจบยังไง? บางทีก็อาจจะได้แค่ข้อมูลไร้ค่า กลับไปแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
คานะแอบเหลือบมองเซนิน ดวงตาของเขายังคงท้าทายเหมือนเคย แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนเขาจะลอยไปในอากาศราวกับไม่มีกระดูก
“ก็เป็นหน้าที่ของเรานะที่จะค้นหาความจริง เราแค่ทำให้แน่ใจว่า...คุณไม่ได้เป็นอันตรายอะไรต่อพวกเรา” คานะตอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มแล้วยิ้มเล็กน้อย "คุณรู้ตัวดีว่าคุณไม่ใช่แค่ 'วัตถุ' ใช่มั้ย?"
“คุณกำลังหมายถึงอะไร? ความเป็นมนุษย์ของผมเหรอ?” เซนินเอียงคอมองเธอ เขารู้สึกถึงการประเมินบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในแววตาของเธอ
คานะพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ คุณรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ไหม?”
เซนินหัวเราะออกมาเบาๆ นั่นคือเสียงหัวเราะที่บอกว่าเขาเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับคำถามแบบนี้ “ถามหาความหมายชีวิตล่ะสิ? ถามให้ดีซะ! อย่าให้พวกเราต้องเป็นหุ่นยนต์แค่เพื่อทำการทดลองต่อไปเลย”
คานะรู้สึกถึงความระแวงในคำพูดนั้น แต่มันก็ยังดีกว่าความเงียบที่เขาเคยแสดงออกมา "เราจะได้คำตอบของมันในเร็วๆ นี้ล่ะ"
การสนทนาเป็นไปในทิศทางที่เซนินชินกับมัน เขาไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเองมากเกินไป และนักวิจัยก็ไม่เคยถามเรื่องลึกซึ้งเกินไป
เพียงแค่ทุกๆ วันกลับมาเหมือนเดิม
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกในตอนนี้คือ... เขาต้องการจะรู้ว่า คานะ มิสึกิ คือใคร? แล้วทำไมสายตาของเธอถึงทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน?
ห้องประชุมขนาดเล็กที่มักใช้ในงานรายงานผลวิจัยถูกเปิดไฟสว่างไว้ตั้งแต่เช้า กระดานอิเล็กทรอนิกส์ฉายภาพสแกนคลื่นสมองพร้อมกราฟเส้นสลับสีที่วิ่งพล่านไม่ต่างจากเครื่องวัดชีพจรคนป่วย
ดร.คานะ มิสึกิ กำลังจ้องกราฟนั่นด้วยคิ้วขมวด มือขวาถือแก้วกาแฟที่เย็นไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน ส่วนมือซ้ายไล่เปิดแฟ้มผลตรวจประเมินรอบล่าสุดอย่างเคยชิน
“เขายังไม่นิ่งเลยนะ” คานะพึมพำเบา ๆ เหมือนบ่นกับตัวเอง
“พูดเหมือนคิดว่าไอ้หมอนั่นจะเคยนิ่งมาก่อนงั้นแหละ” เสียงอีกคนดังขึ้นจากข้างหลัง
ดร.มูนในชุดเสื้อกาวน์ยับนิดหน่อยเดินเข้ามาพร้อมขนมขบเคี้ยวสองซองในมือ เขาโยนซองหนึ่งให้คานะซึ่งรับไว้ได้แบบไม่ต้องหันไปมอง
“นี่ประชุมงานนะ ไม่ใช่ดูทีวี” เธอว่าพลางเปิดซองมันฝรั่งกรอบอย่างปลง ๆ
“แต่เจ้านั่นก็แสดงละครเก่งไม่แพ้นักแสดงหรอก ไม่รู้วันไหนจะลุกขึ้นมาเต้นระบำใส่กล้องบ้าง” มูนตอบเสียงเนือย ขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้าม
คานะกลอกตา “เค้าเรียกการปกป้องตัวตน โทษทีที่เขาไม่ใช่พวกเปิดเผยเหมือนนาย”
“โอ๊ย เอาอีกแล้ว ดร.คานะ ผู้ดูแลคุณ SCP 8642อย่างใกล้ชิด ” มูนยกมือทำท่าคล้ายไหว้ขอบคุณเธอแบบกวน ๆ
“ก็ฉันไม่เห็นประโยชน์อะไรจากการปั้นหน้าใส่เขาตลอดเวลา เราต้องเข้าใจ ไม่ใช่แค่จับตาดู”
มูนถอนหายใจ “เข้าใจฉันก็เข้าใจ แต่เราก็ต้องพร้อมเผื่อวันไหนเขา ‘เปลี่ยนใจ’ ขึ้นมาน่ะนะ”
ทั้งคู่เงียบไปพักหนึ่ง สายตายังคงจับอยู่บนจอมอนิเตอร์ที่แสดงภาพ SCP-8642 นั่งนิ่งอยู่บนเตียงในห้องกักกัน
“แต่ฉันก็เข้าใจนะ” มูนพูดต่อ เสียงเบาลงนิดหนึ่ง “เมื่อวานเขาสวนกับเธอใช่ไหม?”
คานะชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “อืม...แค่แวบเดียว แต่ฉันไม่รู้สิ รู้สึกแปลกมาก”
มูนยิ้มมุมปาก “ถ้าเขาเริ่มจ้องเธอบ่อย ๆ บอกฉันนะ จะเตรียมใบสมัครเป็นแฟนคลับให้”
“ฮาไม่ออกเลยนะมูน” คานะพูดกลั้วหัวเราะเล็ก ๆ แต่แววตายังคงจริงจัง “เขาไม่ได้ดูเหมือนสนใจ...แต่เหมือนกำลังสับสนตัวเองมากกว่า”
มูนพยักหน้าเบา ๆ “ก็หวังว่าความสับสันนั่นจะไม่ทำให้ใครซวยก่อนจะเข้าใจตัวเองล่ะนะ”
ภาพในจอแสดงให้เห็นว่าเซนินกำลังนั่งมองเพดาน ร่างไม่ไหวติง แต่แววตานั้นกลับคล้ายกับกำลังมองอะไรที่ลึกกว่าผนังเหล็กตรงหน้า
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments